8/11/2555

Bali Hai~Dune




Bali Hai




ในที่สุดมันก็ผ่านพ้นไปแล้วใช่ไหม....


พายุมฤตยูที่เฝ้าพัดโหมกระหน่ำไม่หยุดมาถึง14วัน14คืนเต็มๆ...   

มหันตภัยร้าย..  ที่กวาดเอาทุกสิ่งทุกอย่างลงสู่ท้องมหาสมุทร   กลืนกินชีวิตลูกเรือมากมาย   แทบมิแตกต่างอะไรกับอสูรกายแห่งท้องทะเลลึกที่มีตัวตนอยู่แค่ในตำนานปรัมปราของชาวเรือ


เสียงไชโยโห่ร้องอย่างยินดีของพวกกลาสีที่ยังเหลือรอด   ท่ามกลางท้องฟ้าใสและแสงตะวันอันอบอุ่นอ่อนโยน  กับสายลมเย็นระรื่นที่พัดพาเอากลิ่นไอแห่งความหวังมาให้  เปรียบเสมือนเสียงเพลงกล่อมเด็กสำหรับข้าในเวลานี้  


ถึงแม้ว่าบนเรือจะไม่มีน้ำจืดเหลืออยู่เลย  อีกทั้งเสบียงทั้งหมดก็ยังถูกคลื่นซัดจมหายไปในทะเลตั้งแต่2วันก่อน   เมื่อพวกเราสุดที่จะคุ้มครองมันเอาไว้ได้   เพียงแค่จะเอาชีวิตให้รอดจากคลื่นมฤตยูนั่นก็แทบแย่แล้ว.....


ทว่า...   ถึงกระนั้นพวกเราทุกคนก็ยังคงมีความหวังว่าจะต้องได้พบแผ่นดินในอีกไม่นาน   และเมื่อถึงเวลานั้นเราจะได้อาบน้ำหลังจากที่ไม่ได้อาบมานานแรมเดือน   ได้ดื่มและกินมากเท่าที่ต้องการ




ข้าหลับตาลงช้าๆ......   พยายามจะไม่นำพากับความเจ็บปวดจากบาดแผลที่กลางหลังอันเกิดจากเสากระโดงเรือที่หักลงมาฟาด   หากว่าข้าเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาๆคนหนึ่ง   คืนนั้นคงจะเป็นคืนสุดท้ายที่ข้าจะได้มีลมหายใจอยู่บนโลกนี้


เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ข้านึกขอบใจต่อชะตากรรมที่ทำให้ข้าได้กลายเป็นเซนต์.....   ด้วยนามของเลโอ  ไอโอเรียย่อมเป็นเครื่องยืนยันได้เป็นอย่างดีว่าบาดแผลแค่นี้มันขี้ประติ๋วเพียงไร  


หึ.....    หากสวรรค์อยากจะได้ชีวิตข้าคงจะต้องใช้มากกว่าคลื่นกระจอกงอกง่อยนั่นล่ะนะ





ทว่า...   ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ข้ายังคงยืนกรานที่จะมีชีวิตรอดต่อไปก็คือ....   ..จดหมายของเจ้า.


ยอดรักของข้า.... 


ลายมืออันสวยงามน่ารักในกระดาษแผ่นน้อยที่เจ้าทิ้งใว้ให้ข้า   ทำให้ข้าตัดสินใจออกเดินทางตามหาเจ้ามายังแดนดินถิ่นทะเลใต้ที่อยู่ไกลแสนไกลสุดขอบฟ้า......



ข้าไม่เชื่อพวกเขาหรอก   แม้ใครๆจะบอกข้าว่าเจ้าตายแล้ว   แต่ข้ารู้....

ว่าเจ้ายังคงรอข้า   อยู่ที่ไหนสักแห่ง



……If you try, you'll find me     Where the sky meets the sea.

Here am I your special island         Come to me, Come to me…………



ข้าก็กำลังไปหาเจ้าอยู่นี่ไง....  


เจ้าคงกำลังแหงนหน้ามองท้องฟ้าเบื้องบนเงียบๆแต่เพียงลำพังอย่างเคยสินะ   พร้อมทั้งเก็บความเหงาและโหยหาเอาไว้ในใจ    ด้วยความที่เจ้าเป็นเซนต์หญิงจึงมิอาจกระทำสิ่งที่ตรงกับใจได้และข้าก็เห็นใจเจ้าตลอดมา.....


แต่เจ้ารู้มั้ย   ว่าการเป็นเซนต์ชายก็มิได้ทำให้หัวใจข้าเป็นอิสระนักหรอก     เมื่อสตรีที่ข้าเฝ้าหลงรักมาตลอดเวลาหลายปีนั้นช่างไว้ตัวเหลือเกิน   ด้วยกฏเกณฑ์ข้อห้ามมากมายของการเป็นเซนต์หญิงมันรัดตัวเจ้าไว้เสียแน่นเลยใช่ไหม...   เจ้าจึงยอมถอดหน้ากากออก   ก็ต่อเมื่อเวลาที่เจ้าเข้ามาหาข้าในยามค่ำคืน....   ในความฝันของข้าเท่านั้น



แต่ว่าครั้งนี้ข้าจะไม่อดทนอีกต่อไปแล้ว...


หากว่าข้าพบเจ้า...  คราวนี้ข้าจะโอบกอดเจ้าไว้ด้วยสองแขนของข้า    ข้าจะจุมพิตเจ้าให้สมกับความคิดถึงที่อัดแน่นจนเจียนระเบิดออกมาจากอก  


เจ้าเป็นของข้า....   ของข้าเพียงคนเดียวเท่านั้น......






เห็นแผ่นดินแล้ว!!!!”


เสียงตะโกนก้องอย่างแสนยินดีปลุกให้ข้าตื่นจากภวังค์   พร้อมด้วยเสียงวิ่งโครมครามของเหล่าลูกเรือไปยังกราบเรื่องฝั่งหนึ่งที่แหว่งหายไปเกินครึ่ง   ก่อนที่คนอื่นๆจะกระโดดโลดเต้นอย่างดีใจสุดชีวิต



....พวกเรารอดตายแล้ว.......



ความคิดนั้นทำให้ความเจ็บปวดและเหนื่อยล้าที่ประดังกันเข้ามาพลันเลือนหายไปหมด  ข้ากวาดสายตามองดูใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มของพวกเขาอย่างยินดี   พร้อมกับจับมือกับทุกคนด้วยความปลื้มปิติ


เกาะกลางทะเลอันแสนโดดเดี่ยวที่เห็นลิบๆอยู่เบื้องหน้า   เปรียบเสมือนรางวัลจากพระผู้เป็นเจ้า   ที่ประทานให้แก่พวกเราทุกคน   ที่สามารถเอาชีวิตรอดมาจากการทดสอบของพระองค์ได้แต่กระนั้นข้าก็รู้ดี    ว่ารางวัลสูงสุดของข้ามิใช่เกาะเล็กๆเบื้องหน้านั้น......



Bali Ha'i will whisper…      In the wind of the sea…


"Here am I, your special island!.....    Come to me, come to me!"




ราวกับเกาะนั้นจะมีมนตร์ขลังบางอย่างเมื่อข้าแน่ใจว่ามันกำลังเพรียกหาข้าอยู่    เสียงกระซิบอันอ่อนหวานนุ่มนวลของมันล่องลอยอยู่ในสายลม    ทว่า....


ข้ากลับได้ยินเป็นเสียงของเจ้ามากกว่า....


เจ้ากำลังเพรียกหาข้าใช่มั้ย   ...ยอดรักของข้า....




You'll hear me call you,  Singin' through the sunshine


Sweet and clear as can be………





หึ....  ช่างน่ารักเสียจริง.....


แล้วข้าจะรับขวัญเจ้า  ให้สมกับที่รอคอย....



อีกไม่นานแล้ว....   ยอดรัก..   อีกไม่นานเราก็จะได้พบกัน......



~End~









Dune





ท้องฟ้าในค่ำคืนนี้ช่างงามเหลือเกิน......


ดวงดาวเกลื่อนท้องฟ้ายามราตรีที่กระพริบแสงวับวาวประชันขันแข่งกันอยู่ท่ามกลางความเวิ้งว้างสีดำสนิทนั้นพอจะบรรเทาความทรมานในจิตใจของข้าให้เบาบางลงได้บ้าง   ในขณะที่เนินทรายน้อยใหญ่ที่มองเห็นจากมุมสูงของพระราชวังในยามทิวา   เมื่อต้องแสงตะวันอันแผดร้อนเห็นเป็นลอนคลื่นลูกแล้วลูกเล่าต่อเนื่องกันออกไปไม่มีที่สิ้นสุดนั้น   กลับทำให้ใจข้าอ้างว้างเดียวดายยิ่งนัก



ถึงแม้นว่าข้า....  จะประสบความสำเร็จในการโค่นล้มอำนาจจากเชษฐาต่างมารดาของข้าแล้วปราบดาภิเษกตนเองขึ้นเป็นกษัตริย์แทนที่แล้ว   ...เสียงก่นด่าประณาม  เหยียดหยามดูแคลนจากวงศาคณาญาติที่เคยได้ยินกรอกหูอยู่ทุกค่ำเช้าตั้งแต่จำความได้นั้นก็ยังคงดังก้องอยู่ในหัว   ซ้ำแล้วซ้ำเล่า....



ด้วยเหตุที่ข้าถือกำเนิดขึ้นมาจากนางทาสในฮาเร็มของพระบิดาข้า.....  


เจ้าชายองค์น้อย..   จึงไม่เป็นที่ต้องการของผู้ใดทั้งสิ้น  



พวกมันพากันดูถูกเหยียดหยามกระทั่งมารดาข้าและปฏิบัติต่อข้าราวกับสัตว์ตัวหนึ่งก็มิปาน.. แม้นว่าในยามนี้ซากอันปราศจากวิญญาณของพวกมันจะถูกแขวนเอาไว้ให้เป็นทานแก่แร้งกาอยู่ที่ด้านนอกกำแพงเมืองตั้งนานแล้ว  ทว่ามันก็หาทำให้จิตใจอันรุ่มร้อนไปด้วยเพลิงแค้นของข้าเบาบางลงไม่


อาจเป็นด้วยเพราะบรรดาเหล่าเสนาข้ารับใช้น้อยใหญ่ที่แสดงท่าทียำเกรงต่อข้า   ด้วยหัวใจที่คิดคดไม่ซื่อตรง    ข้ารู้ดี........


วันใดที่ข้าเผลอ    วันนั้นพวกมันคงจะไม่รีรอที่จะปาดคอข้า   เช่นเดียวกับที่ข้าได้กระทำต่อเหล่าเชษฐาและอนุชาของตนเอง  


ข้าโหดเหี้ยมอำมหิต  เลือดเย็น  ไร้หัวใจ..  และมันก็ช่างสมกับนามที่พวกมันตั้งให้ข้ายิ่งนัก.... 


แคนเซอร์  เดธมาร์ค




....หึ...   ข้าชอบชื่อนี้จริงๆ.....


แต่ในเวลานี้ข้าจะเก็บชีวิตของพวกมันไว้ก่อน   แม้ว่าเพื่อนผู้ซื่อสัตย์ทั้ง2ที่มักจะหมอบอยู่แทบเท้าข้ามิห่างจะแสดงทีท่ากระตือรือร้นอยากจะลิ้มรสเนื้อของพวกมันก็ตามที  


.....สักวันหนึ่งเถอะ  ข้าจะให้พวกเจ้าจะได้ลิ้มรสเลือดเนื้อของพวกมัน  


ข้าขอสัญญา  เจ้าเพื่อนยาก.....



ข้ายกมือขึ้นลูบขนสั้นเกรียนสีดำมันวาวดุจกำมะหยี่ของสหายรัก   ในขณะที่มันครางเสียงต่ำอยู่ในลำคออย่างพออกพอใจ   ก่อนจะเหยียดร่างลงนอนตะแคงและกางเล็บออกอันแสดงถึงท่าทางที่สนิทชิดเชื้ออย่างที่สุดหากข้ากลับมิได้แย้มยิ้ม    เมื่อหัวใจข้าได้ลอยไปสู่เขตหวงห้ามของฝ่ายใน....


และก็เช่นเดียวกับทุกค่ำคืน   ที่เท้าทั้ง2ที่ซื่อสัตย์ต่อหัวใจของตนจะได้นำพาร่างไปยังแหล่งพักพิงที่สิงสถิตของหัวใจ...  ไปยังห้องของนาง


สตรีผู้อยู่เหนือสตรีทั้งมวล


นางผู้มีเส้นเกศาและดวงเนตรสีม่วงอันเปล่งประกายงดงามยิ่งกว่าดวงดาวบนฟากฟ้า....  ผู้ที่ข้าจ่ายเงินซื้อมาเช่นเดียวกับนางอื่นๆในฮาเร็ม


ข้าหยุดยืนอยู่ที่หน้าห้องของนางแล้วแหวกม่านแพรบางใสเข้าไป     ก่อนจะต้องประหลาดใจด้วยที่ผ่านมา    ข้ามักจะพบว่านางเข้านอนแล้วทุกครั้งไปทว่าคืนนี้นางกลับยืนคอยข้าอยู่  ด้วยสีหน้าท่าทางที่สงบนิ่งและสูงส่งราวกับนางพญา  


....นางจะรู้หรือไม่ 


ว่าเหตุใดข้าจึงมิเคยได้แตะต้องเชยชมนาง   เช่นเดียวกับสตรีคนอื่นๆในฮาเร็ม.....




เจ้ารู้งั้นหรือ  ว่าข้าเฝ้ามองเจ้าอยู่ทุกค่ำคืน.....


นางไม่ตอบ   หากแต่การที่คืนนี้นางยังมิได้เข้านอนก็พอจะเป็นคำตอบสำหรับข้าได้   และมันก็ทำให้หัวใจข้าพองโตยิ่งกว่าครั้งใดๆที่ผ่านมา  



.....นางรอข้า......


ความคิดนั้นทำให้หัวใจข้าราวกับจะติดปีกโบยบิน   ด้วยตลอดมานั้นข้าเปรียบเสมือนคนโง่เง่าที่จ่ายเงินซื้อของสูงค่ามาแล้วมิยอมเชยชมให้สมรักด้วยข้าหวาดกลัว...   กลัวยิ่งนักว่ามืออันหยาบกร้านที่เต็มไปด้วยคราบโลหิตของข้าจะทำให้ผิวกายขาวผุดผ่องดุจงาช้างของนางต้องมีมลทิน   สตรีสาวผู้งดงามล้ำค่าจากซีกโลกตะวันออก ....เจ้าของนามอันไพเราะที่ทำให้ข้ารู้สึกอุ่นซ่านได้ทุกครั้งยามคิดถึง  


......ซาโอริ.......




สายลมยามดึกที่พัดเอากลิ่นไอของทะเลทรายเข้ามาทางระเบียงกว้างทำให้เส้นผมยาวเคลียสะโพกผายพลิ้วสะบัด   เช่นเดียวกับภูษาขาวนวลสีงาช้างที่ถูกสัมผัสเย็นยะเยือกลูบไล้ให้เนื้อผ้าบางเบาแนบติดลำตัว


นางช่างงดงามนัก....   ราวกลีบดอกไม้ที่ต้องน้ำค้าง   ประหนึ่งความชุ่มฉ่ำของโอเอซิสท่ามกลางความแห้งแล้งของผืนทรายอันเวิ้งว้างสุดขอบฟ้า



ข้ายกมือขึ้นแตะผ้าโพกศีรษะของตนเพื่อทักทายนางแล้วก้าวเข้าไปใกล้   ก่อนจะย่อกายลงคุกเข่าแล้วยกชายกระโปรงบางเบาของนางขึ้นจุมพิตแผ่วเบาพลางสูดกลิ่นหอมหวานบริสุทธิ์เข้าไปเต็มปอด


พระองค์คือเจ้าชีวิตของหม่อมฉัน...   อย่าทรงทำเช่นนี้เลย...




อัลเลาะห์ทรงโปรด.......  เสียงของนางช่างกังวานใส  ไพเราะดุจดังระฆังเงิน   

เพียงแค่ได้ฟัง   หากแม้นต้องดับดิ้นสิ้นชีวาลงในนาทีนี้ข้าก็จะไม่นึกเสียดายเลย......  



แต่เจ้าคือเจ้าหัวใจของข้า    แม้ว่านี่จะเป็นครั้งแรกที่เราได้พบกันอย่างแท้จริงทว่าข้าก็มั่นใจในเรื่องนี้...


ข้าจ้องมองลึกเข้าไปในดวงเนตรสีม่วงใสของนางด้วยความรักและเทิดทูน   ก่อนจะแนบใบหน้าเข้ากับชายภูษานั้นอย่างแสนเสน่หาโดยมิยอมแตะถูกผิวกายนางแม้เเต่ปลายก้อยพร้อมกับรู้สึกแปลกประหลาดยิ่งนัก  ราวกับข้าได้กลับมาถึงบ้านของตนเองแล้วก็ไม่ปาน.....



เเละเเล้วข้าก็ได้เข้าใจในที่สุด.....


ความสุขชั่วชีวิตของข้ามิใช่ราชบัลลังก์หรือยศถาบรรดาศักดิ์   หากแต่เป็นสตรีสาวนามว่า...



ซาโอริ


~End~




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น