แม่นแล้วครับท่านผู้อ่าน...
กระผม.... นายซาจิทาเรียส
ไอโอรอสสุดหล่อเจ้าเก่ากลับมาพบกับทุกท่านอีกครั้งหนึ่งแล้ว
หลังจากที่เพิ่งหายจากอุบัติเหตุคราวก่อนที่ผมดันเผลอให้เจ้าน้องชายตัวดีมารู้เข้าว่าผมเอาชื่อเค้ามาใช้ในนิยายของตัวเอง ทำให้เจ้าบ้านั่นเกิดเลือดขึ้นหน้าอยากจะเรียกร้องค่าเสียหายขึ้นมาด้วยการเล่นงานผมซะแทบเดี้ยงคาวิหารตัวเอง และผลที่ตามมาก็คือบทประพันธ์อันเลื่องชื่อของผมถูกมันแย่งไปเผาทิ้งต่อหน้าต่อตาซะจนหาซากไม่เจอ นับเป็นความสูญเสียอย่างใหญ่หลวงต่อวงการวรรณกรรม
(แต่ผมก็ใจกว้างพอที่จะให้อภัยเจ้าเรียได้เสมอแหละ เพราะยังไงน้องผมคนนี้มันก็มีแต่กำลัง จะให้มันฉลาดถึงขนาดมองเห็นคุณค่างานเขียนของผมก็คงจะยากส์)
แต่... ....ซี้ดดดดดดดด.... ....ถึงแม้ว่าแขนของผมจะยังไม่ได้เอาเฝือกออก
และที่หัวของผมจะยังมีผ้าพันแผลอยู่ก็ตาม เพื่อการเกาะติดสถานการณ์ในคราวนี้ผมจะยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อพ่อแม่พี่น้องอีกครั้ง ถ้าอยากรู้ว่าเรื่องอะไรก็ย่องตามผมมาสิครับ
จุ๊
จุ๊ เบาๆหน่อย น่านนนน
ค่อยๆย่องแบบนั้นแหละ
เพราะว่าคราวนี้ผมจะพาพวกท่านไปแอบดูการซ้อมละครของคู่รักคู่รสคอฟฟี่เมทประจำแซงทัวรี่
และก็คงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากมิโรกะคามิวนั่นเอง
คืองี้ครับ.. อะ
อะแฮ่ม!
คือว่าอีก2สัปดาห์จากนี้ไปแซงทัวรี่ของเราจะมีงานเลี้ยงฉลองที่ท่านอาเทน่าถูกหวยรางวัลที่1 (หลังจากที่ท่านเล่นแล้วโดนกินเรียบซะจนเกือบสิ้นเนื้อประดาตัวด้วยการเอาทรัพย์สินที่มีอยู่ทั้งหมดไปจำนองจำนำ รวมทั้งมูลนิธิแกรนด์ด้วย ..เฮ้อ ช่างทำไปได้) จนในที่สุดฝันก็เป็นจริงซะที และเสียงไชโยโห่ฮิ้วของท่านก็ดังขึ้นไปจนถึงยอดเขาโอลิมปัสนู่นแน่ะ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าท่านจะดีใจซักแค่ไหน แล้วพวกเราเหล่าโกลเซนต์ทั้งหลายก็เลยพร้อมใจกันจัดงานนี้ขึ้นมาเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองให้ท่าน และเพื่อเป็นการเลียแข้งเลียขา.. เอ้ย! แสดงความยินดี
โดยพวกโกลเซนต์ตระกูลสัตว์เท้ากีบทั้งหลายตกลงกันว่าจะเปิดร้านอาหาร ขายมันตั้งแต่ลูกชิ้นเนื้อ ก๋วยเตี๋ยวเนื้อสับ ข้าวผัดเนื้อ
ซุปเนื้อ เรื่อยไปจนถึงขาวัวหัน
(ผมว่างานนี้อัลเดบารันคงจะหนาวๆร้อนๆอยู่บ้างล่ะ เพราะเห็นวิ่งไปขอยาระงับประสาทมากินตั้งหลายเม็ดแล้ว) ในขณะที่คนที่เหลือก็จะขึ้นเวทีเพื่อสร้างความบันเทิงให้กับงานนี้
โดยเราตกลงกันว่าจะแสดงละครเรื่องหนูน้อยหมวกแดงกันครับ
และก็ได้ลอคตัวแสดงเอาไว้แล้วซึ่งท่านผู้อ่านก็คงจะพอเดาได้
คู่พระ-นางของเรื่องนี้จะเป็นใครซะอีกล่ะถ้าไม่ใช่มิโรกับคามิว
เพียงแต่งานนี้คามิวรับบทเป็นหมาป่าเจ้าเล่ห์ ในขณะที่มิโรจะสวมบทบาทของหนูน้อยหมวกแดง
เอ้า!... ตอนนี้เรามาถึงวิหารอควอเรียสแล้ว เบาๆนะครับ
ก้มหัวลงต่ำๆแล้วก็ตามผมมาเลย
.................................................
คามิวอยู่ในชุดหมาป่าสีน้ำตาลขนฟูแสนจะน่ารักน่าชังพร้อมด้วยหนังสือบทละครในมือ ดวงหน้างามกำลังเคร่งเครียดด้วยความตั้งอกตั้งใจที่จะสวมบทบาทของหมาป่าเจ้าเล่ห์ให้ดีที่สุด ในขณะที่มิโรอยู่ในชุดกระโปรงบานแฉ่งสีแดงตามแบบฉบับนางเอกผู้ไร้เดียงสา(?) พร้อมด้วยรองเท้าบูทสีน้ำตาลมีขนกระต่ายสีขาวปุยๆติดที่ขอบรองเท้าดูน่ารักซะไม่มีล่ะ ..ไม่ได้เข้ากะหน้าเล้ยยยย.... และตะกร้อครอบปาก เอ้ย! ตะกร้าดอกไม้น่ารักคล้องอยู่ที่แขน
ตามบทแล้วมิโรจะต้องเดินร้องเพลงไปพลางกระโดดไปพลางอย่างร่าเริงจนมาเจอกับหมาป่านี่นา แต่...
ทำไมอีกมือหนึ่งถึงได้คีบบุหรี่มาด้วยหว่า
"เอ้อ
หนูน้อยหมวกเเดง
จะไปเยี่ยมคุณยายเหรอครับ"หมาป่าถามเสียงนุ่ม ขณะที่หนูน้อยหมวกเเดงกลับล้วงบุหรี่ออกมาจุดสูบ เเม่หนูพ่นควันขาวออกทางจมูกอย่างไม่เเยเเสก่อนจะหันไปตอบ
"ช่ายสิ
เเล้วจะทำไม”
คามิว: อย่านอกบทสิ
มิโร
“ว่าเเต่... เจ้ามายืนลับๆล่อๆคนเดียวตรงนี้ ไม่กลัวถูกข้าจับกินรึไง"
หนูน้อยหมวกเเดงถามหมาป่าด้วยดวงตาสีน้ำเงินที่เปล่งประกายวาววับพร้อมกับกลืนน้ำลายลงคอ
"อะ...เอ้อ ขะ ข้าเป็นหมาป่านะ ตามเนื้อเรื่องเเล้วเจ้าต่างหากที่ควรจะกลัวข้า"
หมาป่าสะดุ้งโหยงเเล้วถอยหลังไปก้าวหนึ่ง เเต่ถึงกระนั้นก็ยังทำใจดีสู้เสือ(หนูน้อยหมวกแดง)
แล้วฝืนใจเเยกเขี้ยวโชว์เพื่อให้ดูสมเป็นหมาป่าทว่าเเทนที่อีกฝ่ายจะนึกกลัว ร่างในชุดคลุมสีเเดงสดใสกลับย่างสามขุมเข้ามาใกล้ก่อนจะพ่นควันบุหรี่ใส่หน้าฝ่ายตรงข้าม
"ไม่ปงไม่ไปเยี่ยมยายมันละ วันนี้เจอของดีเข้าเเล้ว ข้าอยู่เล่นกับเจ้าดีกว่า"หนูน้อยหมวกเเดงจบคำพร้อมกับถอดฮู้ดออกจากศีรษะ เผยให้เห็นนัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มเรืองรองที่ฉายเเววประหลาดจนส่งผลให้อีกฝ่ายยิ่งถอยกรูด หมาป่าถึงกับเหงื่อตก มันหันรีหันขวางอย่างทำอะไรไม่ถูกอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะก้มลงเด็ดดอกไม้ขึ้นมากำหนึ่งเเล้วรีบยื่นเข้าไปตรงหน้าหนูน้อยหมวกเเดง
"เอ้อ
..ดะ ดอกไม้สวยดีนะ หนูน้อยหมวกเเดงจะต้องเก็บดอกไม้ไปให้คุณยายไม่ใช่เหรอ
นี่ไง.. อะ เอาไปสิ" หมาป่ากลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก พร้อมกับรอคอยปฏิกิริยาของหนูน้อยหมวกเเดง
"เฮอะ!
สวยเสยที่ไหนกัน"
หนูน้อยหมวกเเดงไม่เเยเเสดอกไม้ที่ยื่นเข้ามาตรงหน้าเลยเเม้เเต่น้อย อุ้งมือใหญ่เเข็งเเรงตวัดยึดข้อมือที่เล็กกว่าไว้เเน่นก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปใกล้
"ฮึ!
เป็นเพราะเจ้าเเท้ๆ
ก่อนที่เจ้าจะโผล่หน้าออกมามันก็ดูสวยดีอยู่หรอก
เเต่ว่าตอนนี้รู้ตัวบ้างมั้ยล่ะ ว่าเจ้าทำให้ดอกไม้พวกนี้สีซีดไปหมดเเล้ว!"
หนูน้อยหมวกเเดงไม่รอช้า ทันทีที่เห็นว่าหมาป่าเริ่มดิ้นวงเเขนเเข็งเเกร่งก็โอบกระชับรอบบั้นเอวไว้อย่างทันท่วงที หมาป่าที่น่าสงสาร ทั้งๆ ที่มันตั้งใจจะสวมบทบาทให้เต็มที่เเต่กลับต้องเป็นฝ่ายเจอดีเสียเองได้เเต่เหงื่อตก ทำอะไรไม่ถูก
“เจ้าหมาป่า! รับผิดชอบมา จะให้ข้าทำยังไง ดอกไม้พวกนี้ถูกใบหน้าของเจ้ากลบรัศมีเสียหมดเเล้ว"
หนูน้อยหมวกเเดงยังไม่วายหาเรื่อง กรงนิ้วเเข็งเเรยึดปลายคางหมาป่าไว้เเน่น พลางจับจ้องมองดูใบหน้าเเสนน่ารักนั้นอย่างสนอกสนใจ ขณะเดียวกันเจ้าหมาป่าก็พยายามออกเเรงดิ้นให้หลุดจากวงเเขนอย่างสุดกำลัง ทว่าอ้อมเเขนที่เเข็งเเรงราวกับปลอกเหล็กนั้นดูจะไม่ยอมผ่อนปรนให้เลยแม้แต่น้อย
"ปล่อยนะ! มะ.. ไม่งั้นข้าจะกินเจ้าซะ!!"
หมาป่าพยายามวางท่าให้ดูน่าเกรงขาม แต่หนูน้อยหมวกเเดงกลับแสร้งทำตาโตอย่างตื่นตระหนกก่อนจะหัวเราะหึๆในลำคออย่างขบขันเสียเต็มประดาพร้อมกับกระชับวงเเขนเเน่นขึ้น
ดวงตาสีน้ำเงินเข้มหรี่ลงอย่างเจ้าเล่ห์ร้ายกาจก่อนจะก้มลงกระซิบเสียงเเผ่วที่ริมหูหมาป่า
"น่ากลัวจริงๆ นี่ข้าควรจะกลัวเจ้าจนตัวสั่นรึเปล่าเนี่ย"
ลมหายใจร้อนผ่าวที่เป่ารดอยู่ที่ริมหูของหมาป่า ส่งผลให้ร่างในชุดขนสัตว์สีน้ำตาลเข้มปุกปุยต้องผวาเยือกอย่างรุนเเรง
".กินข้าเลยสิ ถ้าหากเป็นเจ้าล่ะก็ต่อให้ยิ่งกว่าถูกกินข้าก็ยอม"หนูน้อยหมวกเเดงไม่พูดเปล่า
ปลายนิ้วเรียวยาวควานหาซิบที่ด้านหลังต้นคอของหมาป่าเเล้วรูดลงอย่างรวดเร็ว
"หยุดนะ!!"หมาป่าร้องลั่นทันทีที่รู้สึกว่าชุดที่ตัวเองสวมใส่อยู่กำลังเลือนลงอย่างช้าๆ มือทั้งสองข้างที่กำลังผลักไสหนูน้อยหมวกเเดงออกไปให้พ้นพลันเปลี่ยนมาขยุ้มชุดของตัวเองไว้เเน่น และทันใดนั้นดวงตาสีฟ้าครามก็ลุกวาวอย่างไม่พอใจ ขณะที่ไอเย็นเริ่มเเผ่กระจายไปทั่วบริเวณ
ทันทีที่สัมผัสได้ถึงไอเย็นอันแสนคุ้นเคยหนูน้อยหมวกแดงก็ต้องเบิกตากว้างอย่างหวาดกลัวขึ้นมา(จริงๆ) ก่อนจะต้องรีบหลับตาปี๋เมื่อหมาป่าเขวี้ยงหนังสือบทละครใส่หน้าเต็มแรง
"อะ
เอ้อ คามิว นี่เจ้าโกรธข้าจริงๆเหรอ"
ถึงตอนนี้หนูน้อยหมวกเเดงหน้าหดลงจนเเทบจะเหลือสองนิ้วพร้อมด้วยหยดเหงื่อที่ผุดพรายไปทั่วใบหน้า ด้วยตระหนักถึงความจริงที่ว่าตนได้ไปจุดชนวนระเบิดของร่างเพรียวบางในอ้อมเเขนเข้าให้เเล้ว
"อ๋อ...
ไม่เลย ฉันไม่ได้โกรธนาย เเต่ฉันมั่นใจว่าจะเเช่เเข็งนายได้ก่อนที่นายจะเรียกชื่อตัวเองได้จบเสียอีก"
มิโรซึ่งกำลังเหงื่อตกได้แต่หันรีหันขวางอย่างรักตัวกลัวเมียแทบตาย(!?)
เพียงเพื่อจะได้พบว่ามันสิ้นหวังเพียงใด
เมื่อโอกาสที่ตนจะรอดพ้นจากเงื้อมือของคามิวสุดที่รักนั้นแทบจะเป็นศูนย์ และในยามจนตรอกเช่นนี้ โกลเซนต์สกอร์เปี้ยนก็พลันบังเกิดแรงเฮือกสุดท้ายขึ้น
เอาวะ! งานนี้ตายเป็นตาย ยังไงข้าก็ต้องโดนทั้งขึ้นทั้งล่องอยู่เเล้ว
หนูน้อยหมวกเเดงไม่ยอมเเพ้ ฉวยโอกาสที่หมาป่าไม่ทันตั้งตัวชิงจู่โจมเเบบสายฟ้าเเลบทันที ท่อนเเขนข้างหนึ่งรัดร่างของฝ่ายตรงข้าไว้เเน่นขณะที่อีกข้างหนึ่งซอนไซ้เข้าไปในกลุ่มผมนุ่มลื่นยึดศีรษะสวยได้รูปมิให้ขยับหนีจุมพิต โดยไม่สนใจต่อเเรงกดดันอันมากมายมหาศาลจากร่างบางในอ้อมกอดเลยเเม้เเต่น้อย
คามิวโกรธเสียจนตัวสั่น..
ในชีวิตนี้เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลย ว่าจะถูกล่วงเกินได้ถึงเพียงนี้
ถึงเเม้ว่ารสสัมผัสจากริมฝีปากของมิโร่จะทำให้ดวงตาพร่าพรายมากเพียงใด ทว่าด้วยศักดิ์ศรีเเห่งความเป็นโกลเซนต์อควเรียสผู้หยิ่งทรนงทำให้คามิวมิอาจเพิกเฉยเเล้วยอมปล่อยให้ฝ่ายตรงข้ามตักตวงลิ้มชิมรสหวานตามอำเภอใจได้ เเละก่อนที่มิโรจะทันตระหนักถึงภัยที่จะมาถึงตัวคามิวก็อ้าปากกัดริมฝีปากให้เต็มเเรง ก่อนจะกระเเทกส้นรองเท้าลองบนหลังเท้าสุดเเรงเกิด
"โอ๊ย!!"
ชายหนุ่มจำต้องปล่อยมืออย่างไม่เต็มใจ ขณะที่คามิวเองก็เฝ้ารอจังหวะนี้มานานเเล้ว
ร่างเพรียวบางกระโจนพรวดหนีให้พ้นระยะวงเเขนของฝ่ายตรงข้ามเเล้วระเบิดคอสโมโจมตีออกไปทันทีทันใด
"ฟรีซซิ่งคอฟฟิน!!!!"
...........................................
คามิวถอนหายใจน้อยๆอย่างเอือมระอาก่อนจะตวัดสายตามองดูผลงานของตนเองด้วยความเซ็ง
"ถ้าเจ้าเร่าร้อนมากนักก็จงสงบใจอยู่ในนั้นไปเถอะ
ไว้เย็นลงจนกลับเป็นมิโรคนเดิมเมื่อไหร่เเล้วข้าจะเอาเจ้าออกมาเอง"คามิวเปรยกับก้อนน้ำเเข็งด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย เมื่อตระหนักได้ว่านี่เป็นครั้งที่สามของสัปดาห์เเล้วที่เขาจำต้องเเช่เเข็งมิโรทั้งๆที่ไม่อยากทำ มิโรอาจจะไม่เคยรู้ หรืออาจเป็นเพราะสมองที่มีอยู่เพียงน้อยนิดนั้นทำให้เเมงป่องหนุ่มไม่เคยสังเกตเห็นถึงเเววตาที่เปี่ยมไปด้วยความรักเเละห่วงหาอาทรยามที่คามิวมองดูตน
"รู้มั้ยมิโร เจ้าไม่จำเป็นจะต้องรุกมากถึงขนาดนี้หรอก
เพียงเเค่เจ้าเป็นมิโรที่เเสนจะปรกติธรรมดาเท่านั้นก็มากพอเเล้วที่จะได้หัวใจของข้า
เจ้าโง่เอ๊ย"
น้ำเสียงทุ้มนุ่มกล่าวทิ้งท้ายไว้เพียงเท่านั้นก่อนจะสะบัดผ้าคลุมเดินจากไป
~End~
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น