8/01/2555

Precious memories: Memory of Hijikata Toshizo









“ไม่เจ้าค่ะ!  ท่านพ่อไม่เคยเข้าใจลูก!!

แน่ละ.. อารมณ์อันอ่อนไหวที่มาพร้อมกับน้ำตาของสตรีไม่เคยถูกโรคกับเขามาแต่ไหนแต่ไรแล้ว   ไม่ว่าเมื่อไหร่เขาก็คงไม่มีวันคุ้นเคยกับน้ำเสียงเจือสะอื้นแบบนี้สักที    และมันก็ทำให้เขาต้องกุมขมับอย่างทำอะไรไม่ถูกทุกครั้งไป   ฮิจิคาตะ  โทชิโซได้แต่ขมวดคิ้วยุ่งพร้อมทั้งถอนหายใจอย่างกลัดกลุ้มขณะที่เฝ้ามองร่างเล็กแบบบางวิ่งห่างออกไป  ..จริงสินะ.. เขาถูกนางเล่นงานเข้าให้อีกแล้ว  และก็ไม่เคยจะนึกหลาบจำเสียที   เมื่อไหร่นะ..  เขาถึงจะจำได้ว่าหยดน้ำจากฟากฟ้าเมื่อตกกระทบผิวดินแล้วย่อมซึมหายไปฉันท์ใด   การผจญกับบ่อน้ำตาที่ตื้นเขินและเสียงร่ำไห้ก็ทำให้เขารู้สึกเหมือนหัวใจถูกกรีดลึกฉันท์นั้น   แต่อันที่จริงเขาก็มิใช่คนจิตใจอ่อนไหวนักหรอกนอกจากเฉพาะกับนางเท่านั้น   และมันคือนิสัยเสียที่แก้ไม่เคยหายสักที

โทชิโซไม่เข้าใจ..  ที่ผ่านมาเขาทำอะไรผิดไปหรือ    รึว่าการอบรมเลี้ยงดูทายาทเพียงคนเดียวของเขากับจิสึรุขาดตกบกพร่องตรงไหน   บุตรสาวแสนรักซึ่งเปรียบดังแก้วตาดวงใจจึงได้ดื้อรั้นไม่เชื่อฟังถึงเพียงนี้   ยิ่งกว่านั้นเขาไม่รู้ว่านางไปรับการถ่ายทอดนิสัยเจ้าเล่ห์แสนกลแบบนี้มาจากใคร   โทชิโซถอนหายใจอีกครั้ง  ..ก็จะมิให้อ่อนอกอ่อนใจได้อย่างไร   ในเมื่อเวลาใดก็ตามที่เขาตั้งท่าจะดุด่านางก็จะมีอันต้องน้ำตาคลอเบ้าขึ้นมาทุกครั้งไป   แน่นอนว่านางรู้..  ว่าเขารักแม่ของนางมากเกินกว่าที่จะทนเห็นนางซึ่งมีหน้าตาถอดแบบแม่ผู้ให้กำเนิดมาอย่างแทบมิผิดเพี้ยนต้องหลั่งน้ำตา   

นอกจากใบหน้าที่งามละม้ายคล้ายคลึงมารดาในวัยเยาว์แล้ว   ลูกสาวตัวน้อยของเขามีเกศาดำยาวสลวยถึงกลางหลังและนัยน์ตาสีเดียวกับดอกอายาเมะอันเป็นรูปลักษณ์ซึ่งนางได้รับไปจากเขา   ยิ่งกว่านั้นผิวขาวราวกระเบื้องเคลือบ   แพขนตายาวงอน   รวมทั้งดวงตากลมโตแสนซื่อที่ทำให้ใครต่อใครต้องยอมสยบส่งผลให้แม่ตัวดีกลายเป็นนางมารตัวกระจ้อยที่แผลงฤทธิ์ไปทั่ว   และนั่นทำให้ให้โทชิโซอดคิดไม่ได้ว่าทั้งหมดเป็นความผิดของตนเอง   ลูกสาวของเขา..  ฮิจิคาตะ  ริสะคงรู้ดีถึงเสน่ห์ที่ตนมี   และฉลาดพอที่จะรู้ว่าบิดาอย่างเขาจะยอมอ่อนข้อให้ทุกครั้งจึงไม่เคยนึกเคารพยำเกรงกันบ้างเลย  

แต่ถึงอย่างไรเขาก็คือฮิจิคาตะ  โทชิโซผู้ซึ่งเคยมีตำแหน่งเป็นถึงรองหัวหน้ากลุ่มชินเซ็นในอดีตที่ใครต่อใครต่างก็พากันครั่นคร้ามเพียงแค่ได้ยินชื่อ   เขาไม่เคยคิดสงสัยในความสามารถทางการทหารของตนเองมากเท่าๆกับความมั่นใจเปี่ยมล้นที่มีต่อฝีมือดาบ   ที่ผ่านมาเขาปกครองผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างเข้มงวดดุดันและถึงกับเคยสั่งให้ทหารที่ฝ่าฝืนกฎคว้านท้องมานักต่อนักแล้ว   ทว่าใครเลยจะรู้ว่าเวลานี้โทชิโซกลับต้องมานั่งกลุ้มอกกลุ้มใจเพียงเพราะเรื่องในครอบครัว   ซึ่งหากรู้ไปถึงหูคนนอกเขาคงไม่มีหน้าออกไปพบใครได้แน่    ดังนั้นครั้งนี้เขาจะต้องตามไปพูดกับนางให้รู้เรื่อง   มันถึงเวลาแล้วที่ลูกสาวตัวดีของเขาจะต้องทำความเข้าใจเสียใหม่ถึงลำดับชั้นความสำคัญภายในบ้านและบทบาทของลูกที่ดีซึ่งควรจะเชื่อฟังคำบิดามารดา   โทชิโซกำมือแน่นพลางให้คำสัตย์กับตนเองว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่จะเป็นการยอมอ่อนข้อให้เป็นครั้งสุดท้าย   และเขาจะไม่มีวันยอมใจอ่อน.. เพียงเพราะน้ำตาที่ไหลอาบใบหน้าที่เหมือนจิสึรุอีกแล้ว

อดีตรองหัวหน้ากลุ่มชินเซ็นปั้นหน้าขรึมเมื่อพบว่าแม่ตัวดีหนีไปซ่อนอยู่ภายในสวน   ฮิจิคาตะ  ริสะนั่งกอดเข่าอยู่ที่ใต้ต้นซากุระที่กำลังจะผลัดใบ   ชายแขนกิโมโนลายดอกสีส้มที่แม่ของนางเพิ่งจะเย็บให้มีคราบดินเลอะเป็นทางยาว   และไม่ต้องสงสัยเลย   เขาแน่ใจว่าหากตนเองจับให้นางยืนขึ้นได้ก็คงจะเห็นรอยเลอะที่ก้นด้วย   นี่หากว่าจิสึรุมาเห็นเข้าล่ะก็..  ความคิดนั้นทำให้โทชิโซขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ  ใครสั่งใครสอนให้นางลงไปนั่งคลุกดินอย่างนั้นกันนะ   ..ไม่ใช่เขาแน่ๆ   และนั่นทำให้คนเป็นพ่อต้องถอนหายใจอีกครั้ง   ทั้งๆที่กำลังจะโตเป็นสาว   ทว่าบางครั้งริสะก็ทำตัวไม่สมกับที่เป็นเด็กสาววัยสิบสามปีเลย   นางยังคงชอบเล่นซุกซนเหมือนเมื่อครั้งที่ยังเป็นเพียงเด็กหญิงตัวน้อยซึ่งเคยเห็นเขาเป็นเหมือนโลกทั้งใบ   ทว่าในบางขณะนางก็กลับทำตัวแก่แดดเกินวัย   ไม่สิ..  ต้องเรียกว่าดื้อดึงแบบไร้เหตุผลมากกว่า   อย่างเช่นเรื่องที่นางพยายามตื๊อให้เขายอมอนุญาตให้ชอบพอกับบุตรชายของคนข้างบ้านได้ยังไงล่ะ

“มาหลบอยู่ที่นี่เอง   เสื้อผ้าเปื้อนหมดแล้วมิใช่หรือ”

สาวน้อยปาดคราบน้ำตาออกจากแก้มก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองบิดาแล้วเอ่ยเสียงสั่น  “ท่านพ่อเจ้าคะ..  ลูกอยากจะอยู่กับไทกะคุง   ทำไมเรื่องแค่นี้ท่านพ่อถึงไม่ยอมเข้าใจเลย”

โทชิโซขบกรามแน่นพลางเตือนตนเองมิให้เผลอใจอ่อนอีก   เขาดึงแขนลูกสาวให้ลุกขึ้นยืนก่อนจะกอดไว้ในอ้อมอกพลางถอนหายใจ   นางช่างตัวเล็กเหลือเกิน   แทบจะไม่ต่างอะไรจากแม่หนูน้อยในวันวานที่เขาเคยอุ้มชูเลย   แล้วเช่นนี้จะให้ทำใจปล่อยไปได้อย่างไรกัน  “นั่นเพราะว่าเจ้ายังเด็กเกินกว่าที่จะแต่งงานออกเรือน” ชายหนุ่มตอบเสียงเรียบโดยไม่สนใจกับอาการขัดขืนอย่างดื้อดึงของนาง  

นาคามุระ  ไทกะ..  คือเด็กข้างบ้านที่อายุมากกว่าบุตรสาวของเขาเพียงสองปี    ทั้งคู่เป็นเพื่อนสนิทที่เคยเล่นหัวคลุกคลีกันมาตั้งแต่เด็กๆ   ถึงแม้ว่าเวลานี้จะมิใช่สมัยโบราณซึ่งยึดมั่นในจารีตที่เด็กชายเด็กหญิงอายุมากกว่าหกปีห้ามพบหน้ากันแล้ว   ทว่าโทชิโซก็ไม่เคยนึกชอบใจสักครั้งยามที่เจ้าหนุ่มนั่นชายตามองริสะของเขา   ยังไม่ต้องพูดถึงความพยายามเข้ามาใกล้เพราะเขาจะไม่ยอมยืนมองเฉยๆแน่   และเป็นเพราะเด็กหนุ่มคนนั้น   ลูกสาวของเขาจึงได้กลายเป็นปีศาจช่างร้องห่มร้องไห้เสียจนทำให้เขาแทบจะประสาทกินอยู่แล้ว    ความคิดนั้นทำให้คนเป็นพ่อถึงกับกำหมัดแน่น   ยังนับว่าเป็นโชคดีของเจ้านั่นที่วันนี้เขายังอารมณ์ดีอยู่   และคงจะดีต่อไปเช่นนี้ตราบใดที่ยังไม่ต้องเห็นหน้ากัน

“มากับพ่อ..   เข้าไปข้างในบ้านก่อนแล้วเราค่อยคุยกัน” โดยไม่สนใจกับน้ำตาของลูก   โทชิโซคว้าข้อมือเล็กบางแล้วจูงกลับเข้าบ้านพร้อมทั้งตั้งใจจะเปิดฉากเทศนายกใหญ่อย่างที่อยากทำมานานเสียที  

หลายต่อหลายครั้งที่เขาเคยนึกอยากให้ริสะเป็นเด็กผู้ชาย   เพื่อที่ตนจะได้อบรมสั่งสอนได้เต็มที่โดยไม่ต้องกลัวว่าอีกฝ่ายจะบอบช้ำ  ใครๆก็รู้ว่าบางครั้งการชี้แนะด้วยกำปั้นมักจะได้ผลดีกว่าการใช้ถ้อยคำหวานหูเป็นไหนๆ   ถึงแม้โทชิโซจะไม่ถนัดในการใช้คำหวานเข้าล่อหลอกทว่าเขาก็รู้ดีเกินกว่าจะใช้ความรุนแรงกับลูก..  มิใช่เพราะรู้ว่าจิสึรุจะไม่มีวันให้อภัย   แต่เขาคงยอมตายเสียดีกว่าที่จะทำให้ลูกเจ็บตัวแม้เพียงแค่รอยขีดข่วน   หากนั่นมิได้รวมถึงการดุด่าว่ากล่าวซึ่งเขาตั้งใจอย่างเต็มที่ว่าคราวนี้จะต้องทำให้ได้

“นั่งลง”

“ท่านพ่อเจ้าขา”   ราวกับรู้ชะตากรรมของตนเอง   ฮิจิคาตะ  ริสะทำเสียงออดอ้อนอย่างน่าสงสาร   ไม่กล้าแผลงฤทธิ์อย่างทุกครั้งเมื่อเห็นว่าบิดาเอาจริง   มือเล็กกำผ้าเช็ดหน้าชุบน้ำไว้แน่นก่อนจะซุกเข้าไปในแขนเสื้ออย่างแนบเนียนเพราะรู้ดี   ว่าคราวนี้เพียงแค่ใบหน้าที่ละม้ายมารดาคงไม่อาจช่วยให้ตนรอดพ้นโทษทัณฑ์หากบิดาจับได้ว่าแกล้งร้องไห้



“ พ่อไม่เคยลืมว่าเจ้ากำลังเติบโตขึ้นทุกวัน   จากเด็กหญิงตัวน้อยที่พ่อแม่เคยโอบอุ้มเวลานี้กำลังจะกลายเป็นผู้ใหญ่”  โทชิโซกระแอม   นัยน์ตาสีม่วงเข้มจ้องหน้าบุตรสาวไม่กระพริบ  “แต่การที่จะเป็นผู้ใหญ่และโผบินออกไปจากอกพ่อแม่ได้นั้นยังมีอะไรอีกมากมายนักที่เจ้าจะต้องเรียนรู้อย่างเช่น.. การวางตัว”  เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นนางยอมนิ่งฟัง   ฮิจิคาตะ  โทชิโซกลั้นยิ้มพลางทำหน้าตาขึงขังแล้วร่ายยาวต่อ 

“หากที่ผ่านมาเจ้าไม่เคยสนใจจะเรียนรู้   เวลานี้ก็จำต้องรู้เสียทีว่าสังคมของเรานั้นยกให้ผู้ชายเป็นผู้นำ  
ผู้ชายคือหัวหน้าตระกูล.. คือพ่อ   คือสามี    คำพูดของผู้ชายคือสิ่งที่ผู้หญิงอย่างเจ้าจะต้องเชื่อฟัง   และในฐานะลูก..  คำพูดของพ่อคือประกาศิตซึ่งเจ้ามิอาจขัดขืน   ถัดมาก็คือแม่..  ซึ่งไม่ได้มีไว้เพียงเพื่อให้เจ้าวิ่งเข้าหาเพื่อประจบยามที่พ่อไม่ตามใจอย่างทุกครั้ง   นอกจากนี้พวกเรายึดมั่นในลำดับอาวุโส   ผู้น้อยย่อมต้องเชื่อฟังผู้ใหญ่ถือเป็นกฎที่ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด  
เจ้าคงไม่เคยรู้ว่าพ่อคนอื่นจะทำโทษลูกๆที่ไม่เชื่อฟังด้วยวิธีใด   และพ่อก็ภาวนามาตลอดว่าอย่าให้เจ้าต้องมารับรู้เพราะมันไม่สนุกเลยสำหรับเราทั้งคู่   แต่ที่ผ่านมาดูเหมือนเจ้าจะไม่เคยมีความยำเกรงพ่อแม่บ้างเลย   ไม่เพียงไม่เชื่อฟัง.. แต่ยามที่ดุด่าว่ากล่าวก็เอาแต่ร้องไห้แล้ววิ่งหนี   คิดว่าจะรอดพ้นไปได้งั้นหรือ   ทำเช่นนี้เจ้าอย่าคิดว่าพ่อจะไม่รู้เท่าทัน”

“ยะ..  ยังไงหรือเจ้าคะ”  

“ก็แล้วเจ้าซ่อนอะไรไว้ในแขนเสื้อ   บอกพ่อได้รึไม่..”  โทชิโซเห็นนางสะดุ้งเฮือกตามด้วยใบหน้าถอดสีแทนคำสารภาพ   และมันก็ทำให้คนเป็นพ่ออดสงสารมิได้   แต่ครั้งนี้เขาจะไม่ยอมอ่อนข้อให้อีกแล้ว  

“ลูก..  ลูกเปล่าเจ้าค่ะ”  ฮิจิคาตะ  ริสะถึงกับปากคอสั่นอย่างทำอะไรไม่ถูก  กระนั้นก็ยังดื้อดึงเกินกว่าที่จะยอมรับแต่โดยดี   นัยน์ตากลมโตช้อนขึ้นสบประกายสีม่วงคมปลาบที่กำลังจ้องมองอย่างคาดคั้นจะเอาคำตอบ   โทชิโซมองออกว่านางกำลังกลัว..  ไม่น่าแปลกใจหรอกที่นางจะกลัวเขา   เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขายอมให้ลูกเห็นตัวตนอีกด้านหนึ่งซึ่งทำให้ใครต่อใครต้องยำเกรงเช่นเดียวกับ ฮิจิคาตะ  โทชิโซ คนที่เป็นเจ้าของสมญารองหัวหน้าปีศาจแห่งกลุ่มชินเซ็นในอดีต    ชายหนุ่มอดคิดไม่ได้ว่าตนน่าจะทำเช่นนี้เสียนานแล้วทว่าที่ผ่านมาเขากลับไม่ได้ทำ.. เพราะรักมากจึงตามใจ   และผลก็เป็นเช่นนี้ 

คนเป็นพ่อได้แต่ขบกรามแน่นเมื่อได้ยินเสียงสะอื้นเบาๆ   สีหน้ากระด้างเย็นชาส่งผลให้ลูกสาวตัวน้อยมีน้ำตาเอ่อ  

“ท่านพ่อใจร้าย”  คราวนี้เสียงสะอึกสะอื้นดังกว่าเดิม    ทว่าอย่าหวังว่าเขาจะยอมให้ง่ายๆ

“รู้เช่นนั้นก็ดีแล้ว” โทชิโซเอ่ยเสียงเข้มพร้อมด้วยแววตาดุดัน  “เพราะความผิดฐานที่ไม่เชื่อฟังและหลอกพ่อแม่   พ่อจะลงโทษกักบริเวณเจ้าและงดมื้อเย็นสำหรับวันนี้ด้วย   ต่อไปนี้นอกจากเวลาอาหารแล้วห้ามมิให้เจ้าก้าวเท้าออกจากห้องเด็ดขาด   ..เข้าใจที่พูดรึไม่”  ไม่มีคำตอบจากร่างน้อยที่กำลังสะอึกสะอื้น   และยังไม่ทันไรแม่ตัวดีของเขาก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินร้องไห้กระซิกๆออกไปจากห้องเสียแล้ว   ดูเหมือนว่าคราวนี้จะไม่ได้แกล้งร้องเสียด้วย    


“คุยกันจบแล้วหรือคะ” 

เสียงหวานซึ่งดังแผ่วๆขณะที่ประตูห้องอีกฝั่งแง้มออกจากกันส่งผลให้อดีตรองหัวหน้ากลุ่มชินเซ็นเลิกทำหน้านิ่วคิ้วขมวดได้ในที่สุด   ฮิจิคาตะ  จิสึรุในชุดกิโมโนลายดอกสีเหลืองเย็นตาเข้ามาในห้องพร้อมด้วยรอยยิ้มที่ระบายอยู่บนใบหน้า   นางลงนั่งพับเพียบเคียงข้างสามีอย่างรู้หน้าที่ขณะที่ปล่อยให้โทชิโซเอนกายลงนอนหนุนตัก

“คงเรียกว่าคุยไม่ได้   ในเมื่อข้าทำให้ลูกร้องไห้อีกแล้ว”  ชายหนุ่มถอนหายใจพลางหลับตาลงแล้วปล่อยให้สัมผัสจากมือนุ่มที่ลูบไล้อยู่บนศีรษะปลอบประโลมจิตใจ   “ข้าเป็นพ่อที่ไม่ได้เรื่องเลยใช่มั้ย” 

หญิงสาวถอนหายใจแผ่วเบาขณะที่วางมือเย็นเฉียบลงบนหน้าผากสามี  “ไม่ใช่หรอกค่ะ”  จิสึรุประสานปลายนิ้วมือเข้ากับชายหนุ่มแล้วยกหลังมือเขาขึ้นจุมพิต “เราอยู่ด้วยกันมาสิบสามปีแล้ว   ข้าย่อมรู้ดีที่สุดว่าโทชิซังรักลูกมากเพียงใด   ดังนั้น..  โทชิซังไม่ใช่พ่อที่ไม่ได้เรื่องอย่างแน่นอนค่ะ”

“แต่ข้าไม่เข้าใจเลย..  เราสองคนทำอะไรผิดไปหรือไร    ริสะจึงได้เป็นแบบนี้” เมื่อได้อยู่กับภรรยาสองต่อสอง   โทชิโซจึงอดไม่ได้ที่จะระบายความรู้สึกอัดอั้นตันใจที่มีต่อบุตรสาว “นางคงบอกเจ้าแล้วสินะ   ว่านางอยากจะแต่งเข้าตระกูลนาคามุระ”     

“เป็นเรื่องธรรมดาของเด็กสาวในวัยนี้นะคะ  จะว่าไปอีกไม่ถึงสองปีลูกก็พร้อมที่จะออกเรือนได้แล้วดังนั้น..”

“ไม่ได้   ข้าไม่อนุญาต”  ฮิจิคาตะ  โทชิโซผุดลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมทั้งทำเสียงแข็ง  “นางยังเด็กนัก..  ต่อให้อีกสองปีก็ยังไม่พร้อมจะแต่งงานมีครอบครัวหรอก”

“แต่ข้าเองก็เป็นภรรยาของโทชิซังตอนที่อายุสิบห้าปีเหมือนกันนะคะ   ในตอนนั้นจำได้ว่าโทชิซังเป็นคนบอกเองด้วยซ้ำว่า..”  พูดยังไม่ทันจบจิสึรุก็ร้องอุทานด้วยความตกใจเมื่อจู่ๆก็ถูกดึงเข้าไปกอดแน่น  

“นะ..  นั่นมันไม่เหมือนกัน”  เมื่อถูกไล่ต้อนเสียจนมุมโทชิโซก็ใช้วิธีขี้โกง   ชายหนุ่มกดศีรษะคนรักให้ซบแนบบ่ากว้างเพื่อปกปิดความจริงในสีหน้าของตน   แน่นอนว่าเขาย่อมจำได้ดีถึงเหตุผลที่เลือกจิสึรุมาเป็นภรรยา   เป็นเพราะเมื่อความรักสุกงอมได้ที่เขาก็ไม่อาจทนปล่อยนางให้ห่างกายได้อีก   จึงได้ตัดสินใจครอบครองนางทำให้นางเป็นของเขาและจัดการหมั้นหมายตามอำเภอใจ   ในตอนนั้นนอกจากโทชิโซจะให้เหตุผลกับภรรยาแบบขอไปทีแล้วเขายังไม่ได้ถามความสมัครใจนางด้วยซ้ำ   แต่จิสึรุไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องทั้งหมดก็ได้นี่นะ  

“ที่ข้ารับเจ้าเป็นภรรยาในตอนนั้นก็เพราะเจ้าไม่มีพ่อแม่คอยปกป้องคุ้มครองต่างหากล่ะ”   โทชิโซพูดอ้อมแอ้มไม่เต็มเสียงพลางซบใบหน้าเข้ากับเรือนผมหนาหนุ่มของภรรยา   ขณะที่อีกฝ่ายพยายามกลั้นยิ้มอย่างเต็มที่..  จิสึรุรู้เท่าทันความคิดของสามีทุกอย่าง  ทว่าก็กลับแกล้งคืนด้วยการตัดพ้ออย่างน้อยอกน้อยใจ

“แหม..  ข้าเคยนึกว่าเราอยู่ด้วยกันเพราะความรักเสียอีก   ตกลงว่าทั้งหมดนี้เป็นเพราะคำว่ารับผิดชอบดังที่โทชิซังเคยพูดเอาไว้เมื่อสิบสามปีก่อนเท่านั้นเองหรือคะ”

มีคนๆหนึ่งบอกข้าว่าไม่อาจแต่งงานออกเรือนได้อีกแล้วเพราะถูกข้าแตะเนื้อต้องตัว  
ดังนั้นข้าจึงเพียงแค่อยากแสดงความรับผิดชอบ   ไม่รู้ว่าเจ้าจะยอมช่วยให้ข้าได้รับผิดชอบหรือไม่

เอ๋!

จะทึ่มไปถึงไหนกันนะเจ้าน่ะ
จูบไปแล้วตั้งสองครั้งยังไม่รู้อีกหรือว่าข้าคิดอย่างไร..  

จิสึรุเผลอหัวเราะคิกคักยามที่นึกถึงคำพูดในอดีตของสามี   สิบสามปีที่ผ่านมาคงทำให้เขาลืมหมดแล้วกระมังว่าเคยพูดอะไรไว้บ้างจึงได้ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้แล้วพูดอะไรแบบนี้ออกมาได้   ในเมื่อโทชิซังเองนั่นแหละ..  ที่เป็นฝ่ายรวบรัดเอานางมาเป็นภรรยาโดยไม่ได้มีเรื่องอื่นใดมาข้องเกี่ยวนอกจากเป็นความต้องการของตัวเขาเองแท้ๆ   ดังนั้นการที่เขายกเรื่องพ่อแม่ของนางขึ้นมาอ้างหน้าตาเฉยเช่นนี้จะมิให้นางขำได้อย่างไร    ที่แท้สามีนางหวงลูกสาวมากกว่าที่นางคิดเสียอีก   ทว่าจิสึรุไม่มีเวลาให้นึกถึงคืนวันที่ผ่านไปนานนักเมื่อจู่ๆอีกฝ่ายก็ช้อนศีรษะนางให้เงยขึ้นแล้วก้มลงประทับจูบเร่าร้อนเป็นการทำโทษ

“เจ้าก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่าข้ารักแล้วยังจะพูดอย่างนั้นอีกหรือ..”  โทชิโซถอนริมฝีปากขึ้นพลางจ้องมองดวงหน้าแสนรัก   เขาไล้ปลายนิ้วหัวแม่มือไปบนแก้มเนียนขณะที่ประคองใบหน้านางเอาไว้อย่างอ่อนโยนด้วยมือทั้งสองข้าง   จิสึรุถึงกับสะท้านกายเมื่อสายตาสบประสานเข้ากับเปลวเพลิงสีม่วงเข้มที่ทอประกายร้อนแรง   และนางรู้ดีว่าตนเองไม่มีทางรอดพ้นไปได้  

“เห็นทีหากคืนนี้ข้าไม่ทำโทษเจ้าให้หนักคงไม่หลาบจำสินะ    แต่คิดอีกที..  รอให้ถึงคืนนี้คงจะช้าเกินไปเสียแล้ว”  



.................................................

ฮิจิคาตะ  ริสะเดินซึมกลับเข้าห้องตนเอง   รู้สึกราวกับหัวใจแตกสลายเมื่อถูกดุ   เป็นครั้งแรกในชีวิตที่นางได้เห็นบิดาเป็นแบบนี้   หรือว่าท่านจะไม่รักนางแล้ว.. ในเมื่อที่ผ่านมาพ่อของนางอ่อนโยนและใจดีมีเมตตากับนางเสมอมา   และก็ไม่เคยแม้แต่ครั้งเดียวที่จะมีสีหน้าเย็นชาหรือใช้น้ำเสียงเช่นนี้กับนาง   ..ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่สั่งลงโทษนางอย่างรุนแรงถึงเพียงนี้ด้วยซ้ำ   และทันทีที่คิดเช่นนั้นหยดน้ำตาก็ร่วงพรูอีกครั้ง   สาวน้อยมัวแต่จมอยู่กับความทุกข์ของตนเองจนไม่ทันได้สนใจผู้มาใหม่จนกระทั่งอีกฝ่ายเอ่ยปากทักทาย

“เป็นอะไรไป..  หนูน้อย”

เสียงที่คุ้นเคยส่งผลให้เด็กสาวหันขวับทันที   ที่ประตูห้องฝั่งที่เชื่อมต่อกับระเบียงด้านนอกซึ่งยังเปิดอ้าอยู่..  ร่างสูงของใครคนหนึ่งยืนนิ่งอยู่ที่นั่นในท่วงท่าสบายอารมณ์   เขาสวมเสื้อผ้าแบบตะวันตกซึ่งมีฝุ่นสีแดงจับเล็กน้อยบอกให้รู้ว่าเจ้าตัวเพิ่งเดินทางมาถึง   ชายหนุ่มก้าวเข้ามาในห้องพลางถอดเสื้อนอกและหมวกออกก่อนจะนั่งลงแล้วลูบเรือนผมสีน้ำตาลตัดสั้นให้เข้ารูป   กระนั้นประกายยั่วเย้าในแววตาสีเขียวอมเทาก็ยังคงสะท้อนวิบวับราวกับจะถามคำถามเดิมซ้ำสองโดยปราศจากคำพูด

“โซจิ!”  เพียงเท่านั้นลูกสาวสุดที่รักของโทชิโซก็ผวาเข้ากอดเพื่อนเก่าของบิดาเต็มแรงแล้วร้องไห้สะอึกสะอื้นราวกับจะขาดใจ 

“เฮ้..  นี่..”  
 
“ท่านพ่อ..  ท่านพ่อไม่รักข้าแล้ว   จะทำอย่างไรดี”  เมื่อได้พบคนที่สนิทสนมคุ้นเคยมาแต่เล็กแต่น้อย   เรื่องราวทั้งหมดก็พรั่งพรูออกมาจากริมฝีปากเด็กสาว   ขณะที่คนเป็นผู้ใหญ่กว่าได้แต่นิ่งฟังเงียบๆพลางลูบหลังอย่างปลอบโยน   โอคิตะ  โซจิถอนหายใจเมื่อในที่สุดพ่อของเด็กคนนี้ก็คิดได้เสียทีว่าไม่ควรตามใจลูกจนเกินไป   แต่จะว่าไปก็น่าสงสารนางอยู่บ้างเหมือนกัน    ในเมื่อที่ผ่านมาฮิจิคาตะซังไม่เคยสวมบทโหดให้นางเห็นมาก่อนดังนั้นก็คงไม่แปลก   หากว่ามันจะทำให้ริสะจังสติแตกถึงเพียงนี้  

“ท่านพ่อเกลียดข้าแล้ว   สั่งลงโทษข้าด้วย..  ข้าควรทำอย่างไรดีคะ”

“เจ้ามันก็เป็นเสียแบบนี้..”  โซจิถอนหายใจพลางเฝ้ารอจนอาการสะอื้นของนางสงบลงแล้วจึงดันร่างเล็กบางให้ถอยห่างออกไป   แววตระหนกในดวงตาเด็กสาวทำให้อดีตหัวหน้าหน่วยหนึ่งของกลุ่มชินเซ็นเผยรอยยิ้มออกมาก่อนจะกระแอมเบาๆ 

“ไม่ใช่ว่าข้าไม่รักเจ้าแล้ว   ไม่ต้องทำหน้าเช่นนั้น”    ชายหนุ่มยืดหลังตรงแล้วกอดอกพลางตีหน้าขรึมเลียนแบบท่าทางของท่านรองปีศาจที่เคยเห็นจนชินตา  “แต่เจ้าต้องรู้ตัวว่าเวลานี้เจ้าไม่ใช่เด็กเล็กๆที่จะโผเข้าใส่ข้าเหมือนเมื่อก่อนได้อีกต่อไปแล้ว   เจ้ากำลังจะโตเป็นสาว..  ดังนั้นต้องระมัดระวังตัวให้ดีกว่านี้”

“โซจิพูดเหมือนท่านแม่เลย”

“เรื่องนั้นช่างเถอะ”  เขาโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ  “พ่อของเจ้าน่ะรักเจ้ามาก   รู้รึเปล่า”   เมื่อเห็นอีกฝ่ายนั่งก้มหน้านิ่งโซจิก็เอื้อมมือเข้าไปลูบศีรษะอย่างเอ็นดู  “ฮิจิคาตะ   โทชิโซพ่อของเจ้าน่ะ  เคยเป็นถึงรองหัวหน้ากลุ่มชินเซ็นซึ่งครั้งหนึ่งเคยได้รับการขนานนามว่ารองหัวหน้าปีศาจ   เจ้ารู้หรือไม่ว่าเพราะเหตุใด”  

“แต่ท่านพ่อเป็นคนใจดี   ทำไมถึง..”

“นั่นเฉพาะแค่กับเจ้าเท่านั้น   แต่ในสมัยสงครามน่ะ.. ใครที่ฝ่าฝืนกฏข้อบังคับของกลุ่มมีเพียงโทษตายสถานเดียวเท่านั้นที่รออยู่   และผู้ที่เป็นคนออกกฎรวมทั้งบังคับใช้กฎเหล่านี้อย่างเข้มงวดก็คือพ่อของเจ้า   รู้หรือไม่ว่าฮิจิคาตะซังเคยสั่งให้ทหารคว้านท้องตายมากี่รายแล้ว”  

ใบหน้าซีดขาวของเด็กสาวคือสิ่งที่โซจิคาดว่าจะได้เห็น    เขายิ้มเมื่อแลเห็นความไม่เชื่อปรากฏอยู่ในสีหน้าของริสะ   แต่จะโทษนางก็คงไม่ได้..  เรื่องนี้ต้องโทษว่าเป็นความผิดของผู้ใหญ่ที่ปิดบังเรื่องต่างๆมากกว่า   เขารู้ดีว่าพ่อของนางไม่เคยเล่าเรื่องในอดีตให้ฟังเลยเพราะอยากจะทะนุถนอมและปกป้องนางเอาไว้จากเรื่องราวน่ากลัวเหล่านั้นซึ่งเขาไม่เคยเห็นด้วยเลย   เด็กคนนี้เข้มแข็งกว่าที่พ่อนางรู้..   และความจริงเท่านั้นที่จะทำให้ฮิจิคาตะ  ริสะได้เข้าใจถึงความรักที่พ่อมีให้กับนาง  

“เฮ้อ..  บางครั้งคนเป็นพ่อเป็นแม่ก็ลืมคิดไป   ว่าตัวเองไม่อาจอยู่ปกป้องลูกไปได้จนชั่วฟ้าดินสลาย
ริสะจัง..  ข้าจะไม่ปิดบังเจ้า   เพราะสักวันหนึ่งทั้งข้าและพ่อแม่ของเจ้าก็จะต้องตายจากเจ้าไป   ดังนั้นรู้เอาไว้ก็ไม่เสียหาย   แม้ว่านี่จะเข้าสู่ยุคใหม่ที่แสนสุขสงบแล้วทว่าก็อย่าได้หลงลืมไป   ว่าสิบกว่าปีก่อนหน้านี้เคยเกิดสงครามนองเลือดจนกระทั่งมีโลหิตจำนวนมากเพียงใดที่ต้องหลั่งชโลมพื้นดินกว่าบ้านเมืองจะเป็นเช่นทุกวันนี้เจ้ารู้หรือไม่   ทั้งข้าและพ่อของเจ้า   รวมทั้งสหายคนอื่นๆต่างก็เคยเป็นนักรบที่พลีชีพเพื่อแผ่นดินนี้มาแล้วทั้งนั้น”

ใช่..  ถึงแม้เวลาจะผ่านมาแล้วถึงสิบกว่าปีทว่าเขาก็ยังไม่เคยลืมว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง   ทว่ากับเด็กสาวที่นั่งทำตาโตอยู่ตรงหน้านี้คงคิดไม่ออกเป็นแน่เพราะนั่นเป็นเรื่องก่อนที่นางจะเกิด   และไม่ว่าเขาจะเล่าเรื่องได้เก่งกาจสักเพียงใดก็คงไม่อาจทำให้นางเห็นภาพแม้แต่เสี้ยวเดียวของความเป็นจริงทั้งหมด    แต่อย่างน้อยนางก็น่าจะได้เห็นบางสิ่งบางอย่างจากเรื่องเล่าน่าเบื่อนี่   อย่างน้อยนางคงได้รับรู้    นั่นก็เพราะว่านางเป็นลูกพ่อ..  เป็นลูกที่ถ่ายทอดเอาพรสวรรค์และความเฉลียวฉลาดมาจากพ่อของนางอย่างครบถ้วนสมบูรณ์   ขณะเดียวกันก็ดูเหมือนจะลอกเลียนอุปนิสัยไม่ดีบางอย่างไปจากเขาด้วย   และมันคงทำให้พ่อของนางไม่ชอบใจแน่ๆ

“ถ้าเช่นนั้นที่ผ่านมาท่านพ่อก็.. ”

โอคิตะ  โซจิยิ้มให้กับแววรับรู้ที่ปรากฏชัดอยู่ในดวงตากลมโตของเด็กสาว 

“ทีนี้เจ้าคงพอจะมองภาพออกแล้วสินะว่าแท้จริงแล้วพ่อของเจ้าเป็นคนเช่นไร   มิใช่ว่าเขาเกลียดชังจึงได้ดุด่าหรือทำตัวเข้มงวดกับเจ้า  ..แต่ฮิจิคาตะซังน่ะเป็นเช่นนี้มานานแล้วเพียงแต่ไม่เคยแสดงให้ลูกอย่างเจ้าเห็นมาก่อนเท่านั้นเอง    
และกับคนที่เข้มงวดอย่างนั้นแต่กลับอ่อนโยนเฉพาะกับเจ้า   มันยังไม่มากพอที่จะทำให้เห็นอีกหรือว่าพ่อของเจ้ารักเจ้ามากเพียงใด”

“แต่..  แล้วเช่นนั้นข้าควรจะทำอย่างไรดี   ข้ากับไทกะคุงมีสัญญาร่วมกันแล้วว่าเราจะอยู่ด้วยกัน”

“อา..  แบบนี้พ่อเจ้าต้องหัวใจสลายแน่”  โซจิครางออกมาขณะที่เหยียดขาออกทั้งสองข้าง   “ข้าพอจะเดาได้ว่าฮิจิคาตะซังคงไม่ชอบใจนัก   แต่หากเจ้าถามความเห็นข้า..  ข้าคิดว่าคงต้องรอเวลาไปก่อน” 

“รอเวลาหรือคะ”  

“เพราะถึงแม้จะเป็นผู้ใหญ่แต่ก็มีหัวใจเหมือนกัน   คงต้องใช้เวลาในการปรับตัวอยู่บ้างล่ะนะ   
จริงมั้ยครับ..  ฮิจิคาตะซัง”

เด็กสาวถึงกับสะดุ้งเฮือก.. ฮิจิคาตะ  ริสะอ้าปากค้างอย่างคิดไม่ถึง   ว่าเมื่อโซจิจบคำประตูห้องอีกฝั่งจะเปิดออกจากกันทันที   สาวน้อยยิ่งใบหน้าถอดสีมากขึ้นเมื่อเห็นบิดายืนนิ่งอยู่หน้าประตู   โทชิโซเดินเข้ามาในห้องด้วยสีหน้าราบเรียบ   ขณะที่บุตรสาวได้แต่นั่งอกสั่นขวัญแขวนเพราะไม่รู้มาก่อนเลยว่าเขายืนฟังอยู่ที่นอกห้อง..  และตั้งแต่เมื่อไหร่กัน   แต่เมื่อดูจากสีหน้าและแววตาที่ผู้ใหญ่ทั้งสองมองจ้องกันแล้ว   ดูเหมือนจะมีแต่นางเท่านั้นที่ไม่เรื่องรู้ราวอะไรเลย   

 “ขออีกห้าปี” 

โทชิโซบอกเสียงแผ่วก่อนจะนั่งลงข้างๆสหายเก่าซึ่งอมยิ้มมองสองพ่อลูกปรับความเข้าใจกันอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว   ถึงแม้ว่าอันที่จริงเขานึกอยากจะหันไป ปรับความเข้าใจกับโซจิสักสองสามหมัดมากกว่า   ในข้อหาที่ปากมากเที่ยวมาเล่าอะไรต่อมิอะไรให้เด็กคนนี้ฟังทว่าก็ต้องอดใจเอาไว้ก่อน   เพราะเมื่อเทียบกันแล้วบุคคลหมายเลขหนึ่งที่โทชิโซนึกอยากจะซัดให้หมอบ   หรืออย่างน้อยก็สั่งสอนแค่เพียงเบาะๆพอให้คลานกลับบ้านไม่ถูกคือเจ้าหนุ่มที่ลูกสาวมีใจให้ต่างหาก

“เอ๋..”

“อยู่กับพ่ออีกห้าปี   ขอเพียงเท่านั้น.. แล้วหลังจากนั้นพ่อจะยอมให้เจ้าออกเรือนอย่างที่ต้องการ”

ในที่สุดเขาก็แพ้ลูกอีกจนได้   เสียงสะอื้นไห้ด้วยความเจ็บปวดของนางทำให้ฮิจิคาตะ  โทชิโซใจอ่อนอีกตามเคย   ทว่าคราวนี้เขาจะไม่ยอมตามใจนางหมดทุกเรื่องอีกต่อไปแล้ว   หากว่านางอยากจะใช้ชีวิตร่วมกับเจ้าหนุ่มนั่นจริงอย่างน้อยก็ต้องพบกันครึ่งทาง   ช่วยไม่ได้นี่นะ.. ในเมื่อเขายังอยากจะเก็บลูกน้อยเอาไว้ใกล้ตัวอีกสักระยะก่อนที่จะต้องทนเห็นนางออกเรือนไป   หลังจากที่อดทนเกลี้ยกล่อมจนจิสึรุยอมเห็นดีเห็นงามด้วยแล้ว   ครั้งนี้จะไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมาขัดขวางเด็ดขาด

“ถึงแม้เวลานั้นเจ้าจะอายุสิบแปดปีแล้วแต่ก็ไม่เป็นไรหรอก   พ่อเชื่อว่าไทกะคุงย่อมรอได้อยู่แล้ว..”

“โทชิซังคะ..”

ทว่ายังไม่ทันได้พูดอะไรมากไปกว่านี้อดีตรองหัวหน้ากลุ่มชินเซ็นก็ถูกขัดจังหวะ   เมื่อภรรยาคนงามเดินตามเข้ามาในห้องพร้อมด้วยแววตำหนิในดวงตา

“เราคุยกันเอาไว้ว่าสามปีต่างหาก   อย่าเพิ่มเวลาเอาตามใจชอบสิคะ”  จิสึรุนั่งลงข้างสามีพร้อมด้วยความตั้งใจแน่วแน่ว่าจะต้องทำในสิ่งที่ถูกต้องเพื่อลูก   ขณะที่คนเป็นสามีกลับใจเสียที่ดูเหมือนนางจะเข้าข้างบุตรสาวมากกว่า

“ขืนต้องรออีกห้าปีจริงๆริสะคงจะพ้นวัยออกเรือนเสียก่อนแล้วคราวนี้..”

“ก็ไม่เห็นจะเป็นไร..  ลูกข้าทั้งคน   ถึงใครไม่รักข้าก็ยังรักอยู่ดี   จะให้เลี้ยงดูไปชั่วชีวิตก็ยังได้” ถึงตอนนี้โทชิโซหันไปมองหน้าซีดขาวของลูก   แล้วพูดเสียงเข้มโดยไม่สนใจกับอาการกลั้นหัวเราะสุดขีดของโซจิ  “จำไว้นะ.. ว่าไม่มีใครรักเจ้าเท่าพ่ออีกแล้ว”

“โทชิซัง!..”

“เจ้าเงียบเถอะ”  เขาหันไปตัดบทภรรยาและทำให้จิสึรุจำต้องเงียบเสียงทั้งที่ใจยังคัดค้านพร้อมทั้งนึกสงสารลูกจับใจ
 “ตราบใดที่ยังไม่เห็นถึงความตั้งใจจริงของเจ้าหมอนั่นก็อย่าหวังว่าข้าจะยอมให้มาแตะต้องริสะแม้เพียงปลายเล็บ

“ลูกสาวของเราทั้งคนจะยอมยกให้ใครง่ายๆได้อย่างไรกัน  
และถ้าเจ้าหนุ่มนั่นอดทนรอแค่นิดๆหน่อยๆไม่ได้เขาก็ไม่มีค่าคู่ควรกับนางหรอก” 


 ~End~


-------------------------------------
Next: Memory of Kazama Chikage





3 ความคิดเห็น:

  1. ว่าแล้วว่าต้องหวงลูกสาว 555555
    โซจิจ๋า อายากะจังยังไม่พอเรอะ55555 แต่คิดอีกทีเรื่องนี้ไม่มีอายากะนี่นา มีแต่ริสะ

    อ่านไป ขำไปอีกแล้ว ออกมาซีเรียสนิดๆสำหรับท่านรองซึ่งก็เป็นเรื่องปกติ ไม่ประหลาด โอ้โห ท่านรองตามใจลูกสาว ดูๆแล้ว เหมือนอารมณ์คุณพ่อไว้หนวดนั่งถือลูกซองอยู่หน้าบ้านคอยยิงไล่หนุ่มๆที่มา เกาะแกะเลยนะค่ะเหมือนประเทศไทยสมัยก่อนเลย5555 แต่อันนี้เปลี่ยนจากซองเป็นหน้ายักษ์แทน

    ยืดหยุ่นกว่าไซโตที่สอนลูกสาวให้จับดาบล่ะนะ เคร่งประเพณีดี555 แต่กรี้ดโซจิอีกแล้วอ่ะค่ะ เหมือนพี่เลี้ยงเด็กเลยอ่า เลี้ยงลูกคนนู้นคนนี้ไปทั่ว555 ทำไมดูโซจิจะเป็นตัวละครที่เหมือนกับจะชอบโลลิคอนขึ้นทุกวันน้า ลักษณะให้ด้วยล่ะมั้งค่ะ555

    อ่า ชื่นใจ ไม่ได้อ่านตั้งนาน ท่านรองน่ารักโอ้ยยยย นี่ถ้าริสะไป สัญญาใจ กับโซจิแทน ท่านรองจะทำหน้ายังไงเน้อ ขนาดเป็นแค่ไอ้หนุ่มข้างบ้านยังจะอัดจนกลับบ้านไม่ถูกเลยนี่นะconfused smile

    #1 By Yushi_Res on 2011-12-15 14:13
    -------------------------------------------


    นั่นสิน้า อิมเมจที่มูนคิดเอาไว้ก็คือพ่อจอมหวงนี่ล่ะค่ะcry

    ถ้าสังเกตมาตั้งเเต่ต้นเรื่องจะเห็นว่าโทชิโซเห่อลูกมาก ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ยอมลงให้กับริสะคนเดียวเท่านั้น ดังนั้นถึงเวลาลูกจะออกเรือนก็เลยงอเเงไม่ยอมปล่อยง่ายๆ คงต้องเรียกว่าเป็นกรรมของลูกสาวล่ะมั้ง เอ้า.. ใครอยากเป็นลูกสาวฮิจิคาตะ โทชิโซมั่ง (เราไม่เอาด้วยคนนึงล่ะ - -*)


    ส่วนเรื่องโซจิเเอบชอบโลลิเเล้วจะเป็นยังไงถ้ามามีสัญญาใจกับริสะนั้น มูนว่าก็น่าคิดเหมือนกันนะคะ เลยทดลองทำเป็นฟิคสั้นๆตัดตอนมาจากเรื่องหลักให้อ่านกันเล่นๆ(เเต่งสด ผิดพลาดอย่าถือสาเ้้อ*0*)


    .....

    ...

    .



    “เจ้ามันก็เป็นเสียแบบนี้..” โซจิถอนหายใจพลางเฝ้ารอจนอาการสะอื้นของนางสงบลงแล้วจึงดันร่างเล็กบางให้ ถอยห่างออกไป แววตระหนกในดวงตาเด็กสาวทำให้อดีตหัวหน้าหน่วยหนึ่งของกลุ่มชินเซ็นเผยรอย ยิ้มออกมาก่อนจะกระแอมเบาๆ

    “ไม่ใช่ว่าข้าไม่รักเจ้าแล้ว ไม่ต้องทำหน้าเช่นนั้น” ชายหนุ่มยืดหลังตรงแล้วกอดอกพลางตีหน้าขรึมเลียนแบบท่าทางของท่านรองปีศาจ ที่เคยเห็นจนชินตา “แต่เจ้าต้องรู้ตัวว่าเวลานี้เจ้าไม่ใช่เด็กเล็กๆที่จะโผเข้าใส่ข้าเหมือน เมื่อก่อนได้อีกต่อไปแล้ว เจ้ากำลังจะโตเป็นสาว.. ดังนั้นต้องระมัดระวังตัวให้ดีกว่านี้”

    “ยังไงคะ.. ข้าไม่เข้าใจ” สาวน้อยขมวดคิ้วพลางเอียงคอมองอย่างสงสัย ขณะที่อีกฝ่ายถอนหายใจแล้วขยับเข้ามาใกล้

    “แบบนี้ไง” โอคิตะ โซจิกระซิบเสียงแผ่วแล้วแตะปลายคางมนให้เงยขึ้นก่อนจะก้มลงชิมรสหวานจากริม ฝีปากที่เผยอค้างอย่างตกใจ ดวงตาคู่งามที่ยังคงเปียกชื้นเบิกกว้างเมื่อสัมผัสซึ่งไม่เคยรู้จักมาก่อนพา ให้หัวใจสั่นระรัว

    “แสดงให้ดูง่ายกว่าจริงมั้ย.. แต่ว่าเจ้าคงจะต้องมีสัญญาใจกับข้าแทนเจ้าหนุ่มข้างบ้านเสียแล้วล่ะนะ ไม่เช่นนั้นพ่อของเจ้าคงฆ่าข้าแน่ๆ จริงมั้ยครับ.. ฮิจิคาตะซัง”

    ไม่มีคำตอบจากบุรุษที่ยืนนิ่งอยู่ที่ประตูห้อง ..ฮิจิคาตะโทชิโซไม่พูดอะไรเลยนอกจากเดินจากไปแล้วกลับมาพร้อมกับดาบคู่ใจ

    “หยิบดาบแล้วออกไปข้างนอก.. โซจิ” เขาสั่งเสียงห้วนก่อนจะสะบัดหน้าแล้วเดินออกไป...


    .

    ...

    ....


    จบจ้า.. สรุปเเล้วมูนคิดว่าโทชิโซคงไม่ว่าอะไร เเต่ลงมือเลย 555

    เเล้วคนอ่านคิดว่ายังไงคะ

    #2 By ~Moondrop~ on 2011-12-15 20:18
    -------------------------------------------


    อุ๊ย คุณมูนอ่านใจได้เหรอค่ะ พระเจ้า
    เรากำลังจะลองขอว่านิดนึงได้มั้ย
    ตอนมาอ่านอึ้งค่ะ คุณมูนมีพลังพิเศษ อ่านใจเราได้ด้วย555

    แหม หยิบดาบไปสู้กันเลยสินะ ดีนะที่ไม่ฟันใส่เลย คงเพราะลูกสาวยังอยู่ โอ๊ย ถูกใจอ่าค่ะ ถูกใจอ้ายยยย

    โซจิน่ารักมว้าก 55555 คงไม่รู้ตอนจบอ่ะ 555 หาเรื่องฟัดกันมานานแล้วด้วยสิคู่นี้ ต้ายตาย

    ถูกใจอ่ะค่ะ
    ลองคิดเล่นๆ ถ้าเป็นไซโตคงอึ้งก่อน แล้วค่อยหาเรื่องสินะ อาจจะไม่ค่อยเหมือน ลงท้ายก็ไปสู้กันข้างนอกเหมือนกันล่ะมั้ง555 เอ หรือว่าจะพูดว่า ถ้าเป็นโซจิก็วางใจได้ รึเปล่าหว่า 55555

    #3 By Yushi_Res on 2011-12-15 20:37
    -------------------------------------------


    มูน ว่า ถ้าเป็นไซโตคงเป็นอะไรที่โมโหเงียบเเล้วค่อยจัดการทีหลังโดยไม่ให้ลูกรู้ มากกว่าค่ะ ส่วนถ้าเป็นซาโนะซังอาจจะเข้าไปกระชากคอเสื้อเเล้วต่อยตรงนั้นเลย เหอๆ

    ที่จริงในส่วนของโซจิเคยคิดเอาไว้ว่าอยากจะลองเขียนเป็นฟิคสั้นสัก เรื่องหนึ่ง เเต่ว่าอาจจะเป็นโซจิในเวอร์ชั่น PEACEMAKER มากกว่านะคะ มูนว่ามันท้าทายดีเพราะว่าคนที่ปกติบุคลิคนุ่มนิ่มเเต่ก็เปลี่ยนเป็นกระหาย เลือดเวลาต่อสู้นั้นจะมารับบทเป็นตัวหลักคู่กับสาวๆได้ยังไง

    เลยถือโอกาสถามความเห็นคนอ่านเสียเลยว่า

    1. ถ้ามูนจะเขียนโซจิPEACEMAKER จะมีคนอ่านมั้ย

    2.ถ้ามูนจะทำรวมเล่ม ซีรีย์ One side of memories 5เรื่อง จะมีใครสนใจมั้ยคะ


    #4 By ~Moondrop~ on 2011-12-15 21:13

    ตอบลบ
  2. มาให้คำตอบค่ะ

    ข้อแรก เค้าดูพีซเมกเกอร์ไมตอนเดียวแถมครั้งเดียวด้วย55555 เพราะฉะนั้น จำคาแร็กเตอร์เค้าได้นิดๆหน่อยๆค่ะ ถ้าจะเขียนก็จะตอบเหมือนเดิม รออ่านค่า (ปัญหาสำคัญอาจจะไม่ใช่บุคลิก แต่เป็นใบหน้าของเจ้าตัวที่อาจจะสวยกว่าลูกสาวหรือภรรยา 5555 มีโซจิฮาคุนี่หล่ะที่ดูจะแมนกว่าไซโตหรือฮิจิคาตะ เพราะสองคนนั้นสวยเกินไป5555)

    ส่วนข้อสอง สนสิค่ะ ตามอ่านมาตลอดแบบนี้ 55555 สนสุดๆเลยค่าาาา

    #5 By Yushi_Res on 2011-12-16 13:46
    -------------------------------------------


    นั่นสินะ..

    จริงๆเเล้วมูนเองก็ยังไม่รู้จักโซจิเวอร์ชั่นนั้นดีพอ เเต่ความประทับใจเเรกที่เห็นคือเหมือนเป็นคนที่มี2บุคลิค ก็เลยคิดว่าน่าสนใจดี เเต่ถ้่าจะเขียนจริงๆคงต้องศึกษาเจ้าตัวมากกว่านี้อีกหน่อย ตอนนี้เลยคิดว่าอาจจะเข็นคาซามะออกมาก่อนอะค่ะ

    ส่วนเรื่องรวมเล่ม ถามเผื่อไว้ก่อนอีกเหมือนกัน เพราะมูนเข้าไปดูรายละเอียดในการฝากพิมพ์มาเเล้วออกจะยุ่งยากอยู่พอสมควรเลย คือมูนมีปัญหากับการจัดการไฟล์พอประมาณเพราะว่าส่วนตัวเเล้วไม่ค่อยเก่ง เรื่องพวกนี้อะค่ะ

    ลองกะดูคร่าวๆเเล้ว ความยาวประมาณ130หน้า(รวมทั้ง5เรื่อง) ก็ถือว่าไม่หนามาก เเต่ถ้าจะทำจริงๆเเล้วจะบอกอีกทีนะคะ ^ ^

    #6 By ~Moondrop~ on 2011-12-17 21:09
    --------------------------------------------


    รับทราบทุกกรณีขอรับ ฮุฮุ

    #7 By Yushi_Res on 2011-12-17 22:28
    -------------------------------------------


    มาเเบบเลทมาก =^=

    จริงๆเเล้วอ่านไปเเล้วตั้งเเต่ลงช่วงเเรกๆเลยนะคะ!! //เเอบอ่านที่ รร = =''

    เเล้วพึ่งนึกได้ ยังไม่ได้เม้นเลยนี่หว่า!!!!~
    --------------

    =w='' จริงๆเเล้ววาดความคิดไว้ก่อนหน้าว่า ต้องเป็นคุณพ่อหวงลูกสาวเเน่ๆ เเบบ ต้องถือปืนลูกซองดังไอหนุ่มจะมาจีบสาวหน้าบ้าน ฮ่าาาา

    =w='' หรือว่า มาดท่านรองให้เลยทำให้คิดไปเเบบนั้น = =''

    -------------------
    เลื่อนลงไปอ่านเม้นด้านล่าง

    -..- PMK สินะคะ อ่านค่ะ!!!! อ่านหมด >W< ส่วนตัวชอบเรื่อง PMK อยู่เเล้ว คาเเร็คเตอร์ท่านรองใน PMK ก็เเรงกว่า ชอบกว่า!! ที่สำคัญ ซุซุมุหล่อมาก ฮ่าาาา

    อีกประการคือ -.- ชอบฉากเซอร์วิสเล็กๆในเม้นนั้นมากค่ะ ฮ่าาาา
    --------------------

    ยังไงก็เป็นกำลังใจให้เสมอนะคะ ทั้งเรื่องการสร้างผลงานดีๆ กับการรวมเล่ม >W<

    ปล.พอดีมีบล็อกที่สอง เป็นบล็อกงานเขียน = ='' เพราะถูกคนรู้จักติงมาว่าบล็อกที่ใช้อยู่เหมากับการลงรูปมากกว่าทำงานเขียน = ='' ฝากด้วยนะคะ
    http://another-reiketsu.exteen.com

    ปล.2 ได้รับ สคส หรือเปล่าค่ะ ฮ่า /เผ่น

    #8 By ~[H]saina chan~ on 2012-01-14 15:27
    -------------------------------------------


    อยากให้พี่แต่งของโซจิ hakuด้วย อยากอ่านมากกกกกกกกกก โดยส่วนตัวแล้วชอบโซจิที่สุดในเรื่องเลยนะ แอบผิดหวังเล็กน้อยที่ไม่มีโซจิopen-mounthed smile แต่ของคนอื่นแต่งได้ดีมาก อยากจะบอกว่า ทำได้ไงอะ! สุดยอดมาก กำลังคิดอยู่ว่าถ้าเปนเราแต่งทำไม่ได้แบบนี้หรอก sad smile

    สุดท้าย.... สู้ๆน้าแต่งต่อไปเรื่อยๆ เราเชื่อว่าต้องมีคนอ่านแน่นอน [เช่นเรา]

    แล้วก้แต่ง fic โซจิให้เค้าหน่อยจิอยากอ่านงะ อยากได้ฉากถึงเนื้อถึงตัวเยอะๆ(นี่คิดไรอยุฮะ)

    ขอบคุณมากๆนะคะ

    #9 By pimmyjang (27.130.130.148) on 2012-01-19 08:27
    --------------------------------------------


    ขอบคุณที่เเวะเข้ามาอ่านค่ะ cry


    @~[H]saina chan~

    ดีใจที่ยังตามอ่านกันต่อไปค่ะ มูนจะพยายามไม่ให้เเพ้เรื่องก่อนๆเลยเเหละ

    ส่วนเรื่องบอร์ดงานเขียนจะเเวะเข้าไปทักทายทันทีที่ว่างนะคะ^ ^


    @pimmyjang

    ในส่วนของโซจิ Haku นั้นหากมีพลอตที่น่าสนใจมูนจะเขียนมาให้อ่านกันค่ะ เเต่คงจะต้องเข็นโซจิ DMK ออกมาเสียก่อน ไม่งั้นคาเเรคเตอร์ตัวละครคงได้ตีกันยุ่งเเน่ๆ

    #10 By ~Moondrop~ on 2012-01-20 11:14

    ตอบลบ
  3. แวะมาอ่านทุกวันเลย (อ่านซ้ำไปซ้ำมานี่แหละsad smile)
    อยากให้แต่งของคาซามะเร็วๆจัง รออ่านอยุ่น้าาsurprised smile
    ของโซจิ pmk ก้อยากให้แต่งต่อด้วย โซจิ haku ก้อยากอ่าน (แกจาขออาไรพี่เค้านักหนาฮะ เยอะและๆ) ถ้าพี่แต่งต่อจะขอขอบพระคุณอย่างสูง ที่ให้เค้ามีไรทำนอกเวลา ถ้าเค้าขอมากไป ก้อย่าถือสาเลยนะ

    #11 By pimmyjang (14.207.182.138) on 2012-02-06 18:07
    -------------------------------------------


    ขอบคุณค่ะconfused smile

    ดีใจจริงๆนะที่มีคนเเวะมาอ่าน ตอนนี้มูนกำลังจะเข็นตอนที่ค่ะ เเต่อาจจะยังไม่จบภายในเร็ววันนี้ ยังไงก็ช่วยรอนิดนะคะ

    เเต่ยังมีฟิคเรื่องอื่นๆอีกจำนวนหนึ่งค่ะ ซึ่งถ้าpimmyjangไม่รังเกียจลองเเวะเข้าไปอ่านฆ่าเวลาได้นะคะ

    #12 By ~Moondrop~ on 2012-02-07 00:06
    -------------------------------------------


    ขอบคุณค่ะconfused smile

    ดีใจจริงๆนะที่มีคนเเวะมาอ่าน ตอนนี้มูนกำลังจะเข็นตอนที่ค่ะ เเต่อาจจะยังไม่จบภายในเร็ววันนี้ ยังไงก็ช่วยรอนิดนะคะ

    เเต่ยังมีฟิคเรื่องอื่นๆอีกจำนวนหนึ่งค่ะ ซึ่งถ้าpimmyjangไม่รังเกียจลองเเวะเข้าไปอ่านฆ่าเวลาได้นะคะ

    #13 By ~Moondrop~ on 2012-02-07 00:08
    --------------------------------------------


    รอ รอ....

    #14 By pimmyjang (27.130.76.33) on 2012-02-17 22:31
    --------------------------------------------


    โทซิซังหวงลูกสาว 5555+


    ตอนนี้อ่านไปขำไปจริงๆ 5555+




    รู้สึกว่าโซจิจะเลี้ยงลูกสาวชาวบ้านเขาไปทั่วนะ 555+ ลูกสาวไซโต้ยังไม่พออีกเรอะ 5555

    ไอ้ตอนพิเศษ อ่านไป หัวเราะก๊ากไป

    #15 By ♪ ๐PoupeE๐ ♪ on 2012-03-11 17:30
    --------------------------------------------


    ที่ จริงเเอบคิดนะคะ ว่าอยากจะเอาตอนพิเศษนี้มาขยายความให้กลายเป็นฟิคสั้น(10-15หน้าword) จับโซจิมาเลี้ยงต้อยอย่างเป็นทางการสักที เเต่ไม่รู้จะมีใครเห็นด้วยรึเปล่าquestion

    #16 By ~Moondrop~ on 2012-03-12 22:23
    ---------------------------------------------


    เอาเลยๆ เอามาเป็นฮาเร็มต้อยของโซจิเลย กร๊ากกกกก


    แต่ไม่แน่อาจเห็นฮิจจี้รั่ว ก็ได้ ฮา

    #17 By ♪ ๐PoupeE๐ ♪ on 2012-03-13 18:34


    Read more: http://moon-drop.exteen.com/#axzz21PmdgQb0 http://moon-drop.exteen.com/20111214/hakuouki-fic-precious-memories-memory-of-hijikata-toshizo#ixzz22GQbRlNb
    Under Creative Commons License: Attribution

    ตอบลบ