
เสียงจากการฝึกซ้อมดาบของนักรบจำนวนมากที่ลานกว้างดังแว่วมาตามสายลม ทั้งเสียงโห่ร้องและอาวุธปะทะกันชวนให้จิตใจตื่นเต้นฮึกเหิมและน่าเดินตาม เสียงไปชม ทว่ากับเด็กสาวคนหนึ่งแล้วยังมีเรื่องอื่นที่น่าสนใจมากกว่าในเวลานี้
ยารักษาแผลไฟไหม้ แผลพกช้ำดำเขียว ยาแก้ปวดท้อง
แล้วก็เอ่อ...
ส่วนอันนี้คือยาแก้.. แก้อะไรนะ
ลืมอีกแล้ว....
“เฮ้อ.. กว่าจะจำทั้งหมดนี้ได้ข้าคงแก่ตัวก่อนแน่ๆเลย”
สาวน้อยร่างเล็กบอบบางที่นั่งอยู่ตามลำพังใต้ร่มเงาครึ้มเอนหลังพิงโคนไม้ใหญ่พลางถอนหายใจออกมา ก่อนจะวางม้วนตำราเล่มหนาลงบนหน้าตักแล้วตั้งใจจะพักสายตาสักครู่ ยูคิมูระ จิสึรุปิดเปลือกตาลงหลังจากที่อดทนคร่ำเคร่งท่องจำรายชื่อตัวยาและสมุนไพรต่างๆมาตั้งแต่เช้าจนบัดนี้ตะวันขึ้นเกือบจะตรงศีรษะแล้ว เด็กสาวอมยิ้มน้อยๆเมื่อสายลมที่พัดผ่านมาหอบเอาปลายผมดำยาวที่รวบเป็นทรงหางม้าปลิวมาระใบหน้าจนพาให้รู้สึกจั๊กกะจี้ แล้วนางก็ลืมตาขึ้นอีกครั้งพร้อมด้วยความตั้งใจแน่วแน่
..เราจะท้อถอยไม่ได้..
การที่สมาชิกของกลุ่มชินเซ็นซึ่งปกติก็แทบไม่มีหน้าที่อะไรอยู่แล้วอย่างนางได้รับมอบหมายภารกิจสำคัญในครั้งนี้ ทำให้จิสึรุดีใจเป็นที่สุดเมื่อรู้ว่าตนจะสามารถทำประโยชน์ช่วยเหลือกิจกรรมของกลุ่มได้ ด้วยการปลอมตัวเป็นคนขายยาเพื่อเข้าไปสืบความลับที่ฐานของคณะปฏิวัติกลุ่มโจชูร่วมกับยามาซากิซัง และนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้นางต้องจดจำชื่อยาทุกชนิดพร้อมทั้งสรรพคุณให้ขึ้นใจ เพื่อที่จะได้ดูสมจริงสมจังและไม่เผยพิรุธง่ายเกินไปนัก ยังถือว่านางโชคดีที่มีบุคคลใกล้ชิดจำนวนหนึ่งที่มีความรู้เรื่องยา ทว่ายังไงก็ตามหน้าที่ครั้งนี้ก็เป็นของนาง.. ไม่ใช่ของพวกเขาเหล่านั้น เพราะฉะนั้นนางจะต้องทำให้ได้
“จิสึรุ มานั่งทำอะไรอยู่ตรงนี้คนเดียว”
สาวน้อยละสายตาจากม้วนตำราในมือก่อนจะเงยหน้าขึ้นตามเสียงเรียก แสงตะวันจ้าส่องกระทบร่างผอมบางของเด็กหนุ่มผมยาวคนหนึ่งที่กำลังเดินเข้ามาใกล้ โทโด เฮย์สุเกะมีสีหน้าประหลาดใจกับท่าทีเคร่งเครียดจนผิดปกติของเพื่อนตัวน้อย ก่อนจะเข้าใจว่าอะไรเป็นอะไรเมื่อเหลือบไปเห็นภาพวาดสมุนไพรต่างๆในตำราที่กางอยู่บนตักของจิสึรุ
“เรื่องที่ประชุมกันวันก่อนสินะ”
“อื้อ” จิสึรุตอบพลางยิ้มรับ
“จริงสิ.. ข้าถูกใช้ให้มาตามตัวเจ้าไปเข้าประชุม” ทันทีที่นึกขึ้นได้เด็กหนุ่มก็ดึงแขนอีกฝ่ายให้ลุกขึ้นยืน
“ไม่แน่ว่าภารกิจของเจ้าอาจจะถูกระงับ ฮิจิคาตะซังบอกว่ามันอันตรายเกินไป”
“ทำไมล่ะ..”
สาวน้อยมีสีหน้าสลดลงเมื่อได้รับรู้ ทว่าเฮย์สุเกะกลับโน้มตัวเข้ามาขยี้ผมนางเล่นอย่างอารมณ์ดี และไม่มีทีท่าว่าจะร้อนใจแทนนางเลยสักนิดเดียว
“เอาน่า.. ก็เจ้าเป็นผู้หญิง ปล่อยให้เข้าไปในถิ่นศัตรูอย่างนั้นเป็นใครก็ต้องห่วงทั้งนั้นแหละ”
“แต่ว่า...”
นางก็เพียงแต่คิดอยากจะทำประโยชน์ให้กับทุกคนเท่านั้นเอง และเมื่อจิสึรุได้พูดความรู้สึกของตนเองต่อหน้าสมาชิกทุกคนแล้วก็ดูเหมือนจะ มีบางส่วนที่เข้าใจ ขณะที่บางคนยังคงนิ่งเงียบโดยไม่แสดงความคิดเห็นใดๆ ทว่าอย่างน้อยภารกิจของนางก็ไม่ถูกล้มเลิก นอกจากมีการเปลี่ยนแผนเพียงเล็กน้อย.. ซึ่งไม่น้อยเลยในความคิดของนาง
“ถ้าเจ้ายังยืนยันเช่นนั้นข้าก็จะไม่ห้าม อันที่จริงการมีเจ้าอยู่ด้วยก็ช่วยเราได้มาก แต่ว่า..”
เสียงทุ้มลึกทรงอำนาจของรองหัวหน้ากลุ่มชินเซ็นขาดช่วงไป ฮิจิคาตะ โทชิโซ ชายหนุ่มรูปงามที่นั่งหันหน้าเข้าหาสมาชิกทุกคนส่งเสียงกระแอมเบาๆพลางยกถ้วยชาขึ้นจิบก่อนจะวางลงข้างตัว นัยน์ตาคมจ้องมองเรือนร่างบอบบางซึ่งนั่งอยู่กลางห้อง รายล้อมไปด้วยกลุ่มบุรุษสูงใหญ่กำยำซึ่งเป็นล้วนแต่เป็นหัวหน้าหน่วยที่ถูก เรียกตัวมาเข้าประชุม
“ข้าไม่วางใจให้เจ้าไปกับยามาซากิเพียงลำพัง จะต้องมีใครบางคนไปกับเจ้าด้วย”
“ข้าจะดูแลความปลอดภัยของยูคิมุระคุงอย่างเต็มความสามารถขอรับ” ยามาซากิ สึสึมุ สายลับประจำกลุ่มค้อมศีรษะลงแล้วเอ่ยอย่างชัดถ้อยชัดคำ
“แต่เวลาที่เจ้าออกไปสืบข่าวคราวนางก็จะต้องอยู่ตัวคนเดียวไม่ใช่หรือ” โทชิโซแย้งทันควัน
“ตามแผนการที่วางไว้แต่แรก พวกเจ้าคือสองพี่น้องคนขายยาที่เพิ่งจะย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านเล็กๆแถบชานเมืองซึ่งอยู่ไม่ห่างจากที่มั่นของพวกโจชูนัก แต่ยังไงก็ตาม.. จิสึรุก็ไม่ได้ชำนาญการต่อสู้เหมือนพวกเรา นางไม่อาจเอาตัวรอดได้หากเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น ดังนั้น..”
“ข้าไปกับนางก็ได้ ฮิจิคาตะซัง” หนุ่มน้อยหัวหน้ากลุ่มที่แปดขันอาสารับหน้าที่ก่อนจะถูกผู้มีอาวุโสกว่าทำสัญญาณให้เงียบเสียง
“ข้าจะไปเอง”
.........................................................
จิสึรุคาดไม่ถึงว่าการเปลี่ยนแผนเพียงเล็กน้อยอย่างที่ใครต่อใครบอกจะส่งผลใหญ่หลวงในเวลาต่อมา นางได้รับคำสั่งให้เตรียมตัวออกเดินทางในทันที และผลก็คือ.. ได้ผู้คุมเพิ่มมาหนึ่งคน ถึงแม้ว่าสาวน้อยจะชอบอยู่ใกล้ๆฮิจิตาคะ โทชิโซในบางเวลา เพื่อที่จะได้แอบมองเกศาดำสนิทซึ่งรวบเป็นทรงหางม้าทิ้งตัวยาวจรดบั้นเอว ยามที่เขาอยู่บนหลังอาชาพ่วงพีแล้วควบตะบึง ปล่อยเส้นผมให้พลิ้วสะบัดไปตามแรงลมภายใต้แสงตะวันจ้านั้นงดงามจับใจนัก ทว่าสมญารองหัวหน้าปีศาจแห่งกลุ่มชินเซ็นนั้นก็มิใช่นามที่น่าพิสมัยเลย และนางกำลังจะได้ซาบซึ้งกับความโหดร้ายของเจ้าของฉายาที่ว่านี้จนเข้ากระดูกเลยเชียว
“ข้าสั่งให้ยามาซากิล่วงหน้าไปก่อนแล้ว การที่ชายหญิงเดินทางกันสองคนเช่นนี้จะดูเป็นที่จับตามองน้อยกว่าไปเพียง ลำพังหรือมีแต่เฉพาะคนหนุ่มฉกรรจ์ที่เดินทางกันเป็นกลุ่ม
จริงๆแล้วตัวเจ้าน่ะไม่มีหน้าที่ต้องทำอะไรมากนัก นอกจากช่วยสร้างภาพของคนธรรมดาที่เดินทางร่อนเร่ค้าขายไปทั่วและทำให้เจ้าพวกนั้นตายใจ ดังนั้นไม่ต้องกังวล แต่ยังไงก็ตาม..
จำไว้อย่างหนึ่งว่าหากเกิดอะไรขึ้นเป็นต้นว่าแผนการครั้งนี้ล้มเหลว หรือเลวร้ายกว่านั้นคือถูกศัตรูตลบหลังจนพวกเราคนใดคนหนึ่ง ..ไม่ว่าจะเป็นข้าหรือยามาซากิ หรือทั้งสองคนมีอันตรายถึงชีวิต
ถึงเวลานั้นจงหนี ..อย่าได้ลังเลแม้แต่น้อย บุรุษนั้นมีหน้าที่ปกป้องสตรีก็จริง แต่หากถึงคราวจำเป็นแล้วเจ้าก็ต้องดูแลตนเองได้ตามสมควร รู้ไว้.. ว่าพวกเราไม่เคยคาดหวังจะให้เจ้ามาร่วมตายด้วย ดังนั้นมีเพียงเรื่องนี้เท่านั้นที่เจ้าจะต้องจดจำให้ขึ้นใจ”
“เข้าใจแล้วค่ะ”
“อีกอย่าง.. พึงระลึกไว้เสมอว่าทุกย่างก้าวของเราถูกพวกมันจับตามองอยู่เสมอ ดังนั้นอย่าได้เผลอ ..เวลานี้เจ้าเป็นใครจงอย่าลืมและทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด”
จิสึรุลอบถอนหายใจกับคำอธิบายยาวยืด นางก็เข้าใจอยู่หรอกนะ แต่..
จะทำยังไงดี..
นางไม่เคยใจเต้นแรงขนาดนี้มาก่อนเลย
หวังว่าคงจะไม่มีใครได้ยินนะ โดยเฉพาะเขา.. คนที่เดินหน้าเครียดอยู่เคียงข้างนางในเวลานี้
ยูคิมูระ จิสึรุแอบชำเลืองมองชายหนุ่มที่เดินอยู่ข้างๆตน รองหัวหน้ากลุ่มชินเซ็นซึ่งอยู่ในชุดเก่าโทรมของคนขายยากำลังเดินหลังตรงพลางเชิดศีรษะขึ้นแล้วมองไปเบื้องหน้าด้วยท่วงท่าของพญาราชสีห์ เขายังคงดูสง่างามผึ่งผายราวกับไม่เคยเกรงกลัวสิ่งใดในโลกนี้ และนั่นทำให้สาวน้อยต้องลอบถอนหายใจ.. ภายใต้คราบของคนขายยาผู้ไร้เกียรติซึ่งไม่ว่าจะมองมุมใดก็ไม่เห็นเหมือน โทชิโซสวมเสื้อคลุมสีน้ำตาลอมเทากระดำกระด่างกับเสื้อตัวในและกางเกงขายาวที่สภาพไม่ต่างกันนัก เส้นผมยาวดำขลับถูกรวบไว้ด้านหลังแบบหลวมๆพร้อมด้วยหมวกเหี่ยวๆรูปทรงประหลาดบนศีรษะอีกหนึ่งใบ กับกล่องยาใบใหญ่ซึ่งสะพายอยู่บนหลัง ส่วนนาง...
อยู่ในชุดที่ดูแก่เกินวัย มันคือกิโมโนแขนสั้นสีอิฐแบบเรียบๆของสตรีที่ออกเรือนแล้ว ถึงแม้ว่าเนื้อผ้าจะไม่ดีมากนักทว่าสภาพโดยรวมก็ยังถือว่าพอใช้ได้ ส่วนเส้นผมนั้นจิสึรุรวบแบบง่ายๆไว้ที่ต้นคอแล้วผูกทับด้วยริบบิ้นสีเหลืองสด ทั้งนางและฮิจิคาตะซังกำลังปลอมตัวเป็นคู่สามีภรรยาที่เปิดกิจการด้านขายยาซึ่งดูไม่น่าเชื่อถือเป็นอย่างยิ่ง และทั้งหมดนั้นก็คือสาเหตุที่ทำให้เด็กสาวใจเต้นแรงอยู่ในขณะนี้
“ฮิจิคาตะซังคะ”
จิสึรุถึงกับสะดุ้งเมื่ออีกฝ่ายนิ่วหน้าแล้วหันมามองตาขวาง สาวน้อยรีบพึมพำขอโทษเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเวลานี้เขาอยู่ในสภาพใด การปลอมตัวเป็นผู้อื่นทำให้บุคคลที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักอย่างฮิจิคาตะ โทชิโซต้องปิดบังชื่อที่แท้จริงของตนเอง และเวลานี้นางควรจะเรียกเขาว่า..
“ขอโทษค่ะ คุโรคาวะซัง”
...ชื่อปลอม ซึ่งหมายถึงสายธารสีนิล...
เด็กสาวเอ่ยเสียงกระท่อนกระแท่นแล้วหรุบสายตาลงมองพื้น พร้อมด้วยท่าทางที่ดูไม่เหมือนคนเป็นสามีภรรยากันเลยแม้แต่นิดเดียว อันที่จริงนางทำสีหน้าเหมือนกำลังจะถูกเขาเชือดคอมากกว่า
“ระวังหน่อยสิ ..เจ้าน่ะ ทำท่าอะไรอย่างนั้น” เขาดุนางเบาๆก่อนจะหันหน้ากลับไปและทำให้จิสึรุต้องเดินคอตกแล้วซึมมากกว่าเดิม
ชายหนุ่มถอนหายใจ หลังจากที่เสียเวลาร่ายยาวถึงภารกิจตามด้วยการเทศนาอย่างยืดยาวอีกหนึ่งรอบ นางก็ยังผิดพลาดให้เห็นอีก ดูท่าเขาคงจะคาดหวังกับเด็กคนนี้มากเกินไป เพราะถึงอย่างไรนางก็ยังเป็นเพียงสาวน้อยคนหนึ่งเท่านั้น แต่แม้จะเป็นเด็กสาวที่ใกล้ถึงวัยออกเรือนแล้ว จิสึรุก็ยังดูเหมือนไม่ค่อยรู้เรื่องรู้ราวอยู่ในบางครั้ง อาจเป็นเพราะในวัยเด็กขาดมารดาคอยอบรมสั่งสอนในเรื่องที่ควรรู้ แล้วเวลานี้ยังต้องมาใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางเหล่าบุรุษซึ่งไม่เคยรู้จักอะไรมากไปกว่าศิลปะแห่งการฆ่าฟัน การทะเลาะวิวาทประจำวัน และทำตัวสำมะเลเทเมาในยามค่ำคืน ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่สตรีควรให้ความสนใจเลย.. ทว่านางก็ยังไม่วายติดร่างแหไปด้วยทุกครั้ง
ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่เขาพอจะรู้เกี่ยวกับเด็กคนนี้.. คือจิสึรุใช้ชีวิตอยู่กับบิดาเพียงสองคนมาตั้งแต่จำความได้ ในเมื่อนางไม่เคยมีตัวอย่างแม่บ้านแม่เรือนให้เห็น จึงเป็นเรื่องยากที่จะให้นางแสดงบทบาทเป็นภรรยาที่แนบเนียนของเขาได้ ตั้งแต่นาทีแรก ดังนั้นเขาจึงไม่ควรเข้มงวดกับนางจนเกินไปกระมัง
“ขอโทษที่ดุเจ้า” ในที่สุดโทชิโซก็มีน้ำเสียงอ่อนลง “ตะวันใกล้ตกดินแล้ว คืนนี้เราคงต้องพักที่โรงแรมข้างหน้านี่ล่ะนะ”
แต่ขณะที่รองหัวหน้ากลุ่มชินเซ็นผู้เข้มงวดมัวแต่นึกกังวลถึงการแสดงที่ไม่แนบเนียนของจิสึรุ โทชิโซก็ไม่ทันได้สำรวจเลยว่าการแสดงของตนแนบเนียนดีแล้วหรือยัง จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันซึ่งสั่นคลอนความเชื่อมั่นอย่างแรงจนเขาต้องหันกลับมามองตนเองอีกครั้ง
“ท่านนักรบ.. เดินทางกับน้องสาวเพียงลำพังสองคนหรือขอรับ”
ชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของโรงแรมที่ทั้งคู่เข้าพักคงหารู้ไม่ว่าชะตาของตนเกือบขาดตั้งแต่วินาทีที่เขาปูที่นอนสำหรับนอนคนเดียวจำนวนสองผืนไว้ข้างๆกันแล้ว ยิ่งกว่านั้นยังบังอาจมองว่าแขกทั้งสองเป็นนักรบที่เดินทางมากับน้องสาวทั้งๆที่มิได้พกดาบเหมือนเวลาปกติ เพียงเท่านั้นฮิจิคาตะ โทชิโซก็มีเหตุผลมากพอที่จะจัดการสำเร็จโทษเจ้าหนุ่มนี่แล้ว ทว่าเขาก็ได้แค่คิดเท่านั้น เพราะกลุ่มชินเซ็นมิใช่อันธพาลดังนั้นจะไม่ทำอะไรตามใจตนเองเด็ดขาด
“ข้าเป็นเพียงคนขายยาเท่านั้น และนั่นก็ภรรยาข้า”
โทชิโซอธิบายอย่างใจเย็น ทว่าน้ำเสียงเย็นเยียบกลับส่งผลให้เจ้าของโรงแรมถึงกับสะดุ้งเฮือก เขาลนลานคำนับขออภัยครั้งแล้วครั้งเล่า ก่อนจะรีบเปลี่ยนเป็นที่นอนขนาดใหญ่สำหรับนอนสองคน แต่กระนั้นความที่เป็นคนซื่อและพูดจาโดยไม่คิดก็ทำให้เขาเกือบจะคอขาดอีกครั้ง
“ขออภัยขอรับนายท่าน ข้าสังเกตเห็นภรรยาท่านดูเหมือนจะเกรงๆท่านแล้วก็ตื่นกลัวอยู่ไม่ใช่น้อยก็ เลยไม่คิดว่า..” ชายหนุ่มพูดได้เพียงเท่านั้นก็ถูกสายตาคมกริบ พร้อมด้วยรังสีอาฆาตจากแขกที่ปฏิเสธว่าไม่ใช่นักรบสะกดเสียจนกลัวตัวสั่น เสียงแห้งเหือดหาย ก่อนจะรีบขอขมาอีกครั้งแล้วกุลีกุจอออกไปจากห้องอย่างรู้หน้าที่
..เป็นคนขายยาที่ดุเหลือเกิน
เพียงแค่ถูกจ้องมองวิญญาณก็แทบหลุดลอยออกจากร่างแล้ว..
“เอ่อ..” จิสึรุมีท่าทีลังเล ด้วยไม่รู้ว่าควรพูดหรือไม่
“ทำหน้าดุอย่างนี้จะดีหรือคะ ท่านเจ้าของโรงแรมกลัวจนหนีไปแล้ว”
“ช่างเถอะ.. เจ้ามานอนที่นี่ก็แล้วกัน ข้าจะออกไปสำรวจข้างนอกสักครู่” โทชิโซคว้าหมวกมาสวมก่อนจะออกไปจากห้อง ทว่าก็ยังคงหันมาย้ำก่อนที่จะไป
“หากง่วงก็เข้านอนได้เลย ไม่ต้องรอ ข้าอาจจะกลับดึก”
ทว่าจิสึรุยังคงนั่งตาสว่างอยู่เช่นนั้นแม้ว่าดวงจันทร์จะลอยสูงแล้วก็ตาม อาจเป็นเพราะแปลกที่.. สาวน้อยบอกตนเองเช่นนั้น ก่อนจะยันกายขึ้นจากพื้นแล้วหยิบเสื้อคลุมมาสวม ด้วยรู้สึกว่าคอแห้งเป็นกำลังจึงตั้งใจว่าจะออกไปดื่มน้ำ
ร่างแบบบางในชุดสีชมพูอ่อนซึ่งคลุมทับด้วยเสื้อคลุมสีเข้มเดินลงบันไดมาตามลำพังพร้อมด้วยเทียนไขแท่งเล็กๆในมือ เวลานี้ภายในโรงแรมมืดสนิทไม่มีแม้แต่แสงตะเกียง ความเงียบที่ห้อมล้อมอยู่โดยรอบบอกให้รู้ว่าทุกคนคงเข้านอนกันหมดแล้ว เด็กสาวกลืนน้ำลายลงคอเมื่อรู้สึกกลัวขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนจะปลอบใจตนเองให้เข้มแข็งแล้วก้าวไปข้างหน้าโดยมุ่งไปยังบ่อน้ำซึ่งอยู่ด้านหลังตัวอาคาร ทว่าก่อนที่นางจะเอื้อมมือผลักบานประตูเพื่อออกไปข้างนอกหัวไหล่ก็กระแทกเข้ากับใครคนหนึ่งเสียก่อน
“อุ๊ย!”
มือใหญ่คว้าเทียนไขที่สาวน้อยทำหลุดมือไว้ได้ทันท่วงที ขณะที่แขนอีกข้างโอบประคองร่างเล็กที่ซวนเซจวนจะล้มไว้แน่นก่อนจะดึงเข้าสู่อ้อมกอด
“ขอโทษที แม่นาง”
น้ำเสียงที่ไม่คุ้นเคยดังขึ้น จิสึรุเงยหน้าขึ้นมองบุรุษแปลกหน้าซึ่งพบกันโดยบังเอิญ ทว่าก็แลเห็นเพียงโครงร่างสูงใหญ่ เส้นผมสีอ่อนซึ่งรวบตึงอยู่ด้านหลัง และนัยน์ตาคมวาวที่ทอประกายอยู่ท่ามกลางความมืดเท่านั้น
“ไม่เป็นไรค่ะ ข้าเองที่เป็นฝ่ายไม่ทันระวัง” สาวน้อยเอ่ยคำขอโทษแผ่วเบาก่อนจะขืนกายออกห่าง ทว่าอีกฝ่ายยังคงโอบเอวนางไว้แน่นอย่างไม่มีทีท่าว่าจะยอมปล่อย และนาทีนั้นจิสึรุก็ต้องเย็นวาบเมื่อสังเกตเห็นดาบที่เขาพกติดตัว
...คนๆนี้เป็นนักรบ...
“น่าแปลกจริง.. เจ้าเป็นแขกของโรงแรมหรือ รึว่าทำงานอยู่ที่นี่กัน
ดึกดื่นป่านนี้แล้วกำลังจะออกไปไหน”
“เอ่อ...”
จิสึรุยังไม่ทันได้ตอบก็มีอันต้องตกใจซ้ำสอง เมื่อจู่ๆประตูด้านหน้าของโรงแรมก็เปิดออกโดยแรงพร้อมด้วยร่างสูงใหญ่ของคนขายยาผู้เป็นสามียืนนิ่งอยู่ที่นั่น ฮิจิคาตะ โทชิโซสีชักสีหน้าดุดันพร้อมทั้งเปล่งรัศมีคุกคามออกมาโดยไม่รู้ตัวเมื่อได้รับรายงานที่ไม่สู้ดีจากสายลับที่ซ่อนตัวอยู่ในโรงแรม ว่าภรรยาจำเป็นของเขากำลังพบเข้ากับบุคคลที่น่าสงสัย
“ออกมาจากห้องทำไม.. ถ้าจะไปไหนทำไมไม่รอให้ข้ากลับมาก่อน”
“คุโรคาวะซัง!”
โทชิโซถอนหายใจ.. อย่างน้อยคราวนี้นางก็รู้หน้าที่ของตนเองและไม่เปิดโปงตัวจริงของเขาออกไป แล้วทำให้ทุกอย่างพังพินาศ นั่นพอจะทำให้เขาคลายโทสะลงบ้างเล็กน้อย ชายหนุ่มดึงร่างงามเข้ามากอดไว้แนบอกแล้วเริ่มเล่นไปตามบทบาทของตนเอง
“ต่อไปถ้าข้าไม่อนุญาตเจ้าอย่าได้แอบหนีไปไหนอีกนะ รู้มั้ยว่าทำให้ข้าเป็นห่วงแค่ไหน” น้ำเสียงแสดงความห่วงใยทำให้เด็กสาวถึงกับหน้าแดงก่ำ จิสึรุแอบนึกดีใจที่มันเป็นเวลากลางคืน ทำให้ไม่มีใครเห็นสีหน้าของตน
“นี่คนรักของเจ้าหรือ”
“ค่ะ ..เป็นสะ สะ..”
“ขอรับนายท่าน ข้าเป็นสามีของนางเอง” ชายหนุ่มรีบกลบเกลื่อนสถานการณ์อย่างว่องไว พลางกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้นเป็นสัญญาณให้นางเงียบไว้
“ต้องขอโทษด้วยขอรับ ภรรยาของข้าเป็นแบบนี้อยู่เรื่อย เวลาตื่นเต้นนางมักจะพูดตะกุกตะกักเสมอเลย”
“งั้นหรือ”
ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ค่อยเชื่อ โทชิโซหรี่ตาลงเล็กน้อยพลางประเมินสถานการณ์ตรงหน้าอย่างใจเย็นขณะที่โอบเอวจิสึรุไว้อย่างปกป้อง และเมื่อบุรุษแปลกหน้าชูเทียนไขในมือขึ้นสูงเพื่อที่จะได้เห็นใบหน้าตนชัดๆ ชายหนุ่มก็รีบก้มศีรษะลงคำนับ
“โปรดยกโทษให้นางด้วยขอรับ ภรรยาข้ามารบกวนให้ท่านนักรบรำคาญใจเป็นเพราะข้าไม่ได้อบรมนางให้ดี ต้องขออภัยเป็นอย่างสูง
พวกข้าสองสามีภรรยาเป็นคนขายยาที่เพิ่งจะผ่านมาทางนี้ หากมีสิ่งใดให้ช่วยเหลือโปรดบอกนะขอรับ”
กล่าวจบเขาก็พาภรรยาตัวน้อยกลับขึ้นห้องโดยไม่รอฟังคำตอบ แม้จะสัมผัสได้ถึงประกายตาเย็นเยียบที่มองตามหลังมาพร้อมๆกับที่รู้สึกสังหรณ์ใจว่าจะต้องได้พบกันอีก.. ถึงแม้จะยังไม่รู้ตื้นลึกหนาบาง ทว่าคนๆนี้ก็ดูไม่เหมือนนักรบพเนจรที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้า ดังนั้นจะต้องมีสังกัดอย่างแน่นอน และถึงแม้ว่าวันนี้จะแยกจากกันโดยไม่มีเหตุกระทบกระทั่ง แต่วันหน้าอาจไม่เป็นเช่นนี้เสมอไป
“เจ้านั่นไม่ธรรมดาแน่”
ชายหนุ่มเปรยเสียงเรียบหลังจากที่กลับมาถึงห้องพัก แล้วฮิจิคาตะ โทชิโซก็สลัดคราบคนขายยาทิ้งและกลับมาเป็น ‘รองหัวหน้ากลุ่มชินเซ็น’ อีกครั้ง เขาถอดหมวกกับเสื้อคลุมออกพลางนั่งลงกลางห้องแล้วออกคำสั่ง
“ไปสืบมา ก่อนที่เราจะไปถึงที่หมายต้องรู้ให้ได้ว่ามันเป็นใคร”
“รับทราบขอรับ”
มีเสียงตอบเบาๆมาจากบนเพดานห้องก่อนที่ทุกอย่างจะกลับเข้าสู่ความเงียบ จิสึรุกัดริมฝีปากแน่นอย่างรู้สึกผิด เมื่อตนเองกลับกลายเป็นภาระและกำลังจะทำให้ภารกิจทั้งหมดล้มเหลวไม่เป็นท่า
“เป็นอะไรไป”
“ขอโทษค่ะ เป็นเพราะข้า..” ทว่าเด็กสาวยังไม่ทันพูดจบอีกฝ่ายก็ขัดขึ้นเสียก่อน
“อย่าเพิ่งรีบด่วนสรุปเช่นนั้น” แทนที่จะดุ.. โทชิโซกลับยิ้มบางๆขณะที่วางฝ่ามือใหญ่ลงบนไหล่สาวน้อย
“รู้ตัวว่าผิดก็ดีแล้ว.. ก็อย่างที่บอกว่าเราถูกจับตามองอยู่ทุกฝีก้าว แต่จะว่าไปก็เป็นเพราะเจ้า.. เราจึงได้รู้ว่าพวกมันอยู่ใกล้ตัวมากขนาดนี้
ดังนั้นข้าจะละเว้นความผิดในครั้งนี้ให้ แต่ต่อไปเจ้าจะต้องระวังให้มากกว่านี้ เอาล่ะ..” เขาถอดเสื้อชั้นนอกออกจากร่างก่อนจะพับให้เป็นระเบียบแล้ววางลงในกล่องไม้ ตรงหัวนอน
“เข้านอนกันเสียที”
..............................................
วันรุ่งขึ้นโทชิโซและจิสึรุออกเดินทางแต่เช้าตรู่ ในสภาพของคนขายยาสองสามีภรรยา.. ทั้งคู่เดินเคียงข้างกันขณะที่ช่วยกันถือของคนละนิดละหน่อย ก่อนจะพบทำเลเหมาะๆในตลาดที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คนแล้วเริ่มเปิดกิจการของตน เอง
“เมื่อคืนนอนไม่หลับงั้นหรือ”
เมื่อเห็นว่าเช้านี้เด็กสาวดูไม่ค่อยสดชื่นนักโทชิโซจึงเอ่ยถามขึ้น ทว่าแทนที่จะได้รับคำตอบเขากลับพบว่าจิสึรุใบหน้าแดงก่ำ นางก้มหน้าหลบสายตาเขาขณะที่ส่งยาให้กับลูกค้ารายหนึ่งก่อนจะรับเงินมาพลางตอบอ้อมแอ้มไม่เต็มเสียง
“ไม่มีอะไรค่ะ”
และนั่นทำให้ชายหนุ่มต้องถอนหายใจก่อนจะหันกลับไปทำหน้าที่ของตนเองต่อ จนกระทั่งยาที่แบ่งไว้ขายในส่วนของวันนี้หมดเกลี้ยงแล้วนั่นแหละทั้งคู่จึงได้มุ่งหน้าต่อไปยังจุดหมายปลายทาง ..บ้านซึ่งจะใช้เป็นฐานลับชั่วคราวของภารกิจสืบข่าวคราวในครั้งนี้
“ที่ผ่านมาข้าเองก็ชำนาญแต่เพียงการต่อสู้โดยใช้ยุทธวิธีการรบแบบเปิดเผยตรงไปตรงมา ไม่ได้เชี่ยวชาญในการทำงานเบื้องหลังแบบสายลับเหมือนอย่างยามาซากิ
แต่เพราะต้องการคุ้มกันความปลอดภัยให้เจ้าจึงต้องมาด้วยตัวเอง นี่จึงเป็นครั้งแรกที่ข้ามารับหน้าที่เป็นเงา ดังนั้นเมื่อคืนนี้อาจจะล่วงเกินเจ้าไปบ้างทว่านี่ก็เป็นงานของเรา.. เจ้าอย่าได้คิดมากเลย”
“..ค่ะ”
ทว่าสาวน้อยก็ยังรู้สึกว่าทำใจได้ยากเมื่อเวลานี้นางได้รู้แล้วว่า.. เพื่อให้งานบรรลุวัตถุประสงค์แล้วโทชิโซคือบุรุษที่สามารถทำทุกอย่างได้โดยไม่ลังเล แล้วเขายังจะกล้าพูดอีกหรือว่าไม่ถนัดงานเช่นนี้... สาวน้อยรู้สึกเจ็บแปลบที่หัวใจ จิสึรุทำตาแดงๆคล้ายอยากจะร้องไห้ยามเมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อคืนนี้ จะไม่ให้คิดมากได้อย่างไรในเมื่อนางถูกเขากกกอดเอาไว้ทั้งคืนราวกับเป็นคู่รักกัน ถึงแม้จะไม่มีอะไรเกินเลยไปมากกว่านั้นแต่เรื่องนี้ก็ทำให้นางแต่งงานออกเรือนไม่ได้อีกแล้ว คิดแล้วก็อดเสียใจมิได้.. ที่รู้ทั้งรู้ว่าเขาทำเช่นนี้เพียงเพราะเป็นหน้าที่
..เช่นนี้แล้วเขายังพูดหน้าตาเฉยให้นางไม่ต้องคิดมากอีกหรือ..
“เป็นอะไรไป.. ภรรยาน่ะเค้าไม่ดิ้นหนีเวลาที่อยู่ในอ้อมแขนของสามีหรอกนะ”
นั่นคือโซ่ตรวนเส้นใหญ่ที่ล่ามนางไว้ในอ้อมอกของโทชิโซตลอดทั้งคืน ในตอนนั้นจิสึรุนอนตัวแข็งทื่อยามที่ถูกเขากอดรัดไว้แนบอก ยอมให้แผ่นหลังอันเนียนนุ่มของตนแนบชิดอยู่กับแผ่นอกกว้างและหน้าท้องของชาย หนุ่มโดยไม่กล้าแม้แต่จะกระดิกตัว มิใช่เพียงเพราะหวาดกลัวการใกล้ชิดกับบุรุษ.. หากเป็นเพราะเสียงฝีเท้าแผ่วเบาที่เดินมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องพักของทั้งคู่ ที่ชวนให้คิดว่าอาจเป็นนักรบปริศนาคนนั้นตามมาสืบดูให้รู้แน่ว่าแท้จริงแล้วพวกนางเป็นใคร
“.....” ทว่ายังไม่ทันได้พูดอะไรโทชิโซก็เอื้อมมือมาปิดปากนางไว้แน่นพลางกระซิบกรอกหู
“อย่าขยับ ..ทำเป็นหลับเสีย”
จบคำเขาก็เริ่มส่งเสียงกรนเบาๆ ทิ้งให้เด็กสาวนอนเบิกตาโพลงอยู่ท่ามกลางความมืดด้วยความหวาดกลัวขณะที่เจ้าของเสียงฝีเท้ายังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมอีกเป็นนาน แม้จะไม่มีทีท่าว่าจะบุกเข้ามาในห้อง.. หากก็ไม่ยอมจากไปง่ายๆเช่นกัน ทว่าจิสึรุก็ยังรู้สึกอุ่นใจเมื่อได้รู้ว่าโทชิโซเฝ้าระวังความปลอดภัยให้ นางอยู่ตลอดเวลา ท่อนแขนแกร่งข้างที่ให้นางหนุนนอนล้วงเข้าไปใต้ผ้าห่มแล้วกำแน่นอยู่ที่ด้ามดาบซึ่งซุกซ่อนเอาไว้อย่างมิดชิด ขณะที่อีกข้างโอบร่างนางเข้ามาเบียดชิดจนสัมผัสได้ถึงไออุ่นจากกายเขากับลมหายใจที่เป่ารดต้นคอ จิสึรุจำไม่ได้ว่าเมื่อคืนตนเผลอหลับไปตอนไหน ทว่าสิ่งหนึ่งที่นางรู้แน่ชัดคือ ..นี่ช่างเป็นภารกิจที่ชวนให้หัวใจหยุดเต้นเสียจริง และจะไม่ขอมีครั้งที่สองอีกแล้ว
..........................................
ฝนตกแล้ว..
โชคดีที่สองหนุ่มสาวมาถึงบ้านหลังที่ว่าหลังจากเมฆดำเริ่มตั้งเค้าไม่นาน แม้จะยังเหลือเวลาอีกหลายชั่วโมงกว่าจะถึงยามค่ำทว่าเวลานี้บรรยากาศกลับมืดสลัวเพราะฟ้าครึ้มฝน จิสึรุและโทชิโซวางสัมภาระทั้งหมดกองไว้ที่มุมหนึ่งของบ้านแล้วช่วยกันจุดเทียนไข ปัดกวาดทำความสะอาดพอเป็นพิธีแบบให้พออยู่ได้ ก่อนจะหันไปปิดประตูหน้าต่างทุกบานจนมิดชิด
“ได้เรื่องว่ายังไงบ้าง”
เมื่อสำรวจดูจนแน่ใจแล้วว่าไม่มีบุคคลน่าสงสัยซุ่มกายอยู่รอบๆบริเวณบ้าน ฮิจิคาตะ โทชิโซก็เอ่ยถามถึงผลการสืบข่าวคราว ขณะที่แผ่นไม้บนฝ้าเพดานขยับเลื่อนออกจนเกิดช่องเล็กๆก่อนที่กระดาษซึ่งถูกม้วนเป็นก้อนกลมๆจะถูกขว้างลงมาอย่างไร้สุ้มเสียง และข้อความที่อยู่ภายในก็ทำให้รองหัวหน้ากลุ่มชินเซ็นมีสีหน้าเคร่งเครียดมากขึ้น
“ถ้าเช่นนั้นข่าวลือนั่นก็เป็นจริง” เมื่ออ่านจบโทชิโซก็จ่อปลายกระดาษเข้ากับเปลวเทียนเพื่อทำลายหลักฐานก่อนจะมอบหมายคำสั่งต่อไป
“สืบมาให้ได้ ว่าอาวุธที่พวกมันสั่งซื้อเข้ามามีจำนวนเท่าไหร่ อะไรบ้าง เตรียมจะไปก่อเรื่องที่ไหนอีก
แล้วเรื่องของเจ้านั่นไปถึงไหนแล้ว”
“ขอรับ ..เขามีชื่อว่ายามาชิตะ อาโอกิ เป็นขุนพลคนหนึ่งของคณะปฏิวัติ โชคไม่เข้าข้างเรานักที่ดันพบเจ้านั่นเข้า”
“ไม่หรอก” โทชิโซขัดขึ้นด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น ขณะที่ชำเลืองมองสาวน้อยซึ่งนั่งสัปหงกอยู่ที่มุมห้อง
“ถึงคนๆนั้นจะทำให้งานของเรามีความเสี่ยงมากขึ้น แต่หากจิสึรุไม่ไปพบมันเข้าเราก็คงยังไม่รู้ตัวว่าพวกมันเข้ามาใกล้ถึงขนาดนี้”
“ขอรับ.. ถ้าเช่นนั้นข้าขอตัวไปหาข้อมูลส่วนที่เหลือ”
“โชคดี ระวังตัวด้วย”
เสียงไม้กระดานเลื่อนปิดอย่างแผ่วเบา ยามาซากิ สึสึมุจากไปอย่างไร้ร่องร่อย ขณะที่โทชิโซขยับลุกขึ้นยืนก่อนจะถอดเสื้อคลุมออกแล้วเดินเข้าไปหาร่างน้อยที่ขดตัวหลับอยู่ด้วยความอ่อนเพลีย เขานั่งลงเอนหลังพิงฝาผนังเคียงข้างเด็กสาว แล้วประคองให้นางตะแคงร่างลงนอนหนุนตักก่อนจะคลี่เสื้อคลุมของตนออกคลุมบน ไหล่บอบบาง ขณะเดียวกันก็เฝ้ามองดวงหน้างามยามหลับใหลด้วยนัยน์ตาสีม่วงที่ทอประกายอ่อนโยนอย่างที่ไม่เคยมีใครเห็นมาก่อน
ถึงแม้จิสึรุจะสร้างปัญหาหนักใจให้เขาตั้งแต่ครั้งแรกที่พบกัน แต่โทชิโซก็พบว่าตนเองพอใจที่จะได้คอยตามแก้ปัญหาเหล่านั้นให้ บางทีอาจจะจริงอย่างที่เจ้าพวกนั้นบอก.. การมีดอกไม้มาประดับฐานซึ่งมีแต่กลิ่นอายของบุรุษนั้นช่วยให้ทุกๆวันดูมีชีวิตชีวาขึ้นจริงๆ แม้แต่เขาเองก็ยังไม่ทันรู้สึกตัวเลยว่าตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ที่มักจะเผลอมองตามร่างเล็กแบบบางที่ชอบวิ่งวุ่นไปโน่นมานี่กับใครต่อใครที่ล้วนแต่ตัวใหญ่และแข็งแรงกว่านางทั้งนั้น จิสึรุคงไม่เคยรู้ตัวมาก่อนว่าตนเองมีความพิเศษ.. เพียงแค่ได้เฝ้ามองนางก็ทำให้ความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าจากภาระการงานต่างๆบรรเทาเบาบางลงได้อย่างน่าอัศจรรย์
“..ฮึ ..แต่งงานไม่ได้แล้ว..”
“อะไรนะ” ชายหนุ่มขมวดคิ้วอย่างงุนงง เมื่อจู่ๆเด็กสาวก็พึมพำอะไรออกมาทั้งที่ยังหลับอยู่.. สาวน้อยขมวดคิ้วทำหน้าตาราวคนกับมีความทุกข์มากมาย และมันก็ทำให้ชายหนุ่มอดขันไม่ได้
“ที่แท้เจ้าก็กังวลเรื่องนี้อยู่เองหรอกหรือ” เขาแกล้งบีบจมูกนางเล่นด้วยความมันเขี้ยว ส่งผลให้จิสึรุตกใจตื่นในที่สุด
“ฮิจิคาตะซังใจร้าย” ด้วยยังไม่ตื่นเต็มตา จิสึรุจึงเผลอพูดสิ่งที่ไม่เคยคิดจะพูดออกมาก่อนจะต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อพบ ว่าทำอะไรลงไป
“อ้อ.. แล้วเจ้ามีคนที่อยากแต่งงานด้วยแล้วหรือไง ถึงคิดมากจนขนาดเก็บเอาไปฝัน” ชายหนุ่มไม่สนใจถ้อยคำกล่าวหา แต่กลับเขยิบร่างเข้าไปใกล้แล้วเชยปลายคางนางขึ้นพลางจ้องลึกเข้าไปในดวง ตากลมโต ใบหน้างดงามคมสันที่ยื่นเข้ามาใกล้ทำให้สาวน้อยรู้สึกเหมือนว่าหัวใจ กระดอนออกมานอกอก ยิ่งกว่านั้นดวงตายาวเรียวซึ่งทอประกายประหลาดต่างจากทุกครั้ง รวมทั้งริมฝีปากของเขาที่แตะแต้มรอยยิ้มน้อยๆชวนให้นางรู้สึกร้อนวูบวาบราวกับจะเป็นไข้ ทว่ายังไม่ทันจะได้ตอบคำถามเสียงอึกกะทึกครึกโครมข้างนอกก็ขัดจังหวะเสีย ก่อน
“ชิ ..เจ้าพวกนี้จมูกไวจริง” ฮิจิคาตะ โทชิโซสบถเสียงดัง พร้อมกับผุดลุกขึ้นยืนพลางดึงจิสึรุให้ลุกตาม
“ยังจำได้ใช่มั้ย.. จุดนัดหมายที่ข้าเคยชี้ให้เจ้าดูเมื่อตอนที่ออกเดินทางน่ะ” เขาหันกลับมาถามนางก่อนจะกระชากแขนแล้วตรงดิ่งไปยังประตูหลังบ้าน ขณะที่จิสึรุยังคงจับต้นชนปลายไม่ถูกและต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อประตูหน้าถูกทุบอย่างแรง
“ฟังนะ.. รีบหนีไป ข้าจะถ่วงเวลาเอาไว้ให้เอง”
“ฮิจิคาตะซัง!” พูดได้เพียงเท่านั้นเขาก็รวบตัวนางเข้าไปกอดแนบแน่น
“ข้าไม่มีวันปล่อยให้เจ้าหนีไปแต่งงานกับใครหรอกน่า ดังนั้นย่อมต้องรอดกลับไปแน่
เจ้าเพียงแต่ไปรอข้าที่จุดนัดพบก็พอ แต่ตอนนี้ไปหลบอยู่หลังประตูก่อน ข้าจะดึงความสนใจเอาไว้ให้ เมื่อสบโอกาสให้รีบหนีทันที ..เข้าใจนะ”
จิสึรุไม่มีโอกาสได้ซักถามอะไรอีก ทันทีที่พูดจบโทชิโซก็ก้มลงจูบนางอย่างดูดดื่ม เขากอดนางแนบกายอยู่อึดใจหนึ่งแล้วจึงปล่อย ก่อนจะผละไปหยิบอาวุธคู่ใจขึ้นมาแล้วกระชากประตูเปิดออกอย่างไม่กลัวเกรง และภาพที่เห็นอยู่เบื้องนอกก็ทำให้เลือดในกายนางจับตัวเป็นน้ำแข็ง
“คิดไว้แล้วเชียว ว่าเจ้าคงไม่ใช่คนขายยาธรรมดา”
บุรุษหน้าตาคมสันสวมชุดเกราะเต็มยศยืนอยู่หน้าสุด รายล้อมด้วยคนอื่นๆอีกร่วมสามสิบซึ่งกระจายกำลังกันล้อมบ้านทั้งหลังเอา ไว้ เพียงได้เห็นแวบเดียวนางก็จำได้ทันที.. เขาคือคนที่ชนกับนางเมื่อคืนนี้
“และเจ้าเองก็คงไม่ใช่พวกกระจอกสินะ”
“ยามาชิตะ อาโอกิ หัวหน้ากองห้าแห่งกลุ่มปฏิวัติโจชู
บอกชื่อของเจ้ามา!”
“ฮิจิตาคะ โทชิโซ”
โทชิโซไม่พลาดที่จะได้เห็นสีหน้าตื่นตกใจของศัตรู เห็นได้ชัดว่าสมญารองหัวหน้าปีศาจแห่งกลุ่มชินเซ็นพอจะมีอิทธิพลอยู่บ้าง ที่เมื่อได้ยินชื่อก็ถึงกับทำให้ชะงักไปครู่หนึ่ง
“ระดับรองหัวหน้ากลุ่มชินเซ็นถึงกับออกมาเองแบบนี้ แสดงว่าคงเป็นเรื่องสำคัญพอตัวสินะ”
“อยากรู้หรือ..” เขาชำเลืองมองเด็กสาวที่แอบอยู่หลังบานประตูเป็นการส่งสัญญาณ
..ไม่ว่าจะเป็นข้าหรือยามาซากิ หรือทั้งสองคนมีอันตรายถึงชีวิต
ถึงเวลานั้นจงหนี เพราะบุรุษนั้นมีหน้าที่ปกป้องสตรี..
“เช่นนั้นก็ข้ามศพข้าไปก่อน!”
การต่อสู้ระหว่างหนึ่งต่อสามสิบเปิดฉากขึ้นอย่างดุเดือดในอึดใจนั้น ด้วยความรวดเร็วเกินกว่าสายตาจะตามทัน.. โทชิโซพุ่งปราดเข้าไปกลางวงล้อมศัตรูด้วยการโจมตีที่ดุดันจนไม่อาจตั้งรับทัน พริบตาเดียวรองหัวหน้ากลุ่มชินเซ็นผู้แข็งแกร่งก็ร่ายรำกระบวนดาบสังหารฝ่ายตรงข้ามล้มตายดุจใบไม้ร่วง พายุโลหิตที่สาดกระจายอยู่รอบตัวเปรอะเปื้อนใบหน้าและเส้นผม อาบชโลมไปทั้งร่างจนดูราวกับเทพอสูรแห่งสงครามที่ปรากฏกายออกมาแล้วหยิบยื่นความตายให้กับมนุษย์ ทั้งงดงามและน่าสะพรึงกลัวในขณะเดียวกัน แปรเปลี่ยนบรรยากาศแห่งความเงียบสงบยามเย็นให้กลายเป็นขุมนรกที่เต็มไปด้วย เสียงกรีดร้องยามที่คมดาบเสียบทะลุร่างกาย ระคนไปกับเสียงกระดูกหักและอวัยวะฉีกขาดอย่างน่าสยดสยอง
ทว่าเวลานี้จิสึรุไม่มีเวลาสนใจอะไรทั้งสิ้นเมื่อบัดนี้รู้เพียงว่าตนมีหน้าที่ทำตามคำสั่ง.. นั่นคือการมีชีวิตรอด ดังนั้นเด็กสาวจึงออกวิ่งอย่างสุดกำลังโดยไม่เหลียวหลังกลับไปแม้แต่ครั้งเดียว
..พวกเราไม่เคยคาดหวังจะให้เจ้ามาร่วมตายด้วย มีเพียงเรื่องนี้เท่านั้นที่เจ้าจะต้องจดจำให้ขึ้นใจ...
ในสภาพน้ำตานองหน้า สาวน้อยยังคงกัดฟันวิ่งตรงไปเบื้องหน้าเท่าที่เท้าเล็กๆสองข้างจะอำนวย และจะไม่มีวันหยุดแม้จะต้องล้มลุกคลุกคลานหรือฝ่าพายุฝนหนักเพียงใด เพราะท่ามกลางความมืดสลัว ยังคงมีแสงสว่างอันอบอุ่นอ่อนโยนที่สาดส่องอยู่ภายในใจที่ทำให้นางเกิดความกล้า นั่นคือความเชื่อมั่นที่มีต่อฮิจิคาตะ โทชิโซ นางเชื่อว่าเขาจะต้องปลอดภัยและรู้ดีว่ามันจะเป็นเช่นนั้น
................................................
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา...
นางยังคงเฝ้ารอเขาอยู่ที่จุดนัดพบ.. ที่นัดหมายซึ่งมีลักษณะเป็นทางสามแพร่งที่หนึ่งในนั้นคือทางเดินซึ่งจะนำไป สู่เกียวโต หลังจากวันที่ต้องหนีเอาชีวิตรอดมาเพียงลำพังจิสึรุก็ไม่เคยละลายตาไปจากทิศทางที่ตนจากมาเลย ด้วยรู้แน่ว่าเขาจะต้องปรากฏตัวขึ้นในที่สุด เด็กสาวปาดหยดน้ำตาออกจากขอบตาที่บวมช้ำเพราะอดนอนและร้องไห้ติดต่อกันมาหลายคืน แต่อย่างน้อยนางก็ยังโชคดีที่สามารถขออาศัยชาวบ้านแถวนั้นเรื่องที่พักและ อาหารการกินได้ ทว่าทันทีที่ตะวันขึ้นนางก็จะกลับไปที่เก่าและยืนรออยู่ที่นั่นจนถึงดึกดื่นมืดค่ำ และวันนี้เป็นวันที่เจ็ดแล้ว
ตะวันใกล้ตกดินเต็มทีขณะที่เด็กสาวยังคงเฝ้ามองไปยังทิศทางที่ฮิจิคาตะ โทชิโซควรจะปรากฏร่าง บ่อยครั้งที่ความห่วงกังวลทำให้นางมองเห็นภาพลวงตาว่าเขากลับมาในสภาพที่ปลอดภัยไร้ริ้วรอย เพียงเพื่อจะพบว่านั่นเป็นแค่คนเดินทางที่มีลักษณะรูปร่างใกล้เคียงกันซึ่งเดินมาจากทางนั้นแล้วก็เลยผ่านไปเท่านั้น ทว่าจิสึรุไม่มีวันย่อท้อ.. ต่อให้ต้องรอไปตลอดทั้งชีวิตนางก็ยินดีจะทำ
จนกระทั่งลำแสงสุดท้ายของวันกำลังจะลับขอบฟ้า.. สาวน้อยก็มีอันต้องเบิกตาโตแล้วกลั้นหายใจ.. เมื่อที่ตรงสุดสายตาปรากฏเป็นจุดดำๆขึ้นอีกจุดหนึ่ง ราวกับเวลาผ่านไปช้าๆขณะที่เฝ้ามองว่าคราวนี้จะเป็นเขาหรือใคร ทว่าครั้งนี้ไม่เหมือนกัน.. ถึงแม้ว่าคนซึ่งปรากฏตัวขึ้นตรงนั้นอาจจะเป็นนักเดินทางธรรมดาหรือใครก็ได้ ทว่าโครงร่างสูงโปร่งซึ่งแลเห็นเป็นเพียงเงาดำที่หันหลังให้กับแสงอัสดงนั้นกลับหยุดยืนนิ่งเมื่อเห็นนาง ไม่เดินเข้ามาแล้วก็ผ่านไปเหมือนกับทุกครั้ง เพียงเท่านั้นน้ำตานางก็ไหลรินอีกครั้ง และก่อนที่จิสึรุจะได้ร้องอุทานออกมาด้วยความดีใจเขาก็วิ่งตรงเข้ามาหาแล้วอ้าแขนออกสวมกอดนางแนบแน่น ฮิจิคาตะ โทชิโซก้มลงสูดกลิ่นกายหอมระรื่นของสาวน้อยที่กำลังสะอื้นไห้ ก่อนจะประคองท้ายทอยให้นางเงยหน้าขึ้นแล้วประทับจุมพิตกลบรอยน้ำตา
“ทำหน้าที่ได้ดีมาก” รองหัวหน้ากลุ่มชินเซ็นกล่าวชมพร้อมกับซบใบหน้าเข้ากับเรือนผมนุ่ม ขณะที่เด็กสาวพยายามสะกดกลั้นน้ำตาแห่งความโล่งใจเอาไว้แล้วกระซิบตอบเสียง พร่า
“ไม่หรอกค่ะ.. ข้าไม่ได้ช่วยอะไรเลย”
“ไม่หรอก.. ภารกิจครั้งนี้เสร็จสิ้นลงอย่างสมบูรณ์เพราะเจ้า” โทชิโซประคองดวงหน้างามให้เงยขึ้นสบตา แล้วจ้องลึกเข้าไปยังดวงตาสีน้ำตาลเข้มที่ยังคงมีน้ำตาไหลเป็นทาง
“ร้องไห้ทำไม ข้าบอกแล้วไม่ใช่หรือว่าจะกลับมา” เขาปาดหยดน้ำตาออกจากใบหน้านางก่อนจะโอบกอดไว้ไม่ยอมปล่อย
“แต่ก็ยังมีอีกภารกิจหนึ่งซึ่งก็ไม่เชิงเป็นเรื่องเร่งด่วนนักหรอก ว่าแต่เจ้าจะยอมช่วยข้าหรือไม่”
“คะ...”
เขาทิ้งคำถามไว้เพียงเท่านั้นก่อน ขณะที่ให้เวลาจิสึรุยกชายแขนเสื้อขึ้นซับใบหน้า แล้วพากันเดินกลับไปที่บ้านซึ่งนางขอพักอาศัยชั่วคราวเพื่อกล่าวคำขอบคุณกับเจ้าของบ้านแล้วจึงจากมา ชายหนุ่มชำเลืองมองขอบตาที่บวมแดงของเด็กสาวก่อนจะถอนหายใจพลางลูบศีรษะนางอย่างอ่อนโยน
“ไม่เชื่อใจข้าถึงเพียงนั้นเลยหรือ”
“ไม่ใช่ค่ะ.. ถึงต้องรอนานกว่านี้ข้าก็..”
“แล้วภารกิจที่ว่าน่ะ.. ยังอยากจะฟังรึไม่” โทชิโซเอ่ยถามขณะที่ทั้งคู่กำลังมุ่งหน้ากลับเกียวโต
“คราวนี้เป็นงานเกี่ยวกับอะไรหรือคะ”
“เกี่ยวกับเจ้า” เขาตอบ สายตามองตรงไปข้างหน้า “งานนี้มีเจ้าเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถทำได้”
และเมื่อเห็นสีหน้างุนงงของสาวน้อย โทชิโซก็เผยอรอยยิ้มออกมา
“หน้าที่ของเจ้าในภารกิจครั้งนี้คือลบถ้อยคำสบประมาทที่มีคนเคยกล่าวหาข้า ถึงจะไม่ใช่งานใหญ่อะไรก็จริงแต่ถ้าเจ้าช่วยได้ ข้าจะดีใจมาก”
“สบประมาทหรือคะ” จิสึรุอดสงสัยไม่ได้ ว่ายังจะมีใครหน้าไหนกล้าพูดจาดูหมิ่นรองหัวหน้ากลุ่มชินเซ็นอีกหรือ พอๆกับที่ไม่เข้าใจว่าเมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วนางจะช่วยอะไรได้ ขณะที่เขากางแขนออกโอบบ่านางด้วยท่าทางสนิทเสน่ห์หาเสียจนทำให้สาวน้อยถึงกับหน้าแดงก่ำ หรือว่า.. ฮิจิคาตะซังยังคงแสดงบทบาทเป็นสามีของนางอยู่อีก..
“มีคนๆหนึ่งบอกข้าว่าไม่อาจแต่งงานออกเรือนได้อีกแล้วเพราะถูกข้าแตะเนื้อต้องตัว
ดังนั้นข้าจึงเพียงแค่อยากแสดงความรับผิดชอบ ไม่รู้ว่าเจ้าจะยอมช่วยให้ข้าได้รับผิดชอบหรือไม่”
“เอ๋!”
“จะทึ่มไปถึงไหนกันนะเจ้าน่ะ..” โทชิโซขมวดคิ้ว ก่อนจะหยุดเดินแล้วคว้าตัวนางเข้ามากอด
“จูบไปแล้วตั้งสองครั้งยังไม่รู้อีกหรือว่าข้าคิดอย่างไร อย่าบอกนะ.. ว่าเจ้าเข้าใจว่านั่นเป็นแค่งาน
ต้องให้ข้าย้ำอีกครั้งหรือไม่..” เมื่อเห็นสาวน้อยในอ้อมแขนตกตะลึงจนหน้าแดงก่ำทำอะไรไม่ถูกโทชิโซก็ซ้ำเติมอย่างไม่ปรานี
“ไม่ได้เรื่องเอาเสียเลย... เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วไม่ว่าเจ้าจะรับหรือไม่รับปาก กลับไปข้าก็จะเคี่ยวกรำเจ้าให้หนักเลยเชียว”
“ข้า เคยบอกแล้วใช่มั้ย.. ว่าถึงยังไงก็จะไม่ยอมปล่อยเจ้าไปแต่งงานกับใครที่ไหน ดังนั้นเตรียมใจไว้ให้ดีแล้วอย่าได้คิดหนีเป็นอันขาด”
~End~
.........................................
next: 4th memory with Kazama Chikage
โอโฮะ น่าร้ากกกกกกกกกกกกกกก
ตอบลบอ้ะจ้าย น่ารักอ่ะ
ไม่มีนิยามอื่นค่ะพี่น้อง
ฮิจิคาตะขา น่ารักไปไหน
ถ้ายังอยากได้คำติชม
อันนี้คงต้องบอกว่า หาที่ ติ ไม่เจอนะค่ะ
รู้อย่างเดียว น่ารักมาก ป๋าสุดยอด
นึกถึงหน้าตาตอนนั่งเทศน์ออกกันเลยทีเดียว
สรุป
น่ารักค่ะ
#4 By Yushi_Res on 2011-10-07 19:40
------------------------------------------
ดีใจที่ชอบค่ะ^ ^
สำหรับเรื่องนี้ มีความลำบากใจตอนที่เเต่งคือคาเเรคเตอร์ของโทชินี่ล่ะ ท่านรองในเวลาปกติจะเป็นคนที่ค่อนข้างเข้มงวดโดยเฉพาะถ้่าเป็นเรื่องงานด้วย เเล้ว
จะทำยังไงให้ท่านรองหวานกับนางเอกได้โดยที่ไม่ทำให้หลุดคาเเรคเตอร์เป็นเรื่องที่มูนดรอปนั่งคิดนอนคิด เเล้วสุดท้ายก็ออกมาเป็นเเบบนี้
ปล.. สำหรับเรื่องต่อไปจะเป็นคราวของหนุ่มยักษ์ คาซามะค่ะ
ถ้าสนใจก็ติดตามได้นะคะ
ปล2. ขอบคุณสำหรับคำติชมค่ะ เเละยังคงต้องการเสมอเพื่อที่จะได้นำมาปรับปรุงการเขียนให้ดีขึ้นค่ะ
#5 By ~Moondrop~ on 2011-10-07 21:28
---------------------------------------------------
ในที่สุดก็ล็อกอินเม้นต์เเล้ว เฮ!! อ้่าว ดีใจผิดเรื่อง
ในที่สุดก็มาถึงตอนของท่าน ฮิจิคาตะเเล้ว เฮ!!!!!!!
> < อ่านเเล้วชอบมากเลยค่ะ ให้ความรู้สึกที่อบอุ่นสมเป็นฮิจิคาตะซัง เเต่ก็ยังมีมาดของท่านรองอยู่ ชอบตรงนี้ที่สุด!!
“ไม่ได้เรื่องเอาเสียเลย... เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วไม่ว่าเจ้าจะรับหรือไม่รับปาก กลับไปข้าก็จะเคี่ยวกรำเจ้าให้หนักเลยเชียว”
อ่านเเล้วอยากเห็นฉากกลับไปจริงๆ
เป็นฟิคที่อ่านไปยิ้มไป กรี๊ดๆ งี๊ดๆอยู่คนเดียว เพราะอิจฉาจิสึรึจัง ฮ่าา
ยังไงก็ยังพูดได้เหมือนเดิมค่ะว่าภาษาสวยมากกก
บรรยายได้เห็นภาพจริงๆค่ะ ทั้งฉากฮิจิคาตะซังบนหลังม้า เเละ ฉากฆ่าฟันเลือดสาด
ยังไงก็ยังติดตามต่อไปนะคะ
ปล. รอลุ้นตอนของคาซามะซังค่ะ
ปลล. ถ้าเป็นฟิคยาวก็คงจะดีสินะคะ (เเหะๆ)
ปลลล. เป็นกำลังใจให้ค่ะ สู้ๆนะคะ >0<
#6 By ~[H]saina chan~ on 2011-10-09 00:34
-----------------------------------------------
ขอบคุณค่ะ
ในจำนวน3เรื่องที่เขียนไปเเล้ว เรื่องที่2ของไซโต ฮาจิเมะเป็นอะไรที่เขียนยากที่สุดเลย ไม่รู้ว่าจะเป็นเพราะการดำเนินเรื่องที่ข้ามไปข้ามมา หรือเพราะบุคคลิคของฮาจิเมะเองก็ไม่รู้
ตอนของฮิจิคาตะเองนี้ก็มีติดๆขัดๆตอนที่เขียนอยู่บ้าง เพราะบางทีเราก็นึกไม่ออกซะงั้น เข้าทำนองหีวทึบเลย *0*
ส่วนเนื้อเรื่องของคาซามะ อาจจะมีโทนสีที่เปลี่ยนไปจาก3เรื่องเเรกเล็กน้อยค่ะ ตั้งใจว่างั้นนะเเต่จะทำได้รึเปล่าไม่รู้ เเละคงจะมีความยาวสูสีกันกับเรื่องที่ผ่านๆมาค่ะ เพราะตั้งใจจะเเต่งให้อยู่ในซีรีย์เดียวกัน เลยไม่อยากให้โดดจากกันมากนัก
ปล.. ดีใจที่คนอ่านเห็นภาพจากการใส่บทบรรยายค่ะ จะพยายามทำให้ได้อย่างนี้ในตอนหน้าด้วยนะคะ ^ ^
#7 By ~Moondrop~ on 2011-10-09 08:35
สวัสดีค่ะ คุณ MoonDrop
ตอบลบไม่ได้แวะเวียนมาบลอคคุณเสียนาน แต่เข้ามาเจอท่านรองทีนี่แดมเมจเกือบตายเลยค่ะ
ฟิคน่ารักเหลือหลายค่ะ จะจิซึรุ เฮสึเกะคุงที่โผล่แพลม ๆ ออกมานิดหน่อย หรือท่านรองที่คงคาแรคเตอร์ไว้ครบถ้วนแต่ก็น่ารักจนหุบยิ้มไม่ลง... แต่รู้สึกว่าช่วงครึ่งหลังเรื่องเดินเร็วไปนิดนะคะ แบบว่า เพิ่งเดินทางมาถึงได้ไม่ทันไรก็ถูกตามเจอเสียแล้ว จิซึรุคงเหนื่อยแย่
แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังเป็นฟิคที่อ่านเพลินมากนะคะ
ภาษาคุณ MoonDrop สวยไม่เปลี่ยนเลย
ยังไงก็ขอติดตามซีรีส์นี้ด้วยคนค่ะ ^^
ปล. อ่านจบแล้วอยากกอดท่านรองเลยค่ะ หุหุหุ
#8 By CeruleanBrine (110.169.229.32) on 2011-10-10 01:24
-----------------------------------------------
รับทราบค่ะ ส่วนตัวก็คิดอยู่เหมือนกันว่ามันออกจะเร็วไป เเต่ก็มีความรู้สึกเหมือนกับหน้ากระดาษมีจำกัดอะไรทำนองนั้นเลย
เพราะมูนดรอปตีกรอบตัวเองกับฟิคชุดนี้เอาไว้ว่าจะพยายามให้ออกมาใกล้ เคียงกัน ทั้งโทน ขนาด ความยาว เพื่อให้ดูกลมกลืนสมกับที่เป็นฟิคอยู่ในซีรีย์เดียวกัน เเต่ไม่ได้หมายความว่าเขียนเเล้วจะออกมาอารมณ์เดียวกันทุกเรื่องนะคะ
ดังนั้นตอนของท่านรองนี่ ก็เลยไปไวหน่อยคือถูกพบตัวเร็วอย่างที่ว่าเพราะไม่อยากจะให้ยาวกว่านี้ อีกอย่างจุดที่เราโฟกัสคือเรื่องความเข้ากันได้ของทั้งพระนาง ก็เลยไปใช้เวลากับตรงนั้นมากหน่อย
ร่ายซะยาวยืดขนาดนี้ จริงๆเเล้วก็คือว่าจะพยายามเเก้ไขให้มันเนียนกว่านี้ในคราวหน้าค่ะ ขอบคุณที่เเวะมาเยี่ยมกันเเล้วติชมให้นะคะ ยินดีต้อนรับเสมอค่ะ
#9 By ~Moondrop~ on 2011-10-10 10:59
--------------------------------------------
นานมาแล้วที่ไม่ได้อ่านคู่นอมอล
อร้าย ยยย ><!
ชอบค่ะ!
ฮิจิคาตะน่ารักมาก (แต่จะน่ารักกว่านี้ถ้าเมะให้ไซโต้ซังนะคะ)
อ่า .... เพิ่งจะเจอเลยนะเนี่ย
รออ่านต่อไปนะคะ ^^/
#10 By ][ZuiZen-:-Mukuyo][ on 2012-02-19 22:30
---------------------------------------------
ขอบคุณที่เเวะมาเยี่ยมค่ะ
ที่จริงก็เห็นกระเเสวายของเรื่องนี้ในบ้านเราอยู่เหมือนกัน เเต่มูนตั้งใจไว้ว่าเรื่องนี้คงจะไม่เขียนให้วายค่ะ เลยออกมาเป็นนอร์มอลทุกเรื่อง มีคนอ่านก็ดีใจเเล้ว
ยินดีรับคำติชมนะคะ
#11 By ~Moondrop~ on 2012-02-20 12:43
--------------------------------------------
กรี๊ดดดด เรื่องนี้จะวายหรือไม่วายไม่สนแล้ว...
ท่านรองสุดยอด!! =[]=!!!!
#12 By ♪ ๐PoupeE๐ ♪ on 2012-03-11 17:31
------------------------------------------------
ขอบคุณค่ะ ^ ^
เนื้อเรื่องของท่านรองนี่ ดูจะได้คอมเม้นเยอะสุดนะ เป็นตัววัดความนิยมอย่างดีเลยล่ะ
ปล.. มีใครอยากเป็นจิสึรุบ้าง
#13 By ~Moondrop~ on 2012-03-12 22:13
Read more: http://moon-drop.exteen.com/#axzz21PmdgQb0 http://moon-drop.exteen.com/20111007/hakuouki-fic-one-side-of-memories-3rd-memory-with-hijikata-t#ixzz225nXKqZk
Under Creative Commons License: Attribution