8/11/2555

Bath Room





“กินรอบวง!!!....   ฮะ ฮะ ฮ่าาาาา!!........    จ่ายมาๆทุกท่าน

จ่ายสด   งดเชื่อ  เบื่อทวงนะ”


เสียงตะโกนลั่นอย่างดีใจสุดขีดของเจมินี่  คาน่อนดังก้องสะท้อนไปทั่วห้องอาบน้ำรวมกว้างใหญ่   ขณะที่เจ้าตัวหัวเราะร่าในสภาพเมาได้ที่พร้อมกับเดินสายเก็บเงินรอบวงด้วยร่างเปลือยเปล่าที่อาบแสงเทียนจนเป็นสีทอง   ท่ามกลางเสียงสบถลั่นอย่างโมโหของคนอื่นๆที่พ่ายแพ้เป็นรอบที่10ของวันนี้


“แก...  ไอ้น้องบ้า!!  แม้แต่พี่ชายแท้ๆก็ยังจะเอาเร้ออออ!!!”เจมินี่  ซากะร้องโวยวายด้วยน้ำเสียงอ้อแอ้พร้อมกับคว้าแก้วเหล้ามากระดกเข้าไปอีกอึกใหญ่   ก่อนจะเหวี่ยงแก้วทิ้งอย่างหัวเสียแล้วทรุดกายลงนั่งแช่น้ำตามเดิมแลเห็นเพียงคอโผล่พ้นน้ำขึ้นมา


“ในเกมอย่างนี้ไม่มีคำว่าพี่น้อง   จ่ายมาซะดีๆซากะ”

คาน่อนร้องบอกมาจากอีกฟากหนึ่งของบ่อน้ำร้อน  พร้อมกับเก็บรวบรวมเงินที่ได้จากชัยชนะของตนโดยไม่แยแสสีหน้าเบื่อหน่ายสุดขีดของทอรัส  อันเดบาลัน   แคนเซอร์   เดธมาร์คและ เลโอ  ไอโอเรีย  ที่ต้องจ่ายมากกว่าใครเพื่อนในวันนี้  


ชายหนุ่มทั้ง3คนลุกขึ้นยืนโงนเงนแล้วหันไปคว้าผ้าเช็ดตัวคนละผืนมาพันรอบกายก่อนจะขึ้นจากน้ำ


“อึ๊ก....  พอ...   พอกันที.....” โกลเซนต์ทอรัสพูดเสียงยานคางขณะที่ยันท่อนแขนข้างหนึ่งเข้ากับฝาผนังหินอ่อนดำสนิท   ที่ใต้วงแขนยังคงกอดขวดเหล้าที่เหลือเกินครึ่งไว้แน่นพลางชำเลืองมองสหายอีก2คนที่หมดเนื้อหมดตัวพอๆกันกำลังโบกไม้โบกมืออย่างหัวเสีย


“วันนี้หมดตัว....   หลับสบายแน่  .....ฮะ  ...ฮัดเช่ย!!”ราชสีห์หนุ่มไอโอเรียยังพูดไม่ทันจบก็จามออกมาเสียงดังสนั่น   ก่อนจะซวนเซหงายหลังโครมลงไปในบ่ออีกรอบท่ามกลางเสียงหัวเราะอย่างขบขันของเพื่อนๆ


“เจ้าเมามากแล้วน่า...........  ไป...  อึ๊ก..   ..ไปนอนซะ”

น้ำเสียงอันทุ้มนุ่มของบุรุษผู้ใกล้เคียงพระเจ้าเตือนขึ้นด้วยความหวังดี   พร้อมด้วยร่างสูงเพรียวที่หันไปคว้าผ้าเช็ดตัวของมูขึ้นมาด้วยเข้าใจว่าเป็นของตัวเองแล้วเดินโซซัดโซเซออกไปจากห้องอาบน้ำ   ขณะที่เจ้าของผ้าเช็ดตัวตะโกนด่าเสียงดังลั่นไล่หลังไป



โกลเซนต์หนุ่มอีกหลายคนกำลังทยอยขึ้นจากน้ำ  ก่อนจะเดินโซเซตามชากะออกไปในสภาพที่ไม่ต่างกันมากนัก  แต่ละคนล้วนแต่อยู่ในสภาพเรือนผมเปียกลู่ติดหนังศีรษะกับเรือนร่างที่เปลือยเปล่ามีเพียงผ้าขนหนูผืนเล็กพันรอบเอว   ขณะที่ผิวกายแดงจัดจากการแช่น้ำร้อนเป็นเวลานานเหมือนๆกันทุกคน  


การร่ำสุรากันมาตั้งแต่ช่วงหลังตะวันตกดินจนกระทั่งดึกดื่นค่อนคืนเช่นนี้ส่งผลให้ทั่วทั้งห้องอาบน้ำหินอ่อนฟุ้งตลบไปด้วยกลิ่นเหล้าฉุนเตะจมูก   ทั้งขวดเปล่าและแก้วเหล้าอีกอีกนับสิบใบที่วางรียงรายอยู่รอบๆขอบบ่อสะท้อนแสงเทียนนับร้อยจากเชิงเทียนทองเหลืองที่ตั้งอยู่ทั้ง4มุมของห้องเป็นประกายวาววับ   เปลวไฟเล็กๆนับร้อยนับพันที่เต้นระริกอยู่ท่ามกลางความมืดนั้นขับผิวกายของผู้ที่ยังคงอ้อยอิ่งอยู่ในน้ำให้เป็นสีทองอร่ามชวนมอง  


เรือนกายสูงเพรียวของชายหนุ่ม2คนที่ยังคงนั่งนิ่งอยู่คนละมุมบ่อด้วยอารมณ์และความรู้สึกนึกคิดที่ต่างกันออกไปนั้นดูราวกับกำลังจมอยู่ในห้วงคำนึงของตนเอง   เมื่อต่างคนต่างก็ทอดสายตาออกไปไปคนละทางประหนึ่งมิได้รับรู้ถึงตัวตนของอีกฝ่ายหนึ่งเลย....  


ดวงตาสีฟ้าครามของโกลเซนต์อควอเรียสเหม่อมองผ่านทางช่องหน้าต่างบานใหญ่ออกไปยังทิวทัศน์มืดสลัวเบื้องนอกพร้อมด้วยหัวใจหนักอึ้ง   แก้วเหล้าที่เพิ่งจะพร่องไปเพียงครึ่งยังคงอยู่ในมือ   ถึงแม้ว่าจะดื่มไม่จัดเท่ากับคนอื่นๆทว่าคามิวก็ตระหนักดีว่ามันก็มิใช่น้อยเลย   เมื่อเขาจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าแก้วนี้เป็นแก้วที่เท่าไหร่แล้ว



......ไอ้บ้ามิโร่   ไปตายซะ...  


ผีป่าตนไหนดลใจให้เจ้าทำอย่างนี้กับข้ากัน  สาบานว่าครั้งหน้าที่เจอหน้าเจ้าข้าจะแช่แข็งเจ้าเอาไว้ชั่วนิรันดร์ฐานทำให้ข้าต้องอับอาย



คามิวคิดอย่างหัวเสีย   พลางวักน้ำราดลงบนต้นคอและลาดไหล่เปลือยเปล่าของตัวเองอีกครั้งราวกับจะให้น้ำร้อนชะล้างบางสิ่งบางอย่างออกไป   ....จากหัวใจ......


ทว่าร่องรอยเหล่านั้นกลับไม่ยอมเลือนหายไปง่ายๆอย่างใจคิด   กลับจะยิ่งย้ำเตือนให้ชายหนุ่มต้องหวนนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างตนกับสหายที่เติบโตมาด้วยกัน....   เรื่องที่ตนไม่อยากนึกถึง     และยิ่งไม่เคยคาดคิดว่ามันจะเกิดขึ้นได้ระหว่างผู้ชาย2คนแม้แต่ในความฝัน


ตั้งแต่เมื่อคืนที่เกิดเหตุ   โกลเซนต์อควอเรียสก็รู้สึกว่าสหายรักพยายามหลบหน้าหลบตาตนตลอดทั้งวันซึ่งก็นับว่าดีแล้ว....   ด้วยในเวลานี้หากต้องพบเจอกันล่ะก็   เขาเองก็ไม่รู้จะทำหน้าอย่างไร  ในขณะเดียวกับที่มิโร่เองก็คงไม่กล้าสู้หน้าเขาไปอีกนาน



“ เป็นอะไรไปล่ะ”


น้ำเสียงอันทุ้มนุ่มของใครบางคนดังขึ้นจากเบื้องหลังส่งผลให้อควอเรียสหนุ่มหันขวับทันที   ท่ามกลางไอน้ำสีขาวพร่างราวกับม่านหมอก...  เรือนร่างเปลือยเปล่างดงามสมบูรณ์แบบของสหายวิหารถัดไปยืนนิ่งอยู่กลางบ่อในสภาพที่แลเห็นเพียงร่างกายท่อนบนตั้งเเต่ลอนสะโพกขึ้นไปที่โผล่พ้นน้ำ      


พิสเซส   อโฟรดิเทก้าวเข้ามาใกล้พลางสะบัดเรือนผมสีฟ้าอ่อนเปียกลู่ไปด้านหลัง   เผยให้เห็นช่วงบ่าแข็งแกร่งกับแผ่นอกกว้างงดงามได้รูปที่ต้องแสงเทียนจนแลดูราวกับรูปสลักทองแดงที่มีชีวิต


“เปล่า....   ไม่มีอะไร”


คามิวตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงอันราบเรียบก่อนจะหันหลังกลับไป   แต่แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าไม่ควรเพราะการทำเช่นนั้นจะเป็นการเผยร่องรอยเหล่านั้นให้ฝ่ายตรงข้ามเห็น   ..ทว่ากว่าจะนึกได้ก็สายเสียแล้ว   เมื่อเห็นได้ชัดว่าดวงตาสีฟ้าใสซึ่งเปล่งประกายวาววับอยู่ท่ามกลางแสงสลัวของอโฟรดิเทกำลังจับจ้องนิ่งอยู่ที่ช่วงบ่าของตน    และพริบตานั้นคามิวก็พลันตระหนักว่าตนคิดผิดมหันต์เพียงใดที่ตัดสินใจลงมาร่วมวงกับเหล่าสหายในคืนนี้



“เจ้ารักเขามิใช่หรือ”


โกลเซนต์พิสเซสเอ่ยถามขึ้นราวกับจะล่วงรู้เหตุการณ์ทั้งหมดและสำหรับคามิว...  คำพูดประโยคนั้นยิ่งทำให้เขาตะขิดตะขวงใจหากความสงสัยนั้นยังมีมากกว่า



“เจ้ารู้เรื่อง...”

“ข้าเห็น” เจ้าของเรือนผมสีฟ้าอ่อนจางเปียกลู่แนบไปกับแผ่นหลังขาวเนียนพลันสอดขึ้นมาทันควัน


“ไม่ต้องทำตาโตเป็นไข่ห่านไปหรอกน่า...  

เป็นเพราะเสียงโวยวายของเจ้าเมื่อคืนนี้ต่างหากที่ทำให้ข้ารู้...  มิใช่ว่าข้าจงใจสอดรู้สอดเห็นเรื่องของเจ้าหรอกนะ”



อโฟรดิเทย่อกายลงแช่น้ำเคียงข้างคามิวพลางถอนหายใจยาวอย่างสบายอกสบายใจเมื่อความร้อนแทรกซึมเข้าไปในทุกอณูของร่างกายพร้อมด้วยนัยน์ตาสีฟ้าใสที่ฉายแววขบขัน    เมื่อได้เห็นใบหน้างดงามของสหายเปลี่ยนเป็นสีเข้มขึ้นมาทันตาเห็น


“เจ้าเข้าใจผิดแล้วอโฟรดิเท...   พวกข้า2คนมิได้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งอะไรกัน  

มันจะเป็นไปได้อย่างไรในเมื่อข้ามิใช่สตรี” โกลเซนต์อควอเรียสรีบแย้งขึ้นทันทีที่ตั้งสติได้   ขณะที่อีกฝ่ายกลับหัวเราะเสียงแผ่ว


“ก็แล้วมิโร่คิดเช่นเดียวกับเจ้าที่ไหนกันเล่า....

ทว่าหากเมื่อคืนนี้เกิดอะไรขึ้นได้ก็คงแปลกพิลึกล่ะ   ในเมื่อเจ้าระเบิดคอสโมข่มขวัญออกมารุนแรงถึงปานนั้น   แต่กระนั้น.......”น้ำเสียงทุ้มนุ่มเงียบหายไป   ก่อนที่ปลายนิ้วเรียวยาวร้อนผ่าวจะปัดปอยผมสีน้ำทะเลเปียกโชกของสหายออกไปให้พ้นบ่าอย่างถือวิสาสะ


“เจ้าหมอนั่นก็ยังฝากร่องรอยเอาไว้ให้เจ้าได้ถึงเพียงนี้”


ประกายสีฟ้าใสวาววับของอโฟรดิเทประสานเข้ากับแววหวาดวิตกสีฟ้าครามที่กำลังเบิกกว้างนิ่งนาน  และมันก็ทำให้อควอเรียสหนุ่มถึงกับลืมตัวไปชั่วขณะ...  ที่ผ่านมาถึงแม้อโฟรดิเทจะเป็นโกลเซนต์ที่อยู่วิหารถัดไปซึ่งมีความสนิทสนมกันในระดับหนึ่ง    ทว่าบุรุษผู้นี้ก็ค่อนข้างมีรูปลักษณ์ที่สวยสดงดงามราวอิสตรี  


ไม่นึกเลย......  


ว่ายามนี้ดวงตาคู่งามซึ่งล้อมกรอบด้วยแพขนตายาวงอนคู่นั้นจะตรึงสายตาของตนเอาไว้ได้  

ราวกับมีมือที่มองไม่เห็นยึดปลายคางตนเอาไว้แน่นกระนั้น...




เป็นครั้งแรกจริงๆที่คามิวนึกบทสนทนากับสหายตรงหน้าไม่ออก   ในขณะที่อโฟรดิเทยังคงสบตานิ่งอยู่เช่นนั้น   จนในที่สุดเขาก็จำต้องเป็นฝ่ายหลบสายตาเสียเอง....   เมื่อเริ่มรู้สึกถึงความกลัวอันปราศจากเหตุผลที่แผ่ซ่านขึ้นมาอย่างเงียบๆ

เรือนร่างสูงเพรียวของโกลเซนต์อควอเรียสจึงทำทีหันไปคว้าแก้วเหล้ามาดื่มแบบชนิดรวดเดียวหมดแก้วด้วยสีหน้าอันเรียบเฉย  ประหนึ่งว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

และในอึดใจนั้นเอง   ชายหนุ่มก็ถึงกับต้องสะดุ้งเฮือก    เมื่อรู้สึกถึงสัมผัสแผ่วเบาของอะไรบางอย่างที่แผ่นหลังเปลือยเปล่าของตน   ก่อนจะต้องเบิกตาค้างอย่างตระหนก   เมื่อกุหลาบตูมสีชมพูดอกหนึ่งพลันยื่นเข้ามาตรงหน้า  พร้อมด้วยกลิ่นหอมอันแปลกประหลาด


“อะไรกันคามิว....”น้ำเสียงทุ้มนุ่มของอโฟรดิเทดังขึ้นอย่างแผ่วเบา   พร้อมด้วยดวงตาสีฟ้าใสวาววับที่ยังคงจับจ้องนิ่งอยู่บนใบหน้าอันงดงามที่กำลังตื่นตระหนกของฝ่ายตรงข้าม


“เวลานี้เจ้าดูราวกับลูกกวางขี้ตระหนกไปเสียแล้ว...

เรื่องเมื่อคืนนี้กับมิโร่มันทำให้เจ้าขวัญผวาได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ”เจ้าของกุหลาบตูมดอกที่ยังคง
กวาดไล้แผ่วเบาไปตามโครงหน้าของคามิวจบประโยคพร้อมด้วยรอยยิ้มน้อยๆบนใบหน้า



“เจ้าดูเครียด...   คิดมาก  เสียจนข้าชักจะทนดูไม่ไหวแล้วนะ

ดูเอาเถิด....   รูปลักษณ์ที่เคยเต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจในตัวเองของเจ้าหายไปไหนหมดแล้ว...”



“ข้า......    ”  อควอเรียสหนุ่มพูดได้เพียงคำเดียวก็ต้องหุบปากสนิท  ก่อนจะถอนหายใจยาว

“ข้าไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้น   เจ้านั่นแหละที่คิดมากเกินไป” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงแข็ง   พร้อมกับหันไปรินเหล้าเพิ่ม   ในขณะที่จำต้องยอมรับอยู่ลึกๆภายในว่า....  

เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้นั้น   เป็นอะไรที่สุดจะรับได้จริงๆ


และทุกครั้งที่นึกถึงมัน   เขาก็มีแต่ความไม่สบายใจ...  เมื่อคามิวยิ่งกว่าแน่ใจ ว่าตนเองคงไม่อาจจะมองหน้ามิโร่ได้สนิทใจอย่างเก่าอีกแล้ว  

และบางที.....   หากว่าเขาดื่มให้จัดกว่านี้อีกนิดอาจจะทำให้รู้สึกดีขึ้นบ้างก็เป็นได้



“...คนปากแข็ง.....”

อโฟรดิเทหัวเราะเสียงแผ่วพลางส่ายหน้าน้อยๆ  ก่อนจะเอื้อมมือไปแตะปลายคางของอีกฝ่ายหนึ่งอย่างนุ่มนวลแล้วเขยิบเข้าไปใกล้


“ถ้าเช่นนั้นก็จงมองข้านี่...  

หากว่าเจ้ายังคงเป็นอควอเรียส   คามิวคนเดิมอยู่จริง   ใยจึงต้องหลบตาข้า”


“ข้าเห็นความกลัวอยู่ในดวงตาของเจ้า  

อย่าบอกนะว่าในยามนี้เจ้าหวาดกลัวแม้กระทั่งสหายที่คบหากันมานานอย่างข้ากระนั้นหรือ......
หากว่านี่เป็นเวลาปกติแล้วล่ะก็ข้าคงจะอดเคืองเจ้าไม่ได้   แต่ตอนนี้....”

อุ้งมือขาวนวลทว่าแข็งแกร่งของโกลเซนต์พิสเซสพลันขยับขึ้นรวบเส้นผมที่เปียกโชกของคามิวไปข้างหนึ่ง   เผยให้เห็นรอยช้ำบริเวณต้นคอ   ลาดไหล่และแผ่นอก  ในขณะที่เจ้าตัวพยายามที่จะปัดมือออก   ทว่า....


ช่างเหลือเชื่อนัก   ที่ในยามนี้บุรุษผู้งดงามราวอิสตรีเบื้องหน้าตนผู้นี้กลับมีกำลังมากกว่า
เมื่ออโฟรดิเทกระชับข้อมือของตนไว้แน่นด้วยมืออีกข้างหนึ่งอย่างง่ายดาย


“แต่ตอนนี้ข้ากลับรู้สึกว่าอควอเรียส   คามิว   ...คนที่อยู่ตรงหน้าข้านี้กลับดูมีเสน่ห์ในแบบที่ไม่เคยมีผู้ใดได้เห็นมาก่อน”

ชายหนุ่มปรายหางตามองร่องรอยบนเรือนร่างของอีกฝ่ายแวบหนึ่ง   ก่อนจะตวัดสายตากลับมายังใบหน้างดงามที่กำลังตกตะลึงจนทำอะไรไม่ถูกของสหาย   พร้อมด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ร้ายกาจ


“เจ้าจงวางใจเถิด...   ถ้าหากว่ารอยเหล่านั้นมันทำให้เจ้าเป็นกังวลถึงเพียงนี้ล่ะก็
ข้าจะปัดเป่ามันให้หายไปเอง.........”

“ดะ...  เดี๋ยวก่อน!”

โกลเซนต์อควอเรียสยังไม่ทันได้โวยวาย   ริมฝีปากที่กำลังเผยอค้างก็พลันถูกปิดเสียก่อน



เมื่อกุหลาบตูมดอกน้อยดอกเดิมถูกยื่นเข้ามาจนแนบชิดกับริมฝีปาก   ในขณะเดียวกับที่ใบหน้าที่งดงามชวนลุ่มหลงพลันยื่นเข้ามาใกล้พร้อมด้วยน้ำเสียงอันนุ่มนวล


“ช่างน่ารักเสียจริง...เด็กน้อย....

ที่ผ่านมาไม่เคยมีใครบอกเจ้าบ้างหรอกหรือ.....

ว่าหากยังอยากจะรักษาตัวให้อยู่รอดปลอดภัยแล้ว   เจ้ามิควรจะแสดงสีหน้าอย่างนี้....
ด้วยเพราะมันจะทำให้ผู้ที่ได้เห็นอดใจไว้ไม่อยู่....  อย่างเช่นข้านี่......”


และก่อนที่คามิวจะทันได้ตระหนักว่าเกิดอะไรขึ้น   เขาก็พบว่าตนเองถูกดึงเข้าไปอยู่ในวงแขนแข็งแรงของอีกฝ่ายหนึ่งตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้   .....ดวงตาสีฟ้าครามเบิกค้างอย่างใจหาย  ในขณะที่ดวงตาสีฟ้าใสของอโพรดิเทก็จ้องตอบกลับมาอย่างร้อนแรง





“คามิวววว    เจ้าอยู่ในนั้นหรือเปล่า......”


เสียงของใครคนหนึ่งที่ตะโกนก้องมาจากด้านนอกของห้องอาบน้ำ   ส่งผลให้โกลเซนต์อควอเรียสถึงกับสะดุ้งเฮือก   เมื่อเจ้าของเสียงนั้นคงจะเป็นใครไปมิได้นอกจาก....

สกอร์เปียน  มิโร่...  เจ้าเพื่อนตัวดีที่สร้างปัญหาหนักใจให้



คามิวหันรีหันขวางอย่างทำอะไรไม่ถูก   ในขณะที่โกลเซนต์พิสเซสเพียงแต่หัวเราะเบาๆอยู่ในลำคออย่างขบขัน   ก่อนจะยอมคลายวงแขนออกแต่โดยดี


“พระเอกตัวจริงของเจ้ามาแล้ว....”ชายหนุ่มกระซิบเสียงนุ่มชิดริมหูของอีกฝ่าย   พร้อมกับจงใจปัดริมฝีปากผ่านเรียวแก้มของคามิวอย่างรวดเร็วและแผ่วเบา   ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วหันหลังกลับ


“ไว้เจ้าไปสานต่อเรื่องนี้กับเจ้าหมอนั่นก็แล้วกันนะ”

อโฟรดิเทจบประโยคพร้อมกับโบกมือให้ก่อนจะคว้าผ้าเช็ดตัวมาพันรอบกายแล้วขึ้นจากน้ำ   ในขณะเดียวกับที่มิโร่วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาในสภาพที่สวมชุดโกลครอธครบเครื่อง


“อ้าว!!.... เจ้าก็อยู่นี่นา   แล้วทำไมถึงไม่ตอบข้าล่ะ

เอ้อ...  หวัดดี  อโฟรดิเท    .....ข้าไม่ทันเห็นเจ้า”มิโร่จบประโยคด้วยน้ำเสียงที่เบากว่าเดิม   เมื่อเพิ่งจะได้ตระหนักว่าตนเองมิได้อยู่กับคามิวตามลำพัง


“ข้ากำลังจะขึ้นน่ะ   วันนี้แช่นานแล้ว....   ตามสบายนะ”โกลเซนต์พิสเซสเอ่ยเสียงเรียบพร้อมกับหันหลังเดินออกไปจากห้องอาบน้ำ



....ทิ้งสหายอีก2คนเอาไว้ให้เผชิญหน้ากันและกัน


ตามลำพัง.............




~End~


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น