แซงทัวรี่......
ภาพอันงดงามตระการตาท่ามกลางแสงจันทร์ของกลุ่มวิหารขนาดยักษ์จำนวน12หลังซึ่งตั้งตระหง่านอยู่ตามแนวเขาลาดชันที่ไล่ระดับสูงขึ้นเรื่อยๆนั้น ดูคล้ายกับภาพเขียนที่บอกกล่าวถึงเรื่องราวความเป็นมาอันยาวนานตลอดจนเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น ผ่านทางรอยแตกร้าวของเสาหินทุกต้น ขั้นบันไดหินทุกขั้น.... ว่าในอดีตที่ผ่านมานั้น พวกมันได้พบเจอกับสิ่งใดบ้าง
สายลมยามดึกอันเย็นยะเยือกที่พัดผ่านช่องว่างระหว่างเสาหินขนาดมหึมาเหล่านั้นส่งเสียงครวญครางหวีดหวิวคล้ายกับกำลังเล่าเรื่องให้เราฟัง....
ว่านานแสนนานมาแล้วยังมี12ยอดขุนพลผู้ภัคดีต่อเทพีอาเทน่า
ที่ยอมอุทิตทั้งชีวิตและดวงวิญญาณเพื่อปกป้องรักษาวิหาร... อันเปรียบเสมือนปราการทั้ง12ด่านที่ผู้บุกรุกต้องครั่นคร้าม
ด้วยหากต้องการจะฝ่าขึ้นไปให้ถึงที่พำนักขององค์เทวีผู้งามสง่า ก็ย่อมหลีกไม่พ้นที่จะต้องพบเจอกับเพลิงพิโรจน์จากพวกเขาเหล่านั้น....
....เหล่าโกลเซนต์ผู้พิทักษ์วิหารทั้ง12ราศี......
แต่ในค่ำคืนอันแสนจะเงียบเหงาวังเวงนี้วิหารทั้ง12หลังแทบจะปราศจากผู้ดูแล
เมื่อเหล่าโกลเซนต์ที่ควรจะประจำอยู่ในแต่ละวิหาร กลับมารวมตัวกันอยู่ ณ
ที่แห่งนี้...
.....สุสานของเหล่าเซนต์.....
แสงสว่างวับแวมจากตะเกียงน้อยๆดวงหนึ่งที่ตั้งอยู่บนพื้นกลางวงส่องแสงเหลืองนวลริบหรี่ออกมา ท่ามกลางความมืดที่แวดล้อมอยู่โดยรอบ
ในขณะที่เรือนร่างสง่าผึ่งผายของบุรุษในชุดครอธสีทองจำนวนไม่น้อยกว่าครึ่งโหลกำลังนั่งล้อมวงกัน และที่กลางวงนั้นมีร่างของบุรุษผู้หนึ่งนั่งก้มหน้านิ่งอยู่
เรือนผมสีฟ้าอ่อนจางหยักศกยาวเคลียสะโพกเพรียวตกลงมาปรกใบหน้าเสียจนเรามิอาจจะเห็นหน้าตาของเขาได้ ทว่าแสงอันวับแวมจากตะเกียงดวงน้อยที่วางอยู่ข้างกายของเขาก็พอจะทำให้เราได้เห็น ว่าบุรุษผู้นี้ก็สวมโกลครอธอยู่บนร่างเหมือนกับคนอื่นๆ และนั่นเป็นเครื่องยืนยันว่าเขาเองก็เป็นหนึ่งในบรรดาโกลเซนต์ผู้พิทักษ์วิหารทั้ง12เช่นกัน
“เอาไงดีพวกเรา ...ในที่สุดก็ได้เหยื่อมาแล้ว จะทำอะไรกันดี”น้ำเสียงอ้อแอ้ของชายหนุ่มคนหนึ่งดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ ในขณะที่ใบหน้าคมเข้ม
ตลอดจนดวงตาสีดำสนิทปรากฏร่องรอยแห่งความพึงพอใจเสียจนแทบจะปิดไว้ไม่อยู่
“แล้วท่านโดโกคิดว่าเราควรทำยังไงกับเขาดีล่ะ”บุรุษคนที่2เอ่ยถามขึ้นบ้าง
ก่อนจะยกแก้วเหล้าขึ้นกระดกรวดเดียวหมดแก้ว เรือนผมสีน้ำตาลเข้มที่ตัดสั้นพลิ้วไหวไปตามลม
“บ๊ะ! ..เจ้าต่างหากล่ะไอโอรอสที่ควรจะตอบคำถามข้า ไม่เช่นนั้นข้าจะถามไปทำลิงอะไรกันล่ะ”
ไลบรา โดโก โกลเซนต์ผู้มากอาวุโสที่สุดในกลุ่มร้องขึ้น ในขณะที่คนอื่นๆกลับหัวเราะออกมาอย่างขบขัน ยกเว้นอยู่เพียง2คน.....
“ยังไงก็อย่าเอาไอ้ที่มันโหดนักเลยนะทุกท่าน.... สงสารอโฟรดิเทด้วยเถอะ”
แคนเซอร์ เดธมาร์คและแคปริคอร์น ชูร่า
เป็นเพียง2คนจากทั้งหมดในกลุ่มที่ยังมิได้เมา และกำลังจ้องมองสหายที่นั่งเงียบอยู่กลางวงด้วยสายตาสงสารเห็นใจ ในขณะที่คนอื่นๆต่างก็กำลังหมายมั่นปั้นมือที่จะจัดการทำอะไรบางอย่างกับผู้ที่แพ้ในการแข่งขันเล่นเกมส์โปรดของพวกเขา
“ใช่แล้ว... ก็รู้ๆกันอยู่ว่าอโฟรดิเทคอไม่แข็ง
ในเมื่อคราวนี้พวกท่านคะยั้นคะยอเสียจนหมอนั่นยอมมาเล่นด้วยแล้ว ก็เพลาๆมือหน่อยเถอะน่า...”
ชูร่าผู้ซึ่งอดรนทนเห็นเพื่อนถูกรังแกไม่ได้จนถึงกับต้องโพล่งออกมากลางวง ท่ามกลางเสียงพูดคุยของสมาชิกคนอื่นๆ....
ไม่มีใครได้ทันสังเกตเห็นสายตาแสนเจ้าเล่ห์วายร้าย2คู่ ที่ดูละม้ายคล้ายคลึงราวกับถอดแบบกันออกมากำลังส่องประกายอย่างมีแผนการในใจ... ศีรษะที่ปกคลุมด้วยเส้นผมยาวหยักศกสีน้ำเงินเข้มเหมือนๆกันของบุรุษอีก2คนในกลุ่มเอียงชิดติดกัน พร้อมกับกำลังปรึกษาหารืออะไรบางอย่าง..
ขณะที่ดวงตาสีเดียวกันที่ส่อแววร้ายกาจแทบไม่ต่างกันนั้นกำลังจับจ้องตรงไปยังเป้าหมายที่นั่งก้มหน้านิ่งอยู่เบื้องหน้าอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง
“อะแฮ่ม!! ฟังทางนี้ทุกท่าน..”
ร่างสูงใหญ่ในชุดผ้าฝ้ายสีฟ้าน้ำทะเลผุดลุกขึ้นยืน
แล้วก้าวเข้ามากลางวงพร้อมกับชูแขนขึ้นข้างหนึ่ง
“ซากะ..
เอ้ย ..ท่านเคียวโกคิดอะไรดีๆออกแล้ว”น้ำเสียงทุ้มต่ำประกาศก้อง ก่อนที่จะถูกอีกเสียงหนึ่งที่เล็กกว่าขัดขึ้นทันทีทันใด
“นั่งลงเถอะน่าคาน่อน... หัวฟูๆของเจ้ามันเกะข้าลูกตาข้านัก”
บุรุษอีกคนหนึ่งพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เพิ่งจะพ้นช่วงแตกหนุ่มมาไม่นานนัก พร้อมด้วยใบหน้าหล่อเหลาคมเข้มที่แดงก่ำซึ่งฉายแววรำคาญเสียจนออกนอกหน้า
“เฮ้ย..
ไอ้หนู! เป็นเด็กเป็นเล็กเดี๋ยวปั๊ด.!!....
ไอโอรอส.. ดูแลน้องชายเจ้าให้มันดีๆหน่อย!!”
คาน่อนหันมาตวาดทันทีที่เห็นหน้าผู้พูดก่อนจะส่ายหัว.. ในขณะที่ซาจิทาเรียส
ไอโอรอสรีบตะครุบปากเจ้าน้องชายตัวดีเอาไว้แทบจะในทันที
“เจ้าไอโอเรียเมาแล้วมันปากเปราะทุกทีเลยเนอะคามิว” สกอร์เปียน มิโร่
โกลเซนต์รุ่นเยาว์อีกคนหนึ่งหันไปกระซิบกระซาบกับสหายรักซึ่งกำลังนั่งตาปรือด้วยฤทธิ์เหล้า ขณะเดียวกับที่ท่านเคียวโกเจมินี่ ซากะขยับเข้ามากลางวง ก่อนจะแตะบ่าของ “เหยื่อ”
ในคืนนี้อย่างแผ่วเบา
“ข้ารู้แล้ว ว่าจะให้เจ้าทำอะไรดี.....”
.........................................................
อโฟรดิเทยังคงนั่งก้มหน้านิ่งไม่ขยับราวกับไม่รับรู้ชะตากรรมของตนเองแม้แต่น้อย
และก็ยิ่งดูเหมือนมิได้รับรู้ถึงสายตาทุกคู่ของสหายซึ่งนั่งล้อมวงอยู่โดยรอบ ที่กำลังจ้องเขม็งตรงมาด้วยความลุ้นระทึก
“เฮ้... อโฟรดิเท
เป็นอะไรไปน่ะ” โกลเซนต์แคปริคอร์นเป็นคนแรกที่เห็นถึงความผิดปรกตินั้น และก็ได้เอ่ยถามขึ้น
ก่อนที่คนอื่นๆจะเริ่มนึกเอะใจแล้วขยับเข้าไปดูใกล้ๆ
“อ้าว!! เวรกรรม......”
โดโกร้องโวยวายขึ้นมา
พลางขมวดคิ้วย่นพร้อมกับกลั้นหัวเราะอย่างเต็มที่ ในขณะที่ไอโอรอสและคาน่อนกลับหันมามองหน้ากันเองพร้อมด้วยเสียงหัวเราะเบาๆในลำคอ
“ยังไม่ทันไรเลย.... เจ้าหนูนี่เมาหลับไปซะแล้ว”คำเฉลยของโกลเซนต์รุ่นใหญ่
ส่งผลให้บรรดาสหายรุ่นเยาว์พากันระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างขบขัน โดยเฉพาะไอโอเรียและมิโร่ถึงกับหัวเราะเสียงอหาย
“ไม่เห็นจะตลกตรงไหนเลย ข้าเองก็ยังง่วงจนตาจะปิดอยู่แล้ว”
คามิวบ่นพึมพำกับตนเองด้วยน้ำเสียงอ้อแอ้พร้อมกับสะอึก
ดวงตาสีฟ้าครามที่หรี่ปรือจวนปิดเต็มทีกวาดมองสีหน้าที่เต็มไปด้วยความขบขันของคนนั้นทีคนโน้นทีก่อนจะถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่าย แต่ถึงกระนั้นเด็กหนุ่มก็ตระหนักดีว่า เป็นการไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะขัดคอขึ้นมาในเวลานี้เพราะความซวยอาจมาเยือนได้
“ให้ตายสิวะ! เวลาอย่างนี้ยังจะหลับได้อีก ...เฮ้...
ตื่น!! เดี๋ยวก็ได้หวัดกินหรอก”
เดธมาร์ค ผุดลุกขึ้นจากวง ก่อนจะก้าวเข้าไปจับร่างของสหายเขย่าเพื่อปลุกให้ตื่น ใช้เวลาไม่นานนักอโฟรดิเทก็ลืมตาขึ้นดูโลกอีกครั้ง นัยน์ตาสีฟ้าอ่อนจางช้อนขึ้นมองใบหน้าของสหายคนโน้นทีคนนี้ทีด้วยความงุนงงก่อนจะยกมือขึ้นปิดปากหาว
“อ้าว.. พวกเจ้าจะกลับวิหารกันแล้วเหรอ”
โกลเซนต์คนอื่นๆได้แต่หันมาสบตากันเองด้วยความขบขันระคนสงสาร ที่ “เหยื่อ”
ในคืนนี้ยังไม่รู้ถึงชะตากรรมของตนเอง
ในขณะที่เจมินี่ ซากะได้ก้าวฝ่าวงล้อมเข้ามา
“เจ้ายังจำได้หรือไม่ ว่าเรากำลังเล่นเกมส์กันอยู่”น้ำเสียงทุ้มต่ำของผู้เป็นเคียวโกถามขึ้น
โกลเซนต์พิสเซสขมวดคิ้วยุ่งอย่างใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่งก็นึกออก ใบหน้าอันงดงามหมดจดราวอิสตรีถึงกับซีดเผือดทันทีที่นึกได้
และก่อนที่จะมีใครได้ทันตระหนักถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น อโฟรดิเทก็ผุดลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว ร่างสูงเพรียวในชุดโกลครอธสีทองอร่ามซวนเซเล็กน้อย หากนัยน์ตาสีฟ้าอ่อนจางคู่นั้นกลับเปล่งประกายวาววับ... เยี่ยงคนเมา
“อึ๊ก... พีรันย่า
โรส..”
ยังไม่ทันที่อโฟรดิเทจะได้ออกท่าไม้ตายโจมตี ร่างอันสูงเพรียวก็มีอันต้องล้มกลิ้งอยู่กับพื้นเสียก่อน
เมื่อคาน่อนปราดเข้ามาเตะตวัดขาจากด้านหลังด้วยคิดอยู่ก่อนแล้ว ว่า “เหยื่อ” ในคืนนี้คงยากที่จะยอมให้ความร่วมมือแต่โดยดี
“จับมันไว้!!”
สิ้นเสียงสั่งการของน้องชายฝาแฝดท่านเคียวโก เหล่าโกลเซนต์รุ่นเยาว์ทั้งหลายก็กระโจนเข้ามาตะครุบตัวเหยื่อผู้น่าสงสารเอาไว้เรียบร้อยแล้ว อโฟรดิเทจึงไม่อาจรอดพ้นไปจาก “การลงโทษ” ที่มีไว้เพื่อผู้ที่พ่ายแพ้ในเกมส์สำหรับคืนนี้
“เอ้า..
ฟังให้ดีนะ กฎของเกมส์มีอยู่ว่า ผู้แพ้จะต้องทำตามความต้องการของผู้ชนะ1อย่าง”
ซากะอธิกายกติกาซ้ำอีกครั้งหนึ่ง
พร้อมกับก้มลงมองดูร่างในชุดโกลครอธพิสเซสที่กำลังถูกพันธนาการไว้อย่างแน่นหนา
“และพวกข้าก็ได้ปรึกษากันแล้วว่าจะให้เจ้าทำอะไรดี เจ้าลองมองไปรอบๆสิอโฟรดิเท แล้วลองบอกข้ามาซิว่า... ในหมู่พวกเรา มีใครที่มิได้มาปรากฏตัวในคืนนี้”
โกลเซนต์พิสเซสเหลียวมองไปรอบๆตัว
สำรวจดูใบหน้าของสหายยามยากที่เรียงสลอนอยู่รอบกาย... ทั้งโกลเซนต์รุ่นน้องที่กำลังหน้าตาตื่นเฝ้ารอดูสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นอย่างใจจดใจจ่อ
ทั้งโกลเซนต์ร่วมรุ่นอีก2คนที่เป็นเหมือนสหายร่วมตาย ซึ่งกำลังส่งสายตาสงสารเห็นใจอย่างสุดซึ้งมาให้ และ... โกลเซนต์รุ่นอาวุโส ที่กำลังยืนกอดอกพร้อมด้วยสีหน้ากระหยิ่มยิ้มย่อง เห็นแล้วน่าขนลุกชวนให้เสียวสันหลังเป็นยิ่งนัก แล้วเขาก็สังเกตเห็น......
....ว่ามีบุรุษอีกผู้หนึ่ง ที่มิได้มาร่วมเล่นเกมส์สติแตกนี้กับพวกตนด้วย....
“....เวอร์โก.. ชากะ...”
“ใช่แล้ว!! ...หึหึ”ซาจิทาเรียส ไอโอรอสส่งเสียงออกมาพร้อมด้วยใบหน้าหล่อเหลาคมเข้มที่ส่อแววเจ้าเล่ห์ร้ายกาจ
อย่างชนิดที่เราจะไม่มีทางได้เห็นในเซนต์เซย่าภาคปรกติอย่างเด็ดขาด เพราะมันจะทำให้เรตติ้งของการ์ตูนเรื่องนี้ตกฮวบจนกู่ไม่กลับ
“เจ้าหนูโกลเซนต์ผู้ดูแลวิหารสาวพรหมจรรย์คนนั้นแหละ ที่จะเป็นเป้าหมายของเราในครั้งนี้..
ด้วยข้อหาทำตัวน่าหมั่นไส้นัก”
โกลเซนต์ซาจิทาเรียสชะงักคำพูดไว้เพียงเท่านั้น ก่อนจะหันไปเขกหัวน้องชายตัวแสบที่บังอาจทำแลบลิ้นปลิ้นตาหลอกอยู่ข้างหลัง
“โอ๊ย!!.. พี่บ้า..
ดันเห็นอีก...
หัวเราะอะไรกันล่ะพวกเจ้า!.. เดี๋ยวเหอะ!!”เลโอ
ไอโอเรียแทบจะสร่างเมาเป็นปลิดทิ้งเมื่อเจอมะเหงกซาจิทาเรียสเข้าให้เต็มกบาล ก่อนจะหันไปแยกเขี้ยวใส่เพื่อน
“ก็หัวเราะโกลเซนต์งี่เง่าไง
เนอะมิโร่ อัลเดบารัน”
น้ำเสียงอ้อแอ้แบบคนเมาของโกลเซนต์ร่วมรุ่นอีกคนดังขึ้น ก่อนที่ร่างสูงเพรียวในชุดโกลครอธอารีเอสจะค่อยๆผุดลุกขึ้นยืนช้าๆพร้อมกับรู้สึกว่าโลกมันแกว่ง
ร้อนถึงสหายอีก2คนที่อยู่ข้างๆต้องเข้ามาช่วยหิ้วปีก
“พูดแบบนี้เจ้ากับข้ามาเจอกันตัวๆดีกว่ามู”
ไอโอเรียฮึดฮัดๆร่ำๆจะอาละวาดเต็มที ทั้งๆที่ตัวเองก็เมาจนแทบจะยืนไม่อยู่
และนั่นส่งผลให้ท่านเคียวโกผู้อดรนทนดูอยู่นานบังเกิดความเอ็นดูขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
กำปั้นอันสูงส่งและแข็งแกร่งไม่แพ้ของไอโอรอสจึงได้ประเคนลงไปกลางกบาลรุ่นน้องตัวแสบอีก1ที
เสียงมะเหงกท่านเคียวโกกระทบศีรษะไอโอเรียดัง
ป๊อก ..เสียงดังฟังเสนาะหู
ส่งผลให้เจ้าตัวถึงกับลงไปนั่งกุมหัวแล้วสูดปากด้วยความเจ็บปวด
“พอเลย! ถ้าจะกัดกันก็รอให้หายเมาก่อนแล้วข้าจะไม่ห้ามเจ้าเลย...
เอาล่ะมาเข้าเรื่องต่อ.. เนื่องจากพวกเราเห็นว่าชากะ
..เจ้าหนูโกลเซนต์หน้าใหม่ที่เพิ่งจะฝึกวิชาสำเร็จและได้กลับมาประจำวิหารที่6เมื่อไม่ถึงสัปดาห์ดี มันทำตัวไม่ค่อยจะเข้าตารุ่นพี่เท่าไหร่
อย่างเช่นคืนนี้
...ที่ข้าให้มูและอัลเดบารันไปชวนมาสนทนาธรรมกัน แต่มันกลับไม่แยแสเลยสักนิด อีกทั้งยังเย่อหยิ่งจองหอง ..วันๆเอาแต่หมกตัวอยู่ในวิหารตัวเองไม่รู้จักโผล่หน้าออกมาทักทายปราศรัยกับสหายคนอื่นๆ ดังนั้น....
ด้วยความหวังดีและเป็นห่วงชากะ ซึ่งก็ถือว่า1ในพรรคพวกของเรา และเพื่อเป็นการช่วยให้เจ้านั่นได้มีเพื่อนเสียที... คืนนี้พวกเราจะจัดการดัดนิสัยมันซะ
...ใช่มั้ยพวกเรา!!”
“Yessssss!!!!”
บรรดาลูกคู่ต่างพากันขานรับอย่างพร้อมเพรียงด้วยเสียงอันกึกก้อง
ที่ดังสะท้อนไปทั่วทั้งสุสาน และนั่นทำให้ซะกะถึงกับสะดุ้งเฮือกพร้อมด้วยใบหน้าถอดสี ก่อนจะหันไปมองรอบกายอย่างหวาดๆ
“เจ้าพวกบ้า!! จะแหกปากตะเบ็งเสียงหาสวรรค์วิมานอะไรกันวะ หา!
...เดี๋ยวอาเทน่าก็ตื่นขึ้นมาได้ยินกันพอดี เวรกรรม.......”
ท่านเคียวโกถอนหายใจพรืดด้วยความเซ็งสุดขีดพร้อมกับเกาหัวแกรกๆ
ก่อนจะวกกลับเข้าสู่ภารกิจหลักอันสำคัญยิ่งในคืนนี้
“และหน้าที่ของเจ้าอโฟรดิเท... ก็คือ
เจ้าจะต้องลอบเข้าไปในวิหารของมัน
แล้ว..........”
ถึงตอนนี้ซากะก็เอื้อมมือคว้าใบหูของโกลเซนต์พิสเซสแล้วดึงเข้ามาใกล้ พร้อมกับกระซิบแผนการที่เหลือ ท่ามกลางใบหน้าเหยเกที่ซีดขาวระคนหวาดหวั่นพรั่นพรึงของ
“เหยื่อ”
“อะไรกัน!.. ขะ..
...ข้าทำไม่ได้หรอก!!” อโฟรดิเทถึงกับปากคอสั่น เมื่อได้รู้ถึง “บทลงโทษ” ที่ได้รับ
“นะ.. นี่มันแกล้งกันชัดๆเลยนี่!! คิด..
คิดยังไงถึงได้สั่งให้ข้าเข้าไปขโมยกางเกงในของชากะแบบนั้น!!!”
“เหยื่อ”ผู้น่าสงสารถึงกับควันออกหูหายเมาเป็นปลิดทิ้ง
ร่างสูงเพรียวอึกอักๆตั้งท่าจะตรงเข้ามาเล่นงานท่านเคียวโก ....เพียงเพื่อจะพบว่าแขนทั้ง2ข้างของตนถูกกรงนิ้วอันแข็งแกร่งของบรรดาสหายยามยากที่พึ่งพาได้ล็อคเอาไว้แน่นอย่างชนิดที่ดิ้นไม่หลุด
“เจ้ายังฟังไม่จบเลยอโฟรดิเท.... ที่ว่าให้เข้าไปขโมยน่ะ
ไม่ใช่ว่าจะไปแอบหยิบกางเกงในตัวไหนจากราวตากผ้าหลังวิหารมาก็ได้นะ ”
ท่านเคียวโกเอ่ยเสียงเรียบในขณะที่ใบหน้าหล่อเหลาอย่างวายร้ายกำลังตีสีหน้าเรียบเฉยชวนให้ศรัทธาอย่างเต็มที่ พลางก้าวเข้ามาใกล้เหยื่อที่กำลังดิ้นขลุกขลักอย่างไม่พอใจ
“ฟังให้ดีนะ
ตรงนี้ล่ะสำคัญที่สุด....
เจ้าจะต้องขโมยกางเกงในตัวที่ชากะใส่อยู่เท่านั้น จากนั้น
นำมันขึ้นไปแขวนไว้บนปลายนิ้วของรูปปั้นอาเทน่า.....
โดยทุกอย่างจะต้องเสร็จสิ้นก่อนตะวันขึ้น ...เข้าใจแล้วนะ”
“ไม่เข้าใจ!!! และข้าขออฎิเสธที่จะทำมัน!!” ถึงตอนนี้โกลเซนต์พิสเซสไม่สนใจอีกแล้วว่าผู้ที่อยู่เบื้องหน้าจะเป็นท่านเคียวโกหรือใครก็ตาม
เด็กหนุ่มร้องตะโกนลั่นอย่างโมโหสุดขีดด้วยใบหน้างามที่แดงก่ำ
“....จุ๊ๆๆ....”
เจมินี่ คาน่อนได้เวลาออกโรง
ร่างสูงใหญ่ในชุดเสื้อผ้าฝ้ายสีฟ้าเก่าคร่ำคร่าก้าวเข้ามาใกล้พร้อมกับโบกนิ้วชี้ไปมาตรงหน้าฝ่ายตรงข้ามด้วยลีลาอันยียวนกวนประสาทระดับเซเว่นเซนต์ สมกับที่เป็นถึงน้องชายท่านเคียวโก
ในขณะที่สหายร่วมรุ่นอีก2-3คนกำลังกลั้นหัวเราะเสียจนน้ำตาแทบร่วง
“เด็กไม่ดีๆ...”
คาน่อนถือวิสาสะเข้ามาบีบแก้มอโฟรดิเทเล่นอย่างมันเขี้ยวราวกับกำลังหยอกล้อกับเด็กเล็กๆก่อนจะกล่าวต่อ
ส่งผลให้โกลเซนต์พิสเซสยิ่งใบหน้าถอดสีมากกว่าเดิม
“เจ้านี่ล่ะน้า.... ไม่รู้จักฟังพี่ข้าพูดให้จบเสียก่อน ชอบขัดคอเสียจริง
ซากะกำลังจะบอกเจ้าว่า...
เจ้าจะไม่เข้าลอบเข้าไปในวิหารเวอร์โกก็ย่อมได้ แต่.....
กางเกงในตัวที่จะต้องขึ้นไปแขวนอยู่บนปลายนิ้วอาเทน่าจะต้องเป็นกางเกงในของเจ้าเองนะ”
“อ๊ะๆ! ....และแน่นอนว่าจะต้องเป็นตัวที่เจ้ากำลังใส่อยู่เดี๋ยวนี้ด้วย ตัวอื่นเราไม่ต้องการ จริงมั้ย..
คาน่อนหลานรัก” โกลเซนต์ผู้อาวุโสกว่าใครเพื่อนเสริมขึ้น
ในขณะที่น้องชายตัวแสบของท่านเคียวโกพยักหน้าหงึกหงักอย่างเห็นพ้องพร้อมด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์แพรวพราว
พริบตานั้นอโฟรดิเทรู้สึกราวกับว่ากำลังถูกอาเทน่าสั่งให้ไปตาย......
ไม่สิ... ต่อให้ถูกสั่งให้ไปตาย
มันก็คงไม่ทำให้เขารู้สึกหดหู่ไปได้มากกว่านี้อีกแล้ว
....ถึงเเม้ว่าที่ผ่านมาเขาจะถูกมองว่าออกอาการตุ้งติ้งขนาดผู้หญิงยังอาย ประกอบกับผิวพรรณขาวนวลและใบหน้าที่งดงามล้ำเลิศ ทำให้มักถูกผองเพื่อนตราหน้าว่าเป็นกระเทย
....หากแต่อโฟรดิเทก็ตระหนักดีอยู่แก่ใจว่าตนเองเป็นชายทั้งแท่ง
และการที่จะต้องเข้าไปขโมยกางเกงในของผู้ชายด้วยกันนั้นมัน.....
แต่เมื่อนึกภาพกางเกงในของตนเองขึ้นไปห้อยต่องแต่งอยู่บนรูปปั้นอาเทนาแล้วก็ทำให้เขาพอจะมีกำลังใจที่จะปฏิบัติภารกิจขึ้นมาบ้าง รวมถึงได้ตระหนักถึงสัจธรรมข้อหนึ่งขึ้นมาท่ามกลางนาทีแห่งการตัดสินใจนั้น...
....เซนต์แห่งอาเทน่า บางครั้งก็มีเรื่องที่ต้องฝืนใจเหมือนกัน....
“เถอะน่าอโฟรดิเท.... ก็แค่กางเกงในตัวเดียว เจ้าชากะมันคงไม่เท่าไหร่หรอกน่า”
สหายจากวิหารที่10รีบตรงเข้ามาให้กำลังใจพร้อมด้วยคู่หูจากวิหารที่4
“สู้ๆนะ
คิดเสียว่าเป็นการทำเพื่ออาเทน่าก็แล้วกัน.... จะTแบค Iแบค จะแบบผูกเชือกโชว์แก้มก้น แบบบ๊อกเซอร์หรือจะเป็นผ้าเตี่ยวก็อย่าถอย....
เพราะพวกเราคือเซนต์แห่งอาเทน่า ....ไม่มีคำว่าถอยอยู่แล้ว จริงมะ”
คำพูดปลอบใจและปลุกขวัญกำลังใจในขณะเดียวกันของเดธมาร์คทำให้โกลเซนต์พิสเซสถึงกับซาบซึ้งเสียจนน้ำตาซึม....
....ถ้าเพียงแต่มันจะเป็นเรื่องที่มีสาระกว่านี้ล่ะก็นะ....
“พอเถอะ... คำปลอบใจของพวกนายยิ่งทำให้ฉันรู้สึกหดหู่
เอาล่ะ..ตกลง! แค่เอากางเกงในของชากะมาให้ได้ก็พอสินะ คอยดูฝีไม้ลายมือโกลเซนต์ผู้ดูแลวิหารสุดท้ายบ้างก็แล้วกัน”
.............................................................
อโฟรดิเทยืนสงบนิ่งอยู่บนขั้นบันไดล่างสุดอันจะนำไปสู่ทางเข้าวิหารราศีกันย์
พร้อมกับทำใจ....
และทันทีที่สัมผัสได้ถึงคอสโมอันแผ่วเบาของเจ้าของวิหาร
เขาก็ตระหนักได้ว่าเวลานี้โกลเซนต์เวอร์โกคงกำลังหลับอยู่
และนั่นก็ทำให้อโฟรดิเทตัดสินใจกลั้นหายใจแล้วจรดปลายเท้าขึ้นไปตามขั้นบันใดอย่างรวดเร็ว ที่หน้าทางเข้าวิหารนั้นมืดสนิท ปราศจากแสงสว่างจากคบเพลิงชวนให้รู้สึกหนาวยะเยือกยิ่งนัก หากทว่า....
มีหรือที่โกลเซนต์ผู้ห้าวหาญอย่างเขาจะกลัวเรื่องแค่นี้
ร่างสูงเพรียวในชุดโกลครอธพิสเซสค่อยๆย่องเข้าไปในวิหารที่เคยร้างผู้ดูแลมานานแสนนานอย่างแผ่วเบา
แล้วมุ่งหน้าตรงไปยังห้องนอนเจ้าของวิหาร
ในขณะเดียวกันก็คอยสังเกตความผิดปรกติรอบกายไปด้วย
ประตูไม้บานหนาหนักซึ่งจะเปิดเข้าไปสู่ห้องส่วนตัวด้านในแง้มออกจากกันอย่างช้าๆไร้เสียงก่อนจะปิดงับเข้าหากันตามเดิมกินเวลาเพียงเสี้ยววินาที พร้อมด้วยร่างของผู้บุกรุกที่ยืนตัวลีบติดประตูอยู่อย่างกล้าๆกลัวๆ พร้อมด้วยอาการหายใจไม่ทั่วท้อง
ภายในห้องมืดสนิทเสียจนมองอะไรไม่เห็น... มีเพียงกลิ่นธูปจางๆที่ลอยมาแตะจมูกทำให้อโฟรดิเทรู้สึกคันจมูกยุบยิบจนอยากจะจามยิ่งนัก
...เอาล่ะสิ....
ต่อให้เขาโง่งี่เง่าสติแตกกว่านี้ก็ยังรู้เลย
ว่าในเวลานี้จะมาจามเสียงดังสนั่นไม่ได้เด็ดขาด
อโฟรดิเทรีบยกมือขึ้นบีบจมูกตัวเองไว้แน่น พร้อมกับพยายามคิดถึงเรื่องอื่นๆแล้วภาวนาให้หายคันจมูกเสียที.........
มันดีขึ้น.. ในเวลาไม่นานนัก
และนั่นก็ทำให้โกลเซนต์พิสเซสได้ถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนจะก้าวลึกเข้าไปในห้องอย่างเงียบกริบ พยายามจะไม่ให้เกิดเสียงดังแม้แน้อยโดยมีเตียงนอนหลังใหญ่ที่เห็นเพียงเงาตะคุ่มๆอยู่เบื้องหน้าเป็นเป้าหมายหลัก...
....อันที่จริง
เป้าหมายก็อยู่ที่ร่างของโกลเซนต์เวอร์โก
ที่นอนหลับอยู่บนเตียงนั้นแหละ...
และทันใดนั้นเอง...
อโฟรดิเทก็ต้องสะดุ้งเฮือก เมื่อปลายเท้าสัมผัสเข้ากับอะไรบางอย่าง...
มันมีขนาดใหญ่และมีรูปร่างเหมือนคน
และทันทีที่ก้มลงไปมองเขาก็ต้องเผลอตัวแผดร้องออกมาสุดเสียง
“ว๊ากกกกกก!!!!”
เจ้าสิ่งนั้นกำลังจ้องหน้าเขานิ่งไม่ขยับเขยื้อน พร้อมด้วยท่าทางที่ย่อตัวนั่งนิ่งอยู่กับพื้น.....
และด้วยความตกใจสุดขีดทำให้อโฟรดิเทกระโจนถอยหลังไปไกลพอสมควร
ก่อนที่จะตั้งสติได้แล้วจ้องมองดูร่างที่ทำให้เขาถึงกับขวัญผวานั้นให้ชัดๆ
มันก็คือ.....
ชุดโกลครอธเวอร์โกนั่นเอง..... ในยามที่เจ้าของมิได้สวมใส่
โกลครอธก็จะอยู่ในรูปลักษณ์ของสตรีสาวที่นั่งคุกเข่าพร้อมกับแหงนหน้าขึ้นสู่ทิศเบื้องบน ราวกับกำลังสวดภาวนาต่อสิ่งศักดิสิทธิ์
โกลเซนต์พิสเซสถึงกับถอนหายใจเฮือกพลางนึกตำหนิตนเองที่ตกใจกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง
ในขณะเดียวกันก็รู้สึกราวกับว่าใบหน้าสีทองอร่ามของโกลครอธที่อยู่ท่ามกลางความมืดนั้น ดูประหนึ่งกำลังยิ้มเยาะอย่างขบขันที่เขาใจเสาะถึงเพียงนี้
หากแต่นั่นยังมิอาจทำให้เขาเป็นกังวลได้มากเท่ากับการที่ตัวเองดันแหกปากดังลั่นปลุกเจ้าของวิหารขึ้นมาเสียแล้ว
อโฟรดิเทเกร็งร่างขึ้นเตรียมรับการโจมตีทันที ด้วยความคิดที่ว่าโกลเซนต์เวอร์โกที่ตกใจตื่นอาจจะโจมตีเข้ามาในเวลาใดเวลาหนึ่งก็ได้ หากทว่าทั้งห้องก็ยังคงเงียบเชียบราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
จะมีก็เพียงแค่เสียงหัวใจที่กำลังเต้นโครมครามราวกับกำลังจะระเบิดออกมานอกอกของตนเท่านั้น
....รึว่านี่.. จะเป็นอุบายของเจ้านั่นกัน.....
อุบายพื้นๆที่แกล้งหลอกให้ผู้อื่นตายใจด้วยความนิ่งสงบ ...ที่สยบความเคลื่อนไหว
แต่เมื่อพยายามเงี่ยหูฟังดีๆ อโฟรดิเทก็แทบจะเข่าอ่อนด้วยความโล่งใจ เมื่อเขาได้ยินเสียงลมหายใจเข้าออกแผ่วเบาของเจ้าของวิหารที่ยังคงมีจังหวะสม่ำเสมอ มันเป็นเพราะสวรรค์ยังเข้าข้างเขา
ที่จู่ๆเกิดเพี้ยนอยากเห็นกางเกงในของชากะขึ้นมา หรือจะเป็นเพราะความขี้เซาอย่างร้ายกาจของชากะเองก็มิอาจรู้ได้ หากมันก็ทำให้เขามีกำลังใจที่จะเดินหน้าต่อไป
ในที่สุดร่างอันสูงเพรียวในชุดโกลครอธพิสเซสก็จรดปลายเท้าเงียบกริบเข้ามาหยุดอยู่ข้างเตียงนอน
พลางก้มลงมองร่างที่เห็นเพียงเงาตะคุ่มๆที่ยังหลับไม่รู้เรื่องอยู่บนเตียง
....อโหสิให้ข้าด้วยนะชากะ.....
จริงอยู่ที่ว่าเรามิได้มีความแค้นเคืองอันใดต่อกันแต่..... มันจำเป็น
อโฟรดิเทสูดหายใจลึกก่อนจะเอื้อมมือเข้าไปช้าๆโดยพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะเล็งให้พอดีกับจุดกึ่งกลางลำตัวของฝ่ายตรงข้าม
.......ขอให้มันสำเร็จทีเถอะ............
แล้วใบหน้าอันงดงามหมดจดต้องขมวดคิ้วยุ่งอย่างงุนงง เมื่อปลายนิ้วเรียวยาวสัมผัสถูกร่างของชากะเข้าแล้วแต่ในขณะเดียวกันก็คิดว่ามันช่างแปลกประหลาดยิ่งนัก เขากำลังไม่แน่ใจว่าตนเองกำลังจับถูกส่วนไหนของโกลเซนต์เวอร์โกกันแน่
จากเสียงร่ำลือที่เคยได้ยินมานั้น... เวอร์โก
ชากะเป็นเด็กหนุ่มที่มีความงดงามประหนึ่งรูปสลักเทพบุตร มีเรือนผมสีทองยาวสลวยถึงเอวกับผิวพรรณขาวพิสุทธิ์ อีกทั้งยังมีใบหน้าและโครงร่างที่งดงามชวนมองยิ่งนักหากแต่นี่..........
อโฟรดิเทไม่กล้าคิดต่ออีกแล้ว
เมื่อสิ่งที่เขาสัมผัสโดนมันทั้งนุ่มมือและเต็มไปด้วยขนปุกปุย
หรือว่า.... ข่าวลือที่ได้ยินมาจะเป็นเรื่องโกหกทั้งเพ....
แท้ที่จริงแล้วเวอร์โก ชากะคนนั้นกลับกลายเป็นเด็กหนุ่มที่มีขนยาวรุงรังทั้งตัว หรือถ้าหากมิใช่... ถ้าเช่นนั้นเขากำลังจับถูกส่วนไหนกันล่ะนี่
ทว่านี่มิใช่เวลาที่จะมาลังเลอีกต่อไปแล้ว อโฟรดิเทกัดฟันคลำหาขอบกางเกงในท่ามกลางความมืดทันที และก่อนที่เขาจะทันได้ตระหนักว่านรกขุมไหนกำลังจะย้ายเข้ามาอยู่ในห้องนี้
ร่างที่นอนหลับอยู่บนเตียงก็กระโจนพรวดเข้าใส่ทันทีทันใด!!!!
“แว๊กกกกกกก!!!! ยะ...
ยกโทษให้ข้าด้วย!!!”
โกลเซนต์พิสเซสเผลอตัวแหกปากร้องสุดเสียงออกมาอีกครั้งหนึ่ง หากแต่ครั้งนี้อโฟรดิเทคงจะไม่มีโอกาสที่จะได้นึกถึงมันอีกต่อไปแล้ว... เมื่อเขาจำต้องรับมือกับปัญหาที่น่าขนลุกขนพองมากกว่านั้น ที่ต้องพยายามปัดป้องใบหน้าที่กำลังยื่นเข้ามาซุกไซ้อยู่แถวๆซอกคอของตนอย่างสุดกำลัง พร้อมด้วยสุ้มเสียงอันแปลกประหลาดของชากะ ที่ไม่ว่าจะฟังอย่างไรมันก็....
“คร่อกก เจี๊ยกกก!!”
...อะไรนะ....
อโฟรดิเทลืมตาขึ้นมองร่างที่กระโจนใส่ตนเองจนหงายหลังลงไปด้วยกันอย่างเต็มตาเป็นครั้งแรก ก่อนจะทำหน้าเหยเก เมื่อได้เห็นเรือนร่างของ “เวอร์โก ชากะ” เข้าให้เต็มๆ
อย่างนี้เองสินะ...
โกลเซนต์เวอร์โกจึงมิค่อยชอบออกไปปรากฏตัวให้ผู้อื่นเห็น
เพราะไม่ต้องการให้มีผู้ใดรู้เห็นถึงสภาพที่น่ารังเกียจของตนนี่เอง ขนยาวรุงรังทั้งตัว อีกทั้งรูปร่างที่มิได้สูงเกินกว่าเอวของคนทั่วไป ตลอดจน....
ใบหน้าที่เหมือนลิงนั่น......
....หน้าเหมือนลิง.....
เอ๊ะ.. รึว่า....
“เอ่อ.. ท่านชากะ?”
“คร่อก!!”
โกลเซนต์เวอร์โกตอบรับเสียงเรียกด้วยการส่งเสียงในลำคอ พร้อมทั้งยื่นหน้าเข้าไปจูบปากอโฟรดิเทฟอดใหญ่
“เฮ้ยยย!! ...... แก
ออก.. ออกไปนะ!!”
......บ้าที่สุด... นี่จะต้องไม่ใช่ชากะแน่ๆ.....
ไม่ว่าดูยังไงเจ้าตัวที่กำลังพยายามจะลวนลามเขานี่มันก็.. ลิง
...ลิงชัดๆ......
และก็แน่นอนว่า
ลิงตัวนี้ย่อมมิได้อยู่ในเป้าหมายหลักสำหรับภารกิจในค่ำคืนนี้ หากแต่เป็นกางเกงในต่างหาก ...ที่มีค่าควรสนใจ
อโฟรดิเทถอนหายใจพรืด
ก่อนจะพยายามลุกขึ้นพร้อมกับปัดเจ้าลิงจอมยุ่งออกไปให้พ้นตัว แล้วสอดส่ายสายตาหาเป้าหมายต่อไป และครั้งนี้เขาจะไม่ยอมพลาดอีกเป็นหนที่2อีกแล้ว
และทันใดนั้นเอง ..ดวงตาสีฟ้าใสของโกลเซนต์พิสเซสก็ต้องวเบิกกว้างอย่างยินดี
เมื่อเหลือบไปเห็นร่างของบุรุษผู้หนึ่งนอนตะแคงหันหลังให้ตนอยู่ที่มุมห้อง
เขายังคงนอนนิ่งอยู่ในอาการอันสำรวม ตลอดเรือนกายห่อหุ้มด้วยผ้าเนื้อบาง ลักษณะคล้ายๆเครื่องแต่งกายของนักบวช เส้นผมยาวตรงที่มิอาจจะระบุได้ว่าเป็นสีอะไรนั้นแผ่ปกคลุมที่ว่างด้านหลัง
ไม่ผิดแน่... คนๆนี้แหละ
คือโกลเซนต์เวอร์โกที่แท้จริง
ครั้งนี้อโฟรดิเทไม่ยอมเสียเวลาจรดปลายเท้าย่องเข้าไปอีกแล้ว เมื่อได้ตระหนักถึงความขี้เซาสุดขีดของเจ้าของวิหารราศีกันย์กับตาตนเองแล้วว่า มิใยตนจะแหกปากร้องตะโกนโหวกเหวกสักแค่ไหนชากะก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะฟื้นขึ้นมาเลย ร่างสูงเพรียวจึงจงใจย่างสามขุมเข้าไปอย่างหมายมั่นปั้นมือว่าอย่างไรเสีย... กางเกงในของชากะจะไม่ปล่อยให้รอดมือไปได้เป็นอันขาด
ทว่าเพียงแค่สัมผัสถูกสะโพกของโกลเซนต์เวอร์โก อโฟรดิเทก็ถึงกับสะดุ้งเฮือกพร้อมกับร้องลั่น เมื่อสหายร่วมห้องของชากะกระโจนขึ้นมาเกาะหลังตนแล้วอ้าปากงับใบหูเข้าให้
“โอ๊ยยย!! เจ็บๆๆๆ
...ปล่อย ปล่อยนะเฟ้ยยย!!!”
แทนจะได้ลงมือขโมยกางเกงในที่หมายตาไว้
เขากลับพบว่าตนเองต้องล้มกลิ้งลงไปกับพื้นพร้อมกับเจ้าลิงตัวแสบที่เกาะแน่นอยู่ด้านหลังและกำลังตั้งหน้าตั้งตางับใบหูตนพร้อมกับกระชากผมไม่ปล่อย
“นีน่า!!! หยุดเดี๋ยวนี้นะ!!!!”
น้ำเสียงแหบห้าวด้วยเพิ่งจะเข้าสู่วัยหนุ่มดังขึ้นราวกับประกาศิตจากสรวงสวรรค์
พร้อมด้วยแสงสว่างจากโคมไฟดวงใหญ่ที่อยู่กลางห้องถูกจุดขึ้นในทันทีทันใด แสงโคมส่องให้เห็นดวงหน้าอันงดงามไร้ที่ติกับร่างสูงเพรียวภายใต้อาภรณ์สีขาวบริสุทธิ์ที่กำลังยืนนิ่งอยู่กลางห้อง และในวินาทีที่ดวงตา2คู่ได้ประสานกันนั้นต่างคนก็ต่างตกตะลึงพรึงเพริด... เมื่อเห็นได้ชัดว่าผู้นที่อยู่เบื้องหน้าตนนี้ต่างก็มีความงดงามยิ่งนัก
......สมแล้ว....
ที่เคยได้ยินมาว่าโกลเซนต์เวอร์โกมีรูปโฉมอันงดงามยากที่จะมีผู้ใดเสมอเหมือน
คำกล่าวนั้นมิได้เกินจริงเลยแม้แต่น้อย.....
ขณะเดียวกัน ชากะเองก็กำลังจ้องมองผู้บุกรุกยามวิกาลด้วยนัยน์ตาสีฟ้าใสที่เปล่งประกายงดงาม
....บุรุษผู้นี้
..ถึงแม้ว่าจะเต็มไปด้วยคราบเลอะเทอะบนใบหน้า อีกทั้งเส้นผมนั้นก็พันกันยุ่งเหยิงไปหมด ทว่าก็ยังเปล่งประกายงดงามเหลือเชื่อออกมาจากร่างได้ถึงเพียงนี้ ถ้าเช่นนั้นคนๆนี้ก็คงจะเป็นใครไปมิได้ นอกจากโกลเซนต์ผู้งดงามที่สุดในบรรดา88กลุ่มดาว....
“ขออภัยด้วย..
อันที่จริงข้ามิได้อยากจะมารบกวนเวลาพักผ่อนของเจ้าหรอก หากแต่...”
“ท่านคือโกลเซนต์แห่งวิหารปลาคู่.. พิสเซส
อโฟรดิเทสินะ”
หนุ่มน้อยเวอร์โก ชากะชิงถามขึ้นก่อน ท่ามกลางสีหน้าตกตะลึงพรึงเพริดของฝ่ายตรงข้าม
“ถูกแล้ว... แต่ท่านทราบได้อย่างไรว่าเป็นข้าในเมื่อเราไม่เคยพบกันมาก่อน”
อโฟรดิเทถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ปิดบังความประหลาดใจเอาไว้ไม่มิด
และนั่นก็ส่งผลให้รอยยิ้มน้อยๆปรากฏขึ้นบนริมฝีปากงามได้รูปของโกลเซนต์เวอร์โก
“เดาไม่ยากหรอก.... ท่านผู้งามสง่าที่สุดในบรรดา88กลุ่มดาว....
ด้วยสิ่งที่นีน่าของข้าโปรดปรานที่สุดก็คือการได้อยู่ใกล้ชิดกับบุรุษหนุ่มรูปงามเช่นท่านนี่ล่ะ”
ชากะชำเลืองมองไปยังแม่สาวน้อยตัวยุ่งของเขา
นีน่าอาจจะยอมปล่อยมือจากเรือนผมของอโฟรดิเทแล้วก็จริงอยู่หากแต่เจ้าหล่อนก็ยังคงอิงแอบแนบชิดอยู่ข้างกายเขามิยอมห่าง นัยน์ตาดำขลับที่ดูไร้เดียงสาราวกับทารกน้อยช้อนขึ้นมองหน้าบุรุษทั้ง2สลับกันไปมาอย่างสงสัยใคร่รู้ ในขณะที่นิ้วหัวแม่มือคาอยู่ในปาก
อโฟรดิเททำหน้าแหยเมื่อหันไปพบว่าแม่ตัวยุ่งกำลังมองหน้าเขาอยู่
....อย่าบอกนะ ว่าเจ้าเกิดหลงรักข้าขึ้นมา......
“ว่าแต่มีเหตุผลอันใดรึไม่
ที่ท่านลอบเข้ามาในห้องนอนของข้ายามวิการเช่นนี้”
คำถามที่ตรงไปตรงมาของเจ้าของวิหารเวอร์โก ทำให้อโฟรดิเทถึงกับสะดุ้งเฮือกเมื่อตระหนักได้ว่าตนเองทำพลาดครั้งมโหฬารเสียแล้ว ...จะขโมยถอดกางเกงในของชากะได้อย่างไรกันในเมื่อเจ้าตัวตื่นขึ้นมาแล้ว
“เอ้อคือว่า..... ข้าจะบอกเจ้าตามตรงก็แล้วกัน เรื่องมันเป็นอย่างนี้.....”
.......................................................................
โกลเซนต์เวอร์โกนั่งนิ่งฟังเรื่องราวทั้งหมดโดยที่สีหน้ายังคงสงบราบเรียบไม่เปลี่ยนแปลง
พร้อมกับหลับตาลงช้าๆพลางถอนหายใจยาว
“ถ้าเช่นนั้น
กางเกงในของข้าก็จะเป็นเสมือนเครื่องรางที่ช่วยให้ท่านมิต้องคอขาดใช่หรือไม่...”
ไม่มีคำตอบใดๆเล็ดรอดออกมาจากริมฝีปากของอโฟรดิเท
เด็กหนุ่มหุบปากเงียบสนิทพร้อมด้วยความอดสูเหลือที่จะกล่าว
.....ก็แล้วมันเรื่องอะไร
ที่เขาจะต้องอยากได้กางเกงในของผู้ชายด้วยกันเล่า....
...เอาละ ...เป็นไงเป็นกัน
ยังไงการที่เขาลอบเข้ามาในห้องของเจ้านี่มันก็เหมือนคนโรคจิตเต็มทีอยู่แล้ว....
“ก็เป็นเช่นนั้น... และหากว่าเจ้าขัดขืนมิยินยอมแต่โดยดี ต่อให้ต้องปล้ำถอดออกมาจากร่างเจ้าข้าก็คงต้องทำล่ะ”
ทว่าคำพูดของอโฟรดิเทหาได้ทำให้ชากะขุ่นเคืองหรือแสดงความไม่พอใจไม่
ใบหน้าอันงดงามราวกับสลักเสลาปรากฏรอยยิ้มเย็นและเต็มเปี่ยมไปด้วยเมตตาธรรมยิ่งนัก
“พระพุทธองค์เคยกล่าวเอาไว้ว่าการเสียสละคือการทำทานครั้งยิ่งใหญ่
แล้วเหตุใดข้าจึงจะยอมสละสิ่งนั้นเพื่อท่านมิได้ล่ะ เอาเถอะ.. ท่านจงหันไปก่อน ข้าจะถอดมันออกเพื่อท่านเดี๋ยวนี้ล่ะ”
..........................................................
อโฟรดิเททั้งงุนงงทั้งประหลาดใจ ดวงตาสีฟ้าใสเหลือบลงมองกางเกงในแบบผูกเชือกสีขาวสะอาดในมือตนแล้วทำหน้าเบ้
ในขณะที่กำลังมุ่งหน้าไปยังรูปปั้นของอาเทน่าด้วยคิดไม่ถึงว่าเรื่องราวทุกอย่างมันจะง่ายดายถึงเพียงนั้น
....แต่อย่างไรก็ดี เขาก็ได้สิ่งที่ต้องการมาอยู่ในมือแล้ว......
โกลเซนต์พิสเซสรีบมุ่งหน้าไปยังจุดนัดหมายที่บรรดาสหายและโกลเซนต์รุ่นพี่ตัวแสบทั้งหลายเฝ้ารออยู่
โดยมิทันได้นึกเฉลียวใจถึงรังสีอำมหิตแปลกๆที่ไล่หลังมาไม่ห่างเลยแม้แต่น้อย
ภาพอันงดงามตระการตาของรูปสลักองค์เทวี
ที่มีกางเกงในตัวจิ๋วพริ้วสะบัดอยู่ที่ปลายนิ้วช่างเป็นอะไรที่หาดูได้ยากเสียจริง
ท่ามกลางกลางความรู้สึกที่ราวกับยกภูเขาออกจากอกของอโฟรดิเท
กับสีหน้าที่เป็นส่วนผสมของความตะลึงงันและความสะใจของบรรดาตัวแสบทั้งหลาย
“ไม่เลวนี่หว่า ....พวกข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าจะต้องทำสำเร็จ”
โกลเซนต์ซาจิทาเรียสหัวเราะร่าพร้อมกับตบบ่าอโฟรดิเทดังป้าบ
พลางชื่นชมผลงานของรุ่นน้องด้วยสีหน้ากระหยิ่มยิ้มย่อง ในขณะที่ “เหยื่อ” ผู้น่าสงสารได้แต่ปิดปากเงียบ
....รอให้หมูบินได้เสียก่อนเถอะ
เขาจึงจะยอมบอกว่าได้กางเกงในตัวนั้นมาได้อย่างไร.....
“เห็นมั้ยล่ะเจ้าหลานชาย... กะอีแค่กางเกงในตัวเดียว มันจะยากเย็นสักแค่ไหนกันเชียว” ไลบรา
โดโกเป็นคนถัดมาที่เข้ามาแสดงความยินดีกับเขา
ตามด้วยสหายร่วมรุ่นและโกลเซนต์รุ่นเล็กทั้งหลาย
“เจ๋งมากพวก ....ว่าแต่เจ้าไปได้มันมาอีท่าไหนล่ะ แล้วเจ้าชากะมันยอมให้เจ้าถอดมาดีๆงั้นหรือ”
อโฟรดิเทยังไม่ทันได้ตอบคำถามล่าสุดของสหาย
ที่ด้านหลังก็พลันเกิดลำแสงสีทองสว่างวาบขึ้นมาเสียก่อน
ท่ามกลางสีหน้าที่ตกตะลึงพรึงเพริดของบรรดาโกลเซนต์ที่ชุมนุมกันอยู่ที่หน้ารูปปั้นของอาเทน่า
ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นความตื่นตระหนกชนิดที่ทำให้เส้นขนทั่วร่างตั้งชันขึ้นได้ ต่างคนต่างหายเมาเป็นปลิดทิ้งทันทีที่พวกเขาตระหนักได้ว่า.... นั่นคือคอสโมของเทพีอาเทน่า!!!
....ยะ.... แย่แล้ว!!!!........
ร่างเพรียวบางที่เต็มไปด้วยความสง่างามขององค์เทพีปรากฏขึ้นที่เบื้องหลังของพวกเขาด้วยท่วงท่าดุจนางพญา อาเทน่าสวมครอธซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับอย่างครบครันทับภูษาบางเบาสีขาวนวล พร้อมด้วยคฑาคู่มือที่ในเวลานี้เปลี่ยนรูปเป็นสามง่ามปลายเหลมคม...
และทันทีที่ผลงานท้านรกสุดขั้วของเหล่าเซนต์ได้ประจักษ์แก่สายตา
คอสโมอันอบอุ่นอ่อนโยนของนางก็พลันแปรเปลี่ยนเป็นไอเย็นถึงขั้นติดลบ ที่แม้แต่ไอเย็นศูนย์องศาสมบูรณ์ของอควอเรียส คามิวยังกลับกลายเป็นไอร้อนฉ่าขึ้นมาภายในบัดดล.....
“นีน่า....
กลับไปบอกชากะว่าให้ติดต่อไปที่ยมโลกโดยด่วน...”องค์เทวีเอ่ยเสียงกร้าว
โดยที่สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่ผลงานอันน่าประทับใจนั้น ในขณะเดียวกับที่เจ้าลิงจ๋อตัวแสบของชากะแอบกระมิดกระเมี้ยนอยู่ข้างๆ
“ให้ชากะถามท่านฮาเดสว่า ท่านพอจะรับเกณฑ์ทหารนอกรอบได้รึไม่
เพราะว่าข้ากำลังจะส่งทหารที่ว่าลงไปให้ท่านอยู่ในอีกไม่กี่อึดใจแล้ว แล้วก็...
ฝากเจ้าไปบอกหัวหน้าทหารยามด้วย ว่าให้ทำป้ายติดหน้าทางเข้าแซงทัวรี่... ว่าต้องการรับสมัครโกลเซนต์หน้าใหม่จำนวนมาก”
นีน่าส่งเสียงร้องราวกับจะรับทราบถึงคำสั่งจากองค์เทพีทุกถ้อยกระทงความ ก่อนจะรีบแจ้นหายไปอย่างรวดเร็ว ประหนึ่งจะสัมผัสได้ว่าคืนนรกแตกกำลังจะอุบัติขึ้นในอีกไม่กี่อึดใจข้างหน้านี้แล้ว.... เมื่อรังสีคอสโมสีทองอร่ามเย็นตาของอาเทน่าแปรเปลี่ยนเป็นสีเงินเย็นยะเยือก ขณะที่เส้นเกศาสีม่วงที่ยาวเคลียสะโพกกลมกลึงพริ้วสะบัดอย่างรุนแรงพร้อมด้วยอารมณ์ที่พุ่งปรี๊ดจนถึงจุดระเบิด
“งั้นรึ... ขอบใจเจ้ามาก
...นีน่า” เจ้าลิงน้อยส่งเสียงในลำคออย่างพออกพอใจ
ในขณะที่ผู้เป็นเจ้าของช้อนร่างของมันขึ้นจากพื้น
เวอร์โก ชากะยืนนิ่งโดยมีนีน่าเกาะอยู่บนบ่า
พลางทอดสายตามองไปยังทิศที่เป็นที่ตั้งของรูปปั้นอาเทน่าพร้อมกับปลงสังเวช....
เมื่อเสียงระเบิดกัมปนาทขึ้นอย่างรุนแรงเสียจนได้ยินอย่างชัดเจนมาถึงวิหารเวอร์โก
ก่อนจะถอนหายใจน้อยๆแล้วพนมมือขึ้นด้วยอาการอันสงบ
“จริงอยู่ว่า...
ความเสียสละนั้นคือการบริจาคทานครั้งยิ่งใหญ่ หากแต่คำกล่าวที่ว่าสัตว์โลกย่อมต้องเป็นไปตามกรรมนั้นก็เป็นความจริงเช่นกัน
แล้วข้าจะสวดอุทิตส่วนกุศลพร้อมทั้งแผ่เมตตาไปให้พวกท่านเองนะ”
~End~
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น