7/30/2555

One side of memories: 3rd memory with Hijikata Toshizo











เสียงจากการฝึกซ้อมดาบของนักรบจำนวนมากที่ลานกว้างดังแว่วมาตามสายลม   ทั้งเสียงโห่ร้องและอาวุธปะทะกันชวนให้จิตใจตื่นเต้นฮึกเหิมและน่าเดินตาม เสียงไปชม   ทว่ากับเด็กสาวคนหนึ่งแล้วยังมีเรื่องอื่นที่น่าสนใจมากกว่าในเวลานี้





ยารักษาแผลไฟไหม้   แผลพกช้ำดำเขียว   ยาแก้ปวดท้อง 




แล้วก็เอ่อ...








ส่วนอันนี้คือยาแก้..   แก้อะไรนะ




ลืมอีกแล้ว....








“เฮ้อ..   กว่าจะจำทั้งหมดนี้ได้ข้าคงแก่ตัวก่อนแน่ๆเลย”





สาวน้อยร่างเล็กบอบบางที่นั่งอยู่ตามลำพังใต้ร่มเงาครึ้มเอนหลังพิงโคนไม้ใหญ่พลางถอนหายใจออกมา   ก่อนจะวางม้วนตำราเล่มหนาลงบนหน้าตักแล้วตั้งใจจะพักสายตาสักครู่    ยูคิมูระ  จิสึรุปิดเปลือกตาลงหลังจากที่อดทนคร่ำเคร่งท่องจำรายชื่อตัวยาและสมุนไพรต่างๆมาตั้งแต่เช้าจนบัดนี้ตะวันขึ้นเกือบจะตรงศีรษะแล้ว   เด็กสาวอมยิ้มน้อยๆเมื่อสายลมที่พัดผ่านมาหอบเอาปลายผมดำยาวที่รวบเป็นทรงหางม้าปลิวมาระใบหน้าจนพาให้รู้สึกจั๊กกะจี้   แล้วนางก็ลืมตาขึ้นอีกครั้งพร้อมด้วยความตั้งใจแน่วแน่





..เราจะท้อถอยไม่ได้..





การที่สมาชิกของกลุ่มชินเซ็นซึ่งปกติก็แทบไม่มีหน้าที่อะไรอยู่แล้วอย่างนางได้รับมอบหมายภารกิจสำคัญในครั้งนี้   ทำให้จิสึรุดีใจเป็นที่สุดเมื่อรู้ว่าตนจะสามารถทำประโยชน์ช่วยเหลือกิจกรรมของกลุ่มได้   ด้วยการปลอมตัวเป็นคนขายยาเพื่อเข้าไปสืบความลับที่ฐานของคณะปฏิวัติกลุ่มโจชูร่วมกับยามาซากิซัง   และนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้นางต้องจดจำชื่อยาทุกชนิดพร้อมทั้งสรรพคุณให้ขึ้นใจ  เพื่อที่จะได้ดูสมจริงสมจังและไม่เผยพิรุธง่ายเกินไปนัก   ยังถือว่านางโชคดีที่มีบุคคลใกล้ชิดจำนวนหนึ่งที่มีความรู้เรื่องยา   ทว่ายังไงก็ตามหน้าที่ครั้งนี้ก็เป็นของนาง..  ไม่ใช่ของพวกเขาเหล่านั้น   เพราะฉะนั้นนางจะต้องทำให้ได้  








“จิสึรุ   มานั่งทำอะไรอยู่ตรงนี้คนเดียว”





สาวน้อยละสายตาจากม้วนตำราในมือก่อนจะเงยหน้าขึ้นตามเสียงเรียก   แสงตะวันจ้าส่องกระทบร่างผอมบางของเด็กหนุ่มผมยาวคนหนึ่งที่กำลังเดินเข้ามาใกล้   โทโด  เฮย์สุเกะมีสีหน้าประหลาดใจกับท่าทีเคร่งเครียดจนผิดปกติของเพื่อนตัวน้อย   ก่อนจะเข้าใจว่าอะไรเป็นอะไรเมื่อเหลือบไปเห็นภาพวาดสมุนไพรต่างๆในตำราที่กางอยู่บนตักของจิสึรุ





“เรื่องที่ประชุมกันวันก่อนสินะ”





“อื้อ”  จิสึรุตอบพลางยิ้มรับ








“จริงสิ..  ข้าถูกใช้ให้มาตามตัวเจ้าไปเข้าประชุม”  ทันทีที่นึกขึ้นได้เด็กหนุ่มก็ดึงแขนอีกฝ่ายให้ลุกขึ้นยืน





“ไม่แน่ว่าภารกิจของเจ้าอาจจะถูกระงับ    ฮิจิคาตะซังบอกว่ามันอันตรายเกินไป”





“ทำไมล่ะ..”








สาวน้อยมีสีหน้าสลดลงเมื่อได้รับรู้   ทว่าเฮย์สุเกะกลับโน้มตัวเข้ามาขยี้ผมนางเล่นอย่างอารมณ์ดี   และไม่มีทีท่าว่าจะร้อนใจแทนนางเลยสักนิดเดียว





“เอาน่า..  ก็เจ้าเป็นผู้หญิง    ปล่อยให้เข้าไปในถิ่นศัตรูอย่างนั้นเป็นใครก็ต้องห่วงทั้งนั้นแหละ”





“แต่ว่า...”





นางก็เพียงแต่คิดอยากจะทำประโยชน์ให้กับทุกคนเท่านั้นเอง   และเมื่อจิสึรุได้พูดความรู้สึกของตนเองต่อหน้าสมาชิกทุกคนแล้วก็ดูเหมือนจะ มีบางส่วนที่เข้าใจ   ขณะที่บางคนยังคงนิ่งเงียบโดยไม่แสดงความคิดเห็นใดๆ   ทว่าอย่างน้อยภารกิจของนางก็ไม่ถูกล้มเลิก  นอกจากมีการเปลี่ยนแผนเพียงเล็กน้อย..  ซึ่งไม่น้อยเลยในความคิดของนาง





“ถ้าเจ้ายังยืนยันเช่นนั้นข้าก็จะไม่ห้าม   อันที่จริงการมีเจ้าอยู่ด้วยก็ช่วยเราได้มาก   แต่ว่า..” 





เสียงทุ้มลึกทรงอำนาจของรองหัวหน้ากลุ่มชินเซ็นขาดช่วงไป   ฮิจิคาตะ  โทชิโซ   ชายหนุ่มรูปงามที่นั่งหันหน้าเข้าหาสมาชิกทุกคนส่งเสียงกระแอมเบาๆพลางยกถ้วยชาขึ้นจิบก่อนจะวางลงข้างตัว   นัยน์ตาคมจ้องมองเรือนร่างบอบบางซึ่งนั่งอยู่กลางห้อง   รายล้อมไปด้วยกลุ่มบุรุษสูงใหญ่กำยำซึ่งเป็นล้วนแต่เป็นหัวหน้าหน่วยที่ถูก เรียกตัวมาเข้าประชุม  





“ข้าไม่วางใจให้เจ้าไปกับยามาซากิเพียงลำพัง   จะต้องมีใครบางคนไปกับเจ้าด้วย”





“ข้าจะดูแลความปลอดภัยของยูคิมุระคุงอย่างเต็มความสามารถขอรับ”  ยามาซากิ  สึสึมุ   สายลับประจำกลุ่มค้อมศีรษะลงแล้วเอ่ยอย่างชัดถ้อยชัดคำ





“แต่เวลาที่เจ้าออกไปสืบข่าวคราวนางก็จะต้องอยู่ตัวคนเดียวไม่ใช่หรือ” โทชิโซแย้งทันควัน





“ตามแผนการที่วางไว้แต่แรก   พวกเจ้าคือสองพี่น้องคนขายยาที่เพิ่งจะย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านเล็กๆแถบชานเมืองซึ่งอยู่ไม่ห่างจากที่มั่นของพวกโจชูนัก    แต่ยังไงก็ตาม..  จิสึรุก็ไม่ได้ชำนาญการต่อสู้เหมือนพวกเรา    นางไม่อาจเอาตัวรอดได้หากเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น   ดังนั้น..”





“ข้าไปกับนางก็ได้   ฮิจิคาตะซัง” หนุ่มน้อยหัวหน้ากลุ่มที่แปดขันอาสารับหน้าที่ก่อนจะถูกผู้มีอาวุโสกว่าทำสัญญาณให้เงียบเสียง





“ข้าจะไปเอง”














  


.........................................................





จิสึรุคาดไม่ถึงว่าการเปลี่ยนแผนเพียงเล็กน้อยอย่างที่ใครต่อใครบอกจะส่งผลใหญ่หลวงในเวลาต่อมา   นางได้รับคำสั่งให้เตรียมตัวออกเดินทางในทันที   และผลก็คือ..  ได้ผู้คุมเพิ่มมาหนึ่งคน   ถึงแม้ว่าสาวน้อยจะชอบอยู่ใกล้ๆฮิจิตาคะ  โทชิโซในบางเวลา   เพื่อที่จะได้แอบมองเกศาดำสนิทซึ่งรวบเป็นทรงหางม้าทิ้งตัวยาวจรดบั้นเอว   ยามที่เขาอยู่บนหลังอาชาพ่วงพีแล้วควบตะบึง   ปล่อยเส้นผมให้พลิ้วสะบัดไปตามแรงลมภายใต้แสงตะวันจ้านั้นงดงามจับใจนัก   ทว่าสมญารองหัวหน้าปีศาจแห่งกลุ่มชินเซ็นนั้นก็มิใช่นามที่น่าพิสมัยเลย   และนางกำลังจะได้ซาบซึ้งกับความโหดร้ายของเจ้าของฉายาที่ว่านี้จนเข้ากระดูกเลยเชียว





“ข้าสั่งให้ยามาซากิล่วงหน้าไปก่อนแล้ว    การที่ชายหญิงเดินทางกันสองคนเช่นนี้จะดูเป็นที่จับตามองน้อยกว่าไปเพียง ลำพังหรือมีแต่เฉพาะคนหนุ่มฉกรรจ์ที่เดินทางกันเป็นกลุ่ม


จริงๆแล้วตัวเจ้าน่ะไม่มีหน้าที่ต้องทำอะไรมากนัก   นอกจากช่วยสร้างภาพของคนธรรมดาที่เดินทางร่อนเร่ค้าขายไปทั่วและทำให้เจ้าพวกนั้นตายใจ   ดังนั้นไม่ต้องกังวล   แต่ยังไงก็ตาม.. 





จำไว้อย่างหนึ่งว่าหากเกิดอะไรขึ้นเป็นต้นว่าแผนการครั้งนี้ล้มเหลว    หรือเลวร้ายกว่านั้นคือถูกศัตรูตลบหลังจนพวกเราคนใดคนหนึ่ง  ..ไม่ว่าจะเป็นข้าหรือยามาซากิ   หรือทั้งสองคนมีอันตรายถึงชีวิต   


ถึงเวลานั้นจงหนี   ..อย่าได้ลังเลแม้แต่น้อย   บุรุษนั้นมีหน้าที่ปกป้องสตรีก็จริง   แต่หากถึงคราวจำเป็นแล้วเจ้าก็ต้องดูแลตนเองได้ตามสมควร   รู้ไว้..  ว่าพวกเราไม่เคยคาดหวังจะให้เจ้ามาร่วมตายด้วย   ดังนั้นมีเพียงเรื่องนี้เท่านั้นที่เจ้าจะต้องจดจำให้ขึ้นใจ”   





“เข้าใจแล้วค่ะ”





“อีกอย่าง.. พึงระลึกไว้เสมอว่าทุกย่างก้าวของเราถูกพวกมันจับตามองอยู่เสมอ   ดังนั้นอย่าได้เผลอ ..เวลานี้เจ้าเป็นใครจงอย่าลืมและทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด”





จิสึรุลอบถอนหายใจกับคำอธิบายยาวยืด   นางก็เข้าใจอยู่หรอกนะ  แต่..


จะทำยังไงดี..





นางไม่เคยใจเต้นแรงขนาดนี้มาก่อนเลย




หวังว่าคงจะไม่มีใครได้ยินนะ   โดยเฉพาะเขา..   คนที่เดินหน้าเครียดอยู่เคียงข้างนางในเวลานี้






ยูคิมูระ  จิสึรุแอบชำเลืองมองชายหนุ่มที่เดินอยู่ข้างๆตน    รองหัวหน้ากลุ่มชินเซ็นซึ่งอยู่ในชุดเก่าโทรมของคนขายยากำลังเดินหลังตรงพลางเชิดศีรษะขึ้นแล้วมองไปเบื้องหน้าด้วยท่วงท่าของพญาราชสีห์   เขายังคงดูสง่างามผึ่งผายราวกับไม่เคยเกรงกลัวสิ่งใดในโลกนี้   และนั่นทำให้สาวน้อยต้องลอบถอนหายใจ..   ภายใต้คราบของคนขายยาผู้ไร้เกียรติซึ่งไม่ว่าจะมองมุมใดก็ไม่เห็นเหมือน   โทชิโซสวมเสื้อคลุมสีน้ำตาลอมเทากระดำกระด่างกับเสื้อตัวในและกางเกงขายาวที่สภาพไม่ต่างกันนัก   เส้นผมยาวดำขลับถูกรวบไว้ด้านหลังแบบหลวมๆพร้อมด้วยหมวกเหี่ยวๆรูปทรงประหลาดบนศีรษะอีกหนึ่งใบ   กับกล่องยาใบใหญ่ซึ่งสะพายอยู่บนหลัง   ส่วนนาง...





อยู่ในชุดที่ดูแก่เกินวัย   มันคือกิโมโนแขนสั้นสีอิฐแบบเรียบๆของสตรีที่ออกเรือนแล้ว   ถึงแม้ว่าเนื้อผ้าจะไม่ดีมากนักทว่าสภาพโดยรวมก็ยังถือว่าพอใช้ได้   ส่วนเส้นผมนั้นจิสึรุรวบแบบง่ายๆไว้ที่ต้นคอแล้วผูกทับด้วยริบบิ้นสีเหลืองสด   ทั้งนางและฮิจิคาตะซังกำลังปลอมตัวเป็นคู่สามีภรรยาที่เปิดกิจการด้านขายยาซึ่งดูไม่น่าเชื่อถือเป็นอย่างยิ่ง   และทั้งหมดนั้นก็คือสาเหตุที่ทำให้เด็กสาวใจเต้นแรงอยู่ในขณะนี้  





“ฮิจิคาตะซังคะ”





จิสึรุถึงกับสะดุ้งเมื่ออีกฝ่ายนิ่วหน้าแล้วหันมามองตาขวาง   สาวน้อยรีบพึมพำขอโทษเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเวลานี้เขาอยู่ในสภาพใด   การปลอมตัวเป็นผู้อื่นทำให้บุคคลที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักอย่างฮิจิคาตะ  โทชิโซต้องปิดบังชื่อที่แท้จริงของตนเอง   และเวลานี้นางควรจะเรียกเขาว่า..





“ขอโทษค่ะ  คุโรคาวะซัง” 





...ชื่อปลอม   ซึ่งหมายถึงสายธารสีนิล...





เด็กสาวเอ่ยเสียงกระท่อนกระแท่นแล้วหรุบสายตาลงมองพื้น   พร้อมด้วยท่าทางที่ดูไม่เหมือนคนเป็นสามีภรรยากันเลยแม้แต่นิดเดียว   อันที่จริงนางทำสีหน้าเหมือนกำลังจะถูกเขาเชือดคอมากกว่า





“ระวังหน่อยสิ   ..เจ้าน่ะ   ทำท่าอะไรอย่างนั้น” เขาดุนางเบาๆก่อนจะหันหน้ากลับไปและทำให้จิสึรุต้องเดินคอตกแล้วซึมมากกว่าเดิม  





ชายหนุ่มถอนหายใจ   หลังจากที่เสียเวลาร่ายยาวถึงภารกิจตามด้วยการเทศนาอย่างยืดยาวอีกหนึ่งรอบ นางก็ยังผิดพลาดให้เห็นอีก   ดูท่าเขาคงจะคาดหวังกับเด็กคนนี้มากเกินไป   เพราะถึงอย่างไรนางก็ยังเป็นเพียงสาวน้อยคนหนึ่งเท่านั้น    แต่แม้จะเป็นเด็กสาวที่ใกล้ถึงวัยออกเรือนแล้ว   จิสึรุก็ยังดูเหมือนไม่ค่อยรู้เรื่องรู้ราวอยู่ในบางครั้ง   อาจเป็นเพราะในวัยเด็กขาดมารดาคอยอบรมสั่งสอนในเรื่องที่ควรรู้   แล้วเวลานี้ยังต้องมาใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางเหล่าบุรุษซึ่งไม่เคยรู้จักอะไรมากไปกว่าศิลปะแห่งการฆ่าฟัน   การทะเลาะวิวาทประจำวัน   และทำตัวสำมะเลเทเมาในยามค่ำคืน   ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่สตรีควรให้ความสนใจเลย..  ทว่านางก็ยังไม่วายติดร่างแหไปด้วยทุกครั้ง





ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่เขาพอจะรู้เกี่ยวกับเด็กคนนี้..  คือจิสึรุใช้ชีวิตอยู่กับบิดาเพียงสองคนมาตั้งแต่จำความได้   ในเมื่อนางไม่เคยมีตัวอย่างแม่บ้านแม่เรือนให้เห็น   จึงเป็นเรื่องยากที่จะให้นางแสดงบทบาทเป็นภรรยาที่แนบเนียนของเขาได้ ตั้งแต่นาทีแรก   ดังนั้นเขาจึงไม่ควรเข้มงวดกับนางจนเกินไปกระมัง





“ขอโทษที่ดุเจ้า” ในที่สุดโทชิโซก็มีน้ำเสียงอ่อนลง  “ตะวันใกล้ตกดินแล้ว   คืนนี้เราคงต้องพักที่โรงแรมข้างหน้านี่ล่ะนะ”






แต่ขณะที่รองหัวหน้ากลุ่มชินเซ็นผู้เข้มงวดมัวแต่นึกกังวลถึงการแสดงที่ไม่แนบเนียนของจิสึรุ   โทชิโซก็ไม่ทันได้สำรวจเลยว่าการแสดงของตนแนบเนียนดีแล้วหรือยัง   จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันซึ่งสั่นคลอนความเชื่อมั่นอย่างแรงจนเขาต้องหันกลับมามองตนเองอีกครั้ง





“ท่านนักรบ..  เดินทางกับน้องสาวเพียงลำพังสองคนหรือขอรับ” 





ชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของโรงแรมที่ทั้งคู่เข้าพักคงหารู้ไม่ว่าชะตาของตนเกือบขาดตั้งแต่วินาทีที่เขาปูที่นอนสำหรับนอนคนเดียวจำนวนสองผืนไว้ข้างๆกันแล้ว   ยิ่งกว่านั้นยังบังอาจมองว่าแขกทั้งสองเป็นนักรบที่เดินทางมากับน้องสาวทั้งๆที่มิได้พกดาบเหมือนเวลาปกติ   เพียงเท่านั้นฮิจิคาตะ  โทชิโซก็มีเหตุผลมากพอที่จะจัดการสำเร็จโทษเจ้าหนุ่มนี่แล้ว   ทว่าเขาก็ได้แค่คิดเท่านั้น   เพราะกลุ่มชินเซ็นมิใช่อันธพาลดังนั้นจะไม่ทำอะไรตามใจตนเองเด็ดขาด  





“ข้าเป็นเพียงคนขายยาเท่านั้น   และนั่นก็ภรรยาข้า” 





โทชิโซอธิบายอย่างใจเย็น   ทว่าน้ำเสียงเย็นเยียบกลับส่งผลให้เจ้าของโรงแรมถึงกับสะดุ้งเฮือก   เขาลนลานคำนับขออภัยครั้งแล้วครั้งเล่า   ก่อนจะรีบเปลี่ยนเป็นที่นอนขนาดใหญ่สำหรับนอนสองคน    แต่กระนั้นความที่เป็นคนซื่อและพูดจาโดยไม่คิดก็ทำให้เขาเกือบจะคอขาดอีกครั้ง  





“ขออภัยขอรับนายท่าน   ข้าสังเกตเห็นภรรยาท่านดูเหมือนจะเกรงๆท่านแล้วก็ตื่นกลัวอยู่ไม่ใช่น้อยก็ เลยไม่คิดว่า..”   ชายหนุ่มพูดได้เพียงเท่านั้นก็ถูกสายตาคมกริบ   พร้อมด้วยรังสีอาฆาตจากแขกที่ปฏิเสธว่าไม่ใช่นักรบสะกดเสียจนกลัวตัวสั่น   เสียงแห้งเหือดหาย  ก่อนจะรีบขอขมาอีกครั้งแล้วกุลีกุจอออกไปจากห้องอย่างรู้หน้าที่





..เป็นคนขายยาที่ดุเหลือเกิน





เพียงแค่ถูกจ้องมองวิญญาณก็แทบหลุดลอยออกจากร่างแล้ว..








“เอ่อ..”  จิสึรุมีท่าทีลังเล   ด้วยไม่รู้ว่าควรพูดหรือไม่





“ทำหน้าดุอย่างนี้จะดีหรือคะ   ท่านเจ้าของโรงแรมกลัวจนหนีไปแล้ว”





“ช่างเถอะ..  เจ้ามานอนที่นี่ก็แล้วกัน    ข้าจะออกไปสำรวจข้างนอกสักครู่”  โทชิโซคว้าหมวกมาสวมก่อนจะออกไปจากห้อง   ทว่าก็ยังคงหันมาย้ำก่อนที่จะไป





“หากง่วงก็เข้านอนได้เลย   ไม่ต้องรอ   ข้าอาจจะกลับดึก”  






 ทว่าจิสึรุยังคงนั่งตาสว่างอยู่เช่นนั้นแม้ว่าดวงจันทร์จะลอยสูงแล้วก็ตาม   อาจเป็นเพราะแปลกที่..  สาวน้อยบอกตนเองเช่นนั้น   ก่อนจะยันกายขึ้นจากพื้นแล้วหยิบเสื้อคลุมมาสวม   ด้วยรู้สึกว่าคอแห้งเป็นกำลังจึงตั้งใจว่าจะออกไปดื่มน้ำ  





ร่างแบบบางในชุดสีชมพูอ่อนซึ่งคลุมทับด้วยเสื้อคลุมสีเข้มเดินลงบันไดมาตามลำพังพร้อมด้วยเทียนไขแท่งเล็กๆในมือ   เวลานี้ภายในโรงแรมมืดสนิทไม่มีแม้แต่แสงตะเกียง   ความเงียบที่ห้อมล้อมอยู่โดยรอบบอกให้รู้ว่าทุกคนคงเข้านอนกันหมดแล้ว   เด็กสาวกลืนน้ำลายลงคอเมื่อรู้สึกกลัวขึ้นมาเล็กน้อย   ก่อนจะปลอบใจตนเองให้เข้มแข็งแล้วก้าวไปข้างหน้าโดยมุ่งไปยังบ่อน้ำซึ่งอยู่ด้านหลังตัวอาคาร   ทว่าก่อนที่นางจะเอื้อมมือผลักบานประตูเพื่อออกไปข้างนอกหัวไหล่ก็กระแทกเข้ากับใครคนหนึ่งเสียก่อน





“อุ๊ย!”





มือใหญ่คว้าเทียนไขที่สาวน้อยทำหลุดมือไว้ได้ทันท่วงที   ขณะที่แขนอีกข้างโอบประคองร่างเล็กที่ซวนเซจวนจะล้มไว้แน่นก่อนจะดึงเข้าสู่อ้อมกอด





“ขอโทษที  แม่นาง”





น้ำเสียงที่ไม่คุ้นเคยดังขึ้น    จิสึรุเงยหน้าขึ้นมองบุรุษแปลกหน้าซึ่งพบกันโดยบังเอิญ   ทว่าก็แลเห็นเพียงโครงร่างสูงใหญ่   เส้นผมสีอ่อนซึ่งรวบตึงอยู่ด้านหลัง   และนัยน์ตาคมวาวที่ทอประกายอยู่ท่ามกลางความมืดเท่านั้น  





“ไม่เป็นไรค่ะ   ข้าเองที่เป็นฝ่ายไม่ทันระวัง”  สาวน้อยเอ่ยคำขอโทษแผ่วเบาก่อนจะขืนกายออกห่าง   ทว่าอีกฝ่ายยังคงโอบเอวนางไว้แน่นอย่างไม่มีทีท่าว่าจะยอมปล่อย    และนาทีนั้นจิสึรุก็ต้องเย็นวาบเมื่อสังเกตเห็นดาบที่เขาพกติดตัว





...คนๆนี้เป็นนักรบ...








 “น่าแปลกจริง..  เจ้าเป็นแขกของโรงแรมหรือ   รึว่าทำงานอยู่ที่นี่กัน  


ดึกดื่นป่านนี้แล้วกำลังจะออกไปไหน” 








“เอ่อ...” 





จิสึรุยังไม่ทันได้ตอบก็มีอันต้องตกใจซ้ำสอง   เมื่อจู่ๆประตูด้านหน้าของโรงแรมก็เปิดออกโดยแรงพร้อมด้วยร่างสูงใหญ่ของคนขายยาผู้เป็นสามียืนนิ่งอยู่ที่นั่น   ฮิจิคาตะ  โทชิโซสีชักสีหน้าดุดันพร้อมทั้งเปล่งรัศมีคุกคามออกมาโดยไม่รู้ตัวเมื่อได้รับรายงานที่ไม่สู้ดีจากสายลับที่ซ่อนตัวอยู่ในโรงแรม   ว่าภรรยาจำเป็นของเขากำลังพบเข้ากับบุคคลที่น่าสงสัย





“ออกมาจากห้องทำไม..   ถ้าจะไปไหนทำไมไม่รอให้ข้ากลับมาก่อน”





“คุโรคาวะซัง!”





โทชิโซถอนหายใจ..  อย่างน้อยคราวนี้นางก็รู้หน้าที่ของตนเองและไม่เปิดโปงตัวจริงของเขาออกไป แล้วทำให้ทุกอย่างพังพินาศ   นั่นพอจะทำให้เขาคลายโทสะลงบ้างเล็กน้อย    ชายหนุ่มดึงร่างงามเข้ามากอดไว้แนบอกแล้วเริ่มเล่นไปตามบทบาทของตนเอง





“ต่อไปถ้าข้าไม่อนุญาตเจ้าอย่าได้แอบหนีไปไหนอีกนะ   รู้มั้ยว่าทำให้ข้าเป็นห่วงแค่ไหน”  น้ำเสียงแสดงความห่วงใยทำให้เด็กสาวถึงกับหน้าแดงก่ำ   จิสึรุแอบนึกดีใจที่มันเป็นเวลากลางคืน   ทำให้ไม่มีใครเห็นสีหน้าของตน  





“นี่คนรักของเจ้าหรือ”





“ค่ะ  ..เป็นสะ  สะ..”





“ขอรับนายท่าน   ข้าเป็นสามีของนางเอง” ชายหนุ่มรีบกลบเกลื่อนสถานการณ์อย่างว่องไว   พลางกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้นเป็นสัญญาณให้นางเงียบไว้  





“ต้องขอโทษด้วยขอรับ  ภรรยาของข้าเป็นแบบนี้อยู่เรื่อย   เวลาตื่นเต้นนางมักจะพูดตะกุกตะกักเสมอเลย”





“งั้นหรือ” 





ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ค่อยเชื่อ   โทชิโซหรี่ตาลงเล็กน้อยพลางประเมินสถานการณ์ตรงหน้าอย่างใจเย็นขณะที่โอบเอวจิสึรุไว้อย่างปกป้อง   และเมื่อบุรุษแปลกหน้าชูเทียนไขในมือขึ้นสูงเพื่อที่จะได้เห็นใบหน้าตนชัดๆ   ชายหนุ่มก็รีบก้มศีรษะลงคำนับ





“โปรดยกโทษให้นางด้วยขอรับ   ภรรยาข้ามารบกวนให้ท่านนักรบรำคาญใจเป็นเพราะข้าไม่ได้อบรมนางให้ดี   ต้องขออภัยเป็นอย่างสูง  


พวกข้าสองสามีภรรยาเป็นคนขายยาที่เพิ่งจะผ่านมาทางนี้   หากมีสิ่งใดให้ช่วยเหลือโปรดบอกนะขอรับ”





กล่าวจบเขาก็พาภรรยาตัวน้อยกลับขึ้นห้องโดยไม่รอฟังคำตอบ   แม้จะสัมผัสได้ถึงประกายตาเย็นเยียบที่มองตามหลังมาพร้อมๆกับที่รู้สึกสังหรณ์ใจว่าจะต้องได้พบกันอีก..  ถึงแม้จะยังไม่รู้ตื้นลึกหนาบาง   ทว่าคนๆนี้ก็ดูไม่เหมือนนักรบพเนจรที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้า   ดังนั้นจะต้องมีสังกัดอย่างแน่นอน   และถึงแม้ว่าวันนี้จะแยกจากกันโดยไม่มีเหตุกระทบกระทั่ง   แต่วันหน้าอาจไม่เป็นเช่นนี้เสมอไป











“เจ้านั่นไม่ธรรมดาแน่”





ชายหนุ่มเปรยเสียงเรียบหลังจากที่กลับมาถึงห้องพัก  แล้วฮิจิคาตะ  โทชิโซก็สลัดคราบคนขายยาทิ้งและกลับมาเป็น ‘รองหัวหน้ากลุ่มชินเซ็น’ อีกครั้ง   เขาถอดหมวกกับเสื้อคลุมออกพลางนั่งลงกลางห้องแล้วออกคำสั่ง  





“ไปสืบมา   ก่อนที่เราจะไปถึงที่หมายต้องรู้ให้ได้ว่ามันเป็นใคร”





“รับทราบขอรับ”





มีเสียงตอบเบาๆมาจากบนเพดานห้องก่อนที่ทุกอย่างจะกลับเข้าสู่ความเงียบ   จิสึรุกัดริมฝีปากแน่นอย่างรู้สึกผิด   เมื่อตนเองกลับกลายเป็นภาระและกำลังจะทำให้ภารกิจทั้งหมดล้มเหลวไม่เป็นท่า





“เป็นอะไรไป”





“ขอโทษค่ะ  เป็นเพราะข้า..”  ทว่าเด็กสาวยังไม่ทันพูดจบอีกฝ่ายก็ขัดขึ้นเสียก่อน 





“อย่าเพิ่งรีบด่วนสรุปเช่นนั้น”  แทนที่จะดุ..  โทชิโซกลับยิ้มบางๆขณะที่วางฝ่ามือใหญ่ลงบนไหล่สาวน้อย   





“รู้ตัวว่าผิดก็ดีแล้ว..  ก็อย่างที่บอกว่าเราถูกจับตามองอยู่ทุกฝีก้าว   แต่จะว่าไปก็เป็นเพราะเจ้า..  เราจึงได้รู้ว่าพวกมันอยู่ใกล้ตัวมากขนาดนี้  


ดังนั้นข้าจะละเว้นความผิดในครั้งนี้ให้   แต่ต่อไปเจ้าจะต้องระวังให้มากกว่านี้   เอาล่ะ..” เขาถอดเสื้อชั้นนอกออกจากร่างก่อนจะพับให้เป็นระเบียบแล้ววางลงในกล่องไม้ ตรงหัวนอน





“เข้านอนกันเสียที”














..............................................





วันรุ่งขึ้นโทชิโซและจิสึรุออกเดินทางแต่เช้าตรู่   ในสภาพของคนขายยาสองสามีภรรยา..  ทั้งคู่เดินเคียงข้างกันขณะที่ช่วยกันถือของคนละนิดละหน่อย   ก่อนจะพบทำเลเหมาะๆในตลาดที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คนแล้วเริ่มเปิดกิจการของตน เอง  





“เมื่อคืนนอนไม่หลับงั้นหรือ”





เมื่อเห็นว่าเช้านี้เด็กสาวดูไม่ค่อยสดชื่นนักโทชิโซจึงเอ่ยถามขึ้น   ทว่าแทนที่จะได้รับคำตอบเขากลับพบว่าจิสึรุใบหน้าแดงก่ำ   นางก้มหน้าหลบสายตาเขาขณะที่ส่งยาให้กับลูกค้ารายหนึ่งก่อนจะรับเงินมาพลางตอบอ้อมแอ้มไม่เต็มเสียง





“ไม่มีอะไรค่ะ”





และนั่นทำให้ชายหนุ่มต้องถอนหายใจก่อนจะหันกลับไปทำหน้าที่ของตนเองต่อ    จนกระทั่งยาที่แบ่งไว้ขายในส่วนของวันนี้หมดเกลี้ยงแล้วนั่นแหละทั้งคู่จึงได้มุ่งหน้าต่อไปยังจุดหมายปลายทาง   ..บ้านซึ่งจะใช้เป็นฐานลับชั่วคราวของภารกิจสืบข่าวคราวในครั้งนี้





“ที่ผ่านมาข้าเองก็ชำนาญแต่เพียงการต่อสู้โดยใช้ยุทธวิธีการรบแบบเปิดเผยตรงไปตรงมา   ไม่ได้เชี่ยวชาญในการทำงานเบื้องหลังแบบสายลับเหมือนอย่างยามาซากิ


แต่เพราะต้องการคุ้มกันความปลอดภัยให้เจ้าจึงต้องมาด้วยตัวเอง   นี่จึงเป็นครั้งแรกที่ข้ามารับหน้าที่เป็นเงา   ดังนั้นเมื่อคืนนี้อาจจะล่วงเกินเจ้าไปบ้างทว่านี่ก็เป็นงานของเรา..  เจ้าอย่าได้คิดมากเลย”





“..ค่ะ”





ทว่าสาวน้อยก็ยังรู้สึกว่าทำใจได้ยากเมื่อเวลานี้นางได้รู้แล้วว่า..   เพื่อให้งานบรรลุวัตถุประสงค์แล้วโทชิโซคือบุรุษที่สามารถทำทุกอย่างได้โดยไม่ลังเล    แล้วเขายังจะกล้าพูดอีกหรือว่าไม่ถนัดงานเช่นนี้...  สาวน้อยรู้สึกเจ็บแปลบที่หัวใจ   จิสึรุทำตาแดงๆคล้ายอยากจะร้องไห้ยามเมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อคืนนี้   จะไม่ให้คิดมากได้อย่างไรในเมื่อนางถูกเขากกกอดเอาไว้ทั้งคืนราวกับเป็นคู่รักกัน   ถึงแม้จะไม่มีอะไรเกินเลยไปมากกว่านั้นแต่เรื่องนี้ก็ทำให้นางแต่งงานออกเรือนไม่ได้อีกแล้ว   คิดแล้วก็อดเสียใจมิได้..  ที่รู้ทั้งรู้ว่าเขาทำเช่นนี้เพียงเพราะเป็นหน้าที่ 





..เช่นนี้แล้วเขายังพูดหน้าตาเฉยให้นางไม่ต้องคิดมากอีกหรือ..







“เป็นอะไรไป..   ภรรยาน่ะเค้าไม่ดิ้นหนีเวลาที่อยู่ในอ้อมแขนของสามีหรอกนะ”





นั่นคือโซ่ตรวนเส้นใหญ่ที่ล่ามนางไว้ในอ้อมอกของโทชิโซตลอดทั้งคืน   ในตอนนั้นจิสึรุนอนตัวแข็งทื่อยามที่ถูกเขากอดรัดไว้แนบอก   ยอมให้แผ่นหลังอันเนียนนุ่มของตนแนบชิดอยู่กับแผ่นอกกว้างและหน้าท้องของชาย หนุ่มโดยไม่กล้าแม้แต่จะกระดิกตัว   มิใช่เพียงเพราะหวาดกลัวการใกล้ชิดกับบุรุษ..  หากเป็นเพราะเสียงฝีเท้าแผ่วเบาที่เดินมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องพักของทั้งคู่   ที่ชวนให้คิดว่าอาจเป็นนักรบปริศนาคนนั้นตามมาสืบดูให้รู้แน่ว่าแท้จริงแล้วพวกนางเป็นใคร  





“.....”  ทว่ายังไม่ทันได้พูดอะไรโทชิโซก็เอื้อมมือมาปิดปากนางไว้แน่นพลางกระซิบกรอกหู





“อย่าขยับ  ..ทำเป็นหลับเสีย” 





จบคำเขาก็เริ่มส่งเสียงกรนเบาๆ   ทิ้งให้เด็กสาวนอนเบิกตาโพลงอยู่ท่ามกลางความมืดด้วยความหวาดกลัวขณะที่เจ้าของเสียงฝีเท้ายังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมอีกเป็นนาน   แม้จะไม่มีทีท่าว่าจะบุกเข้ามาในห้อง..  หากก็ไม่ยอมจากไปง่ายๆเช่นกัน   ทว่าจิสึรุก็ยังรู้สึกอุ่นใจเมื่อได้รู้ว่าโทชิโซเฝ้าระวังความปลอดภัยให้ นางอยู่ตลอดเวลา   ท่อนแขนแกร่งข้างที่ให้นางหนุนนอนล้วงเข้าไปใต้ผ้าห่มแล้วกำแน่นอยู่ที่ด้ามดาบซึ่งซุกซ่อนเอาไว้อย่างมิดชิด   ขณะที่อีกข้างโอบร่างนางเข้ามาเบียดชิดจนสัมผัสได้ถึงไออุ่นจากกายเขากับลมหายใจที่เป่ารดต้นคอ   จิสึรุจำไม่ได้ว่าเมื่อคืนตนเผลอหลับไปตอนไหน   ทว่าสิ่งหนึ่งที่นางรู้แน่ชัดคือ  ..นี่ช่างเป็นภารกิจที่ชวนให้หัวใจหยุดเต้นเสียจริง   และจะไม่ขอมีครั้งที่สองอีกแล้ว











..........................................



ฝนตกแล้ว..





โชคดีที่สองหนุ่มสาวมาถึงบ้านหลังที่ว่าหลังจากเมฆดำเริ่มตั้งเค้าไม่นาน   แม้จะยังเหลือเวลาอีกหลายชั่วโมงกว่าจะถึงยามค่ำทว่าเวลานี้บรรยากาศกลับมืดสลัวเพราะฟ้าครึ้มฝน   จิสึรุและโทชิโซวางสัมภาระทั้งหมดกองไว้ที่มุมหนึ่งของบ้านแล้วช่วยกันจุดเทียนไข   ปัดกวาดทำความสะอาดพอเป็นพิธีแบบให้พออยู่ได้   ก่อนจะหันไปปิดประตูหน้าต่างทุกบานจนมิดชิด  





“ได้เรื่องว่ายังไงบ้าง”





เมื่อสำรวจดูจนแน่ใจแล้วว่าไม่มีบุคคลน่าสงสัยซุ่มกายอยู่รอบๆบริเวณบ้าน   ฮิจิคาตะ  โทชิโซก็เอ่ยถามถึงผลการสืบข่าวคราว   ขณะที่แผ่นไม้บนฝ้าเพดานขยับเลื่อนออกจนเกิดช่องเล็กๆก่อนที่กระดาษซึ่งถูกม้วนเป็นก้อนกลมๆจะถูกขว้างลงมาอย่างไร้สุ้มเสียง    และข้อความที่อยู่ภายในก็ทำให้รองหัวหน้ากลุ่มชินเซ็นมีสีหน้าเคร่งเครียดมากขึ้น


  


“ถ้าเช่นนั้นข่าวลือนั่นก็เป็นจริง”  เมื่ออ่านจบโทชิโซก็จ่อปลายกระดาษเข้ากับเปลวเทียนเพื่อทำลายหลักฐานก่อนจะมอบหมายคำสั่งต่อไป





“สืบมาให้ได้   ว่าอาวุธที่พวกมันสั่งซื้อเข้ามามีจำนวนเท่าไหร่   อะไรบ้าง  เตรียมจะไปก่อเรื่องที่ไหนอีก


แล้วเรื่องของเจ้านั่นไปถึงไหนแล้ว”





“ขอรับ  ..เขามีชื่อว่ายามาชิตะ  อาโอกิ    เป็นขุนพลคนหนึ่งของคณะปฏิวัติ   โชคไม่เข้าข้างเรานักที่ดันพบเจ้านั่นเข้า”





“ไม่หรอก” โทชิโซขัดขึ้นด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น   ขณะที่ชำเลืองมองสาวน้อยซึ่งนั่งสัปหงกอยู่ที่มุมห้อง





“ถึงคนๆนั้นจะทำให้งานของเรามีความเสี่ยงมากขึ้น   แต่หากจิสึรุไม่ไปพบมันเข้าเราก็คงยังไม่รู้ตัวว่าพวกมันเข้ามาใกล้ถึงขนาดนี้”





“ขอรับ..  ถ้าเช่นนั้นข้าขอตัวไปหาข้อมูลส่วนที่เหลือ”





“โชคดี  ระวังตัวด้วย” 





เสียงไม้กระดานเลื่อนปิดอย่างแผ่วเบา   ยามาซากิ  สึสึมุจากไปอย่างไร้ร่องร่อย   ขณะที่โทชิโซขยับลุกขึ้นยืนก่อนจะถอดเสื้อคลุมออกแล้วเดินเข้าไปหาร่างน้อยที่ขดตัวหลับอยู่ด้วยความอ่อนเพลีย   เขานั่งลงเอนหลังพิงฝาผนังเคียงข้างเด็กสาว   แล้วประคองให้นางตะแคงร่างลงนอนหนุนตักก่อนจะคลี่เสื้อคลุมของตนออกคลุมบน ไหล่บอบบาง   ขณะเดียวกันก็เฝ้ามองดวงหน้างามยามหลับใหลด้วยนัยน์ตาสีม่วงที่ทอประกายอ่อนโยนอย่างที่ไม่เคยมีใครเห็นมาก่อน    





ถึงแม้จิสึรุจะสร้างปัญหาหนักใจให้เขาตั้งแต่ครั้งแรกที่พบกัน   แต่โทชิโซก็พบว่าตนเองพอใจที่จะได้คอยตามแก้ปัญหาเหล่านั้นให้   บางทีอาจจะจริงอย่างที่เจ้าพวกนั้นบอก..  การมีดอกไม้มาประดับฐานซึ่งมีแต่กลิ่นอายของบุรุษนั้นช่วยให้ทุกๆวันดูมีชีวิตชีวาขึ้นจริงๆ   แม้แต่เขาเองก็ยังไม่ทันรู้สึกตัวเลยว่าตั้งแต่เมื่อไหร่กัน   ที่มักจะเผลอมองตามร่างเล็กแบบบางที่ชอบวิ่งวุ่นไปโน่นมานี่กับใครต่อใครที่ล้วนแต่ตัวใหญ่และแข็งแรงกว่านางทั้งนั้น   จิสึรุคงไม่เคยรู้ตัวมาก่อนว่าตนเองมีความพิเศษ..  เพียงแค่ได้เฝ้ามองนางก็ทำให้ความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าจากภาระการงานต่างๆบรรเทาเบาบางลงได้อย่างน่าอัศจรรย์   






“..ฮึ ..แต่งงานไม่ได้แล้ว..”





“อะไรนะ” ชายหนุ่มขมวดคิ้วอย่างงุนงง   เมื่อจู่ๆเด็กสาวก็พึมพำอะไรออกมาทั้งที่ยังหลับอยู่..  สาวน้อยขมวดคิ้วทำหน้าตาราวคนกับมีความทุกข์มากมาย   และมันก็ทำให้ชายหนุ่มอดขันไม่ได้  





“ที่แท้เจ้าก็กังวลเรื่องนี้อยู่เองหรอกหรือ” เขาแกล้งบีบจมูกนางเล่นด้วยความมันเขี้ยว   ส่งผลให้จิสึรุตกใจตื่นในที่สุด  





“ฮิจิคาตะซังใจร้าย”   ด้วยยังไม่ตื่นเต็มตา   จิสึรุจึงเผลอพูดสิ่งที่ไม่เคยคิดจะพูดออกมาก่อนจะต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อพบ ว่าทำอะไรลงไป  





“อ้อ..  แล้วเจ้ามีคนที่อยากแต่งงานด้วยแล้วหรือไง   ถึงคิดมากจนขนาดเก็บเอาไปฝัน”  ชายหนุ่มไม่สนใจถ้อยคำกล่าวหา    แต่กลับเขยิบร่างเข้าไปใกล้แล้วเชยปลายคางนางขึ้นพลางจ้องลึกเข้าไปในดวง ตากลมโต   ใบหน้างดงามคมสันที่ยื่นเข้ามาใกล้ทำให้สาวน้อยรู้สึกเหมือนว่าหัวใจ กระดอนออกมานอกอก   ยิ่งกว่านั้นดวงตายาวเรียวซึ่งทอประกายประหลาดต่างจากทุกครั้ง   รวมทั้งริมฝีปากของเขาที่แตะแต้มรอยยิ้มน้อยๆชวนให้นางรู้สึกร้อนวูบวาบราวกับจะเป็นไข้   ทว่ายังไม่ทันจะได้ตอบคำถามเสียงอึกกะทึกครึกโครมข้างนอกก็ขัดจังหวะเสีย ก่อน  





“ชิ  ..เจ้าพวกนี้จมูกไวจริง”  ฮิจิคาตะ  โทชิโซสบถเสียงดัง  พร้อมกับผุดลุกขึ้นยืนพลางดึงจิสึรุให้ลุกตาม  





“ยังจำได้ใช่มั้ย..  จุดนัดหมายที่ข้าเคยชี้ให้เจ้าดูเมื่อตอนที่ออกเดินทางน่ะ”  เขาหันกลับมาถามนางก่อนจะกระชากแขนแล้วตรงดิ่งไปยังประตูหลังบ้าน   ขณะที่จิสึรุยังคงจับต้นชนปลายไม่ถูกและต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อประตูหน้าถูกทุบอย่างแรง





“ฟังนะ..  รีบหนีไป   ข้าจะถ่วงเวลาเอาไว้ให้เอง”





“ฮิจิคาตะซัง!”  พูดได้เพียงเท่านั้นเขาก็รวบตัวนางเข้าไปกอดแนบแน่น  





“ข้าไม่มีวันปล่อยให้เจ้าหนีไปแต่งงานกับใครหรอกน่า   ดังนั้นย่อมต้องรอดกลับไปแน่


เจ้าเพียงแต่ไปรอข้าที่จุดนัดพบก็พอ  แต่ตอนนี้ไปหลบอยู่หลังประตูก่อน   ข้าจะดึงความสนใจเอาไว้ให้   เมื่อสบโอกาสให้รีบหนีทันที   ..เข้าใจนะ”





จิสึรุไม่มีโอกาสได้ซักถามอะไรอีก   ทันทีที่พูดจบโทชิโซก็ก้มลงจูบนางอย่างดูดดื่ม   เขากอดนางแนบกายอยู่อึดใจหนึ่งแล้วจึงปล่อย   ก่อนจะผละไปหยิบอาวุธคู่ใจขึ้นมาแล้วกระชากประตูเปิดออกอย่างไม่กลัวเกรง   และภาพที่เห็นอยู่เบื้องนอกก็ทำให้เลือดในกายนางจับตัวเป็นน้ำแข็ง






“คิดไว้แล้วเชียว   ว่าเจ้าคงไม่ใช่คนขายยาธรรมดา” 





บุรุษหน้าตาคมสันสวมชุดเกราะเต็มยศยืนอยู่หน้าสุด   รายล้อมด้วยคนอื่นๆอีกร่วมสามสิบซึ่งกระจายกำลังกันล้อมบ้านทั้งหลังเอา ไว้   เพียงได้เห็นแวบเดียวนางก็จำได้ทันที..  เขาคือคนที่ชนกับนางเมื่อคืนนี้





“และเจ้าเองก็คงไม่ใช่พวกกระจอกสินะ”





“ยามาชิตะ  อาโอกิ    หัวหน้ากองห้าแห่งกลุ่มปฏิวัติโจชู  


บอกชื่อของเจ้ามา!”





“ฮิจิตาคะ  โทชิโซ”





โทชิโซไม่พลาดที่จะได้เห็นสีหน้าตื่นตกใจของศัตรู   เห็นได้ชัดว่าสมญารองหัวหน้าปีศาจแห่งกลุ่มชินเซ็นพอจะมีอิทธิพลอยู่บ้าง   ที่เมื่อได้ยินชื่อก็ถึงกับทำให้ชะงักไปครู่หนึ่ง





“ระดับรองหัวหน้ากลุ่มชินเซ็นถึงกับออกมาเองแบบนี้   แสดงว่าคงเป็นเรื่องสำคัญพอตัวสินะ”





“อยากรู้หรือ..”  เขาชำเลืองมองเด็กสาวที่แอบอยู่หลังบานประตูเป็นการส่งสัญญาณ





..ไม่ว่าจะเป็นข้าหรือยามาซากิ   หรือทั้งสองคนมีอันตรายถึงชีวิต     





ถึงเวลานั้นจงหนี   เพราะบุรุษนั้นมีหน้าที่ปกป้องสตรี.. 






“เช่นนั้นก็ข้ามศพข้าไปก่อน!”





การต่อสู้ระหว่างหนึ่งต่อสามสิบเปิดฉากขึ้นอย่างดุเดือดในอึดใจนั้น   ด้วยความรวดเร็วเกินกว่าสายตาจะตามทัน..  โทชิโซพุ่งปราดเข้าไปกลางวงล้อมศัตรูด้วยการโจมตีที่ดุดันจนไม่อาจตั้งรับทัน   พริบตาเดียวรองหัวหน้ากลุ่มชินเซ็นผู้แข็งแกร่งก็ร่ายรำกระบวนดาบสังหารฝ่ายตรงข้ามล้มตายดุจใบไม้ร่วง   พายุโลหิตที่สาดกระจายอยู่รอบตัวเปรอะเปื้อนใบหน้าและเส้นผม   อาบชโลมไปทั้งร่างจนดูราวกับเทพอสูรแห่งสงครามที่ปรากฏกายออกมาแล้วหยิบยื่นความตายให้กับมนุษย์   ทั้งงดงามและน่าสะพรึงกลัวในขณะเดียวกัน   แปรเปลี่ยนบรรยากาศแห่งความเงียบสงบยามเย็นให้กลายเป็นขุมนรกที่เต็มไปด้วย เสียงกรีดร้องยามที่คมดาบเสียบทะลุร่างกาย  ระคนไปกับเสียงกระดูกหักและอวัยวะฉีกขาดอย่างน่าสยดสยอง





ทว่าเวลานี้จิสึรุไม่มีเวลาสนใจอะไรทั้งสิ้นเมื่อบัดนี้รู้เพียงว่าตนมีหน้าที่ทำตามคำสั่ง..  นั่นคือการมีชีวิตรอด   ดังนั้นเด็กสาวจึงออกวิ่งอย่างสุดกำลังโดยไม่เหลียวหลังกลับไปแม้แต่ครั้งเดียว  





..พวกเราไม่เคยคาดหวังจะให้เจ้ามาร่วมตายด้วย   มีเพียงเรื่องนี้เท่านั้นที่เจ้าจะต้องจดจำให้ขึ้นใจ... 





ในสภาพน้ำตานองหน้า   สาวน้อยยังคงกัดฟันวิ่งตรงไปเบื้องหน้าเท่าที่เท้าเล็กๆสองข้างจะอำนวย   และจะไม่มีวันหยุดแม้จะต้องล้มลุกคลุกคลานหรือฝ่าพายุฝนหนักเพียงใด   เพราะท่ามกลางความมืดสลัว    ยังคงมีแสงสว่างอันอบอุ่นอ่อนโยนที่สาดส่องอยู่ภายในใจที่ทำให้นางเกิดความกล้า    นั่นคือความเชื่อมั่นที่มีต่อฮิจิคาตะ  โทชิโซ   นางเชื่อว่าเขาจะต้องปลอดภัยและรู้ดีว่ามันจะเป็นเช่นนั้น  












................................................



หนึ่งสัปดาห์ต่อมา...





นางยังคงเฝ้ารอเขาอยู่ที่จุดนัดพบ..  ที่นัดหมายซึ่งมีลักษณะเป็นทางสามแพร่งที่หนึ่งในนั้นคือทางเดินซึ่งจะนำไป สู่เกียวโต   หลังจากวันที่ต้องหนีเอาชีวิตรอดมาเพียงลำพังจิสึรุก็ไม่เคยละลายตาไปจากทิศทางที่ตนจากมาเลย   ด้วยรู้แน่ว่าเขาจะต้องปรากฏตัวขึ้นในที่สุด   เด็กสาวปาดหยดน้ำตาออกจากขอบตาที่บวมช้ำเพราะอดนอนและร้องไห้ติดต่อกันมาหลายคืน    แต่อย่างน้อยนางก็ยังโชคดีที่สามารถขออาศัยชาวบ้านแถวนั้นเรื่องที่พักและ อาหารการกินได้   ทว่าทันทีที่ตะวันขึ้นนางก็จะกลับไปที่เก่าและยืนรออยู่ที่นั่นจนถึงดึกดื่นมืดค่ำ   และวันนี้เป็นวันที่เจ็ดแล้ว





ตะวันใกล้ตกดินเต็มทีขณะที่เด็กสาวยังคงเฝ้ามองไปยังทิศทางที่ฮิจิคาตะ  โทชิโซควรจะปรากฏร่าง   บ่อยครั้งที่ความห่วงกังวลทำให้นางมองเห็นภาพลวงตาว่าเขากลับมาในสภาพที่ปลอดภัยไร้ริ้วรอย   เพียงเพื่อจะพบว่านั่นเป็นแค่คนเดินทางที่มีลักษณะรูปร่างใกล้เคียงกันซึ่งเดินมาจากทางนั้นแล้วก็เลยผ่านไปเท่านั้น   ทว่าจิสึรุไม่มีวันย่อท้อ..  ต่อให้ต้องรอไปตลอดทั้งชีวิตนางก็ยินดีจะทำ  





จนกระทั่งลำแสงสุดท้ายของวันกำลังจะลับขอบฟ้า..  สาวน้อยก็มีอันต้องเบิกตาโตแล้วกลั้นหายใจ..  เมื่อที่ตรงสุดสายตาปรากฏเป็นจุดดำๆขึ้นอีกจุดหนึ่ง   ราวกับเวลาผ่านไปช้าๆขณะที่เฝ้ามองว่าคราวนี้จะเป็นเขาหรือใคร   ทว่าครั้งนี้ไม่เหมือนกัน..  ถึงแม้ว่าคนซึ่งปรากฏตัวขึ้นตรงนั้นอาจจะเป็นนักเดินทางธรรมดาหรือใครก็ได้    ทว่าโครงร่างสูงโปร่งซึ่งแลเห็นเป็นเพียงเงาดำที่หันหลังให้กับแสงอัสดงนั้นกลับหยุดยืนนิ่งเมื่อเห็นนาง    ไม่เดินเข้ามาแล้วก็ผ่านไปเหมือนกับทุกครั้ง   เพียงเท่านั้นน้ำตานางก็ไหลรินอีกครั้ง   และก่อนที่จิสึรุจะได้ร้องอุทานออกมาด้วยความดีใจเขาก็วิ่งตรงเข้ามาหาแล้วอ้าแขนออกสวมกอดนางแนบแน่น   ฮิจิคาตะ  โทชิโซก้มลงสูดกลิ่นกายหอมระรื่นของสาวน้อยที่กำลังสะอื้นไห้   ก่อนจะประคองท้ายทอยให้นางเงยหน้าขึ้นแล้วประทับจุมพิตกลบรอยน้ำตา





“ทำหน้าที่ได้ดีมาก”  รองหัวหน้ากลุ่มชินเซ็นกล่าวชมพร้อมกับซบใบหน้าเข้ากับเรือนผมนุ่ม   ขณะที่เด็กสาวพยายามสะกดกลั้นน้ำตาแห่งความโล่งใจเอาไว้แล้วกระซิบตอบเสียง พร่า





“ไม่หรอกค่ะ..  ข้าไม่ได้ช่วยอะไรเลย”





“ไม่หรอก..  ภารกิจครั้งนี้เสร็จสิ้นลงอย่างสมบูรณ์เพราะเจ้า”  โทชิโซประคองดวงหน้างามให้เงยขึ้นสบตา   แล้วจ้องลึกเข้าไปยังดวงตาสีน้ำตาลเข้มที่ยังคงมีน้ำตาไหลเป็นทาง 





“ร้องไห้ทำไม   ข้าบอกแล้วไม่ใช่หรือว่าจะกลับมา” เขาปาดหยดน้ำตาออกจากใบหน้านางก่อนจะโอบกอดไว้ไม่ยอมปล่อย





“แต่ก็ยังมีอีกภารกิจหนึ่งซึ่งก็ไม่เชิงเป็นเรื่องเร่งด่วนนักหรอก   ว่าแต่เจ้าจะยอมช่วยข้าหรือไม่”





“คะ...”





เขาทิ้งคำถามไว้เพียงเท่านั้นก่อน   ขณะที่ให้เวลาจิสึรุยกชายแขนเสื้อขึ้นซับใบหน้า   แล้วพากันเดินกลับไปที่บ้านซึ่งนางขอพักอาศัยชั่วคราวเพื่อกล่าวคำขอบคุณกับเจ้าของบ้านแล้วจึงจากมา   ชายหนุ่มชำเลืองมองขอบตาที่บวมแดงของเด็กสาวก่อนจะถอนหายใจพลางลูบศีรษะนางอย่างอ่อนโยน





“ไม่เชื่อใจข้าถึงเพียงนั้นเลยหรือ”





“ไม่ใช่ค่ะ..  ถึงต้องรอนานกว่านี้ข้าก็..”





“แล้วภารกิจที่ว่าน่ะ.. ยังอยากจะฟังรึไม่” โทชิโซเอ่ยถามขณะที่ทั้งคู่กำลังมุ่งหน้ากลับเกียวโต





“คราวนี้เป็นงานเกี่ยวกับอะไรหรือคะ”





“เกี่ยวกับเจ้า”  เขาตอบ   สายตามองตรงไปข้างหน้า  “งานนี้มีเจ้าเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถทำได้”





และเมื่อเห็นสีหน้างุนงงของสาวน้อย   โทชิโซก็เผยอรอยยิ้มออกมา





“หน้าที่ของเจ้าในภารกิจครั้งนี้คือลบถ้อยคำสบประมาทที่มีคนเคยกล่าวหาข้า   ถึงจะไม่ใช่งานใหญ่อะไรก็จริงแต่ถ้าเจ้าช่วยได้   ข้าจะดีใจมาก”





“สบประมาทหรือคะ” จิสึรุอดสงสัยไม่ได้   ว่ายังจะมีใครหน้าไหนกล้าพูดจาดูหมิ่นรองหัวหน้ากลุ่มชินเซ็นอีกหรือ   พอๆกับที่ไม่เข้าใจว่าเมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วนางจะช่วยอะไรได้   ขณะที่เขากางแขนออกโอบบ่านางด้วยท่าทางสนิทเสน่ห์หาเสียจนทำให้สาวน้อยถึงกับหน้าแดงก่ำ   หรือว่า..  ฮิจิคาตะซังยังคงแสดงบทบาทเป็นสามีของนางอยู่อีก..





“มีคนๆหนึ่งบอกข้าว่าไม่อาจแต่งงานออกเรือนได้อีกแล้วเพราะถูกข้าแตะเนื้อต้องตัว  


ดังนั้นข้าจึงเพียงแค่อยากแสดงความรับผิดชอบ   ไม่รู้ว่าเจ้าจะยอมช่วยให้ข้าได้รับผิดชอบหรือไม่”





“เอ๋!”





“จะทึ่มไปถึงไหนกันนะเจ้าน่ะ..”  โทชิโซขมวดคิ้ว   ก่อนจะหยุดเดินแล้วคว้าตัวนางเข้ามากอด





“จูบไปแล้วตั้งสองครั้งยังไม่รู้อีกหรือว่าข้าคิดอย่างไร   อย่าบอกนะ.. ว่าเจ้าเข้าใจว่านั่นเป็นแค่งาน


ต้องให้ข้าย้ำอีกครั้งหรือไม่..” เมื่อเห็นสาวน้อยในอ้อมแขนตกตะลึงจนหน้าแดงก่ำทำอะไรไม่ถูกโทชิโซก็ซ้ำเติมอย่างไม่ปรานี










“ไม่ได้เรื่องเอาเสียเลย...  เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วไม่ว่าเจ้าจะรับหรือไม่รับปาก   กลับไปข้าก็จะเคี่ยวกรำเจ้าให้หนักเลยเชียว”



“ข้า เคยบอกแล้วใช่มั้ย..   ว่าถึงยังไงก็จะไม่ยอมปล่อยเจ้าไปแต่งงานกับใครที่ไหน   ดังนั้นเตรียมใจไว้ให้ดีแล้วอย่าได้คิดหนีเป็นอันขาด” 








~End~    





.........................................





next:  4th memory with Kazama Chikage






2 ความคิดเห็น:

  1. โอโฮะ น่าร้ากกกกกกกกกกกกกกก
    อ้ะจ้าย น่ารักอ่ะ
    ไม่มีนิยามอื่นค่ะพี่น้อง

    ฮิจิคาตะขา น่ารักไปไหน

    ถ้ายังอยากได้คำติชม
    อันนี้คงต้องบอกว่า หาที่ ติ ไม่เจอนะค่ะ
    รู้อย่างเดียว น่ารักมาก ป๋าสุดยอด
    นึกถึงหน้าตาตอนนั่งเทศน์ออกกันเลยทีเดียว
    สรุป
    น่ารักค่ะ

    #4 By Yushi_Res on 2011-10-07 19:40
    ------------------------------------------



    ดีใจที่ชอบค่ะ^ ^

    สำหรับเรื่องนี้ มีความลำบากใจตอนที่เเต่งคือคาเเรคเตอร์ของโทชินี่ล่ะ ท่านรองในเวลาปกติจะเป็นคนที่ค่อนข้างเข้มงวดโดยเฉพาะถ้่าเป็นเรื่องงานด้วย เเล้ว

    จะทำยังไงให้ท่านรองหวานกับนางเอกได้โดยที่ไม่ทำให้หลุดคาเเรคเตอร์เป็นเรื่องที่มูนดรอปนั่งคิดนอนคิด เเล้วสุดท้ายก็ออกมาเป็นเเบบนี้


    ปล.. สำหรับเรื่องต่อไปจะเป็นคราวของหนุ่มยักษ์ คาซามะค่ะ

    ถ้าสนใจก็ติดตามได้นะคะ

    ปล2. ขอบคุณสำหรับคำติชมค่ะ เเละยังคงต้องการเสมอเพื่อที่จะได้นำมาปรับปรุงการเขียนให้ดีขึ้นค่ะ

    #5 By ~Moondrop~ on 2011-10-07 21:28
    ---------------------------------------------------



    ในที่สุดก็ล็อกอินเม้นต์เเล้ว เฮ!! อ้่าว ดีใจผิดเรื่อง

    ในที่สุดก็มาถึงตอนของท่าน ฮิจิคาตะเเล้ว เฮ!!!!!!!

    > < อ่านเเล้วชอบมากเลยค่ะ ให้ความรู้สึกที่อบอุ่นสมเป็นฮิจิคาตะซัง เเต่ก็ยังมีมาดของท่านรองอยู่ ชอบตรงนี้ที่สุด!!

    “ไม่ได้เรื่องเอาเสียเลย... เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วไม่ว่าเจ้าจะรับหรือไม่รับปาก กลับไปข้าก็จะเคี่ยวกรำเจ้าให้หนักเลยเชียว”

    อ่านเเล้วอยากเห็นฉากกลับไปจริงๆ

    เป็นฟิคที่อ่านไปยิ้มไป กรี๊ดๆ งี๊ดๆอยู่คนเดียว เพราะอิจฉาจิสึรึจัง ฮ่าา

    ยังไงก็ยังพูดได้เหมือนเดิมค่ะว่าภาษาสวยมากกก
    บรรยายได้เห็นภาพจริงๆค่ะ ทั้งฉากฮิจิคาตะซังบนหลังม้า เเละ ฉากฆ่าฟันเลือดสาด

    ยังไงก็ยังติดตามต่อไปนะคะ

    ปล. รอลุ้นตอนของคาซามะซังค่ะ
    ปลล. ถ้าเป็นฟิคยาวก็คงจะดีสินะคะ (เเหะๆ)
    ปลลล. เป็นกำลังใจให้ค่ะ สู้ๆนะคะ >0<

    #6 By ~[H]saina chan~ on 2011-10-09 00:34
    -----------------------------------------------




    ขอบคุณค่ะ

    ในจำนวน3เรื่องที่เขียนไปเเล้ว เรื่องที่2ของไซโต ฮาจิเมะเป็นอะไรที่เขียนยากที่สุดเลย ไม่รู้ว่าจะเป็นเพราะการดำเนินเรื่องที่ข้ามไปข้ามมา หรือเพราะบุคคลิคของฮาจิเมะเองก็ไม่รู้

    ตอนของฮิจิคาตะเองนี้ก็มีติดๆขัดๆตอนที่เขียนอยู่บ้าง เพราะบางทีเราก็นึกไม่ออกซะงั้น เข้าทำนองหีวทึบเลย *0*

    ส่วนเนื้อเรื่องของคาซามะ อาจจะมีโทนสีที่เปลี่ยนไปจาก3เรื่องเเรกเล็กน้อยค่ะ ตั้งใจว่างั้นนะเเต่จะทำได้รึเปล่าไม่รู้ เเละคงจะมีความยาวสูสีกันกับเรื่องที่ผ่านๆมาค่ะ เพราะตั้งใจจะเเต่งให้อยู่ในซีรีย์เดียวกัน เลยไม่อยากให้โดดจากกันมากนัก

    ปล.. ดีใจที่คนอ่านเห็นภาพจากการใส่บทบรรยายค่ะ จะพยายามทำให้ได้อย่างนี้ในตอนหน้าด้วยนะคะ ^ ^

    #7 By ~Moondrop~ on 2011-10-09 08:35

    ตอบลบ
  2. สวัสดีค่ะ คุณ MoonDrop
    ไม่ได้แวะเวียนมาบลอคคุณเสียนาน แต่เข้ามาเจอท่านรองทีนี่แดมเมจเกือบตายเลยค่ะ

    ฟิคน่ารักเหลือหลายค่ะ จะจิซึรุ เฮสึเกะคุงที่โผล่แพลม ๆ ออกมานิดหน่อย หรือท่านรองที่คงคาแรคเตอร์ไว้ครบถ้วนแต่ก็น่ารักจนหุบยิ้มไม่ลง... แต่รู้สึกว่าช่วงครึ่งหลังเรื่องเดินเร็วไปนิดนะคะ แบบว่า เพิ่งเดินทางมาถึงได้ไม่ทันไรก็ถูกตามเจอเสียแล้ว จิซึรุคงเหนื่อยแย่
    แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังเป็นฟิคที่อ่านเพลินมากนะคะ
    ภาษาคุณ MoonDrop สวยไม่เปลี่ยนเลย

    ยังไงก็ขอติดตามซีรีส์นี้ด้วยคนค่ะ ^^

    ปล. อ่านจบแล้วอยากกอดท่านรองเลยค่ะ หุหุหุ

    #8 By CeruleanBrine (110.169.229.32) on 2011-10-10 01:24
    -----------------------------------------------



    รับทราบค่ะ ส่วนตัวก็คิดอยู่เหมือนกันว่ามันออกจะเร็วไป เเต่ก็มีความรู้สึกเหมือนกับหน้ากระดาษมีจำกัดอะไรทำนองนั้นเลย

    เพราะมูนดรอปตีกรอบตัวเองกับฟิคชุดนี้เอาไว้ว่าจะพยายามให้ออกมาใกล้ เคียงกัน ทั้งโทน ขนาด ความยาว เพื่อให้ดูกลมกลืนสมกับที่เป็นฟิคอยู่ในซีรีย์เดียวกัน เเต่ไม่ได้หมายความว่าเขียนเเล้วจะออกมาอารมณ์เดียวกันทุกเรื่องนะคะ

    ดังนั้นตอนของท่านรองนี่ ก็เลยไปไวหน่อยคือถูกพบตัวเร็วอย่างที่ว่าเพราะไม่อยากจะให้ยาวกว่านี้ อีกอย่างจุดที่เราโฟกัสคือเรื่องความเข้ากันได้ของทั้งพระนาง ก็เลยไปใช้เวลากับตรงนั้นมากหน่อย

    ร่ายซะยาวยืดขนาดนี้ จริงๆเเล้วก็คือว่าจะพยายามเเก้ไขให้มันเนียนกว่านี้ในคราวหน้าค่ะ ขอบคุณที่เเวะมาเยี่ยมกันเเล้วติชมให้นะคะ ยินดีต้อนรับเสมอค่ะ

    #9 By ~Moondrop~ on 2011-10-10 10:59
    --------------------------------------------



    นานมาแล้วที่ไม่ได้อ่านคู่นอมอล

    อร้าย ยยย ><!
    ชอบค่ะ!
    ฮิจิคาตะน่ารักมาก (แต่จะน่ารักกว่านี้ถ้าเมะให้ไซโต้ซังนะคะ)
    อ่า .... เพิ่งจะเจอเลยนะเนี่ย
    รออ่านต่อไปนะคะ ^^/

    #10 By ][ZuiZen-:-Mukuyo][ on 2012-02-19 22:30
    ---------------------------------------------



    ขอบคุณที่เเวะมาเยี่ยมค่ะ

    ที่จริงก็เห็นกระเเสวายของเรื่องนี้ในบ้านเราอยู่เหมือนกัน เเต่มูนตั้งใจไว้ว่าเรื่องนี้คงจะไม่เขียนให้วายค่ะ เลยออกมาเป็นนอร์มอลทุกเรื่อง มีคนอ่านก็ดีใจเเล้ว

    ยินดีรับคำติชมนะคะ

    #11 By ~Moondrop~ on 2012-02-20 12:43
    --------------------------------------------



    กรี๊ดดดด เรื่องนี้จะวายหรือไม่วายไม่สนแล้ว...

    ท่านรองสุดยอด!! =[]=!!!!

    #12 By ♪ ๐PoupeE๐ ♪ on 2012-03-11 17:31
    ------------------------------------------------



    ขอบคุณค่ะ ^ ^

    เนื้อเรื่องของท่านรองนี่ ดูจะได้คอมเม้นเยอะสุดนะ เป็นตัววัดความนิยมอย่างดีเลยล่ะ

    ปล.. มีใครอยากเป็นจิสึรุบ้าง

    #13 By ~Moondrop~ on 2012-03-12 22:13




    Read more: http://moon-drop.exteen.com/#axzz21PmdgQb0 http://moon-drop.exteen.com/20111007/hakuouki-fic-one-side-of-memories-3rd-memory-with-hijikata-t#ixzz225nXKqZk
    Under Creative Commons License: Attribution

    ตอบลบ