8/16/2555

Special Request For khaohom : My Fair Camus







เสียงอะไรน่ะ......


หนวกหูจังเลย.......  

ว้า.....     วันดีๆอากาศเย็นๆอย่างนี้  จะขอนอนให้มันเต็มอิ่มหน่อยไม่ได้รึไงกันนะ


เด็กที่ไหนมาร้องไห้อยู่แถวนี้นะ...   พ่อแม่ไม่รู้จักดูแลลูกเลย...



เอาละ..    ตื่นก็ตื่น..... . .พอซะทีเถอะ   หยุดร้องซะที  หนวกหู....




สาวน้อยร่างเพรียวบางจำต้องลืมตาขึ้นอย่างเสียไม่ได้เมื่อต้องเจอกับมลพิษทางเสียง   ใบหน้างามบูดบึ้งด้วยเพราะถูกรบกวนการนอนหลับ    ร่างบางในชุดนอนผ้าสำลีอย่างหนาเลิกผ้าห่มออกจากตัวอย่างไม่ค่อยเต็มใจนักก่อนจะลุกขึ้นนั่งแล้วหย่อนปลายเท้าลงสู่พื้น   แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งเมื่อปลายเท้าที่สวมเพียงถุงเท้าบางๆสัมผัสเข้ากับพื้นหินอ่อนเย็นจัด


เธอร้องอุทานแผ่วเบา   ก่อนจะหันไปเห็นว่าเครื่องทำความร้อนในห้องนอนถูกปิดไปตั้งนานแล้ว    พร้อมกันนั้น...   บนโต๊ะเล็กๆข้างเตียงนอน  มีกระดาษโน้ตแผ่นหนึ่งวางอยู่พร้อมด้วยแจกันดอกไม้ใบจิ๋วทับมุมเอาไว้



..............ถ้าพ่อกับแม่ไม่ทำแบบนี้หนูคงจะนอนจนตะวันโด่งก็ยังไม่ฟื้น.....


เฝ้าบ้านดีๆด้วยนะลูก   วันนี้พ่อกับแม่จะไปดูพระราชวังแวร์ซายแล้วก็จะเดินเที่ยวชอปปิ้งกันต่อให้สนุกไปเลย....


ปล : ขนมปังกระเทียมกับซุปอยู่ในตู้เย็น   ใส่เวฟทำเอาเองนะ

                                                       

                                                       แล้วเรา2คนจะเที่ยวเผื่อลูกจ้ะ....



คนเป็นลูกอ่านแล้วก็อยากจะโวยวายเหลือเกิน  พร้อมทั้งนึกโมโหตัวเองที่นอนขี้เซาเสียจนอดเที่ยวไปอีก1วัน    เมื่อเธอแน่ใจนักหนาว่ากว่าที่พ่อกับแม่ของเธอจะเขียนโน้ตสั้นๆฉบับนี้ทิ้งไว้ให้   พวกท่านจะต้องใช้ความพยายามมากมายมหาศาลในการปลุกเธอเลยทีเดียว   จนกระทั่ง...   ความขี้เซาของตัวเองทำให้พวกท่านหมดความอดทนในที่สุด


......อดเที่ยวอีกแล้ว......


..มาฝรั่งเศสคราวนี้   ยังไม่ได้ออกไปดูอะไรเลย.......



เสียงร้องไห้ที่ปลุกให้จอมขี้เซาตื่นจากนิทรา  ส่งผลให้เจ้าของร่างบางก้าวไปที่ประตูบ้านแล้วแหวกผ้าม่านออกดู.....    ดวงตาสีดำขลับเบิกกว้างอย่างประหลาดใจ   เมื่อพบว่าที่หน้าบ้านพักมีร่างเล็กๆของเด็กชายตัวน้อยนั่งร้องไห้อยู่    และโดยไม่รอช้าเธอก็เปิดประตูออกไปทันที



หนู....   ร้องไห้ทำไม..  เจ็บตรงไหนรึเปล่า เสียงใสที่หายงัวเงียเป็นปลิดทิ้งเมื่อสัมผัสลมหนาวเอ่ยถามเด็กชายที่กำลังซบหน้าอยู่กับท่อนแขนของตัวเองเป็นภาษาอังกฤษอย่างอ่อนโยน   พร้อมกับหวังไว้ในใจลึกๆว่าคงจะคุยกันรู้เรื่อง


ศีรษะเล็กๆที่ปกคลุมด้วยเส้นผมสีฟ้าน้ำทะเลที่ปล่อยยาวถึงกลางหลังค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองคนแปลกหน้าที่เข้ามาใกล้    ใบหน้ากลมน่ารักน่าชังของเด็กชายตัวน้อยซึ่งดูอย่างไรก็ไม่น่าจะเกิน6ขวบ...   เต็มไปด้วยคราบเลอะเทอะและรอยเปียกชื้นของน้ำตา   ร่างเล็กจิ๋วยังคงสะอื้นเป็นพักๆ  ในขณะที่ดวงตากลมโตสีฟ้าครามสบตาเข้ากับคนที่โตกว่าอย่างไม่ไว้วางใจ




เธอเป็นใครน่ะ


เด็กชายตัวน้อยเอ่ยปากถามในที่สุด   ทว่า...   เพียงแค่ประโยคแรกที่ออกมาจากปากเล็กๆนั่นก็มากพอจะทำให้ฝ่ายตรงข้ามต้องกุมขมับแล้ว    เมื่อได้ตระหนักชัดในความจริงที่ว่า   ..พ่อหนูน้อยคนนี้พูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลย   และคำพูดที่เปล่งออกมานั่นก็มีแต่ภาษาฝรั่งเศสล้วนๆ



.....เอาล่ะสิ..   จะทำยังไงดี........


พูดอังกฤษไม่ได้...   ภาษาไทยก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย......




ถึงแม้จะคุยกันไม่รู้เรื่อง   แต่ว่าสาวน้อยก็ยังคงไม่ยอมแพ้  เมื่อเธอแนะนำตัวเองกับเพื่อนใหม่ตัวจิ๋วด้วยภาษาอังกฤษต่อไป


เอ่อ...พี่ชื่อข้าวหอมนะ   รู้จักไหม  ...ข้ามหอมอะสาวน้อยนามข้าวหอม  พยายามอย่างเต็มที่ที่จะทำให้เพื่อนใหม่รู้จักเธอด้วยการเรียกชื่อตัวเองซ้ำๆพร้อมกับชี้นิ้วมาที่ตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่า



ข่าวววว....หอมมมมมม  เด็กน้อยพยายามเลียนเสียงภาษาอันแปร่งหูและไม่เคยคุ้นมาก่อน   ในขณะที่ฝ่ายตรงข้ามถอนหายใจยาวพร้อมด้วยดวงตาที่เป็นประกายอย่างดีอกดีใจ  



แล้วเธอชื่อไรอะคราวนี้เธอเป็นฝ่ายถามกลับบ้าง  



คามิว


เด็กชายตัวน้อยบอก  ..ตามด้วยอะไรบางอย่างซึ่งเธอไม่เข้าใจ  ทว่าจากท่าทีที่เพื่อนใหม่ทำท่าทำทางประกอบก็พอจะทำให้เธอเข้าใจได้ลางๆ


พ่อหนูน้อยคนนี้คงจะวิ่งผ่านหน้าบ้านพักของเธอแล้วหกล้ม   สังเกตได้จากรอยถลอกจนเลือดซิบที่หัวเข่าและข้อศอก



เข้ามาในบ้านก่อนสิ   พี่จะใส่ยาให้เธอบอกอย่างนุ่มนวลพร้อมกับส่งมือให้พ่อหนู

ดวงตาสีฟ้าครามที่ยังคงมีคราบน้ำตาให้เห็นจ้องมองมือข้างนั้นอย่างลังเลอยู่ครู่หนึ่ง   ก่อนจะยอมส่งมือให้จับแต่โดยดี    และตอนนั้นเองที่ข้าวหอมได้สังเกตเห็น...


ว่ามีดอกลิลลี่สีขาวบริสุทธิ์ดอกหนึ่งอยู่ในมือเล็กๆอีกข้างหนึ่งของเด็กน้อย   หากแต่ก้านดอกไม้หักครึ่งเสียแล้ว.....

ส่วนกลีบดอกไม้สีขาวก็เป็นรอยช้ำจากการที่เจ้าตัวหกล้มเมื่อครู่......






กล่องปฐมพยาบาลใบย่อมถูกรื้อค้นออกมาจากกระเป๋าเดินทาง   ในขณะที่คามิวที่เพิ่งจะหยุดร้องไห้นั่งรออยู่ที่โซฟาพร้อมด้วยดอกไม้ในมือที่ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่ยอมวาง



เอาละ   เธอจะไม่วางมันลงก็ได้ เสียงใสของคนที่โตกว่าเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอันแผ่วเบาก่อนจะคุกเข่าลงตรงหน้าเพื่อนตัวน้อย  


แต่ว่าเธอจะต้องยื่นแขนข้างนั้นออกมาให้พี่ใส่ยา เธอบอกพร้อมกับชี้มือไปที่บาดแผลตรงข้อศอกของแขนข้างที่กำดอกไม้ไว้แน่นแล้วพยายามทำท่าทำทางบอก  สลับกับการชี้นิ้วไปที่ขวดยา


มันได้ผล....

เมื่อพ่อหนูน้อยยอมย้ายดอกไม้สุดรักสุดหวงไปไว้ในมืออีกข้างหนึ่ง   ก่อนจะยอมยื่นแขนข้างนั้นให้แต่โดยดี


และนั่นทำให้ข้าวหอมอดยิ้มออกมาไม่ได้  เมื่อสังเกตเห็นสีหน้าที่ทนฝืนกล้ำกลืนความเจ็บปวดยามที่เธอราดน้ำยาฆ่าเชื้อลงบนบาดแผล...   



ด้วยอายุเพียงเท่านี้   หากทว่าคามิวตัวน้อยก็ช่างมีน้ำอดน้ำทนดียิ่งนัก    และไม่ยอมปริปากร้องเลยแม้แต่น้อยจวบจนกระทั่งทำแผลเสร็จ    พ่อหนูน้อยจับจ้องมองดูคนแปลกหน้าที่กำลังติดพลาสเตอร์ที่หัวเข่าของตนเองด้วยดวงตาสีฟ้าครามกับใบหน้าที่มีวี่แววว่า..  อีกภายในไม่กี่ปีข้างหน้านี้   หน้าตาแบบนี้คงจะทำให้สาวๆหัวใจอ่อนระทวยได้เป็นแน่แท้


เอาล่ะ..  เสร็จแล้วจ้ะเธอเงยหน้าขึ้นบอกพ่อหนูน้อยพร้อมกับปิดกล่องปฐมพยาบาล   ก่อนจะขมวดคิ้วยุ่ง  เมื่อคามิวพูดอะไรบางอย่างออกมาอีกประโยคหนึ่ง



เธอพูดอะไรน่ะ   พี่ไม่เข้าใจ



ดูเหมือนว่าความรู้สึกนั้นจะส่งผ่านมาถึงเพื่อนตัวน้อยได้   เมื่อคามิวชูดอกไม้ในมือขึ้นแล้วพูดประโยคเดิมซ้ำพลางทำหน้าเศร้า



จะให้พี่เหรอเสียงใสถามอย่างลังเลพร้อมกับชี้นิ้วมาที่ตัวเอง  แต่แล้วก็ต้องยิ่งงงกว่าเดิมอีก  เมื่อศีรษะเล็กๆนั้นส่ายหน้าอย่างเอาเป็นเอาตายพร้อมกับพูดประโยคเดิมซ้ำๆ



......เอาล่ะสิ.....   ซวยของแท้ล่ะทีนี้.....


....ฟังไม่รู้เรื่องเลย.....



ข้าวหอมถอนหายใจพรืดอย่างยอมแพ้ก่อนจะลุกขึ้นยืนในที่สุด...    หากทว่าในตอนนั้นเอง   ที่ดูเหมือนจะมีคำๆหนึ่งในประโยคที่ซ้ำไปซ้ำมานั้นที่เธอพอจะเข้าใจ  



มามองค์......  เธอพูดว่ามามองค์งั้นเหรอ ถึงแม้ว่าจะไม่แน่ใจนัก  ทว่าสาวน้อยก็ถามออกไปอย่างชัดถ้อยชัดคำพร้อมกับเริ่มมีความหวังขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง    และก็ต้องยิ้มกว้างอย่างดีอกดีใจ   เพื่อคามิวพยักหน้าถี่รัว



มามองค์ทำไม 



คราวนี้คามิวตัวน้อยทำหน้าเศร้าพร้อมกับเริ่มมีน้ำตาคลอขึ้นมาอีกครั้งพลางก้มลงมองดูดอกไม้ช้ำๆในมือของตัวเอง     และนั่นก็ทำให้เธอเริ่มรู้สึกว่าเรื่องราวทั้งหมดชักจะเริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาแล้ว



เข้าใจล่ะ!...    เธออยากจะเอานี่กลับไปให้มามองค์สินะ 

ข้าวหอมถามขึ้นพลางชี้ที่ดอกไม้ในขณะที่คามิวพยักหน้ารับ   น้ำตาอุ่นๆหยดหนึ่งหยดแหมะลงบนหัวเข่าที่ปิดพลาสเตอร์   ก่อนที่เจ้าตัวจะยกแขนขึ้นปาดมันทิ้งแล้วเช็ดมือเข้ากับกางเกงขาสั้นที่เลอะฝุ่นมอมแมม


และนั่นทำให้เธอต้องถอนหายใจอย่างสงสาร   พร้อมกับเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด



รอแปปนะ  

เจ้าของเสียงใสบอกกับพ่อหนูน้อย  ก่อนจะวิ่งหายกลับเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็วแล้วกลับออกมาพร้อมกับริบบิ้นสีแดงสดใสและกรรไกรอันเล็กๆพร้อมด้วยขวดแก้วใสใบเล็กๆที่ขนาดเหมาะเจาะ  

ในขณะที่คามิวได้แต่ทำหน้างง   ก่อนจะยอมส่งดอกไม้ในมือให้เธออย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก   ด้วยเกรงว่าพี่สาวแปลกหน้าคนนี้จะขโมยดอกไม้ดอกสำคัญของตนไป   ดวงตาสีฟ้าครามที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำใสๆจึงมองตามดอกไม้ของตนอย่างชนิดตาไม่กระพริบ



เมื่อได้ดอกไม้มาแล้วข้าวหอมก็ไม่รอช้า..    ร่างเพรียวบางลงนั่งคุกเข่าทันที  มือเรียวเล็กจัดแจงตัดก้านดอกลิลลี่ที่หักครึ่งออกอย่างรวดเร็วแล้วแต่งกลีบดอกไม้เสียใหม่ให้ดูดี   จากนั้นจึงผูกริบบิ้นสีแดงเข้าที่ก้าน   และสุดท้าย...   เธอก็จับดอกลิลลี่เสียบลงไปในขวดแก้วที่ถือติดมือมาด้วย   ...


สีแดง  เขียวและขาวตัดกันชัดเจนสวยสดงดงามจนทำให้คามิวพอจะมีรอยยิ้มให้เห็นบ้าง  



ข้าวหอมส่งขวดใส่ดอกลิลลี่ที่จัดการตกแต่งเรียบร้อยแล้วคืนให้พ่อหนู   ก่อนจะลูบศีรษะเล็กๆอย่างแผ่วเบาแล้วพูดว่า


คราวนี้พี่รับรองว่ามันจะไม่หักอีกแล้วล่ะ    เอาไปให้มามองค์ได้แล้วล่ะจ้ะ


ถึงแม้ว่าจะฟังไม่รู้เรื่อง   หากทว่าคามิวก็ยิ้มกว้างอย่างรับรู้และเข้าใจ    พ่อหนูน้อยลุกขึ้นยืนก่อนจะโผเข้าหาพี่สาวผู้แสนดี   แล้วโอบแขนกลมๆกอดรัดรอบลำคอก่อนจะมอบจุมพิตอันแสนไร้เดียงสาให้ที่เรียวแก้ม  



แมร์ซี


ร่างน้อยกล่าวคำขอบคุณด้วยใบหน้าบานแฉ่งก่อนจะหมุนร่างวิ่งออกไปจากบ้าน   ในขณะที่ข้าวหอมเดินตามออกมาส่งถึงหน้าบ้าน   พลางมองดูพ่อหนูน้อยวิ่งห่างออกไปด้วยความปลาบปลื้มก่อนจะต้องโบกมือตอบ   เมื่อคามิวตัวน้อยกระโดดหยอยๆโบกมือเห็นอยู่ลิบๆ





.....ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ออกไปเที่ยว...........แต่ว่าแบบนี้  ก็ดีเหมือนกันนะ



มาฝรั่งเศสรอบนี้ไม่เสียเที่ยวแล้วเรา.......



~End~





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น