8/01/2555

Special Bodyguard 7



ไม่มีตำตอบจากปากหนุ่มน้อย..   ราวกับนาฬิกาได้หยุดเดินในวินาทีที่โซเซเผยโฉมหน้าอันแท้จริงออกมาให้ประจักษ์..   ชิเอล   แฟนธอมไฮฟ์ไม่เคยคาดคิดมาก่อน   ว่ารูปลักษณ์ที่แท้จริงของสัปเหร่อสติไม่เต็มดีคนนี้จะงดงาม  ..ไม่สิ..  คงน่าคลื่นไส้ชะมัดและเขายอมกัดลิ้นตัวเองตายดีกว่าที่จะยอมรับว่าบุรุษตรงหน้าตนงดงามล้ำเลิศ    ในเมื่อคำๆนั้นเหมาะที่จะใช้กับสตรีมากกว่า   ทว่าถึงแม้คนๆนี้จะมีใบหน้าที่ชวนมองปานใดก็ไม่ได้ส่งผลอะไรกับเขาแม้แต่น้อย   ทว่านัยน์ตาที่ได้สบประสานกันนิ่งนั้นกลับส่งผลจนเกินคาด

ท่านเอิร์ลน้อยมิอาจละสายตา..  ไม่อาจเบือนหน้าหนีได้ยามเมื่ออยู่ต่อหน้าดวงตาสีเขียวอ่อนคู่นั้น   นัยน์ตาคมทอประกายจ้าที่ตรึงเขาไว้มิให้ขยับดุจมือที่มองไม่เห็น   แม้เพียงแค่จะสูดหายใจแรงก็ยังทำไม่ได้   แต่ถึงแม้มันจะงดงามจนยากที่จะสะกดใจมิให้ตะลึงงันหากก็เปล่งประกายกร้าวออกมาในขณะเดียวกัน   ราวกับดวงตาของนักล่ายามจับจ้องเหยื่อซึ่งถึงฆาต    ทั้งรุ่มร้อนดั่งเพลิงกัลป์ที่แผดเผา   และเย็นชาดุจภูผาน้ำแข็งไร้ซึ่งวันละลาย   เพียงแค่ถูกจ้องมองก็ถึงกับทำให้หนาวสะท้านจนถึงกระดูก   หัวใจกระตุกสั่นไม่เป็นจังหวะ   ร่างน้อยในชุดราตรีสีขาวฟูฟ่องจึงทำได้เพียงขบฟันแน่นอย่างมิอาจตอบโต้   ไม่มีโอกาสแม้แต่จะดิ้นรนให้หลุดพ้นจากวงแขนที่โอบกอดตนอย่างเสียมารยาท


“..ปะ..  ปล่อยฉัน”  ทว่าในที่สุดชิเอลก็ตั้งสติได้   เด็กหนุ่มขืนกายออกจากการเกาะกุมด้วยท่าทีเย็นชาพอกัน   ทว่านั่นกลับเรียกรอยยิ้มและแววยอมรับนับถือให้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าองค์รักษ์หนุ่ม

“คุณเป็นมนุษย์คนแรกที่ได้สติไวขนาดนี้”  แทนที่จะปล่อยมือ   พ่อบ้านจำเป็นกลับส่งเสียงหัวเราะขึ้นจมูกอย่างสนุกถูกใจพร้อมกับรัดวงแขนแน่นขึ้น

..ท่านเอิร์ล..  คุณนี่เป็นมนุษย์ที่น่าสนใจจริงๆนะครับ
ชักจะน่าสนใจเกินไปแล้ว  

เพราะอย่างนี้สินะ   ปีศาจตนนั้นจึงได้หวงนักหวงหนา...


“นายหมายความว่ายังไง”

“ในโลกนี้มีอยู่ไม่กี่คนหรอก..  ที่สบตากับผมโดยตรงแล้วจะยังยืนอยู่ได้โดยไม่รู้สึกอะไร” โซเซเอ่ยเสียงเบา
  
“ดวงตาของผมจะช่วงชิงหัวใจของใครก็ตามที่สบตาด้วย   ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิงเมื่อถูกจ้องมองลมหายใจจะเสมือนถูกปลิดปลง 
นี่จึงเป็นเหตุผลที่โซเซปิดบังดวงตาเอาไว้ตลอดเวลา   เพราะถึงแม้ว่าจะไม่ทำให้ถึงตายแต่ก็คงมีสภาพไม่ต่างกันนัก    อีกอย่างภาชนะกลวงๆที่ปราศจากหัวใจน่ะมันน่าเบื่อเกินไป”  

“นายนี่พูดจาได้น่าคลื่นไส้ชะมัด” ท่านเอิร์ลน้อยทำท่าขนลุกด้วยความสยอง   ขณะที่ยังคงแกะวงแขนอีกฝ่ายออกจากรอบเอว

“ทีนี้จะปล่อยฉันได้รึยัง   ไม่ทำเสียเรื่องอีกแล้วน่า” 

โซเซยิ้มให้กับน้ำเสียงสำนึกผิดตรงประโยคสุดท้ายพร้อมกับคลายอ้อมแขนแต่โดยดี   แต่แล้วก็เป็นดังคาด..  ยังไม่ทันไรขุนนางตัวน้อยก็มีอันต้องเข่าอ่อนลงไปพับเพียบเรียบร้อยอยู่กับพื้น   เพราะถึงแม้รสจูบเมื่อครู่จะช่วยให้ชิเอลสร่างเมาไปมาก   ทว่าฤทธิ์แอลกอลฮอล์ในร่างกายเล็กๆนั้นก็ยังมิได้มลายหายไป   ร้อนถึงพ่อบ้านหนุ่มที่ต้องก้มลงรวบตัวอีกฝ่ายเข้าสู่วงแขนเป็นรอบที่สอง

“อะ..”

“ดูเหมือนคืนนี้คุณหมดสภาพโดยสิ้นเชิงเสียแล้วนะครับ   แล้วเรื่องภารกิจจะว่ายังไงล่ะ”  


ผู้นำแห่งแฟนธอมไฮฟ์ทำทีเป็นกระแอมเพื่อกลบเกลื่อนความอับอายขายหน้า   พร้อมกับเอ่ยเสียงเรียบ

“ด้วยสภาพอย่างนี้ฉันคงเข้าไปใกล้เจ้านั่นอีกไม่ไหวแน่   เราคงต้องถอนตัวก่อนแล้วค่อย..”

“ถ้างั้นขอให้ผมได้ทำหน้าที่แทนคุณก็แล้วกัน   กำหนดการของเราจะยังไม่เปลี่ยนแปลง  เพียงแต่..” โซเซเจตนาเสยผมด้านหน้าขึ้นแล้วก้มลงมองร่างเล็กในอ้อมแขนด้วยแววตาที่ส่งผลให้ชิเอลถึงกับสะดุ้งเฮือก  

“ท่านเอิร์ลจะต้องเก็บเรื่องที่กำลังจะได้รู้เห็นต่อไปนี้ไว้เป็นความลับ   และห้ามเล่าให้ใครฟังอีกทั้งนั้น   แม้แต่คุณพ่อบ้านก็ไม่ได้   มิฉะนั้น..” ปลายนิ้วเรียวยาวขององค์รักษ์หนุ่มแตะปลายคางหนุ่มน้อยให้เงยหน้าขึ้น   พร้อมด้วยนัยน์ตาคมวาวที่จับจ้องริมฝีปากหวานฉ่ำอย่างมาดหมาย

“ผมจะทำให้คุณสำนึกเสียใจไม่ทันเลยเชียว    และจุมพิตเมื่อครู่นี้จะกลายเป็นของเด็กเล่นไปเลย”

 “กะ.. แก    กล้าดียังไงมาขู่ฉัน!!  ปล่อย  ..ปล่อยนะ!


ทว่าโซเซกลับไม่สนใจขุนนางตัวน้อยที่กำลังโมโหฮึดฮัดอยู่ในอ้อมแขน   พ่อบ้านผมสีเงินยืดกายขึ้นแล้วตะโกนก้อง


“โอลิเวอร์!  ไอ้ตัวแสบ   ออกมาได้แล้ว”

เด็กหนุ่มได้แต่เบิกตากว้างอย่างแปลกใจ   ก่อนจะสอดส่ายสายตาไปทั่วระเบียงยาวที่มืดสลัว   แต่เมื่อทุกอย่างยังคงเงียบเชียบ   และที่สำคัญ..  คนที่โซเซเรียกหาอย่างสนิทสนมนั้นคือเซอร์โอลิเวอร์   ดัดเลย์  แฮสติ้ง   ผู้เป็นเจ้าของคฤหาสน์แห่งนี้ไม่ใช่หรือไง   ความคิดนั้นทำให้ชิเอล  แฟนธอมไฮฟ์ยิ่งเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น

“นายจะยอมออกมาเองดีๆหรือจะให้ฉันไปลากตัวออกมา   หา!”  

พ่อบ้านจำเป็นถามเสียงแข็งขึ้นกว่าเดิมอีกเล็กน้อยขณะที่ยังคงโอบกอดท่านเอิร์ลไว้ไม่ปล่อย   แต่แล้วชิเอลก็ต้องสะดุ้ง..  แล้วใจหายวาบด้วยความพรั่นพรึง    เมื่อเสียงหัวเราะทุ้มนุ่มดังแผ่วๆมาจากปลายสุดของระเบียงอีกฟากหนึ่ง  

..ที่ตรงนั้นมีคนยืนอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน...






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น