มันมาอีกแล้ว.........
นี่หล่อนจะต้องทนรำคาญกับเรื่องบ้าๆนี่ไปอีกนานแค่ไหนกัน.........
ใบหน้างามของสตรีเจ้าของเรือนผมสีดำขลับพลันส่อแววอันบอกบุญไม่รับทันทีที่เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นเป็นรอบที่40ของวันนี้
.....ให้ตายสิ หล่อนน่าจะแข็งใจปิดเครื่องไปเลย หรือไม่ก็ตัดใจเหวี่ยงมันทิ้งไปซะ......
หากแต่หญิงสาวก็รู้ดีกว่านั้น....
ว่าตราบใดที่หล่อนยังต้องติดต่อเรื่องสารพัดงานทั้งเรื่องเรียนและเรื่องอื่นๆด้วย
โทรศัทพ์เครื่องนี้ของหล่อนมันก็ยังคงจำเป็นอยู่
......ดังอีกแล้ว.......
หลังจากถอนหายใจด้วยความเซ็งสุดๆ หล่อนก็หันไปคว้ามันขึ้นมาแล้วกดปุ่มรับสาย
“ไปผุดไปเกิดได้แล้วคนผีทะเล!....
อย่ามาง้องอนซะให้ยาก
ฉันมันตาสว่างแล้วรู้ไว้ด้วย!!!”
เสียงใสที่เริ่มต้นด้วยความกราดเกรี้ยวดังกรอกไปตามสาย
“โธ่มีน..... เห็นใจผมหน่อยเถอะน่า นี่ผมตามง้อคุณจนถึงขนาดนี้....”
“หุบปากนะ!!...
เราจบกันแล้ว
และฉันหมายความตามที่พูดจริงๆ
ต่อให้นายง้อให้ตายก็อย่าหวังว่าฉันจะกลับไปเห็นดีเห็นงามในตัวนายอีกเลย ไอ้คนเจ้าชู้!!”หล่อนจบประโยคด้วยเสียงตวาดดังลั่นอย่างฉุนขาดแล้วตัดสายฉับ
ก่อนจะถอนหายใจอย่างแรงพร้อมทั้งเอื้อมมือไปเปิดหน้าต่าง
.....ไปลงนรกซะ.. ผู้ชายเฮงซวย.......
หญิงสาว ผู้ถูกเรียกว่ามีน
ยังคงก่นด่าประณามเขาคนนั้นอีกหลายกระบุงโกย
หากแต่แผนที่ในมือหล่อนก็ทำให้จิตใจอันหดหู่เศร้าหมองถึงกับพองโตขึ้นมาได้
....ถึงอย่างไร หล่อนก็มาถึงที่นี่แล้ว... ที่ๆชายคนหนึ่ง
ซึ่งไม่ได้เป็นอะไรที่มากไปกว่าคนที่เหมาะสม และคู่ควรกับคำว่า “สุภาพบุรุษ”อย่างแท้จริงพำนักอยู่
ผู้ที่หล่อนจะยอมทำทุกอย่าง
หรือแม้แต่ข้ามน้ำข้ามทะเลมาเพื่อให้ได้พบเจอเขาแม้เพียงอึดใจ
ดูจากแผนที่นี้แล้ว
บ้านพักที่หล่อนมาขอเช่าเพียงชั่วระยะเวลาไม่กี่วันหลังนี้
น่าจะเป็นจุดที่อยู่ใกล้ที่อยู่ของเขามากที่สุดแล้ว และหล่อนก็จะตัดเรื่องรกสมองออกไปแล้วออกไปตามหาเขาอย่างจริงจังเสียที
หญิงสาวเหวี่ยงโทรศัพท์มือถือลงบนโซฟาอย่างไม่ใยดี แล้วหันไปคว้าเสื้อนอกมาสวม
ถึงแม้ว่าอากาศที่บราซิลนี้จะค่อนข้างร้อนอบอ้าว ทว่า....
ด้วยไอแดดที่แผดเผาอย่างร้อนแรงนั้นก็ทำให้หล่อนจำต้องยอมทนร้อนด้วยการสวมเสื้อแขนยาว....
ก็ยังดีกว่าปล่อยให้ผิวสวยๆเป็นรอยไหม้เกรียมก็แล้วกันล่ะน่า......
ท่อนแขนเรียวยาวผลักบานประตูหลังบ้านออกไปพร้อมด้วยกระเป๋าสะพายและแผนที่ในมือ ด้วยหวังจะไปทางลัด
ดวงตาดำขลับกวาดมองไปทั่วสวนสวยเล็กๆด้านหลังบ้านอย่างตกตะลึง
เมื่อแสงแดดยามบ่ายอาบไล้ดอกไม้ทุกดอกให้และต้นไม้ใบหญ้าและกลายเป็นสีทองอร่าม
ในขณะที่บริเวณใต้ต้นไม้ใหญ่ก็มีร่มเงาไว้ให้พักพิง ช่างเป็นภาพที่งดงามจับตายิ่งนัก
บานประตูไม้สีทึมๆบานน้อยอันจะเปิดออกไปสู่เบื้องนอกนั้นอยู่ที่มุมขวาของสวน ใกล้กับโคนต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง
เรือนร่างเพรียวบางก้าวเท้ายาวๆไปยังบานประตูอย่างมุ่งมั่นด้วยดวงใจที่พองโตเมื่อตระหนักได้ว่า...
...ทอรัส อันเดบาลัน... สุภาพบุรุษร่างใหญ่ผู้ใจดี
ผู้ซึ่งหล่อนอยากจะพบหน้ามานานแสนนานแล้วอยู่ไม่ไกลจากที่นี่เลย....
ดีไม่ดีหล่อนอาจจะได้เดินสวนกับเขาข้างนอกนี่ด้วยซ้ำไป.....
ทว่า...
ทันใดนั้นหญิงสาวก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อสังเกตเห็นสิ่งผิดปรกติเกิดขึ้น
เมื่อประตูบานน้อยที่ควรจะปิดสนิทอยู่กลับเปิดแง้มเอาไว้เล็กน้อย
ในขณะที่พื้นหญ้านุ่มใต้เท้าหล่อนก็ปรากฏรอยเหยียบย่ำแปลกๆซึ่งไม่ว่าจะดูอย่างไรก็มิใช่รอยเท้าของมนุษย์ มันดูราวกับกีบเท้าของสัตว์ใหญ่บางชนิด และ.....
ก่อนที่หล่อนจะได้ตระหนักถึงความจริงในข้อนั้น
หูก็พลันแว่วเสียงพ่นลมหายใจฟืดฟาดดังมาจากด้านหลัง
และทันทีที่หันกลับไปมองหญิงสาวก็แทบจะล้มทั้งยืน
เมื่อหล่อนได้พบว่าบัดนี้ตนเองกำลังเผชิญหน้าอยู่กับกระทิงหนุ่มที่สมบูรณ์เต็มวัยตัวหนึ่งในระยะกระชั้นชิด!
และนั่นก็หมายความว่า มีระยะห่างระหว่างร่างเล็กๆของหล่อนกับร่างใหญ่อันอันหนาบึกบึนของมันเพียงแค่ฝ่ามือเดียว
ใกล้เสียจนกระทั่งหล่อนสามารถจ้องมองเข้าไปในดวงตาสีอำพันของมันได้เลยทีเดียว
“ว๊ายยยยยยยยย!!!!”
หล่อนกรีดร้องสุดเสียงด้วยความตกใจสุดชีวิต พร้อมกับเสียหลักหงายหลังล้มตึงเมื่อพยายามจะวิ่งหนี
ร่างเล็กๆที่กลัวเสียจนตัวสั่นหลับตาปี๋
รอคอยกีบเท้าอันใหญ่มหึมาของมันที่อาจจะกระทืบลงมาบนร่างในนาทีใดนาทีหนึ่ง หรือที่แย่กว่านั้นก็คือ......
มันอาจจะเกิดนึกอยากขวิดหล่อนเข้าให้ก็ได้
....คราวนี้แหละ หล่อนอาจจะได้พบเจอประสบการณ์อันล้ำค่า...
ด้วยการโดนวัวขวิดไส้ทะลักกระเด็นขึ้นไปแขวนอยู่บนกิ่งไม้.......
ทว่า... เจ้ากระทิงตัวนั้นกลับยืนสงบนิ่ง
อันที่จริงมันดูค่อนข้างจะตระหนกด้วยซ้ำตอนที่ได้ยินเสียงหวีดร้องแหลมของมนุษย์ตัวน้อยตรงหน้า ดวงตาสีอำพันของมันกำลังจับจ้องหญิงสาวที่นอนกองอยู่ที่พื้นอย่างตื่นๆ ในขณะที่หญิงสาวซึ่งเริ่มจะได้สติขึ้นมาอีกครั้ง เพิ่งสังเกตเห็นถึงความแปลกประหลาดที่เกิดขึ้น
เมื่อไม่เพียงแต่มันจะไม่ทำร้ายหล่อน หากแต่ยังเดินเข้ามาใกล้ แล้วก้มห้วอันใหญ่โตลงมองหล่อนอย่างสนอกสนใจ
“เจ้า.... เจ้าเป็นวัวใจดีใช่มั้ยเนี่ย”
เสียงใสถามขึ้นอย่างหวาดๆ พร้อมกับค่อยๆลุกขึ้นยืน
ดวงตาสีดำสนิทที่ยังคงส่อแววไม่ไว้วางใจเขม้นมองร่างอันใหญ่โตมหึมาที่มีขนาดพอฟัดพอเหวี่ยงกับรถยนตร์อย่างตื่นๆ
ในขณะที่กระทิงหนุ่มตัวนั้นยังคงยืนโบกหางไปมาอย่างสบายอกสบายใจ ก่อนจะหันไปเล็มหญ้าอย่างไม่สนใจกับมนุษย์ตัวเล็กๆตรงหน้าเลย และนั่นส่งผลให้หญิงสาวได้ถอนหายใจอย่างโล่งอก
ก่อนจะนึกถึงเรื่องสำคัญขึ้นมาได้....
......มันกำลังจะทำให้หล่อนต้องจ่ายเงินก้อนโตด้วยการกินต้นไม้หมดทั้งสวน!!
“นี่!....
หยุดเดี๋ยวนี้นะ”
ทันทีที่นึกขึ้นได้เสียงใสก็ดังขึ้นทันที ทว่า...
เจ้ากระทิงตัวนั้นก็ไม่มีท่าทีว่าจะรู้เรื่องเลยแม้แต่น้อย
มันยังคงเล็มหญ้าต่อไปอย่างเก่า ในขณะที่หล่อนเองก็เริ่มจะใจกล้ามากขึ้น
พร้อมๆกับที่มองเห็นภาพตนเองกำลังกระเป๋าแห้งตอนที่จ่ายค่าเสียหายทั้งหมดให้กับเจ้าของบ้าน
“หยุดนะ!!!
ฉันบอกให้หยุดเดี๋ยวนี้!!!”
....เงียบ... ไร้การตอบสนองใดๆ....
ก็แน่ล่ะ
หล่อนเองก็ไม่ได้คาดหวังให้วัวตัวหนึ่งฉลาดแสนรู้ถึงเพียงนั้นหรอก แต่นี่มัน....
“ไอ้วัวบ้า!!....
ถ้าแกยังไม่หยุดทำลายทรัพย์สินฉันจะเอาแกไปทำเนื้อย่างบาบิคิว ได้ยินไหม!!!
หรือว่าอยากจะลงหม้อตุ๋นดีล่ะ หา!! เจ้าเนื้อตุ๋น!!....”
มิใช่ว่าไม่รักชีวิต และก็มิใช่ว่าจะไม่กลัวมัน...
แต่ความห่วงใยในสวัสดิภาพของเงินในกระเป๋าสตางค์นั้นมีมากกว่า
และนั่นทำให้หญิงสาวตัวเล็กๆที่หวังเพียงเพื่อจะได้ตามหาชายในดวงใจคนนั้นแปรสภาพเป็นนักสู้วัวจำเป็นขึ้นมาทันที
เมื่อหล่อนกระโจนขึ้นหลังมันอย่างลืมตายพร้อมกับพยายามฉุดกระชากลากหัวอันใหญ่โตของมันให้เงยขึ้นจากพื้นด้วยการยึดเขาทั้ง2ข้างของมันไว้แน่น
และสุดท้ายเจ้ากระทิงหนุ่มก็ดูจะรู้... ว่ามนุษย์ตัวน้อยที่กระโจนขึ้นมาบนหลังของมันไม่ต้องการให้มันทำเช่นนี้
มันจึงยอมเงยหน้าขึ้นจากยอดหญ้าในที่สุดอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก ภายใต้เสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ของหญิงสาว
.....ในที่สุด มันก็ยอมหยุดเสียที.....
หล่อนคิดอย่างโล่งใจ แต่แล้วทันใดนั้นหญิงสาวได้ตระหนักว่า
ตนเองกำลังนั่งคร่อมอยู่บนหลังของมันซึ่งอยู่ในระดับที่สูงจากพื้นพอสมควรทีเดียว และก็ยังไม่รู้ว่าจะลงไปได้ยังไง
.....เอาล่ะสิ.... นะ...
นี่มันสูงไม่ใช่เล่นเลยนะนี่.......
“เอ้อ....นี่... แกย่อตัวลงหน่อยสิ ฉันลงไม่ได้...”พูดไปแล้วก็ต้องนึกขำตัวเอง
ที่พูดจากับวัวตัวหนึ่งราวกับว่ามันเป็นมนุษย์เหมือนๆกัน
แต่แล้วหล่อนก็ต้องเบิกตากว้างอย่างประหลาดใจเหลือที่จะกล่าว เมื่อมันยอมย่อตัวลงให้จริงๆ.....
.....สงสัยคงบังเอิญล่ะมั้ง..... วัวที่ไหนจะฟังคนพูดรู้เรื่องกันล่ะ......
...แต่อย่างไรก็ดี มันก็ทำให้หล่อนลงถึงพื้นได้โดยสวัสดิภาพจนได้
“เอาละ... เห็นว่าเจ้าเป็นเด็กดี ฉันจะหาหญ้ามาให้กินนะ”หญิงสาวเจ้าของเรือนผมสีดำที่ลงทุนเดินทางมาจากแดนไกล
ผู้ซึ่งบัดนี้ได้แปรสภาพเป็นคนเลี้ยงวัวจำเป็นไปเสียแล้ว เมื่อหล่อนรีบกุลีกุจอหาอาหารมาเลี้ยงแขกไม่ได้รับเชิญเป็นการใหญ่
ก่อนที่มันจะเกิดนึกพิศวาสวนสวยของหล่อนเข้าอีก
......................................................
ตะวันคล้อยลับเหลี่ยมทิวเขาไปเสียแล้ว...
เป็นสัญญาณว่าเวลาของหล่อนได้หมดไปอีก1วันแล้ว และขณะนี้.. วันเวลาของหล่อนที่จะอยู่ในประเทศนี้ก็กำลังจะหมดลง
เช่นเดียวกับแสงแห่งวันที่กำลังค่อยๆจางหายไป...
และเมื่อครบกำหนดแล้ว
ไม่ว่าจะได้พบหรือไม่ได้พบหล่อนก็จำต้องยอมวางมือไปจากที่นี่...
ทั้งๆที่เป็นช่วงเวลาที่ควรจะใช้อย่างคุ้มค่าที่สุด.....
ทั้งๆที่หล่อนควรจะได้ตามหาคนที่อยากพบ ได้ทำในสิ่งที่อยากทำ...
แต่แล้วหล่อนก็กลับต้องมาติดค้างอยู่กับวัวตัวหนึ่ง
ซึ่งไม่ว่าจะทำยังไงมันก็ไม่ยอมออกไปจากสวนของหล่อน ...ให้ตายสิ
และถึงแม้ว่าหล่อนจะไม่ได้จงเกลียดจงชังวัวมาแต่ไหนแต่ไร แต่ก็มิได้นึกพิศวาสไรมากมายนัก ทว่า..
ตอนนี้เจ้าวัวตัวนี้กลับทำให้หล่อนเริ่มจะหมั่นไส้มันขึ้นมาตะหงิดๆเสียแล้ว
เมื่อมันได้กินจนอิ่มหนำสำราญ ในขณะที่หล่อนทั้งเมื่อยขบไปทั่วทั้งตัว มิหนำซ้ำยังคันยิบๆไปหมด ด้วยแบกหญ้ากองใหญ่เข้ามาให้มันหลายต่อหลายรอบ ด้วยหวังว่ามันจะไม่ทำให้สวนสวยของหล่อนต้องพังยับเยิน
หญิงสาวถอนหายใจเฮือกอย่างแสนเสียดาย
พลางแหงนมองท้องฟ้ายามเย็นที่กำลังเปลี่ยนจากสีชมพูเรื่อเป็นสีเทา
ในขณะที่ดวงตาสีอำพันดวงใหญ่ของเจ้ากระทิงหนุ่มตัวนั้นกลับจ้องเขม็งมาที่หล่อนเสียจนน่าประหลาด
“ทำไมอีกล่ะ.. กินจนอิ่มแล้วยังจะมีปัญหาอีกเรอะ”หล่อนแหวเข้าให้ด้วยอารมณ์อันขุ่นมัว แต่แล้วก็พลันนึกแปลกใจ
ที่ดวงตาสีอำพันคู่นั้นยังคงจ้องมองหล่อนตาไม่กระพริบ
“ดูๆไป... เจ้านี่ก็เป็นกระทิงที่สวยเหมือนกันนะ”
ถึงตอนนี้หญิงสาวกลับรู้สึกสงบลงได้อย่างน่าประหลาดเมื่อได้จ้องมองเข้าไปในดวงตาคู่นั้น บัดนี้...
ความตื่นตระหนกที่เกิดขึ้นอย่างมากมายในตอนแรกพลันอันตรธานไปหมด ร่างเพรียวบางก้าวเข้าไปใกล้เจ้ากระทิงตัวใหญ่ยักษ์
พร้อมกับเอื้อมือขึ้นไปลูบจมูกมันอย่างแผ่วเบา ก่อนจะรำพึงกับตนเองอย่างแสนเสียดาย
“เป็นเพราะแกแท้ๆ.. มาบราซิลคราวนี้ฉันถึงได้ชวดไปเลย อดได้เจออันเดบารัน แถมยังต้องมาติดอยู่กับแกอีก”
และในนาทีนั้นเอง...
สิ่งที่ไม่คาดฝันก็พลันบังเกิดขึ้น
เมื่ออยู่ๆกระทิงหนุ่มตัวนั้นก็เกิดเปล่งแสงอันสว่างจ้าออกมาเสียจนนัยน์ตาพร่า และในอึดใจต่อมา มันก็กลับกลายเป็นชายหนุ่มร่างใหญ่ผิวคล้ำเข้ม
พร้อมด้วยเรืยนผมยาวสีดำที่แผ่กระจายปกคลุมแผ่นหลัง!!
“อะ... อะ...
อันเด......”
เสียงใสเอ่ยอย่างตะกุกตะกักทั้งๆที่ยังช็อคค้างอยู่อย่างนั้น
ดวงตากลมโตเบิกกว้างอีกทั้งยังอ้าปากค้างกับสิ่งที่ได้พบเจออยู่ตรงหน้า
ชายหนุ่มเจ้าของนามอันเดบาลัน ยืดร่างขึ้นเต็มความแกร่งกำยำ
พลางส่งยิ้มอันกว้างขวางให้กับสาวน้อยตรงหน้าที่กำลังตกตะลึงจนหน้าซีด
....แต่อย่างน้อยครั้งนี้หล่อนก็ไม่ได้ถึงกับหงายหลังล้มตึงไปอีกล่ะนะ....
“ขอโทษด้วยนะ ที่ทำให้ตกใจ.... แล้วข้าก็ต้องขอขอบคุณท่านด้วยที่ช่วยให้ข้าได้กลับคืนร่างเดิม”เขาเริ่มต้นขึ้นด้วยน้ำเสียงอันทุ้มต่ำกังวาน และเต็มไปด้วยพลังอำนาจ
“เอ้อ.... คือฉันงงไปหมดแล้วค่ะ”
หญิงสาวผู้น่าสงสารที่ดูหมือนเพิ่งจะได้สติเอยขึ้นบ้างด้วยน้ำเสียงอันแผ่วเบา ก่อนจะเสยผมที่ตกลงมาปรกหน้าไปด้านข้าง
“คืออย่างนี้”อันเดบาลันเริ่มต้นอธิบาย
“ข้าถูกเพื่อนบ้านซึ่งเป็นแม่มดวูดูสาปให้กลายเป็นวัว เพราะมีเรื่องถกเถียงกันนิดหน่อย...
โดยที่ข้าก็ต้องทนอยู่ในร่างนี้มาเป็นอาทิตย์แล้ว
และวิธีที่จะถอนคำสาปนั้นที่จริงแล้วก็ง่ายแสนง่าย” ถึงตอนนี้ ดวงตาสีอำพันของชายหนุ่มร่างยักษ์พลันจับจ้องอยู่ที่หญิงสาวตัวเล็กๆตรงหน้านี้อย่างซาบซึ้งใจ
“ก็คือ เมื่อไรก็ตามที่สตรีที่นึกถึงข้า เอ่ยนามของข้าออกมา... คำสาปก็จะสูญสลายไปเอง และนางก็ได้ชี้แนะให้ข้ามาที่นี่ด้วยเพราะหยั่งรู้ว่าท่านจะมา
ดังนั้น ท่านจึงได้มาพบข้าอยู่ในสวนของท่านยังไงล่ะ”ทอรัสหนุ่มจบประโยค และท่ามกลางความตกตะลึงของฝ่ายตรงข้าม
ร่างอันใหญ่โตนั้นก็คุกเข่าลงเบื้องหน้าหล่อน พร้อมกับประสานสายตาเข้ากับหญิงสาวอย่างแน่วแน่
“ข้าทราบว่าท่านอยากจะพบข้า และเวลานี้ข้าก็เป็นหนี้ท่านแล้ว...
หากท่านประสงค์สิ่งใดจากข้าก็ขอให้บอกมาเถิด อันเดบาลันผู้นี้พร้อมที่จะให้ท่านได้ทุกอย่าง”
ดวงหน้าอันขาวหมดจดของหญิงสาวที่เพิ่งหายจากอาการตกใจเริ่มจะมีสีเลือดมากขึ้น เมื่อได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด
พร้อมทั้งประโยคสุดท้ายอันน่าตอบรับเป็นอย่างยิ่งจากชายหนุ่มที่ตนอยากเจอมากที่สุด
ในขณะที่รายการหลายต่อหลายอย่างที่หล่อนอยากจะทำพลันผุดขึ้นมาในหัวสมองอย่างรวดเร็วและมากมายเสียจนยากที่จะตัดสินใจ
แล้วรอยยิ้มอันเจ้าเล่ห์ซุกซนก็พลันปรากฏขึ้นบนริมฝีปากบาง ก่อนที่หล่อนจะแตะแขนของเขาให้ลุกขึ้น
“งั้นก็เข้ามาในบ้านสิคะ”
เขาเดินตามหล่อนเข้าไปอย่างว่าง่าย
โดยหญิงสาวเบี่ยงกายหลบให้เจ้าของร่างสูงใหญ่ก้าวเข้าไปก่อน แล้วจึงปิดประตูตามหลัง
และเรื่องราวทั้งหมดก็มาถึงบทสรุปอย่างที่ควรจะเป็นของมัน...........
~End~
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น