8/01/2555

Special Bodyguard 8



ท่ามกลางแสงจันทร์สลัวลาง   เงาร่างสูงโปร่งในชุดราตรีสีดำล้วนของบุรุษอีกคนหนึ่งกำลังเดินตรงเข้ามา   เขามีท่วงท่าของนักล่าที่ดูไม่อนาทรร้อนใจราวกับตนเองมีเวลาอยู่ในโลกนี้ชั่วนิรันดร์   เสียงส้นรองเท้าที่กระทบกับพื้นหินอ่อนสะท้อนก้องไปทั่วนั้นพาให้ใจหาย   ยิ่งเมื่อรู้สึกว่าท่านเซอร์ผู้นี้ดูเหมือนจะรู้จักกับโซเซเป็นอย่างดีแล้วก็ชวนให้ชิเอลคิดว่าคนๆนี้อาจไม่ใช่มนุษย์ก็เป็นได้

“อะไร..  แค่นี้ก็ต้องโมโหกันด้วยหรือ” 

ท่านเซอร์โอลิเวอร์ยังคงถามเนิบๆอย่างไม่ใส่ใจ   ร่างเพรียวสมส่วนที่สูงไล่เลี่ยกับโซเซเข้ามาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า   เขามีรูปหน้าคมสันกับคิ้วเรียวยาวที่เฉียงขึ้นราวกับปีกกาซึ่งตัดกันกับผิวสีงาช้าง   เกศาดำขลับซึ่งยาวเกือบถึงสะโพกซึ่งรวบเป็นทรงหางม้าอย่างเรียบง่ายไว้ด้านหลังด้วยเชือกหนังเส้นบาง  ทิ้งปอยผมสองสามปอยให้ล้อมกรอบใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม   ขณะที่นัยน์ตาสีทองเปล่งประกายเจิดจ้านั้นสะท้อนให้เห็นถึงบุคลิกท่าทีที่มั่นใจในตนเองอย่างล้นเหลือ   ซึ่งต่างไปจากตอนที่เขาแนะนำตนเองอย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัวในงานเต้นรำอย่างลิบลับ   และมันทำให้เด็กหนุ่มอดนึกถึงยมทูตผมแดงขึ้นมาไม่ได้


“ช่างเสแสร้งได้เก่งนักนะ”

“มิได้  มิได้..”  โอลิเวอร์หัวเราะเบาๆขณะที่ยักไหล่

“ผมก็เพียงแค่ไม่อยากจะเข้ามาขัดจังหวะช่วงเข้าด้ายเข้าเข็มของพวกคุณเท่านั้นเอง   ไม่ได้จะมีเจตนาทำหูทวนลมอะไรหรอก”

“ชะ..  ใช่ที่ไหนกันเล่า!!  ฉันน่ะ..”

ชิเอลอ้าปากพูดได้เพียงเท่านั้นก็ถูกพ่อบ้านจำเป็นเอามือตะปบไว้อีกรอบ    และราวกับเป็นตุ๊กตาผ้าตัวหนึ่ง..  โซเซจับร่างเล็กเหวี่ยงขึ้นพาดบ่าอย่างไม่สนใจใยดีกับความเดือดดาลและการดิ้นรนอาละวาดของเด็กหนุ่ม   แล้วหันกายจะกลับเข้าไปข้างใน

“นายเปลี่ยนไปมากนะเพื่อน    ตั้งแต่เลิกพกเดธไซด์เดินไปเดินมาวันๆก็มัวแต่ขลุกอยู่กับซากศพคนตาย  
มาตอนนี้เริ่มเกิดความสนใจในตัวเด็กผู้ชายแล้วหรือไง”

“ใครบอกนายวะไอ้หมาแก่..   นี่น่ะมันเป็นเรื่องงานต่างหาก”  องครักษ์หนุ่มชำเลืองมองท่านเอิร์ลน้อยซึ่งกำลังระดมทุบแผ่นหลังเขาอย่างเอาเป็นเอาตายแวบหนึ่งก่อนจะวกกลับมาเข้าเรื่อง

“เราไม่ได้เจอกันตั้งสามร้อยปี    แทนที่จะได้ไปดื่มกันสักรอบแต่ฉันกลับมีเรื่องให้นายช่วยจัดการเสียนี่   โทษทีนะ  โอลิเวอร์
แต่นายก็รู้อยู่แล้วว่าสิ่งที่ฉันต้องการคืออะไรดังนั้นจะไม่พูดมากล่ะนะ.. ไปเอาหัวเคาท์นั่นพร้อมทั้งกุญแจโกดังมาให้ที”

“ไม่ต้องขอโทษหรอกเพื่อน   ฉันเองก็ยังไม่ได้รับปากสักหน่อยว่าจะช่วย
เพราะถึงยังไงเจ้านั่นก็เป็นเพื่อนฉันเหมือนกัน”

คำตอบที่ฟังดูราวกับไม่ใยดีนั้นมิได้ทำให้อดีตยมทูตอย่างโซเซชักสีหน้า   ทว่าประกายตาคมปลาบที่จ้องตรงไปยังเพื่อนเก่านั้นบอกให้รู้ว่าไม่ได้ล้อเล่น

“อ้อ..  งั้นนายก็คิดจะลืมมิตรภาพตลอดหลายร้อยปีระหว่างเรา   แล้วไปกระดิกหางตามก้นไอ้ขุนนางฝรั่งเศสปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมคนนั้นสินะ”

“พูดซะเสียเลยนะแกนี่..”   โอลิเวอร์ยกมือขึ้นเกาจมูกแล้วทำทีเป็นถอนหายใจ   พร้อมกันนั้น..  กระบี่สีเงินวาววับก็ปรากฏขึ้นในมือข้างขวา   ขณะที่นัยน์ตาสีทองเปลี่ยนเป็นสีอำพันเข้ม

“ฉันไม่สนหรอกว่านายจะมีเรื่องเดือดร้อนอะไร   แต่ที่แน่ๆคือไม่ได้ยืดเส้นยืดสายกันมาพักใหญ่แล้ว 
และถึงจะเป็นเพื่อนเก่าก็ไม่มีข้อยกเว้นให้หรอกนะ   ยอมทำตามเงื่อนไขเสียดีๆเถอะน่าโซเซ  
นายรู้ดีนี่.. ว่าถ้าต้องการความช่วยเหลือจากฉันนายก็ต้อง..”

“สังเวยด้วยเลือดสินะ”

โซเซหัวเราะเบาๆในลำคอพร้อมด้วยอาวุธคู่ใจที่ปรากฏขึ้นเช่นกัน   พ่อบ้านจำเป็นวางร่างผู้เป็นนายลงบนพื้นระเบียงอย่างนุ่มนวล   มือใหญ่อีกข้างที่ยังว่างอยู่ไล้เบาๆไปบนแก้มเนียน  ก่อนจะก้มลงกระซิบที่ริมหูให้ได้ยินกันเพียงแค่สองคนเท่านั้น

“หลบให้ดีๆนะครับ  มายเลดี้   แล้วทำตัวเป็นเด็กดีว่าง่ายด้วยล่ะ  เพราะจากจุดนี้ไปไม่ใช่เรื่องที่มนุษย์อย่างคุณจะเข้ามายุ่งได้”

“เจ้านั่นมันเป็นใครกัน”  ชิเอล  แฟนธอมไฮฟ์ยังไม่ยอมกลับเข้าไปข้างใน   หากยังคงยืนนิ่งพลางจ้องเซอร์โอลิเวอร์ซึ่งกำลังหมุนกระบี่ในมือเล่นอยู่โดยไม่ละสายตา

“เขาคือนายหน้าแห่งความตายของพวกปีศาจ   สำหรับมนุษย์ก็คงเทียบได้กับมือสังหารอะไรทำนองนั้น  
แต่สำหรับเจ้าหมอนี่มันไม่ใช่แค่นั้น..   ไม่มีเรื่องใดในจักรวาลนี้ที่เขาทำไม่ได้”

โซเซพยุงเด็กหนุ่มให้เลี่ยงเข้าไปยังทางเดินด้านในคฤหาสน์ 

“เพียงแต่..  สิ่งที่เขาจะรับเป็นค่าจ้างนั้นไม่ใช่เงิน   แต่เป็นเลือด”

“เลือดของใคร..”

ไม่มีคำตอบจากองครักษ์ผมสีเงิน   โซเซยืดกายขึ้นพลางถอดถุงมือทั้งสองข้างออกแล้วก้าวออกไปที่ระเบียงอีกครั้งพร้อมด้วยเดธไซด์..  เคียวมรณะซึ่งเคยอยู่ติดกายไม่ห่างอย่างน้อยก็ตลอดห้าร้อยปีที่ทำหน้าที่เป็นยมทูต


“แต่มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก  โอลิเวอร์” 

อดีตผู้เก็บเกี่ยววิญญาณตวัดอาวุธคู่ใจขึ้นสูงแล้วกวัดแกว่งเป็นวงกลมเหนือศีรษะ   เสียงใบมีดโค้งคมกริบที่ยาวไม่น้อยกว่าสองฟุตแหวกอากาศด้วยความเร็วสูงนั้นฟังดูน่าพรั่นพรึงนัก   เห็นได้ชัดว่าโซเซมิได้มีความคิดที่จะทำตามความต้องการของอีกฝ่ายมาตั้งแต่แรกแล้ว   และโอลิเวอร์เองก็รู้ดี.. ตั้งแต่วินาทีที่เพื่อนเก่าเรียกหาเดธไซด์แล้ว 


“เฮ้ๆ..  ไอ้เฒ่านิสัยเสีย   แกคิดจะโกงแม้กระทั่งเพื่อนฝูงรึนี่”

“แล้วใครกัน    ที่คิดจะเอาเครื่องสังเวยแม้กระทั่งกับเพื่อนกับฝูง  
ถ้าอยากได้นักก็เข้ามาเอาไปเอง   แต่อย่าคิดนะว่าจะง่าย”

“ปัดโธ่!  ก็เรารู้ๆกันอยู่แล้วว่าไม่มีอะไรที่ได้มาฟรีๆนี่นะ   อีกอย่างฉันก็หิวท้องกิ่วมาตั้งสองศตวรรษแล้วด้วย”

นายหน้าแห่งความตายเลิกบ่นได้ในที่สุด   ยามที่ต้องเบี่ยงศีรษะหลบคมเคียวโค้งที่ตวัดเข้ามาเฉี่ยวใบหน้าไปนิดเดียว   โอลิเวอร์สบถถ้อยคำหยาบคายขณะที่ยกแขนขึ้นปาดเลือดออกจากแก้มซ้ายแล้วยกกระบี่ในมือขึ้นรับการโจมตีครั้งที่สองและสาม   เสียงโลหะกระทบกันดังบาดแก้วหูยามที่ใบมีดยาวโค้งและคมกระบี่ปะทะกันเต็มแรง

“หยุดเห่าไปเลยไอ้หมาแก่   ใครๆเค้าก็รู้กันทั้งนั้นว่าทนหิวแค่สองสามร้อยปีมันไม่ถึงตายหรอก
แต่ถ้าแค่นี้แกทำเพื่อเพื่อนไม่ได้ก็เชิญไสหัวไปตายซะ” โซเซจบคำพร้อมกับหยุดการเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้ามด้วยมือซ้าย   ส่งผลให้เอิร์ลแห่งแฟนธอมไฮฟ์ต้องเบิกตาโตอย่างประหลาดใจ

เจ้านี่  ..แกร่งกว่าที่คิด...


“อาวุธสองมือที่มีน้ำหนักมากขนาดนั้นก็ยังกวัดแกว่งได้สบายๆด้วยมือเพียงข้างเดียวงั้นหรือ   ดูเหมือนนายจะยังไม่ยอมแก่ง่ายๆเลยสินะ  โซเซ
ถ้างั้นก็เข้ามาเลย..  ไอ้เฒ่าเจ้าเล่ห์   มาต่อสู้ให้รู้เรื่องกันไปข้าง!

“เออ!  ..แล้วนายจะต้องเสียใจที่บังอาจมาลูบคมท่านโซเซผู้นี้”






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น