อา.....
ข้าเกลียดตัวเองเหลือเกิน
ผีป่าตนใดมันเข้าสิงข้านะ
ถึงได้ทำให้ข้ากระทำการเช่นนั้นลงไปได้....
ไม่สิ.... อันที่จริงเป็นเพราะคนๆนั้น....
บุรุษผู้มีดวงตาสีฟ้าใสกับท่าทีที่ดูสงบนิ่งราวกับผิวน้ำมาตลอด
ใครเลยจะได้ทันคาดคิด ว่าเพียงพริบตาเดียวที่ท้องฟ้าไร้เเสงจันทร์ "มัน" ก็เกิดขึ้น
เมื่อเขาคนนั้นกลับเปลี่ยนเป็นคนละคนกับที่ตนเคยรู้จักมา
.....เวอร์โก ชากะ...
บุรุษผู้เปรียบเสมือนตัวเเทนเเห่งความดี... ชายผู้ซึ่งพิสุทธิ์ดุจผ้าขาวสะอาดยิ่งกว่าผู้ใด
ทว่า....
ในคืนที่ไร้ซึ่งเเสงจันทร์ เขากลับกลายเป็นอสูรร้าย....
คามิวกัดริมฝีปากเสียจนห้อเลือดพลางเเข็งใจพยุงร่างอันบอบช้ำของตนกลับเข้าไปในห้อง โดยพยายามที่จะไม่นำพากับความเจ็บปวดรวดร้าวที่เเผ่กระจายไปทั่วร่าง
หากเเต่รอยช้ำเป็นจ้ำๆตามร่างกายของตนก็เป็นหลักฐานฟ้องถึงสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างตนกับชากะได้เป็นอย่างดี....
ถึงเเม้ว่ามันยากที่จะเชื่อก็ตามที หากเเต่เขาก็คงต้องทำใจยอมรับ
ว่าตั้งเเต่นี้ต่อไป
..ความสัมพันธ์ของทั้งตนเเละโกลเซนต์หนุ่มเเห่งวิหารที่6ได้เปลี่ยนไปเเล้ว....
ตลอดกาล...........
.....................................................
"ชากะ....
วันนี้น่ะวันสิ้นปีทั้งทีนะ เจ้าจะไม่ไปกับพวกเราหรือ"
ใช่....
เป็นเขาเอง
ที่เอ่ยปากชวนบุรุษผู้ใกล้เคียงพระเจ้าให้ออกไปเปลี่ยนบรรยากาศในวันสิ้นปีพร้อมๆกับสหายคนอื่นๆ
โดยหารู้ไม่ว่าคำพูดประโยคนั้นจะเปลี่ยนแปลงชีวิตของเขาไป....
ทั้งชีวิต
ในตอนนั้น... ชากะยังคงไว้ซึ่งกิริยาอันเรียบเฉยสงบนิ่ง
เรือนร่างอันสูงสง่าผึ่งผายในชุดโกลครอธเวอร์โกซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับยังคงนั่งขัดสมาธินิ่งอยู่เช่นเดิมพร้อมด้วยดวงตาที่ปิดสนิทราวกับกำลังเข้าฌาณ
และยังต้องใช้เวลาอีกเป็นครู่ กว่าที่โกลเซนต์เวอร์โกจะตอบสนองต่อคำถามนั้น
"ไหนๆพวกเจ้าก็มีน้ำใจมาชวนข้าเเล้ว...
ครั้นจะปฏิเสธก็ดูจะไร้น้ำใจจนเกินไป"
น้ำเสียงทุ้มนุ่มหลุดออกมาจากริมฝีปากเจ้าของเรือนผมสีบลอนด์ยาวในที่สุด ก่อนที่บุรุษผู้งดงามจะค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้นอย่างช้าๆ เผยให้เห็นดวงตาสีฟ้าใสราวกับท้องฟ้าที่ไร้เมฆหมอกพร้อมด้วยรอยยิ้มน้อยๆ
"ตกลง..
ข้าจะไปกับพวกเจ้า" ชากะลุกขึ้นยืนในที่สุด
ร้านอาหารในตัวเมืองกับบรรยากาศของวันสิ้นปี
เป็นอะไรที่เเสนจะครึกครื้นไปด้วยเสียงร้องรำทำเพลงของชาวบ้าน
เสียงเฮฮาของผู้คนในร้านทั้งบุรุษ สตรี
มีตั้งแต่วัยหนุ่มสาวเรื่อยไปจนกระทั่งวัยชรา
ที่บ้างก็ส่งเสียงร้องเพลงเพี้ยนๆผิดคีย์ด้วยความเมา บ้างก็กำลังพูดคุยกันอย่างออกรส...
กระทั่งบางกลุ่มที่กำลังเล่นไพ่
พร้อมด้วยกลุ่มมิตรสหายที่พนันขันต่อและวางเดิมพัน
ประกอบกับกลิ่นเหล้าเเละอาหารอันโอชะมากมายหลายชนิดที่ลอยฟุ้งตลบอบอวลไปทั่วชวนให้ลิ้มลองนั้นเตะจมูกพวกตนเข้าอย่างจัง
เเละมันก็ส่งผลให้กระเพาะเริ่มส่งเสียงประท้วงทันที
มันเป็นภาพที่หาดูได้ไม่บ่อยนัก........
เมื่อโกลเซนต์จำนวนไม่ต่ำกว่า7-8คนในชุดลำลองพากันละทิ้งวิหารของตนลงมานั่งดื่มกิน
สรวลเสเฮฮากันอย่างสนุกสนานที่ร้านอาหารในตัวเมืองเช่นนี้
...........................................................
ดึกดื่นค่อนคืนเต็มทีเเล้ว....
หลังจากร้านปิดเป็นที่เรียบร้อยพวกตนก็พากันกลับวิหาร... ภาพอันงดงามของถนนหนทางที่ปกคลุมไปด้วยหิมะเนียนละเอียดสีขาวพร่างเเทบจะทำให้เหล่าโกลเซนต์หายเมาในชั่วอึดใจ
จริงสินะ.........
เรื่องราวทั้งหมดมันเกิดขึ้นหลังจากนั้น....
เมื่อพวกตนได้กล่าวคำอวยพรให้เเก่กันพร้อมทั้งคำราตรีสวัสดิ์ให้เเก่มิตรสหายที่อยู่วิหารล่างๆเป็นที่เรียบร้อยเเล้วก็เหลือเพียงเเค่...... ตน.. เเละชากะเพียง2คน
"เดินไหวมั้ย
ชากะ" ด้วยความเป็นห่วง
คามิวจึงได้เอ่ยปากถามสหาย ซึ่งเห็นได้ชัดว่าใบหน้าเเดงก่ำด้วยฤิทธิ์เหล้า
อาจเป็นเพราะในเวลานั้น
คามิวเข้าใจว่าบุรุษผู้ใกล้เคียงพระเจ้าไม่เคยเเตะต้องเครื่องดื่มเหล่านั้นมาก่อน
เเละคืนนั้นอาจจะเป็นครั้งเเรกที่ชากะดื่มเหล้า เขาจึงได้นึกเป็นห่วงสารพัด
"ข้า...
ข้าไม่เป็นไร"
น้ำเสียงทุ้มนุ่มที่ชักเริ่มจะอ้อเเอ้ตอบกลับมา
ทว่าเรือนกายอันสูงใหญ่นั้นกลับส่ายโงนเงนอย่างน่ากลัวว่าคงจะกลับไปไม่ถึงวิหารของตนเป็นเเน่เเท้
คามิวได้เเต่ถอนหายใจ...... ช่วยไม่ได้
ขืนปล่อยชากะเอาไว้ในสภาพนี้สงสัยว่าคงจะไม่พ้นหลับอยู่ตรงนี้จนถึงเช้าอย่างเเน่นอน
"ส่งมือมาสิ.... ข้าจะประคองเจ้าเข้าไปในวิหารเอง"
คามิวได้เเต่นึกเสียใจที่ตนหลวมตัวเเสดงความมีน้ำใจออกไป เมื่อเจ้าของเรือนกายสูงใหญ่เเทบจะโถมน้ำหนักตัวทั้งหมดลงมาบนร่างของตน
ในขณะที่ท่อนเเขนข้างหนึ่งพาดอยู่บนบ่าของฝ่ายตรงข้าม
นัยน์ตาสีฟ้าครามของโกลเซนต์อควอเรียสลอบสังเกตดวงหน้าอันเเดงก่ำของสหายอย่างพินิจพิเคราะห์ ด้วยสิ่งที่บุรุษผู้ใกล้เคียงพระเจ้าเป็นอยู่ในเวลานี้
มันช่างห่างไกลจากภาพลักษณ์ปรกติอย่างเหลือเกิน
.....คนๆนี้ช่างงามนัก.........
ถึงเเม้ว่าจะเมามายเสียจนคอพับคออ่อนดูไม่จืด หากเเต่เค้าโครงหน้า
จมูกที่โด่งเป็นสัน ริมฝีปากอิ่มเต็มได้รูป
.....ตลอดจนเเพขนตายาวงอนที่ปิดสนิทนั้น คือความงดงามสมบูรณ์เเบบที่พระผู้เป็นเจ้าได้รังสรรค์เอาไว้ลงตัวอย่างไม่มีที่ติ
คามิวเเข็งใจพยุงร่างของสหายเข้าไปส่งถึงด้านในวิหาร
"เอ้า... นั่งที่นี่ก่อน
รอเดี๋ยวนะ ข้าจะไปชงชาเเก่ๆมาให้เจ้าดื่มจะได้ดีขึ้น"
ทว่ายังไม่ทันที่คามิวจะได้หันหลังกลับ.. ในเสี้ยวพริบตานั้นเองชากะก็คว้าข้อมือตนเอาไว้แน่น
"ไม่ต้องหรอก...... "
น้ำเสียงอ้อเเอ้ของบุรุษผู้ใกล้เคียงพระเจ้าดังขึ้นอย่างเเผ่วเบา ในขณะที่ดวงตาสีฟ้าครามของคามิวก็ต้องเบิกกว้างอย่างประหลาดใจ เมื่อพบว่าตนเองกำลังถูกดึงเข้าไปอยู่ในวงเเขนของฝ่ายตรงข้าม
ไม่มีอะไรที่จะทำให้เขาประหลาดใจได้มากเท่ากับการที่ตนเองถูกจับให้นั่งลงบนตักของสหายในสภาพเช่นนี้อีกแล้ว และด้วยปฏิกิริยาโต้ตอบที่ฉับไวพอๆกันก็ทำให้เขาสะบัดตัวหนีทันที
“โครม!!”
ร่าง2ร่างหล่นลงไปกองอยู่บนพื้นทั้งคู่
คามิวได้แต่สูดปากด้วยความเจ็บปวดเมื่อรู้สึกว่าศีรษะฟาดเข้ากับพื้นแรงเอาการ ในขณะที่ร่างอันหนาหนักชากะกลับทาบทับอยู่ด้านบน
"อะ.. "
น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความตระหนกต้องพลันชะงักงันอยู่เพียงเท่านั้น เมื่อสัมผัสจากลมหายใจอันร้อนผ่าวที่เป่ารดอยู่ที่ซอกคอนั้นทำให้เลือดในกายของตนเเทบจะเย็นเป็นน้ำเเข็ง
"ข้าเสียใจ... คามิว.."
ชากะเอ่ยเบาๆ
ในขณะที่ดวงตาสีฟ้าใสคมกล้าเปลี่ยนเป็นสีเข้มขึ้นด้วยเเรงอารมณ์
"อันที่จริงข้าเองก็ตั้งใจจะเตือนเจ้าอยู่เเล้วเหมือนกัน .
....ว่าในเวลาเช่นนี้เจ้าควรจะอยู่ห่างๆจากข้าเป็นดีที่สุด เเต่ว่าตอนนี้...."
ลมหายใจอันร้อนระอุของชากะที่คละคลุ้งไปด้วยกลิ่นเหล้านั้นยิ่งทำให้คามิวต้องขวัญกระเจิง เมื่อเขาพบว่าอ้อมเเขนเเข็งเเรงของโกลเซนต์เวอร์โกยิ่งกอดรัดตนเเน่นขึ้นอีก
"มันสายเกินไปเสียเเล้ว......"
เเละก่อนที่คามิวจะทันได้ห้ามปรามอะไร เขาก็พบว่ามือใหญ่เเข็งเเรงข้างหนึ่งของชากะได้รุก
คืบจนเกินงามเสียเเล้ว.... เมื่อมันได้สอดเข้าไปในอกเสื้อของเขาเเละลูบไล้สัมผัสผิวกายอันเปล่าเปลือยของตนอย่างจาบจ้วง ในขณะที่ริมฝีปากอันร้อนผ่าวได้ประทับเเน่น... ฝังรอยจารึกลงบนลำคอของตนอย่างถือดี
"ยะ..
หยุดนะ ..เจ้าไม่มีสิทธิ์ทำอย่างนี้กับข้า!!"
คามิวกระซิบเสียงสั่นในขณะที่พยายามจะลุกขึ้น พร้อมกับดึงชายเสื้อลงมาปกปิดเรือนร่างของตน ทว่า....
"ไม่มีสิทธิ์งั้นหรือ......
หากเจ้าคิดว่าเพียงเท่านี้จะเป็นการประกาศความเป็นเจ้าของในตัวเจ้าล่ะก็...... ข้าขอบอกว่าเจ้าคิดผิดเเล้ว...
คามิว"
อควอเรียส คามิวถึงกับสั่นสะท้านด้วยความกลัวอย่างที่ไม่เคยประสบมาก่อน อีกทั้งยิ่งไม่เคยนึกฝันว่าบุรุษผู้ใกล้เคียงพระเจ้าจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคนได้ถึงเพียงนี้.... เมื่อในพริบตานั้นเอง
เขาก็ฉีกทึ้งเสื้อผ้าของตนออกจากร่างอย่างไม่เเยเเส มิใยว่าตนจะห้ามปรามอย่างไรก็ไม่เป็นผล
สัมผัสที่ดูหยาบช้ารุนเเรงนั้น
ถึงเเม้ว่าจะทำให้คามิวตกใจเสียใจหน้าถอดสี ทว่า...
มันก็ช่างน่าพิศวงนักที่เขากลับมิได้รับความเจ็บปวดเลยแม้แต่น้อย.... ตรงกันข้าม.. มันกลับเต็มไปด้วยความอ่อนหวานนุ่มนวลราวกับว่าชากะเกรงกว่าเขาจะบุบสลายได้กระนั้นล่ะ....
เเม้กระทั่งกรงนิ้วอันเเข็งเเกร่งที่ยึดปลายคางของตนเอาไว้เเน่นเพื่อบังคับให้เงยหน้าขึ้นรับจุมพิตเเต่โดยดีนั้นก็ยังเต็มไปด้วยความละมุนละไม...
หากเเต่ปลายลิ้นที่ตวัดฉกเข้ามาในช่องปากเพื่อสำรวจความหอมหวานภายในนั้นกลับเต็มไปด้วยความเร่าร้อนรุนเเรงและโหยหาอย่างที่สุด หากทว่า... มันก็ยังมิอาจเทียบได้กับริมฝีปากอันผ่าวร้อนที่บดขยี้ลงมาอย่างหนักหน่วงเลยแม้แต่น้อย....
และในชั่วอึดใจนั้นเอง
คามิวก็พลันได้คิด...
ก่อนที่สำนึกเเห่งผิดชอบชั่วดีจะเลือนหายไป เขาจะต้องหนี...
หนีไปให้พ้นจากคนๆนี้....
"คามิว..... เป็นของข้าเถอะนะ"
ลมหายใจที่เริ่มขาดเป็นห้วงของเวอร์โก ชากะ พร้อมด้วยดวงตาสีฟ้าใสที่พลันเปลี่ยนเป็นสีเข้มขึ้นนั้น ราวกับจะรุกไล่ให้คามิวหมดหนทางขัดขืนดิ้นรน เเละเมื่อฝ่ายตรงข้ามเริ่มเสียดสีลำตัวเข้ากับตนเองเขาก็ตระหนักได้ว่าตนจะต้องตัดสินใจเเล้ว....
เเละจะต้องเป็นเดี๋ยวนี้ด้วย...
"ไม่!!.... ข้าอยู่กับเจ้าอย่างนี้ไม่ได้!!! ปล่อยนะ!!! ออโรร่า.."
"เปล่าประโยชน์น่า"
น้ำเสียงอันเย็นยะเยือกของชากะดังขึ้นเเผ่วๆราวกับต้องการจะหยอกเย้า ในขณะที่รวบข้อมือของฝ่ายตรงข้ามไว้เหนือศีรษะด้วยมือข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างหนึ่งกลับเขยื้อนต่ำลงเบื้องล่าง
คามิวอุทานหอบๆ
เมื่อมือของเขาซอนไซ้ไปทั่วทุกตารางนิ้วบนร่างอย่างเราร้อนดุเดือด ก่อนจะสะท้านเฮือกไปทั้งเรือนกาย ด้วยปลายนิ้วเรียวยาวที่ปลุกเร้ายั่วเย้าจนแทบจะอ่อนเปลี้ยไปเพราะมัน
"เก็บคอสโมของเจ้าไว้เถอะ ในยามนี้สิ่งที่เจ้าต้องการมิใช่การต่อสู้หรอก หากเเต่เป็นสิ่งนี้
ต่างหาก"
คามิวสะดุ้งเฮือก
เมื่อชากะพลันเคลื่อนกายลงต่ำอย่างกระทันหัน ก่อนจะรับเขาเข้าไว้ในปาก เเละในวินาทีนั้นเอง เขาก็ได้สูญเสียซึ่งความรู้สึกผิดชอบชั่วดีทั้งมวล... เมื่อมันได้มลายหายไปกับความมืดมิดของค่ำคืนที่ไร้แสงจันทร์....
เเละเเล้ว.......
"มัน"ก็เกิดขึ้น.....
เมื่อความเจ็บปวดที่เเทบจะฉีกกระชากร่างของตนออกเป็นริ้วๆพลันอุบัติขึ้นในที่สุด
ดวงตาสีฟ้าครามเบิกค้าง...
หยาดน้ำตาอุ่นๆเอ่อคลออยู่ที่ขอบตาก่อนจะม้วนตัวลงสู่เรียวเเก้ม ในขณะที่ชากะกลับหยุดชะงักด้วยการชำเเรกลึกเพียงครั้งเดียว ท่อนแขนแข็งแกร่งข้างหนึ่งโอบกระชับอยู่รอบลำตัว
ในขณะที่อีกข้างหนึ่งกลับยึดต้นขายาวเรียวไว้แน่น
".....ข้ารักเจ้า..."
น้ำเสียงทุ้มนุ่มกระซิบเเผ่วชิดริมฝีปากที่บวมช้ำอย่างปลอบประโลม ก่อนจะเลื่อนขึ้นไปจูบซับหยาดน้ำตาให้กับคามิวอย่างอ่อนโยนนุ่มนวล ท่ามกลางเสียงสะอื้นแผ่วของร่างที่แนบชิดอยู่ข้างใต้
และในอึดใจนั้นเอง...
คำรักที่ควรจะอ่อนหวานนุ่มนวลก็กลับถูกเเทนที่ด้วยเสียงครางลึก ยามที่บุรุษผู้ใกล้เคียงพระเจ้าเริ่มขยับเขยื้อนเคลื่อนไหว ในขณะที่คามิวทำได้เพียงเเค่เพียงหลับตาพร้อมกับกัดฟันเเน่นเพื่อสะกดกลั้นเสียงของตนเอง
"อย่า......... ลืมตาสิคามิว....
ข้าต้องการให้เจ้ารับรู้ถึงการครอบครองของข้าอย่างเต็มที่ มองตาข้าสิ"
ทว่า..
......เขาจะทำได้อย่างไร........
ในเมื่อการกระเเทกกระทั้นเเต่ละครั้งมันเเทบจะส่งให้เขาสอยสูงขึ้นทุกทีๆ จนในที่สุด.....
ก่อนที่เขาจะทันตระหนักได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น เรือนร่างอันสูงใหญ่ที่ประกบชิดอยู่ด้านบนก็กระตุกเกร็งอย่างรุนเเรง พร้อมกับกัดฟันเเน่น
ก่อนจะปลดปล่อยสายพันธุ์ของเขาอย่างหมดสิ้น เเละนั่นก็มากเกินพอที่จะทำให้คามิวระเบิดพร่าง....
สายไปเสียเเล้ว....
สำหรับการปฏิเสธ
.....ว่าไม่ต้องการเขา......
เมื่อคามิวพลันได้ตระหนักซึ้งถึงหัวใจว่า...
บัดนี้ ไม่มีคำว่า "สหาย" หลงเหลืออยู่ระหว่างพวกตนอีกต่อไป
เมื่อตนกลับกลายเป็น"ทาสเสน่หา" ที่ไม่ว่าจะอย่างไร
ก็ย่อมจะรอคอยความเมตตาจากเขาผู้เป็น
“นาย” เพียงคนเดียวเท่านั้น...
ใช่....... มันคือค่ำคืนที่ไร้ซึ่งเเสงจันทร์
หากทว่า มันก็เป็นค่ำคืนที่เปลี่ยนเเปลงชีวิตของเขาไปโดยสิ้นเชิง เมื่อต่อเเต่นี้ไป...
ทุกลมหายใจเข้าออกของเขาคงจะมิอาจเรียกหาใครได้อีกต่อไปเเล้ว นอกจาก...
...ชากะ....
เพียงผู้เดียวเท่านั้น........................
~End~
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น