ไม่มีตำตอบจากปากหนุ่มน้อย..
ราวกับนาฬิกาได้หยุดเดินในวินาทีที่โซเซเผยโฉมหน้าอันแท้จริงออกมาให้ประจักษ์.. ชิเอล
แฟนธอมไฮฟ์ไม่เคยคาดคิดมาก่อน ว่ารูปลักษณ์ที่แท้จริงของสัปเหร่อสติไม่เต็มดีคนนี้จะงดงาม ..ไม่สิ..
คงน่าคลื่นไส้ชะมัดและเขายอมกัดลิ้นตัวเองตายดีกว่าที่จะยอมรับว่าบุรุษตรงหน้าตนงดงามล้ำเลิศ ในเมื่อคำๆนั้นเหมาะที่จะใช้กับสตรีมากกว่า ทว่าถึงแม้คนๆนี้จะมีใบหน้าที่ชวนมองปานใดก็ไม่ได้ส่งผลอะไรกับเขาแม้แต่น้อย ทว่านัยน์ตาที่ได้สบประสานกันนิ่งนั้นกลับส่งผลจนเกินคาด
ท่านเอิร์ลน้อยมิอาจละสายตา..
ไม่อาจเบือนหน้าหนีได้ยามเมื่ออยู่ต่อหน้าดวงตาสีเขียวอ่อนคู่นั้น นัยน์ตาคมทอประกายจ้าที่ตรึงเขาไว้มิให้ขยับดุจมือที่มองไม่เห็น
แม้เพียงแค่จะสูดหายใจแรงก็ยังทำไม่ได้ แต่ถึงแม้มันจะงดงามจนยากที่จะสะกดใจมิให้ตะลึงงันหากก็เปล่งประกายกร้าวออกมาในขณะเดียวกัน ราวกับดวงตาของนักล่ายามจับจ้องเหยื่อซึ่งถึงฆาต ทั้งรุ่มร้อนดั่งเพลิงกัลป์ที่แผดเผา และเย็นชาดุจภูผาน้ำแข็งไร้ซึ่งวันละลาย เพียงแค่ถูกจ้องมองก็ถึงกับทำให้หนาวสะท้านจนถึงกระดูก
หัวใจกระตุกสั่นไม่เป็นจังหวะ ร่างน้อยในชุดราตรีสีขาวฟูฟ่องจึงทำได้เพียงขบฟันแน่นอย่างมิอาจตอบโต้
ไม่มีโอกาสแม้แต่จะดิ้นรนให้หลุดพ้นจากวงแขนที่โอบกอดตนอย่างเสียมารยาท
“..ปะ.. ปล่อยฉัน”
ทว่าในที่สุดชิเอลก็ตั้งสติได้
เด็กหนุ่มขืนกายออกจากการเกาะกุมด้วยท่าทีเย็นชาพอกัน ทว่านั่นกลับเรียกรอยยิ้มและแววยอมรับนับถือให้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าองค์รักษ์หนุ่ม
“คุณเป็นมนุษย์คนแรกที่ได้สติไวขนาดนี้” แทนที่จะปล่อยมือ พ่อบ้านจำเป็นกลับส่งเสียงหัวเราะขึ้นจมูกอย่างสนุกถูกใจพร้อมกับรัดวงแขนแน่นขึ้น
..ท่านเอิร์ล..
คุณนี่เป็นมนุษย์ที่น่าสนใจจริงๆนะครับ
ชักจะน่าสนใจเกินไปแล้ว
เพราะอย่างนี้สินะ ปีศาจตนนั้นจึงได้หวงนักหวงหนา...
“นายหมายความว่ายังไง”
“ในโลกนี้มีอยู่ไม่กี่คนหรอก..
ที่สบตากับผมโดยตรงแล้วจะยังยืนอยู่ได้โดยไม่รู้สึกอะไร” โซเซเอ่ยเสียงเบา
“ดวงตาของผมจะช่วงชิงหัวใจของใครก็ตามที่สบตาด้วย ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิงเมื่อถูกจ้องมองลมหายใจจะเสมือนถูกปลิดปลง
นี่จึงเป็นเหตุผลที่โซเซปิดบังดวงตาเอาไว้ตลอดเวลา เพราะถึงแม้ว่าจะไม่ทำให้ถึงตายแต่ก็คงมีสภาพไม่ต่างกันนัก อีกอย่างภาชนะกลวงๆที่ปราศจากหัวใจน่ะมันน่าเบื่อเกินไป”
“นายนี่พูดจาได้น่าคลื่นไส้ชะมัด” ท่านเอิร์ลน้อยทำท่าขนลุกด้วยความสยอง ขณะที่ยังคงแกะวงแขนอีกฝ่ายออกจากรอบเอว
“ทีนี้จะปล่อยฉันได้รึยัง
ไม่ทำเสียเรื่องอีกแล้วน่า”
โซเซยิ้มให้กับน้ำเสียงสำนึกผิดตรงประโยคสุดท้ายพร้อมกับคลายอ้อมแขนแต่โดยดี
แต่แล้วก็เป็นดังคาด..
ยังไม่ทันไรขุนนางตัวน้อยก็มีอันต้องเข่าอ่อนลงไปพับเพียบเรียบร้อยอยู่กับพื้น เพราะถึงแม้รสจูบเมื่อครู่จะช่วยให้ชิเอลสร่างเมาไปมาก ทว่าฤทธิ์แอลกอลฮอล์ในร่างกายเล็กๆนั้นก็ยังมิได้มลายหายไป ร้อนถึงพ่อบ้านหนุ่มที่ต้องก้มลงรวบตัวอีกฝ่ายเข้าสู่วงแขนเป็นรอบที่สอง
“อะ..”
“ดูเหมือนคืนนี้คุณหมดสภาพโดยสิ้นเชิงเสียแล้วนะครับ แล้วเรื่องภารกิจจะว่ายังไงล่ะ”
ผู้นำแห่งแฟนธอมไฮฟ์ทำทีเป็นกระแอมเพื่อกลบเกลื่อนความอับอายขายหน้า พร้อมกับเอ่ยเสียงเรียบ
“ด้วยสภาพอย่างนี้ฉันคงเข้าไปใกล้เจ้านั่นอีกไม่ไหวแน่ เราคงต้องถอนตัวก่อนแล้วค่อย..”
“ถ้างั้นขอให้ผมได้ทำหน้าที่แทนคุณก็แล้วกัน กำหนดการของเราจะยังไม่เปลี่ยนแปลง เพียงแต่..” โซเซเจตนาเสยผมด้านหน้าขึ้นแล้วก้มลงมองร่างเล็กในอ้อมแขนด้วยแววตาที่ส่งผลให้ชิเอลถึงกับสะดุ้งเฮือก
“ท่านเอิร์ลจะต้องเก็บเรื่องที่กำลังจะได้รู้เห็นต่อไปนี้ไว้เป็นความลับ และห้ามเล่าให้ใครฟังอีกทั้งนั้น แม้แต่คุณพ่อบ้านก็ไม่ได้ มิฉะนั้น..” ปลายนิ้วเรียวยาวขององค์รักษ์หนุ่มแตะปลายคางหนุ่มน้อยให้เงยหน้าขึ้น พร้อมด้วยนัยน์ตาคมวาวที่จับจ้องริมฝีปากหวานฉ่ำอย่างมาดหมาย
“ผมจะทำให้คุณสำนึกเสียใจไม่ทันเลยเชียว และจุมพิตเมื่อครู่นี้จะกลายเป็นของเด็กเล่นไปเลย”
“กะ.. แก กล้าดียังไงมาขู่ฉัน!! ปล่อย
..ปล่อยนะ!”
ทว่าโซเซกลับไม่สนใจขุนนางตัวน้อยที่กำลังโมโหฮึดฮัดอยู่ในอ้อมแขน พ่อบ้านผมสีเงินยืดกายขึ้นแล้วตะโกนก้อง
“โอลิเวอร์! ไอ้ตัวแสบ ออกมาได้แล้ว”
เด็กหนุ่มได้แต่เบิกตากว้างอย่างแปลกใจ ก่อนจะสอดส่ายสายตาไปทั่วระเบียงยาวที่มืดสลัว แต่เมื่อทุกอย่างยังคงเงียบเชียบ และที่สำคัญ.. คนที่โซเซเรียกหาอย่างสนิทสนมนั้นคือเซอร์โอลิเวอร์ ดัดเลย์
แฮสติ้ง
ผู้เป็นเจ้าของคฤหาสน์แห่งนี้ไม่ใช่หรือไง ความคิดนั้นทำให้ชิเอล แฟนธอมไฮฟ์ยิ่งเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น
“นายจะยอมออกมาเองดีๆหรือจะให้ฉันไปลากตัวออกมา หา!”
พ่อบ้านจำเป็นถามเสียงแข็งขึ้นกว่าเดิมอีกเล็กน้อยขณะที่ยังคงโอบกอดท่านเอิร์ลไว้ไม่ปล่อย
แต่แล้วชิเอลก็ต้องสะดุ้ง..
แล้วใจหายวาบด้วยความพรั่นพรึง เมื่อเสียงหัวเราะทุ้มนุ่มดังแผ่วๆมาจากปลายสุดของระเบียงอีกฟากหนึ่ง
..ที่ตรงนั้นมีคนยืนอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น