8/11/2555

“หนูน้อยหมวกแดง” in Santuary







แม่นแล้วครับท่านผู้อ่าน...  



กระผม....   นายซาจิทาเรียส   ไอโอรอสสุดหล่อเจ้าเก่ากลับมาพบกับทุกท่านอีกครั้งหนึ่งแล้ว    


หลังจากที่เพิ่งหายจากอุบัติเหตุคราวก่อนที่ผมดันเผลอให้เจ้าน้องชายตัวดีมารู้เข้าว่าผมเอาชื่อเค้ามาใช้ในนิยายของตัวเอง  ทำให้เจ้าบ้านั่นเกิดเลือดขึ้นหน้าอยากจะเรียกร้องค่าเสียหายขึ้นมาด้วยการเล่นงานผมซะแทบเดี้ยงคาวิหารตัวเอง    และผลที่ตามมาก็คือบทประพันธ์อันเลื่องชื่อของผมถูกมันแย่งไปเผาทิ้งต่อหน้าต่อตาซะจนหาซากไม่เจอ   นับเป็นความสูญเสียอย่างใหญ่หลวงต่อวงการวรรณกรรม  (แต่ผมก็ใจกว้างพอที่จะให้อภัยเจ้าเรียได้เสมอแหละ   เพราะยังไงน้องผมคนนี้มันก็มีแต่กำลัง    จะให้มันฉลาดถึงขนาดมองเห็นคุณค่างานเขียนของผมก็คงจะยากส์)


แต่...    ....ซี้ดดดดดดดด....    ....ถึงแม้ว่าแขนของผมจะยังไม่ได้เอาเฝือกออก    และที่หัวของผมจะยังมีผ้าพันแผลอยู่ก็ตาม    เพื่อการเกาะติดสถานการณ์ในคราวนี้ผมจะยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อพ่อแม่พี่น้องอีกครั้ง   ถ้าอยากรู้ว่าเรื่องอะไรก็ย่องตามผมมาสิครับ




จุ๊ จุ๊    เบาๆหน่อย    น่านนนน    ค่อยๆย่องแบบนั้นแหละ



เพราะว่าคราวนี้ผมจะพาพวกท่านไปแอบดูการซ้อมละครของคู่รักคู่รสคอฟฟี่เมทประจำแซงทัวรี่    และก็คงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากมิโรกะคามิวนั่นเอง



คืองี้ครับ..   อะ  อะแฮ่ม!    คือว่าอีก2สัปดาห์จากนี้ไปแซงทัวรี่ของเราจะมีงานเลี้ยงฉลองที่ท่านอาเทน่าถูกหวยรางวัลที่1   (หลังจากที่ท่านเล่นแล้วโดนกินเรียบซะจนเกือบสิ้นเนื้อประดาตัวด้วยการเอาทรัพย์สินที่มีอยู่ทั้งหมดไปจำนองจำนำ   รวมทั้งมูลนิธิแกรนด์ด้วย ..เฮ้อ  ช่างทำไปได้)    จนในที่สุดฝันก็เป็นจริงซะที   และเสียงไชโยโห่ฮิ้วของท่านก็ดังขึ้นไปจนถึงยอดเขาโอลิมปัสนู่นแน่ะ      ไม่ต้องสงสัยเลยว่าท่านจะดีใจซักแค่ไหน   แล้วพวกเราเหล่าโกลเซนต์ทั้งหลายก็เลยพร้อมใจกันจัดงานนี้ขึ้นมาเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองให้ท่าน   และเพื่อเป็นการเลียแข้งเลียขา..  เอ้ย!   แสดงความยินดี


โดยพวกโกลเซนต์ตระกูลสัตว์เท้ากีบทั้งหลายตกลงกันว่าจะเปิดร้านอาหาร    ขายมันตั้งแต่ลูกชิ้นเนื้อ   ก๋วยเตี๋ยวเนื้อสับ   ข้าวผัดเนื้อ   ซุปเนื้อ  เรื่อยไปจนถึงขาวัวหัน (ผมว่างานนี้อัลเดบารันคงจะหนาวๆร้อนๆอยู่บ้างล่ะ   เพราะเห็นวิ่งไปขอยาระงับประสาทมากินตั้งหลายเม็ดแล้ว)   ในขณะที่คนที่เหลือก็จะขึ้นเวทีเพื่อสร้างความบันเทิงให้กับงานนี้   โดยเราตกลงกันว่าจะแสดงละครเรื่องหนูน้อยหมวกแดงกันครับ   และก็ได้ลอคตัวแสดงเอาไว้แล้วซึ่งท่านผู้อ่านก็คงจะพอเดาได้



คู่พระ-นางของเรื่องนี้จะเป็นใครซะอีกล่ะถ้าไม่ใช่มิโรกับคามิว     เพียงแต่งานนี้คามิวรับบทเป็นหมาป่าเจ้าเล่ห์   ในขณะที่มิโรจะสวมบทบาทของหนูน้อยหมวกแดง



เอ้า!...  ตอนนี้เรามาถึงวิหารอควอเรียสแล้ว    เบาๆนะครับ   ก้มหัวลงต่ำๆแล้วก็ตามผมมาเลย





.................................................



คามิวอยู่ในชุดหมาป่าสีน้ำตาลขนฟูแสนจะน่ารักน่าชังพร้อมด้วยหนังสือบทละครในมือ    ดวงหน้างามกำลังเคร่งเครียดด้วยความตั้งอกตั้งใจที่จะสวมบทบาทของหมาป่าเจ้าเล่ห์ให้ดีที่สุด    ในขณะที่มิโรอยู่ในชุดกระโปรงบานแฉ่งสีแดงตามแบบฉบับนางเอกผู้ไร้เดียงสา(?)   พร้อมด้วยรองเท้าบูทสีน้ำตาลมีขนกระต่ายสีขาวปุยๆติดที่ขอบรองเท้าดูน่ารักซะไม่มีล่ะ   ..ไม่ได้เข้ากะหน้าเล้ยยยย.... และตะกร้อครอบปาก  เอ้ย!  ตะกร้าดอกไม้น่ารักคล้องอยู่ที่แขน  



ตามบทแล้วมิโรจะต้องเดินร้องเพลงไปพลางกระโดดไปพลางอย่างร่าเริงจนมาเจอกับหมาป่านี่นา  แต่...


ทำไมอีกมือหนึ่งถึงได้คีบบุหรี่มาด้วยหว่า




"เอ้อ  หนูน้อยหมวกเเดง  จะไปเยี่ยมคุณยายเหรอครับ"หมาป่าถามเสียงนุ่ม   ขณะที่หนูน้อยหมวกเเดงกลับล้วงบุหรี่ออกมาจุดสูบ   เเม่หนูพ่นควันขาวออกทางจมูกอย่างไม่เเยเเสก่อนจะหันไปตอบ



"ช่ายสิ  เเล้วจะทำไม


คามิว:  อย่านอกบทสิ มิโร



ว่าเเต่...    เจ้ามายืนลับๆล่อๆคนเดียวตรงนี้   ไม่กลัวถูกข้าจับกินรึไง" หนูน้อยหมวกเเดงถามหมาป่าด้วยดวงตาสีน้ำเงินที่เปล่งประกายวาววับพร้อมกับกลืนน้ำลายลงคอ  


"อะ...เอ้อ   ขะ  ข้าเป็นหมาป่านะ   ตามเนื้อเรื่องเเล้วเจ้าต่างหากที่ควรจะกลัวข้า" หมาป่าสะดุ้งโหยงเเล้วถอยหลังไปก้าวหนึ่ง  เเต่ถึงกระนั้นก็ยังทำใจดีสู้เสือ(หนูน้อยหมวกแดง)
แล้วฝืนใจเเยกเขี้ยวโชว์เพื่อให้ดูสมเป็นหมาป่าทว่าเเทนที่อีกฝ่ายจะนึกกลัว   ร่างในชุดคลุมสีเเดงสดใสกลับย่างสามขุมเข้ามาใกล้ก่อนจะพ่นควันบุหรี่ใส่หน้าฝ่ายตรงข้าม


"ไม่ปงไม่ไปเยี่ยมยายมันละ  วันนี้เจอของดีเข้าเเล้ว  ข้าอยู่เล่นกับเจ้าดีกว่า"หนูน้อยหมวกเเดงจบคำพร้อมกับถอดฮู้ดออกจากศีรษะ  เผยให้เห็นนัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มเรืองรองที่ฉายเเววประหลาดจนส่งผลให้อีกฝ่ายยิ่งถอยกรูด   หมาป่าถึงกับเหงื่อตก  มันหันรีหันขวางอย่างทำอะไรไม่ถูกอยู่ครู่หนึ่ง  ก่อนจะก้มลงเด็ดดอกไม้ขึ้นมากำหนึ่งเเล้วรีบยื่นเข้าไปตรงหน้าหนูน้อยหมวกเเดง



"เอ้อ   ..ดะ  ดอกไม้สวยดีนะ  หนูน้อยหมวกเเดงจะต้องเก็บดอกไม้ไปให้คุณยายไม่ใช่เหรอ  
นี่ไง..  อะ  เอาไปสิหมาป่ากลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก  พร้อมกับรอคอยปฏิกิริยาของหนูน้อยหมวกเเดง



"เฮอะ!   สวยเสยที่ไหนกัน


หนูน้อยหมวกเเดงไม่เเยเเสดอกไม้ที่ยื่นเข้ามาตรงหน้าเลยเเม้เเต่น้อย   อุ้งมือใหญ่เเข็งเเรงตวัดยึดข้อมือที่เล็กกว่าไว้เเน่นก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปใกล้



"ฮึ!   เป็นเพราะเจ้าเเท้ๆ  ก่อนที่เจ้าจะโผล่หน้าออกมามันก็ดูสวยดีอยู่หรอก 
เเต่ว่าตอนนี้รู้ตัวบ้างมั้ยล่ะ ว่าเจ้าทำให้ดอกไม้พวกนี้สีซีดไปหมดเเล้ว!"  


หนูน้อยหมวกเเดงไม่รอช้า  ทันทีที่เห็นว่าหมาป่าเริ่มดิ้นวงเเขนเเข็งเเกร่งก็โอบกระชับรอบบั้นเอวไว้อย่างทันท่วงที    หมาป่าที่น่าสงสาร     ทั้งๆ ที่มันตั้งใจจะสวมบทบาทให้เต็มที่เเต่กลับต้องเป็นฝ่ายเจอดีเสียเองได้เเต่เหงื่อตก  ทำอะไรไม่ถูก



เจ้าหมาป่า! รับผิดชอบมา  จะให้ข้าทำยังไง  ดอกไม้พวกนี้ถูกใบหน้าของเจ้ากลบรัศมีเสียหมดเเล้ว


หนูน้อยหมวกเเดงยังไม่วายหาเรื่อง  กรงนิ้วเเข็งเเรยึดปลายคางหมาป่าไว้เเน่น    พลางจับจ้องมองดูใบหน้าเเสนน่ารักนั้นอย่างสนอกสนใจ   ขณะเดียวกันเจ้าหมาป่าก็พยายามออกเเรงดิ้นให้หลุดจากวงเเขนอย่างสุดกำลัง  ทว่าอ้อมเเขนที่เเข็งเเรงราวกับปลอกเหล็กนั้นดูจะไม่ยอมผ่อนปรนให้เลยแม้แต่น้อย



"ปล่อยนะมะ..  ไม่งั้นข้าจะกินเจ้าซะ!!"


หมาป่าพยายามวางท่าให้ดูน่าเกรงขาม   แต่หนูน้อยหมวกเเดงกลับแสร้งทำตาโตอย่างตื่นตระหนกก่อนจะหัวเราะหึๆในลำคออย่างขบขันเสียเต็มประดาพร้อมกับกระชับวงเเขนเเน่นขึ้น  ดวงตาสีน้ำเงินเข้มหรี่ลงอย่างเจ้าเล่ห์ร้ายกาจก่อนจะก้มลงกระซิบเสียงเเผ่วที่ริมหูหมาป่า



"น่ากลัวจริงๆ  นี่ข้าควรจะกลัวเจ้าจนตัวสั่นรึเปล่าเนี่ย" ลมหายใจร้อนผ่าวที่เป่ารดอยู่ที่ริมหูของหมาป่า  ส่งผลให้ร่างในชุดขนสัตว์สีน้ำตาลเข้มปุกปุยต้องผวาเยือกอย่างรุนเเรง


".กินข้าเลยสิ  ถ้าหากเป็นเจ้าล่ะก็ต่อให้ยิ่งกว่าถูกกินข้าก็ยอม"หนูน้อยหมวกเเดงไม่พูดเปล่า   ปลายนิ้วเรียวยาวควานหาซิบที่ด้านหลังต้นคอของหมาป่าเเล้วรูดลงอย่างรวดเร็ว   



"หยุดนะ!!"หมาป่าร้องลั่นทันทีที่รู้สึกว่าชุดที่ตัวเองสวมใส่อยู่กำลังเลือนลงอย่างช้าๆ  มือทั้งสองข้างที่กำลังผลักไสหนูน้อยหมวกเเดงออกไปให้พ้นพลันเปลี่ยนมาขยุ้มชุดของตัวเองไว้เเน่น   และทันใดนั้นดวงตาสีฟ้าครามก็ลุกวาวอย่างไม่พอใจ  ขณะที่ไอเย็นเริ่มเเผ่กระจายไปทั่วบริเวณ   


ทันทีที่สัมผัสได้ถึงไอเย็นอันแสนคุ้นเคยหนูน้อยหมวกแดงก็ต้องเบิกตากว้างอย่างหวาดกลัวขึ้นมา(จริงๆ)   ก่อนจะต้องรีบหลับตาปี๋เมื่อหมาป่าเขวี้ยงหนังสือบทละครใส่หน้าเต็มแรง



"อะ  เอ้อ คามิว  นี่เจ้าโกรธข้าจริงๆเหรอ"  



ถึงตอนนี้หนูน้อยหมวกเเดงหน้าหดลงจนเเทบจะเหลือสองนิ้วพร้อมด้วยหยดเหงื่อที่ผุดพรายไปทั่วใบหน้า   ด้วยตระหนักถึงความจริงที่ว่าตนได้ไปจุดชนวนระเบิดของร่างเพรียวบางในอ้อมเเขนเข้าให้เเล้ว



"อ๋อ...  ไม่เลย  ฉันไม่ได้โกรธนาย   เเต่ฉันมั่นใจว่าจะเเช่เเข็งนายได้ก่อนที่นายจะเรียกชื่อตัวเองได้จบเสียอีก"


มิโรซึ่งกำลังเหงื่อตกได้แต่หันรีหันขวางอย่างรักตัวกลัวเมียแทบตาย(!?)   เพียงเพื่อจะได้พบว่ามันสิ้นหวังเพียงใด    เมื่อโอกาสที่ตนจะรอดพ้นจากเงื้อมือของคามิวสุดที่รักนั้นแทบจะเป็นศูนย์    และในยามจนตรอกเช่นนี้ โกลเซนต์สกอร์เปี้ยนก็พลันบังเกิดแรงเฮือกสุดท้ายขึ้น



เอาวะ!   งานนี้ตายเป็นตาย   ยังไงข้าก็ต้องโดนทั้งขึ้นทั้งล่องอยู่เเล้ว



หนูน้อยหมวกเเดงไม่ยอมเเพ้   ฉวยโอกาสที่หมาป่าไม่ทันตั้งตัวชิงจู่โจมเเบบสายฟ้าเเลบทันที   ท่อนเเขนข้างหนึ่งรัดร่างของฝ่ายตรงข้าไว้เเน่นขณะที่อีกข้างหนึ่งซอนไซ้เข้าไปในกลุ่มผมนุ่มลื่นยึดศีรษะสวยได้รูปมิให้ขยับหนีจุมพิต   โดยไม่สนใจต่อเเรงกดดันอันมากมายมหาศาลจากร่างบางในอ้อมกอดเลยเเม้เเต่น้อย    



คามิวโกรธเสียจนตัวสั่น..  

ในชีวิตนี้เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลย  ว่าจะถูกล่วงเกินได้ถึงเพียงนี้



ถึงเเม้ว่ารสสัมผัสจากริมฝีปากของมิโร่จะทำให้ดวงตาพร่าพรายมากเพียงใด  ทว่าด้วยศักดิ์ศรีเเห่งความเป็นโกลเซนต์อควเรียสผู้หยิ่งทรนงทำให้คามิวมิอาจเพิกเฉยเเล้วยอมปล่อยให้ฝ่ายตรงข้ามตักตวงลิ้มชิมรสหวานตามอำเภอใจได้   เเละก่อนที่มิโรจะทันตระหนักถึงภัยที่จะมาถึงตัวคามิวก็อ้าปากกัดริมฝีปากให้เต็มเเรง   ก่อนจะกระเเทกส้นรองเท้าลองบนหลังเท้าสุดเเรงเกิด




"โอ๊ย!!"  


ชายหนุ่มจำต้องปล่อยมืออย่างไม่เต็มใจ  ขณะที่คามิวเองก็เฝ้ารอจังหวะนี้มานานเเล้ว
ร่างเพรียวบางกระโจนพรวดหนีให้พ้นระยะวงเเขนของฝ่ายตรงข้ามเเล้วระเบิดคอสโมโจมตีออกไปทันทีทันใด




"ฟรีซซิ่งคอฟฟิน!!!!"







...........................................



 
คามิวถอนหายใจน้อยๆอย่างเอือมระอาก่อนจะตวัดสายตามองดูผลงานของตนเองด้วยความเซ็ง



"ถ้าเจ้าเร่าร้อนมากนักก็จงสงบใจอยู่ในนั้นไปเถอะ ไว้เย็นลงจนกลับเป็นมิโรคนเดิมเมื่อไหร่เเล้วข้าจะเอาเจ้าออกมาเอง"คามิวเปรยกับก้อนน้ำเเข็งด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย  เมื่อตระหนักได้ว่านี่เป็นครั้งที่สามของสัปดาห์เเล้วที่เขาจำต้องเเช่เเข็งมิโรทั้งๆที่ไม่อยากทำ   มิโรอาจจะไม่เคยรู้   หรืออาจเป็นเพราะสมองที่มีอยู่เพียงน้อยนิดนั้นทำให้เเมงป่องหนุ่มไม่เคยสังเกตเห็นถึงเเววตาที่เปี่ยมไปด้วยความรักเเละห่วงหาอาทรยามที่คามิวมองดูตน  



"รู้มั้ยมิโร  เจ้าไม่จำเป็นจะต้องรุกมากถึงขนาดนี้หรอก  

เพียงเเค่เจ้าเป็นมิโรที่เเสนจะปรกติธรรมดาเท่านั้นก็มากพอเเล้วที่จะได้หัวใจของข้า  เจ้าโง่เอ๊ย"


น้ำเสียงทุ้มนุ่มกล่าวทิ้งท้ายไว้เพียงเท่านั้นก่อนจะสะบัดผ้าคลุมเดินจากไป






~End~

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น