
เฮ้อ.. อีกแล้วเหรอ
ใครก็ได้..
ทรมานเหลือเกิน นี่เราจะต้องเป็นแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน...
เป็น อีกครั้งกับคำถามที่ไม่เคยได้รับคำตอบ ยูคิมูระ จิสึรุวางอ่างไม้สำหรับล้างหน้าลงข้างบ่อน้ำพลางยกชายแขนเสื้อขึ้นซับหยดน้ำ บนใบหน้าแล้วค่อยๆลุกขึ้นยืน ร่างเล็กแบบบางในชุดกิโมโนสีชมพูอ่อนแบบเรียบๆพิงร่างเข้ากับเสาไม้ มือเล็กซีดขาวยึดเกาะขอบบ่อไว้แน่นเพื่อพยุงกายเมื่ออาการคลื่นเหียนวิง เวียนดูจะหวนกลับมาอีกครั้งหนึ่ง สาวน้อยหลับตาลงพลางสูดหายใจแรง แล้วพยายามจะทรงกายให้มั่นคงโดยฝืนสู้กับอาการอ่อนเพลีย ก่อนจะต้องเลิกล้มความคิดแล้วโน้มตัวไปข้างหน้าพลางโก่งคออาเจียนเอาทุก สิ่งทุกอย่างออกมาจนหมด
นี่ เป็นรอบที่สามของเช้าวันนี้ที่รู้สึกว่ามีอาการไม่สู้ดี การใช้ชีวิตตามลำพังในบ้านหลังน้อยแถบชานเมืองเช่นนี้ทำให้จิสึรุต้องทำ ทุกอย่างด้วยตนเอง ตั้งแต่งานปัดกวาดเช็ดถูดูแลที่อาศัย ต้มน้ำ ผ่าฟืน หุงหาอาหาร รวมทั้งงานในไร่นาซึ่งนางพยายามอย่างยิ่งที่จะเพาะปลูกอะไรสักอย่างไว้ เพื่อกินประทังชีวิต ทั้งๆที่รู้ดีอยู่เต็มอกว่าภาระอันหนักอึ้งในเวลานี้เป็นเรื่องเกินกำลัง ทว่าจิสึรุก็ไม่มีทางเลือก.. ไม่สิ นี่คือหนทางซึ่งนางเลือกที่จะเดินจากมาเองและใช้ชีวิตด้วยตัวคนเดียวต่างหาก ล่ะ
จริงๆ แล้วการเดินทางมาตามหาบิดาถึงเกียวโตอาจเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่หลวงที่สุด ในชีวิตของจิสึรุก็เป็นได้ เพราะมันทำให้เด็กสาวตัวเล็กๆที่อ่อนแอเช่นนางต้องกระโจนเข้าสู่สมรภูมิ แห่งการปฏิวัติสู่ยุคใหม่อย่างคาดไม่ถึง มันคือโลกของบุรุษที่เต็มไปด้วยการรบราฆ่าฟัน กลิ่นคาวเลือด และความตาย แต่หลังจากที่ได้เข้าไปรวมกลุ่มกับพวกนักรบชินเซ็น ทำให้จิสึรุได้พบกับเหล่าชายหนุ่มที่มากด้วยฝีมือและอุดมการณ์ ได้ใช้ชีวิตร่วมกัน ช่วยเหลือซึ่งกันและกันไม่ว่าจะเป็นเรื่องการบ้านงานเรือนหรือเรื่องการ ศึก วันเวลาที่ผ่านไปทำให้สายใยซึ่งเรียกว่าความผูกพันก่อตัวขึ้นทีละน้อยๆโดย ที่ไม่มีใครทันรู้สึกตัว จากนักโทษที่รอคอยการลงทัณฑ์ในวันวาน กลายเป็นสมาชิกคนสำคัญที่ชายหนุ่มทุกคนในกลุ่มพร้อมใจกันต่อสู้เพื่อปกป้อง คุ้มครอง จนกระทั่งวันหนึ่งจิสึรุก็ไม่รู้สึกว่าตนแปลกแยกจากคนอื่นๆอีกต่อไป ขณะเดียวกันพวกชินเซ็นทุกคนก็กลับกลายเป็นบุคคลที่มีความหมายกับนาง รวมทั้งเขาคนนั้น... หัวหน้าหน่วยที่สิบแห่งกลุ่มชินเซ็น ฮาราดะ ซาโนสุเกะ
..และเขาคือเหตุผลหลักที่ทำให้นางเลือกที่จะเดินจากมา...
สาว น้อยถอนหายใจอย่างยอมแพ้ เมื่อรู้ดีว่าอาการที่เป็นอยู่เวลานี้คงทำให้ตนไม่สามารถออกแรงทำงานบ้าน ได้อีกและคงต้องยอมถอดใจแล้วกลับเข้าไปนอนพักเสียแล้ว เพราะขณะนี้ในร่างกายของนางมีสิ่งซึ่งสำคัญยิ่งกว่าทุกอย่างโลกกำลังก่อ กำเนิดขึ้นอย่างช้าๆ นั่นคือชีวิตน้อยๆซึ่งนางทั้งรักและหวงแหนยิ่งกว่าชีวิตของตนเองเสียอีก
...ลูก...
สิ่งมีค่า ..กำลังใจเพียงอย่างเดียวที่นางจะมีได้ท่ามกลางวันเวลาที่ต้องใช้ชีวิตตามลำพัง...
จิ สึรุเอนกายลงบนที่นอนอย่างระมัดระวังแล้วจึงดึงผ้าห่มผืนบางขึ้นมาคลุมหน้า ท้องที่เพิ่งจะเริ่มนูนขึ้นมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่แล้วจู่ๆก้อนสะอื้นก็แล่นขึ้นมาจุกอยู่ที่ลำคอ น่าแปลก.. ที่ช่วงนี้รู้สึกว่าตนเองช่างบ่อน้ำตาตื้นเหลือเกิน สาวน้อยสูดน้ำมูกพลางปาดหยดน้ำตาไร้สาระออกจากหางตาอย่างไม่ใส่ใจเพราะ เริ่มจะเคยชินกับอุปนิสัยที่เปลี่ยนไปของตนเองเสียแล้ว ทว่าเป็นเพราะอะไรกันนะ.. นางจึงได้รู้สึกผูกพันกับอีกชีวิตหนึ่งซึ่งยังไม่ทันจะได้ลืมตาดูโลกถึง เพียงนี้ แต่ไม่ว่าจะเป็นเพราะสายสัมพันธ์ของแม่ลูกหรือเพราะเขาคนนั้นก็ตามแต่ ความคิดคำนึงของจิสึรุก็ได้หลุดลอยไปไกลเสียแล้ว นางนึกย้อนกลับไปถึงวันเวลาที่ยังอาศัยอยู่ในฐานที่มั่นของกลุ่มชินเซ็นใน คืนที่มีหิมะตกหนักเมื่อหลายเดือนก่อน
และคืนนั้นเอง.. ที่เด็กคนนี้ได้ถือกำเนิดขึ้น
..........................................
“ดึกป่านนี้แล้วยังดื่มอยู่อีกหรือคะ ฮาราดะซัง”
บาน ประตูไม้ที่เลื่อนออกจากกันพร้อมด้วยเสียงเรียกอันอ่อนหวานส่งผลให้ฮาราดะ ซาโนสุเกะละความสนใจจากจอกเหล้าในมือไปยังเด็กสาว.. สมาชิกกลุ่มคนล่าสุดซึ่งกำลังยกถาดใส่ผ้าร้อนเข้ามาในห้อง จิสึรุทรุดร่างลงกับพื้นอย่างนุ่มนวลก่อนจะหันหลังไปปิดประตู แล้วจึงขยับเข้ามาหาพร้อมด้วยถาดไม้ใบย่อมด้วยกิริยาซึ่งน่ารักเป็นนักหนา ในสายตาของเขา ถึงแม้ว่าการมีสตรีอยู่ในฐานเช่นนี้จะขัดต่อกฎระเบียบอันเข้มงวดของกลุ่ม ทว่าซาโนสุเกะก็แน่ใจว่าไม่มีนักรบคนใดจะปฏิเสธสาวน้อยนางนี้ได้ลงคอ นัยน์ตาคมกริบกวาดมองใบหน้าเนียนใสซึ่งฉายแววอิดโรยเล็กน้อย กับดวงตากลมโตซึ่งต้องแสงโคมเป็นประกายแล้วส่งยิ้มบางๆให้
“แล้วเจ้าล่ะ ป่วยออกอย่างนี้แล้วยังไม่รีบเข้านอนอีกหรือไง”
“ข้ายังไม่ง่วงค่ะ อีกอย่างเมื่อตอนกลางวันก็ได้นอนเสียจนเต็มอิ่มแล้ว
ตอนนี้ก็เลยยังตาสว่างอยู่”
เด็ก สาวตอบเสียงเบาพลางก้มลงวางถาดบนพื้นห้องก่อนจะยื่นผ้าร้อนส่งให้ ซาโนสุเกะจ้องมองมือเล็กที่ยื่นเข้ามาเกือบถึงตัวแล้วเอื้อมมือไปรับผ้ามา เช็ดหน้าเช็ดตาอย่างว่าง่าย
“มันไม่ใช่ความผิดของเจ้า ไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้หรอกนะ” ทว่าจิสึรุกลับส่ายหน้า ดวงหน้าหวานแลดูหม่นหมอง
“ไม่หรอกค่ะ.. เป็นเพราะข้า ฮาราดะซังถึงไม่ได้ออกไปปฏิบัติหน้าที่พร้อมกับคนอื่นๆ
ขอโทษด้วยนะคะ”
ใช่.. เพราะนางเกิดป่วยเป็นไข้หวัดอย่างกะทันหันจึงทำให้คนๆนี้ต้องอยู่เฝ้าฐาน เป็นเพื่อน ขณะที่คนอื่นๆในกลุ่มออกไปทำภารกิจกันหมดตามที่ได้ประชุมวางแผนกันเป็น อย่างดีก่อนหน้านี้ เรื่องนี้ทำให้นางอดรู้สึกว่าเป็นความผิดของตนเองไม่ได้จริงๆ ทว่าจิสึรุไม่มีโอกาสได้คิดกังวลใจนานนัก เมื่อจู่ๆชายหนุ่มก็ขยับเข้ามาใกล้พลางแตะปลายคางให้เงยหน้าขึ้นสบตา ภายใต้แสงนวลเย็นตา.. นัยน์ตาสีน้ำตาลทองคมวาวคู่นั้นจับจ้องมองนางไม่กระพริบ และมันทำให้ความร้อนฉีดขึ้นสู่สองข้างแก้มสาวน้อยโดยไม่รู้ตัว
“ก็ ข้ามีภารกิจอยู่ดูแลเจ้าในคืนนี้ยังไงล่ะ นี่ก็เป็นงานสำคัญเหมือนกันนะ” ซาโนสึเกะจบคำโดยยังคงเฝ้ามองสีหน้าแดงระเรื่อของเด็กสาวไม่วางตา พร้อมด้วยความรู้สึกบางอย่างที่เฝ้าเก็บงำไว้นานปีก่อตัวขึ้นอีกครั้งจาก ส่วนลึกในหัวใจ
..นี่เขากำลังคิดฟุ้งซ่านอะไรอยู่ ทั้งๆที่รู้ดีว่าไม่ควร..
แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ...
นาง ช่างน่ารักเหลือเกิน ถึงแม้จะแต่งกายเป็นชายและปราศจากเครื่องประทินโฉม ทว่าความงามบริสุทธิ์ที่ไม่ได้รับการปรุงแต่งใดๆของเด็กคนนี้กลับตรึงใจเขา นัก ทั้งรูปหน้าสวยหวาน นัยน์ตากลมโตใสซื่อ เรียวแก้มเนียน จมูกเล็ก และริมฝีปากสีสดราวกับผลเชอรรี่นั้นยากที่จะซุกซ่อนให้รอดพ้นจากสายตาของ บุรุษอื่นจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้นแววสำนึกผิดในดวงตาของนางที่กำลังจ้องมองมาในเวลานี้ก็ดูราว กับลูกกวางน้อยที่กำลังหลงทาง ทั้งน่ารักน่าสงสารเสียจนพาให้ใจเขาสั่นระรัวและยิ่งชวนให้นึกอยากจะใกล้ ชิดสนิทสนมมากขึ้น
“มานี่สิ..”
โดย ปราศจากคำเตือนล่วงหน้า ซาโนสุเกะดึงร่างเล็กบางเข้ามากอดแนบอกพลางก้มลงสูดกลิ่นหอมจากเรือนผมนุ่ม ที่รวบเป็นทรงหางม้าแบบบุรุษ พลางคิดทบทวนดูอีกครั้งก่อนจะตัดสินใจขั้นเด็ดขาด
…เขาจะไม่ยอมยกเด็กคนนี้ให้ใครอย่างแน่นอน...
“ข้างนอกนั่นมีการต่อสู้กันเกิดขึ้นไม่เว้นแต่ละวัน แล้วกลุ่มชินเซ็นของเราเองก็มีศัตรูอยู่รอบทิศ
ข้าไม่มีวันปล่อยสตรีข้าที่พึงใจไว้ตามลำพังในสถานที่อันตรายเช่นนี้หรอก ดังนั้นเจ้าไม่ต้องกังวลไป”
เขา มีนิสัยเช่นนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เมื่อตัดสินใจที่จะเดินหน้า.. ก็จะไม่มีคำว่าหยุดกลางทางหรือถอยหลังอย่างเด็ดขาด และการรุกอย่างซึ่งๆหน้าเช่นนี้ก็ทำให้จิสึรุเขินจนใบหน้าแดงก่ำ เมื่อจู่ๆฮาราดะ ซาโนสุเกะ.. ผู้ใหญ่ใจดีในสายตาของนางเผยความรู้สึกออกมาโดยไม่ทันให้ตั้งตัว
“เอ่อ.. ฮาราดะซัง”
“แล้วเจ้าล่ะ.. คิดยังไงกับข้า”
ชาย หนุ่มไม่ลังเลที่จะโจมตีอย่างสายฟ้าแลบ เพราะการที่ชายหญิงอยู่ใกล้ชิดกันเป็นเวลานานๆย่อมเป็นเรื่องยากอยู่แล้ว ที่จะเลี่ยงความสัมพันธ์เกินเลยต่อกัน ดอกซากุระที่เพิ่งแย้มกลีบอยู่ในกลุ่มผู้ชายล้วนนั้นมีความเสี่ยงมากเพียง ใดเป็นสิ่งที่ซาโนสุเกะเข้าใจดี และรู้ดีว่าหากไม่ชิงลงมือ.. เกรงว่าเมื่อสบโอกาสคนอื่นๆก็คงไม่คิดละเว้นเด็กคนนี้เช่นกัน ดังนั้นก่อนที่ดอกไม้ดอกน้อยนี้จะถูกชายอื่นเด็ดดมเขาจะลงมือเสียก่อน ถึงแม้ว่าจะกะทันหันและคงทำให้นางขวัญเสียไปบ้าง แต่..
ทันทีที่ตัดสินใจได้ซาโนสุเกะก็ก้มลงประทับรอยจูบที่ซอกคอขาวพลางกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้น ขณะที่จิสึรุร้องอุทานด้วยความตกใจ
“เดี๋ยวก่อนค่ะ! ..ข้า.”
“ต้องการเจ้า”
ซา โนสุเกะไม่เปิดโอกาสให้สาวน้อยบ่ายเบี่ยง เขาก้มลงประทับจุมพิตบนริมฝีปากที่สั่นระริกพลางรวบร่างเล็กขึ้นมานั่งซ้อน บนตักแล้วเฝ้าลิ้มชิมรสกลีบปากแดงระเรื่อของนางอย่างไม่รู้เบื่อ ขณะที่จิสึรุได้แต่ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก นางไม่เคยได้ใกล้ชิดกับบุรุษถึงเพียงนี้มาก่อนเลยในชีวิต สาวน้อยไม่เคยถูกใครสัมผัสเนื้อตัว ไม่เคยได้รู้สึกถึงลมหายใจร้อนผ่าวที่เป่ารดผิวกาย ริมฝีปากอันอบอุ่นที่กดประทับลงมาสร้างความรู้สึกแปลกใหม่ที่นางไม่เคย รู้จักให้เกิดขึ้น จากจุดเล็กๆที่ส่วนใดส่วนหนึ่งในร่างกายค่อยๆขยายวงกว้างขึ้นดุจระลอกคลื่น ที่แผ่ขยายออกไปไม่มีที่สิ้นสุด มันทำให้หัวใจเต้นแรงจนแทบระเบิดออกมานอกอก ยิ่งกว่านั้นรสชาติปะแล่มๆของสุราจากริมฝีปากของเขาก็ชวนให้มึนเมา และทำให้ความคิดสับสนงุนงงจนจับต้นชนปลายไม่ถูก
“อยู่กับข้านะ.. จิสึรุ”
..เขาหมายความว่าอะไร..
นาที นั้นจิสึรุมัวแต่ตะลึงงันจนสมองไม่สั่งการยามที่ซาโนสุเกะก้มลงกระซิบแผ่ว เบาที่ริมหู กลิ่นกายของบุรุษ และสัมผัสจากวงแขนที่กอดรัดกับมือที่ตระโบมโลมลูบไปทั่วร่างนั้นทำให้สาว น้อยรู้สึกอ่อนเปลี้ยหมดเรี่ยวแรง แต่แล้วเด็กสาวก็มีอันต้องเบิกตาโพลงด้วยความตระหนกสุดขีดเมื่อถูกประคองให้ เอนกายลงนอนหงายบนพื้นตามด้วยใบหน้าหล่อเหลาคมเข้มซึ่งก้มลงมาจนเกือบชิด ปลายผมสีน้ำตาลแดงซึ่งระไปตามใบหน้าและลำคอขาวเนียนยามที่เจ้าของก้มลงมา คลอเคลียฝากรอยรักพาให้รู้สึกจั๊กกะจี้จนทำให้สาวน้อยผ่อนคลายไปได้อึดใจ หนึ่ง ทว่าเมื่อชายหนุ่มลงมือสำรวจเรือนร่างอันอ่อนนุ่มอย่างจริงจังจิสึรุก็นอน ตัวแข็งทื่อ และเมื่อสายรัดเอวถูกกระตุกจนคลายออกนางก็สะบัดตัวหนีจากอ้อมแขนของเขาตาม สัญชาติญาณ
“เดี๋ยว ก่อนค่ะ!” สาวน้อยร้องห้ามเสียงสั่นแล้วกระถดกายหนีไปซุกอยู่ที่มุมห้องในสภาพสั่น สะท้านไปทั้งร่างด้วยความกลัว เสื้อผ้าผมเผ้าหลุดลุ่ย พร้อมด้วยหยดน้ำใสที่เอ่อกบดวงตา
แต่ จิสึรุคงจะทำใจแข็งแล้วรีบหนีไปให้ห่างจากซาโนสุเกะนานแล้ว.. หากมิใช่เพราะสายตาเว้าวอนที่เขาใช้ยามที่มองนางไม่กระพริบซึ่งทำให้นาง ตะลึงค้างจนลืมสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง มือน้อยที่สั่นระริกกำสาบเสื้อตนเองไว้แน่น ขณะที่ชายหนุ่มยันกายขึ้นจากพื้นแล้วก้าวเข้าไปใกล้พลางรับรู้ได้ถึงความ หวาดกลัวของเด็กสาว ดังนั้นเขาจึงคุกเข่าลงตรงหน้านางโดยเว้นระยะห่างเอาไว้เล็กน้อยเพื่อมิให้ นางต้องตกใจกลัวมากไปกว่านี้แล้วยื่นมือเข้าไปหา
“รังเกียจข้าถึงเพียงนั้นเชียวหรือ”
น้ำ เสียงแตกพร่าซึ่งราวกับเจ็บปวดเสียใจที่ถูกปฏิเสธนั้นทำให้เด็กสาวที่ยัง อ่อนต่อโลกอย่างจิสึรุอดนึกสงสารไม่ได้ ถึงแม้จะยังหวาดกลัวแต่นางก็ส่ายหน้าพลางกัดริมฝีปากแน่น นางจะต้องหนีออกไปจากห้องนี้ให้ได้ สมองส่วนลึกร้องบอกเช่นนั้น ทว่าก่อนที่จิสึรุจะได้วิ่งถลาไปที่ประตูห้องซาโนสุเกะก็กลับจู่โจมอย่าง รวดเร็วเสียจนสาวน้อยตั้งรับไม่ทัน มิใช่ด้วยการบังคับฝืนใจโดยใช้กำลัง หากเป็นที่สีหน้า แววตา และน้ำคำที่เอื้อนเอ่ยออกมานั่นต่างหาก ที่ทำให้หัวใจนางอ่อนยวบจนคล้ายกับไม่เป็นตัวของตัวเอง
“ข้ารักเจ้า.. เป็นข้าไม่ได้หรือ
ที่ผ่านมาข้าไม่เคยคิดจริงจังกับใครมาก่อนเลยนะ แต่กับเจ้าแล้ว..”
เขา เอื้อมมือเข้าไปสัมผัสนางอย่างแผ่วเบา และเมื่อเห็นว่าเด็กสาวยังคงตกตะลึงอยู่ซาโนสุเกะก็ขยับเข้าไปใกล้อีกนิด พลางแนบหน้าผากตนเองเข้ากับหน้าผากของนาง
“ใจ ข้ามีเจ้าเพียงคนเดียวเท่านั้น จิสึรุ” ซาโนสุเกะกระซิบเสียงแผ่ว พลางเชยปลายคางมนขึ้นแล้วประทับจุมพิตสัญญาอย่างอ่อนโยนบนริมฝีปาก แล้วจึงขยับไปคลอเคลียที่ข้างแก้ม ก่อนจะค่อยๆโอบประคองร่างแบบบางเข้ามาในอ้อมอก
“เจ้า เท่านั้น ที่ข้าปรารถนาจะอยู่เคียงข้างและปกป้องคุ้มครองตลอดไป ดังนั้น..” ปลายนิ้วเรียวยาวแตะปลายคางสาวน้อยให้เอียงหน้าขึ้นรับสัมผัสอีกครั้ง จิสึรุเบิกตาโตเมื่อรสจูบคราวนี้แตกต่างจากเมื่อครู่อย่างลิบลับ ซาโนสุเกะบดเคล้าริมฝีปากนุ่มแล้วแทรกปลายลิ้นลึกลงสู่ความอ่อนหวานภายใน อย่างดูดดื่ม ขณะเดียวกันก็พยายามยับยั้งชั่งใจมิให้ตนเองเผลอแสดงอารมณ์รุนแรงจนทำให้ สาวน้อยตกใจซ้ำสอง วงแขนกำยำล่ำสันโอบกอดนางผู้เป็นที่รักไว้แนบแน่นด้วยตั้งใจว่าครั้งนี้จะ ไม่ยอมปล่อยมืออีกแล้ว
“เป็นของข้านะ”
..แล้วนางจะคัดค้านอะไรได้ ในเมื่อเขาไม่ให้โอกาสนางโต้แย้งเลยสักนิดเดียว...
แสง ริบหรี่จากโคมกระดาษที่วางอยู่กลางห้องสาดสะท้อนไปยังกำแพงห้องด้านหนึ่ง แลเห็นเป็นเงาดำของสองหนุ่มสาวที่ตระกองกอดแนบชิดกันแล้วทอดกายลงกับพื้น พร้อมด้วยหัวใจที่เต้นระรัว และท่ามกลางความเงียบของราตรีดึกสงัด.. หิมะที่ยังคงโปรยปรายไม่ขาดสายอยู่เบื้องนอกนั้นก็เปรียบเสมือนม่านบางเบา ทว่าก็แข็งแกร่งดุจปราการเหล็กที่กีดกั้นมิให้ผู้ใดเข้ามารบกวน เป็นเหตุให้นักรบกลุ่มชินเซ็นทั้งหมดที่ออกไปปฏิบัติหน้าที่ในคืนนี้ไม่ อาจกลับมายังฐานได้ ดังนั้นในเวลานี้จึงมีเพียงพวกเขาสองคนเท่านั้นที่จะบรรเลงเพลงรักต่อกัน โดยปราศจากพยานรู้เห็น
ทว่า หลังจากนั้นจิสึรุก็ได้แต่เสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น นางมิได้โทษว่าเป็นความผิดของเขา แต่เกลียดชังตนเองที่ไม่อาจขัดขืน ไม่อาจห้ามปรามความรู้สึกเอาไว้ได้ ดังนั้นนางจึงตั้งใจจะหลบหน้าซาโนสุเกะนับจากนั้นเป็นต้นมา จิสึรุไม่เคยยอมออกลาดตระเวนพร้อมเขาอีกเลย และเวลาที่อยู่ในฐานก็พยายามหลีกเลี่ยงที่จะพบปะหรืออยู่ตามลำพังกับเขา ซึ่งดูเหมือนซาโนสุเกะเองก็เข้าใจดีจึงไม่เข้ามาตอแยด้วย แต่พฤติกรรมที่เปลี่ยนไปนี้ก็ไม่อาจรอดพ้นสายตาสมาชิกคนอื่นๆในกลุ่มไปได้
“ไม่มีอะไรจริงๆค่ะ ..ข้าก็แค่ รู้สึกเป็นกังวลเรื่องการตามหาท่านพ่อที่ยังไม่มีอะไรคืบหน้าเท่านั้น”
นั่น คือคำโกหกที่สาวน้อยมีให้กับฮิจิคาตะ โทชิโซ รองหัวหน้ากลุ่มชินเซ็นซึ่งดูเหมือนจะทำหน้าที่เป็นตัวแทนคนอื่นๆเข้ามาถาม ไถ่ด้วยความเป็นห่วง แต่มีหรือ.. ที่คนอย่างโทชิโซจะมองไม่ออก ทว่าเวลานั้นเขากลับไม่ได้ซักถามอะไรอีก
จิ สึรุจำได้ว่าวันนั้นตนถูกท่านรองผู้เข้มงวดเรียกตัวเข้าไปพบในห้องทำงาน เด็กสาวรู้สึกดีที่โทชิโซไม่ได้ซักไซ้อะไรมากนัก เขาลูบศีรษะนางอย่างอ่อนโยนแล้วบอกให้นางหาเวลาออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกเสีย บ้างโดยอาสาจะออกไปเป็นเพื่อน และจิสึรุก็รู้ดีว่าตนไม่อาจปฏิเสธความหวังดีของพวกเขาได้ เมื่อหางตาแอบชำเลืองเห็นเงาคนกลุ่มหนึ่งกำลังชะเง้อชูคอแอบฟังอยู่นอก ประตู และส่งเสียงไชโยโห่ร้องดีใจเหมือนเด็กๆเมื่อได้เห็นตนผงกศีรษะรับและยิ้ม ออกมาได้ในที่สุด
นาง รู้สึกถึงมันได้ด้วยหัวใจ.. พวกเขาทุกคนช่างเป็นคนดีเหลือเกิน รวมทั้งฮาราดะซังซึ่งมักจะเฝ้ามองนางอยู่ห่างๆด้วย นัยน์ตาสีน้ำตาลทองของเขายามที่มองมายังคงเต็มไปด้วยความอ่อนโยนเช่นวัน วาน ทว่าเขาไม่เข้ามาใกล้เหมือนที่เคยเป็น.. เพราะรู้ว่านางจะหนี นั่นทำให้จิสึรุพยายามจะยิ้มแย้มแล้วทำตัวให้เป็นธรรมชาติเหมือนก่อนหน้า นี้เพื่อให้ทุกคนสบายใจ แต่นางก็ทำได้เพียงไม่นานนัก
สาม สัปดาห์ต่อมาจิสึรุก็แทบเข่าอ่อนเมื่อพบว่ารอบเดือนของนางขาดไป ในตอนนั้นสาวน้อยแทบล้มทั้งยืนเมื่อนั่นคือสิ่งที่ลูกผู้หญิงทุกคนตระหนัก ดีว่ามันคือสัญญาณซึ่งยืนยันถึงการตั้งครรภ์ ช่างน่าขำนักเมื่อลองคิดย้อนกลับไปถึงวันแรกที่ได้รู้ว่าตนกำลังจะเป็นแม่ คน ในเวลานั้นนางมืดแปดด้านจนถึงกับทำอะไรไม่ถูก เพราะในกลุ่มชินเซ็นย่อมไม่มีใครคอยให้คำปรึกษาและไม่อาจบอกให้ใครรู้ได้ การมีลูกทำให้นางหวาดกลัวจนถึงขั้นผวา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันเกิดขึ้นหลังจากที่มีสัมพันธ์กันเพียงครั้งเดียว เท่านั้น หลังจากนั้น.. ทุกอย่างก็ยิ่งเลวร้ายมากขึ้นเมื่อนางเริ่มมีอาการแพ้ท้องอย่างรุนแรงตามมา จิสึรุอาเจียนวันละหลายๆครั้งพร้อมๆกับที่ต้องปกปิดทุกเรื่องเอาไว้อย่าง ยากลำบากด้วยตัวคนเดียว ทว่าความลับก็ไม่เคยมีในโลก...
“จิสึรุ! เป็นอะไรไป”
ฮา ราดะ ซาโนสุเกะเป็นผู้ที่มาพบเข้าขณะที่นางกำลังอาเจียนอย่างหนักหลังจากกินอาหาร เช้า เขาปราดเข้ามาประคองนางไว้พร้อมกับช่วยลูบหลังให้ ก่อนจะล้วงผ้าเช็ดหน้าออกมาทำความสะอาดใบหน้าให้นางอย่างอ่อนโยนโดยไร้ซึ่ง ท่าทีรังเกียจใดๆ และมันทำให้จิสึรุรู้สึกดีใจเสียจนน้ำตาคลอ ทว่าถึงยังไงก็จะไม่ยอมปริปากบอกความจริงให้รู้เป็นอันขาด เพราะมีแต่จะสร้างความลำบากใจให้เขา
“ไม่มีอะไรค่ะ”
“จะ ไม่มีได้ยังไงกันในเมื่อเจ้าอาเจียน..” ชายหนุ่มชะงักอยู่เพียงเท่านั้นก่อนเย็นวาบไปทั้งร่างเมื่อพอจะปะติดปะต่อ เรื่องราวได้ วงแขนแกร่งรั้งร่างสาวน้อยเข้ามากอดแนบชิดพลางก้มลงมองใบหน้างามที่เลอะ คราบน้ำตา วินาทีนั้นจิสึรุจำได้แม่นว่าตนเห็นความสับสนไม่แน่ใจระคนความตื่นเต้น ยินดีฉายชัดอยู่บนใบหน้าของเขา
“จิสึรุ.. หรือว่าเจ้า...”
................................................
หิมะตกลงมาอีกแล้ว...
นั่น หมายความว่าถึงแม้จะรู้สึกอ่อนเพลียและต้องการนอนพักสักเพียงใดก็คงต้องแข็ง ใจลุกขึ้นเสียแล้ว นางจะต้องรีบออกไปขนฟืนเข้ามาข้างในก่อนที่จะหนาวสั่นจนฟันกระทบกันและเป็น ตะคริวจนขยับตัวไม่ไหวอีก จิสึรุบังคับตัวเองให้หยุดคิดถึงอดีตพร้อมกับยันกายขึ้นจากที่นอน และทันทีที่ลุกขึ้นนั่งอาการวิงเวียนก็กลับมาอีกครั้ง ทว่านางกัดฟันแน่นและดึงดันที่จะไม่สนใจกับอาการแพ้ท้องของตนเองด้วยการยืด กายขึ้นยืนตัวตรงแล้วเดินไปที่ประตู
ใน สภาพทุลักทุเลที่อ่อนเพลียจนแทบยืนไม่อยู่ จิสึรุคลี่เสื้อคลุมออกคลุมศีรษะแล้วหอบฟืนจากโรงเก็บด้านหลังท่อนแล้วท่อน เล่าเข้าไปในบ้านอยู่หลายรอบท่ามกลางอากาศหนาวเย็น ทว่าทันทีที่คิดว่าน่าจะพอแล้วขาที่อ่อนแรงอยู่ก็พาให้นางเสียหลักล้มลง
“อ๊ะ!..”
และในตอนนั้นเองที่ท่อนแขนของใครบางคนสอดเข้ามารับร่างที่อ่อนปวกเปียกไว้ได้ทันท่วงที
วินาที นั้น.. จิสึรุมองเห็นเพียงแค่ร่มกระดาษสีดำคันหนึ่งซึ่งถูกเหวี่ยงทิ้งลงกับพื้น หิมะขาวโพลนอย่างไม่ใยดี แล้วจึงได้รู้สึกถึงไออุ่นจากอ้อมแขนที่โอบกอดตนไว้แนบอกในวินาทีถัดมา
“จิสึรุ!”
เสียง ตวาดอย่างเกรี้ยวกราดซึ่งเป็นส่วนผสมของทั้งความโมโหและโล่งใจทำให้สาวน้อย เงยหน้าขึ้นมองก่อนจะต้องตกตะลึง เมื่อเจ้าของใบหน้าคมเข้มซึ่งไม่เคยคิดว่าจะได้เห็นอีกเป็นครั้งที่สองเวลา นี้กลับอยู่ใกล้มากเหลือเกิน ผู้ชายคนที่เป็นพ่อของลูก.. คนเพียงคนเดียวที่จิสึรุพยายามจะปิดบังทุกวิถีทางไม่ให้รู้แต่ก็ไม่สำเร็จ เวลานี้กำลังชักสีหน้าดุดันเหมือนยักษ์ใส่นางราวกับเตรียมจะฉีกเนื้อนางกิน อย่างนั้นแหละ
“ยาย เด็กบ้า!” จิสึรุได้แต่หลับตาปี๋เมื่อถูกตะคอกแบบซึ่งๆหน้า ถึงแม้อยากจะวิ่งหนีกลับเข้าไปในบ้านสักเพียงใดก็คงเป็นไปไม่ได้เมื่อถูก รัดเสียจนแน่นขนาดนี้ และถึงแม้เขาจะยอมปล่อยมือก็ใช่ว่าแข้งขาจะยอมเชื่อฟังคำสั่ง
ฮา ราดะ ซาโนสุเกะไม่เคยรู้สึกอยากฆ่าใครมากเท่านี้มาก่อนเลยในชีวิต เมื่อแม่ตัวดีที่กำลังหน้าซีดอยู่ในอ้อมแขนเขาเวลานี้ทำให้เขากินไม่ได้นอน ไม่หลับมาหลายคืนเต็มทีแล้ว เพราะความเป็นห่วงจิสึรุที่เพิ่งตั้งครรภ์อ่อนๆ ซาโนสุเกะจึงทำทุกวิถีทางเพื่อออกตามหานางภายใต้เบาะแสเพียงอย่างเดียวที่ มีอยู่... นั่นคือจดหมายลาที่นางทิ้งไว้ในห้องนอนของตนเอง
..จะขอไปตามทางของข้า ไม่ต้องลำบากออกตามหา
และขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างค่ะ
จิสึรุ
“เจ้าคิดอะไรอยู่ถึงได้ลากสังขารแบบนี้หลบหนีออกมาจากฐาน ..หา!”
นี่ ถ้าหากว่าจิสึรุมิได้กำลังตั้งครรภ์อยู่ล่ะก็ ..เห็นที่คงถูกซาโนสุเกะจับเขย่าเสียจนหัวสั่นหัวคลอนด้วยความโมโหเป็นแน่ ทว่าเวลานี้ชายหนุ่มได้แต่สะเทือนใจจนพูดอะไรไม่ออกเมื่อได้เห็นสภาพความ เป็นอยู่ที่ยากลำบากของคนรักจึงทำได้เพียงแค่กอดนางไว้แนบกาย ก่อนจะรวบร่างเล็กบางลอยขึ้นจากพื้นแล้วอุ้มเข้าไปในบ้าน
“เจ้านอนพักเสียก่อนเถอะ ข้าจะออกไปขนฟืนมาให้เอง”
ซา โนสุเกะลูบศีรษะคนรักก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วหันหลังเดินออกไป และภาพด้านหลังของชายหนุ่มที่หยุดยืนอยู่ตรงช่องประตูซึ่งตัดกับสีขาวโพลน ของพื้นหิมะด้านนอกก็ชวนให้จิสึรุอดคิดไม่ได้ว่าเขาดูซูบผอมไปมาก นางไม่อยากคิดเลยว่าตนเองจะเป็นสาเหตุที่ทำให้คนๆนี้เป็นไปได้ถึงเพียงนี้ แล้วถ้าเช่นนั้นหมายความว่านางตัดสินใจผิดงั้นหรือ.. ที่พยายามจะไม่ทำให้ทุกคนต้องลำบากใจ
“ข้ากลับมาแล้ว”
ซา โนสุเกะกลับเข้ามาในบ้านพร้อมด้วยฟืนมัดใหญ่อีกสองมัดบนไหล่ เขาวางมันลงชิดฝาผนังด้านหนึ่งก่อนจะเริ่มเติมฟืนให้ไฟแรงขึ้นแล้วจึงลุก ขึ้นถอดเสื้อผ้าที่เปียกชื้นออกจากร่าง ขณะที่จิสึรุรีบเบือนหน้าหนีเมื่อได้เห็นท่อนบนเปลือยเปล่าของชายหนุ่ม นางพลิกร่างตะแคงหันหลังให้เขาขณะที่เขาเดินเข้ามาใกล้ที่นอนพร้อมด้วยรอย ยิ้มขัน
“ยัง จะอายอยู่อีกหรือ” ซาโนสุเกะโน้มตัวลงไปหาแล้วกางแขนออกสวมกอดสาวน้อยจากเบื้องหลัง ก่อนจะพลิกให้นางหันหน้ากลับมาหา และตอนนั้นเองที่จิสึรุต้องอุทานอย่างประหลาดใจเมื่อเห็นรอยแผลที่ยังใหม่ ซึ่งลากยาวจากหัวไหล่ลงมาเกือบถึงข้อพับแขน
“แผลนั่น.. เกิดอะไรขึ้นหรือคะ ฮาราดะซัง”
เขาชำเลืองมองมันพลางยักไหล่อย่างไม่แยแสก่อนจะคว้ามือน้อยที่เย็นเฉียบขึ้นมาประคองไว้ในอุ้งมือ
“มัน เป็นเครื่องย้ำเตือนถึงความโง่เง่าของข้า ที่ปล่อยให้เจ้าคลาดสายตาไป” ซาโนสุเกะตอบเพียงเท่านั้นกอดจะรวบตัวเด็กสาวเข้ามากอดไว้แนบอก
“รู้บ้างรึเปล่าว่าข้าตามหาเจ้าอยู่นานแรมเดือน เป็นห่วงเจ้ากับลูกเสียจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ”
“เพราะข้าไม่อยากเป็นภาระให้กับพวกฮาราดะซัง ขอโทษนะคะ” นางตัดสินใจผิดพลาดไปจริงๆ ..และความคิดนั้นทำให้จิสึรุน้ำตาคลอเบ้า
“อย่า คิดมากเลย เรื่องนี้เป็นความรับผิดชอบของข้า” ชายหนุ่มลูบเรือนผมนุ่มพลางเอ่ยคำปลอบโยน “ข้าไม่เคยลืมคืนนั้นเลยสักนาทีเดียว เจ้ารู้มั้ย.. จิสึรุ”
“ดัง นั้นข้าย่อมพร้อมที่จะรับผิดชอบต่อสิ่งที่ข้ากระทำต่อเจ้าและข้าไม่เคยคิดจะ โกหก.. ถึงต้องตายก็จะต้องปกป้องเจ้าไว้ให้ได้” เขาก้มลงจุมพิตหน้าผากเนียนแผ่วเบา ขณะที่จิสึรุหลับตาลงแล้วปล่อยให้น้ำตาไหลริน
“แผลนี้.. เป็นสิ่งที่ข้าขอแลกกับการได้ออกจากกลุ่มเพื่อตามหาเจ้า”
คำ สารภาพนั้นทำให้เด็กสาวถึงกับสะดุ้ง จิสึรุไล้ปลายนิ้วไปตามรอยยาวของบาดแผลซึ่งยังคงเห็นเป็นรอยแดงเข้มชัดเจน แม้ว่าจะผ่านมานานนับเดือนแล้ว ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างไม่อยากเชื่อ
“ทำไมฮาราดะซังต้องทำถึงขนาดนี้ด้วยคะ”
“เพราะ ข้ารักเจ้า” เขาตอบโดยไม่เสียเวลาคิด “ข้าย่อมรู้ดีว่าเจ้าคือคนที่สำคัญที่สุดในชีวิต ดังนั้นจึงสารภาพความจริงกับทุกคนเพื่อขอแยกตัวออกจากกลุ่ม”
“ก็เลยได้แผลนี้เป็นของแถมหรือคะ”
ซา โนสุเกะไม่ตอบ แต่มองสำรวจไปทั่วเรือนร่างแบบบางก่อนจะหยุดสายตาอยู่ที่หน้าท้องซึ่งเพิ่ง เริ่มนูนของนาง มือใหญ่แตะลงบนผ้าโอบิคาดเอวอย่างแผ่วเบาเหมือนกลัวว่านางจะเจ็บ ก่อนจะถามอ้อมแอ้มอย่างไม่เต็มเสียง และมันทำให้จิซึรุต้องยิ้มทั้งน้ำตา
“ที่ผ่านมาข้า.. ไม่เคยรู้อะไรเกี่ยวกับเด็กทารกมาก่อนเลย แต่ว่าถ้าแตะเพียงเท่านี้คงไม่ทำให้เขาบาดเจ็บใช่มั้ย”
นางจับมือเขาให้เลื่อนต่ำลงไปอีกแล้ววางทาบเข้ากับหน้าท้องพลางยิ้ม
“ไม่เป็นไรแน่นอนค่ะ แต่คงต้องรออีกหลายเดือนกว่าเขาจะรับรู้ได้”
“แล้ว เจ้าล่ะ.. จะรับรู้ได้หรือยังว่าข้าต้องการเจ้ามากเพียงใด” วงแขนที่ประคองไว้หลวมๆในทีแรกเริ่มรัดแน่นขึ้น ส่งผลให้จิสึรุเริ่มหน้าแดง
“ข้า.. ข้ายังไม่..” พูดได้เพียงเท่านั้นริมฝีปากนางก็ถูกปิดสนิท
“เจ้า คือภรรยาของข้า ดังนั้นข้าตั้งใจจะทำให้เจ้าเคยชินให้ได้ในสักวันหนึ่ง แต่ว่าตอนนี้...” ซาโนสุเกะเชยปลายคางคนรักขึ้นแล้วประทับจุมพิตแผ่วเบาที่แก้ม ก่อนจะประคองให้นอนลง
“ยังไม่ใช่เวลาที่เจ้าจะเป็นกังวล พักผ่อนให้เต็มที่เพื่อลูกที่กำลังจะเกิดมาเสียก่อนเถอะ
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นข้าก็จะอยู่เคียงข้างเจ้าไม่ไปไหน ..ข้าเคยให้สัญญาแล้วไม่ใช่หรือ”
~End~
กะ กะ กะ กรี๊ดดดดดดดดดดด
ตอบลบขอกรี๊ดให้กับความน่ารักของซาโนะจังแบบร้อยรอบเลยค่าา!! ถึงแม้มุกจะไม่ได้ชอบคู่นอร์มอลลล แต่ต้องยอมรับเลยว่าน่ารักม๊ากกกกกกกกกกก
โดยส่วนตัวค่อนข้างโอเคกับนางเอกคนนี้เหมือนกันค่ะ รู้สึกว่าจิซึรุไม่น่าหมั่นไส้เนาะ ฮ่าๆๆ
แต่มุกแอบเสียใจน้า ที่ซาโนะซังถึงกับต้องออกจากกลุ่มอ่า ถึงมันจะเป็นเครื่องยืนยันว่าซาโนะซังรักจิซึรุึก็เถอะ แต่แหมมมมมมมมม (ฮือๆ แล้วชิมปาจิจะอยู่กับคร๊ายย/มันยังจะจิ้น- -)
ชอบตอนที่ซาโนะซังบอกว่าไม่ค่อยรู้เรื่องทารก ถ้าจับแบบนี้แล้วจะเจ็บหรือเปล่าเนี่ย น่ารักมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก หูยยยยย มุกโดนดาเมจตรงนี้เข้าไปเต็มๆๆๆเลยคะะ
แอบรู้สึกว่าอ่านแล้วเห็นภาพมากๆเลยค่ะ (น่าจะบรรยายเรือนร่างของซาโนะซังเยอะๆนะคะ ฮิฮิ/ไอ้หื่นนนนนน)
(โอ้ยยย พี่แนนจะทำมุกหลงซาโนะซังเหรอคะะะะ แค่นี้ก็นอกใจฮิจิคาตะซังจะแย่แล้วค่าาาา (แต่รักโอคิตะซังเหมือนเดิมนะ อิอิ))
#1 By KAIMOOK on 2011-09-18 22:08
---------------------------------------------------------
ขอกรี้ดด้วยคนได้ไหมค่ะ
สุดยอด ขอคารวะค่ะ
หาคนเขียนเรื่องนี้ก็ยากพอแล้ว ซาโนะซังนี่หายากยิ่งกว่างมเข็ม อาเฮือกสุดยอดไปแล้ว น่ารักมากกกกกกกค่ะ
แต่ล่ะซีนของท่าน โดนมาก ชอบแต่ละคำพูดของซาโนะมากเลยค่ะ
อยากเป็นจิซึรุมั่งจัง555555
#2 By Yushi_Res on 2011-09-24 20:25
------------------------------------------------------
ขอบคุณค่ะ ดีใจที่มีคนอ่านนะเนี่ย^ ^
เรื่องHakuoukiนี้ มูนดรอปตั้งใจว่าจะเขียนเป็นเรื่องสั้นๆทั้งหมด3-5เรื่อง(ขึ้นอยู่กับความ ขยัน) ซึ่งเเต่ละเรื่องก็จะเปลี่ยนพระเอกไปเรื่อยๆ ตามเอกลักษณ์ของเกมสไตล์นี้ โดยเรื่องต่อไป จะเป็นคราวของไซโต ฮาจิเมะค่ะ ถ้าสนใจก็เเวะเข้ามาอ่านไๆด้น้าconfused smile
#3 By ~Moondrop~ on 2011-09-24 22:38
--------------------------------------------------------
ไซโต เอาจริงใช่มั้ยค่ะ จะมารอมันทุกวันเรยยยย
อยากอ่าน เพราะเขียนดีมาก5555
เอ่อ ขอยกมือถาม ไซโตจะมีฉากเกี้ยวแบบซาโะนี่มั้ยค่ะ
จิตนาการมะถูกเลยอ่า 5555
#4 By Yushi_Res on 2011-09-29 20:06
-------------------------------------------------------
เอาจริงเเน่นอนค่ะ เพราะตอนนี้เขียนไปได้กว่าครึ่งเเล้ว
ส่วนที่ว่าจะมีฉากเกี้ยวมั้ย ขอให้อดใจรอดูนะคะ คงไม่ได้โจ่งเเจ้งเเบบซาโนะเพราะบุคลิคเเตกต่างกัน เเต่ว่ายังไงก็จะมีฉากหวานๆให้ใจเต้นกันบ้างไม่มากก็น้อยค่ะ^ ^
ปล: ถ้าไม่เป็นการรบกวน มูนขอคำติชมด้วยนะคะbig smile
#5 By ~Moondrop~ on 2011-09-29 20:29
---------------------------------------------------
เอาคำติชมเหรอค่ะ จะเอาคำติชมจากฟิกที่อ่านแล้วหาที่ติไม่เจอรึ 555555
มีแปลกอยู่ที่เดียวนะค่ะ ช่วงแรกน่ะค่ะ ตอนแรกให้จิซึรุบรรยายอยู่ พอขึ้นอีกย่อหน้า อ้าวซาโนะแล้วรึ
แค่ตรงนั้นที่เดียวน่ะค่ะที่ว่ามันค่อนข้างแปลก อ่านแล้วสะดุดอยู่ที่เดียว
คำซ้ำไม่เยอะ ภาษากำลังสวยดี ไม่อลังเกินหรือว่าวัยรุ่นเกินไป เดินเรื่องปกติ
แต่เค้าปลื้มคำพูดที่แต่งออกมาแต่ละคำจังเลย โดนใจมากๆ โดยเฉพาะช่วงที่ว่า ถ้าแตะแบบนี้ จะไม่ทำให้เจ็บ เนี่ย มันสื่อถึงความเป็นซาโนะดีมากๆ เพราะเราก็คิดมาตลอดว่า ถ้าเจ้าตัวไม่สิ ทั้งกลุ่มนั่นแลมีลูกก็คงอารมณ์นี้ 55555
ประมาณนี้ล่ะค่ะ ตามคำขอ
#6 By Yushi_Res on 2011-09-29 22:09
รับทราบค่ะ จะพยายามปรับปรุงเเก้ไขเเละใจเย็นให้มากกว่านี้นะคะ
ตอบลบเเต่เรื่องต่อไปนี้ต้องยอมรับจริงๆว่ารู้สึกว่ามันยากกว่าตอนซาโนะมาก เลย ทั้งความยาวก็มากกว่า เนื้อเรื่องซับซ้อนกว่า เเละอาจจะมีเหตุการณ์ที่กระโดดไปมาด้วย ที่จริงก็กลัวคนอ่านจะงงเหมือนกัน เเต่ยังไงก็จะระวังให้มากที่สุดนะคะsad smile
#7 By ~Moondrop~ on 2011-09-29 23:06
---------------------------------------------------
อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
ละ หลงรักซาโนะซังเต็มเปาเลยค่ะ!!
เป็นคนอบอุ่น เเละ น่ารัก... รักซาโนะซังขึ้นมาอีก 1000+
ส่วนตัวชอบฉากหื่นๆ ฮ่าา >W<
ซาโนะซังรุกได้อย่างรวดเร็ว เเละไม่ขาดตอนน!
เป็นที่น่าปลื้มอกปลื้มใจเเก่เเม่ยกยิ่งนัก~
ให้อีก 100+ เลยค่ะ
ปล.ขออภัยที่ไม่ Log in ค่ะ
ปลล.Hakuouki ฟิคที่เป็น NL ดีๆหาอ่านยากจริงๆ
ขอบคุณที่เเต่งนะคะ จะติดตามทุกคู่เลยค่ะ cry
#8 By Hisai~na chan (58.11.170.171) on 2011-10-01 20:01
----------------------------------------------------------
จริงๆเเล้วไม่ได้กะจะเน้นฉากหื่นๆเลยค่ะ เเหะๆ
เเต่เป็นเพราะว่าบุคลิคความเป็นซาโนะมันพาไปจริงๆ(บอกไปเเล้วจะมีใครเชื่อมั้ยเนี่ย = =")
ดีใจที่คนอ่านชอบเเละเห็นถึงความเป็นคนน่ารักเเละอบอุ่นของซาโนะค่ะ ถึงเเม้บทจะรุกจะไวไฟ+เจ้าเล่ห์ไปหน่อยก็เถอะ
#9 By ~Moondrop~ on 2011-10-01 21:06
------------------------------------------------------
อ๊าก คลั่งไคล้คู่นี้มานานแล้ว ในที่สุดก็เจอคนเขียนฟิคคู่นี้สักที ขอบคุณมากค่ะ น่ารักมากเลย
#10 By baruda on 2012-01-09 10:14
--------------------------------------------------
ขอบคุณเช่นกันค่ะ
ที่่เเวะเข้ามาอ่านเเล้วเเสดงความคิดเห็น open-mounthed smile
#11 By ~Moondrop~ on 2012-01-10 11:11
----------------------------------------------------
น่าสงสารซาโนะที่ต้องออจากกลุ่ม แถมตัวก็ลาย
จิซึรุท้องก่อนแต่งเหรอเนี่ย
#12 By ♪ ๐PoupeE๐ ♪ on 2012-03-11 17:32
------------------------------------------------------
บุคลิคของซาโนะ ได้เเรงบันดาลใจจากเพลงปิดของ OVA ตอนที่3 ค่ะ ไปๆมาๆเลยออกมาเป็นเเบบนี้sad smile
#13 By ~Moondrop~ on 2012-03-12 22:10
Read more: http://moon-drop.exteen.com/#axzz21PmdgQb0 http://moon-drop.exteen.com/20110917/hakuouki-fic-one-side-of-memories-1st-memory-with-harada-san#ixzz224emhKSr
Under Creative Commons License: Attribution