ชิเอลส่ายหัวดิก เมื่อไม่ว่าทางไหนก็หนีไม่พ้นการถูกทำให้เป็นตัวตลกเช่นนี้แล้ว.. จะให้ยอมง่ายๆก็คงใช่ที่ เจ้านายตัวน้อยตัดสินใจเบี่ยงกายหนีเงื้อมือพ่อบ้านเฉพาะกิจได้อย่างฉิวเฉียด ร่างเล็กบางผลักอกอีกฝ่ายเต็มแรงแล้วกระโจนข้ามเตียงนอนไปที่ประตูห้องที่เปิดอ้าอยู่อย่างแคล่วคล่องว่องไว ขณะที่สัปเหร่อยังคงยิ้มอย่างใจเย็นพลางกระดิกนิ้วชี้เบาๆครั้งหนึ่ง พริบตานั้นบานประตูไม้ขัดมันก็กระแทกปิดเต็มแรง แล้วหนทางหนีเพียงหนึ่งเดียวก็ถูกปิดกั้นไปโดยปริยาย
ทำให้เขาต้องหันกลับมาประจันหน้ากับองค์รักษ์จำเป็นพร้อมด้วยเสียงตวาดลั่น
“หยุดนะ นี่คือคำสั่ง!”
ทว่าโซเซกลับไม่สนใจน้ำเสียงห้วนสั้น พ่อบ้านหนุ่มมีเพียงเสียงหัวเราะแผ่วๆพร้อมกับเข้าถึงตัวหนุ่มน้อยได้อย่างไม่ยากเย็น
อุ้งมือใหญ่ยึดต้นแขนอีกฝ่ายไว้แน่นขณะที่อีกข้างปลดเปลื้องเสื้อคลุมตัวนอกออกจากร่าง ตามด้วยเสื้อเชิร์ตและเสื้อผ้าส่วนอื่นๆที่เหลือ
“ผมไม่ใช่คุณพ่อบ้านแสนดีคนที่ท่านเอิร์ลมีพันธะสัญญาด้วยนะครับ คำสั่งเช่นนั้นใช้กับผมไม่ได้หรอก”
น้ำเสียงแสดงความขบขันที่สูงๆต่ำๆสลับกันราวเสียงดนตรีนั้นยิ่งทำให้นายน้อยแห่งแฟนธอมไฮฟ์อารมณ์เสียมากขึ้น
ชิเอลกระชากกางเกงขึ้นมาคลุมสะโพกตนเองพลางปัดมือใหญ่ขาวซีดออกไปให้พ้นตัว
“อย่ามาแตะต้องฉัน! ไม่งั้นจะฆ่าให้ตาย!!”
ครั้งนี้โซเซจำต้องยอมรามือเมื่อหนุ่มน้อยถึงกับล้วงปืนพกออกมาขู่พร้อมด้วยสีหน้าเครียดขมึงจริงจัง รอยยิ้มบนเรียวปากองค์รักษ์หนุ่มคลายลงบ้างเล็กน้อย เมื่อเห็นอยู่ว่าทั้งที่ตัวนิดเดียวแท้ๆหากท่านเอิร์ลน้อยผู้นี้ก็กลับพยศเอาการ.. น่าสนใจ
น่าสนใจจริงๆ ทว่าดูท่าทางเขาคงต้องเพลาๆการยั่วโมโหอีกฝ่ายลงสักหน่อยแล้ว
ถึงแม้ว่าอาวุธที่มนุษย์ทำขึ้นจะแทบไม่ระคายผิวสิ่งมีชีวิตอย่างเขา
แต่ก็ยังไม่อยากจะถูกเกลียดขี้หน้าตั้งแต่วันแรกที่อยู่ด้วยกันเช่นนี้หรอก
“เอาละ..
ไม่ใส่ก็ไม่ใส่” โซเซถอนหายใจพลางยกมือขึ้นยอมแพ้
“เพราะถึงยังไงผมก็ไม่เคยเห็นดีเห็นงามกับการที่คุณยอมสวมปลอกคอเพื่อราชินีอยู่แล้ว”
มีเสียงดีดนิ้วดังขึ้นครั้งหนึ่ง
แล้วประตูห้องก็เปิดออก “เพียงแต่ผมอดขันไม่ได้ที่สุนัขเฝ้ายามตัวเล็กๆตัวนี้เคยทำเรื่องห้าวหาญมาแล้วมากมาย”
พ่อบ้านจำเป็นแสร้งถอนหายใจแล้วถอยหลังไป
“คมเขี้ยวเล็กๆในปากท่านเอิร์ลน่ะเคยลิ้มรสเลือดตามคำสั่งมากี่รายแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็กลับกลัวกระโปรงแค่ตัวเดียว”
น้ำเสียงกึ่งขันกึ่งเยาะเย้ยส่งผลให้ชิเอลยิ่งโมโห
“นายว่าไงนะ!” หนุ่มน้อยเริ่มรู้สึกถึงโทสะซึ่งแล่นขึ้นมาเป็นริ้วๆเมื่อถูกสบประมาท
“หรือว่าโซเซพูดอะไรผิดไป”
รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นบนใบหน้าขาวจัดอีกรอบ
“อันที่จริงท่านเอิร์ลไม่จำเป็นต้องแสดงความจงรักภัคดีต่อเธอคนนั้นจนถึงขนาดยอมลดศักดิ์ศรีของตนเองเลย มันไม่คุ้มกันหรอก ดังนั้นผมว่า..”
“ตระกูลเราถวายความจงรักภัคดีด้วยการรับหน้าที่นี้สืบต่อกันมาหลายรุ่นแล้ว
ถ้าเพื่อเธอผู้นั้นแล้วแค่กระโปรงตัวรึสองตัว.. มันจะอะไรนักหนา”
สุดท้ายท่านเอิร์ลแห่งแฟนธอมไฮฟ์ก็ติดกับเข้าอย่างจัง ด้วยถึงแม้จะวางมาดเป็นผู้นำตระกูลสักเพียงใดแต่ก็ยังคงเป็นเด็กวัยเพียงสิบสามปีเท่านั้น และนั่นก็ส่งผลให้นัยน์ตาคมที่ซ่อนอยู่หลังปอยผมสีเงินทอประกายวาวขึ้น
แต่กระนั้นโซเซก็ยังคงทำทีเป็นส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วย พร้อมกับก้มตัวลงรวบชุดประโปรงที่วางพาดอยู่ที่ปลายเตียงขึ้นมาม้วนเป็นก้อนกลมๆในวงแขนแล้วเตรียมจะเดินออกไปจากห้อง
“เดี๋ยว!!”
“แล้วท่านเอิร์ลจะยอมลดตัวมาสวมกระโปรงนี่เพื่อเธอจริงๆน่ะหรือ ยอมทิ้งศักดิ์ศรีได้ถึงเพียงนี้ ช่างสมเป็นสุนัขรับใช้ที่ซื่อสัตย์จริงๆ”
ในสภาพที่ยังหันหลังให้กับคนที่กำลังโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง รอยยิ้มบนเรียวปากพ่อบ้านหนุ่มดูจะกว้างขึ้น เมื่อเห็นได้ชัดว่าท่านเอิร์ลน้อยตกหลุมพรางในที่สุด
“เอามาเถอะน่า!”
................................................
“เอาล่ะ
ถ้าเช่นนั้นผมก็จะดำเนินรอยตามสถานะที่คุณพ่อบ้านเคยเป็น
เมื่ออยู่ต่อหน้าแขกเหรื่อผมคือคุณครูส่วนตัวของคุณ
ตกลงตามนั้นนะครับ.. มายเลดี้”
หลังจากที่ต้องทำใจสวมชุดกระโปรงขาวยาวฟูฟ่อง ชิเอล
แฟนธอมไฮฟ์ก็อยู่ในสภาพซึ่งใกล้เคียงกับระเบิดเวลา ขณะที่องค์รักษ์หนุ่มผมสีเงินก็ดูจะขยันจุดชนวนเสียจริง ท่านเอิร์ลน้อยทำเป็นไม่สนใจด้วยการเสมองออกไปนอกหน้าต่างรถม้า ถึงแม้บรรยากาศสลัวยามเย็นกับอาการโคลงน้อยๆยามที่รถวิ่งพอจะทำให้โทสะคลายลงบ้าง แต่น่าโมโหนัก.. เจ้าสัปเหร่อนี่จงใจกลั่นแกล้งเขาแน่ๆ
ชิเอลรู้สึกว่าภายใต้ท่าทีสุภาพเรียบร้อยไม่มีที่ตินั้นได้ซุกซ่อนความความร้ายกาจเอาไว้อย่างมิดชิดทีเดียว เมื่อครู่ตอนที่ช่วยเขาแต่งตัวก็เช่นกัน ..ที่เจ้านี่สะกดกลั้นความขบขันเอาไว้ได้อย่างแนบเนียน ฝากไว้ก่อนเถอะ ถ้าหากไม่ติดว่าเขายังต้องใช้ประโยชน์จากโซเซในฐานะองค์รักษ์แล้วล่ะก็ เห็นทีคงอดใจไม่ไหวถีบหน้าเจ้าหมอนี่กระเด็นตกรถไปนานแล้ว และนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเวลานี้เขาจึงไม่อยากหันกลับไปมองอีกฝ่ายบ่อยนัก
“มายเลดี้..”
...ฮึ่ม..
จะกวนใจอะไรนักหนานะ..
แล้วยังคำเรียกหาที่ระคายหูนั่นอีก..
มายเลดี้ มายเลดี้
ฝากไว้ก่อนเถอะเจ้าบ้า...
“นายไม่มีหัวคิดเองรึไง!”
ท่าทางหงุดหงิดจนออกนอกหน้าของท่านเอิร์ลน้อยส่งผลให้พ่อบ้านจำเป็นอดยิ้มขันไม่ได้
ทั้งๆที่คิดว่าตนเองประเมินอุปนิสัยประมุขแห่งแฟนธอมไฮฟ์มาดีพอแล้ว ทว่าเมื่อได้เห็นยามที่สูญเสียการควบคุมตนเองเช่นนี้แล้วก็ให้รู้สึกว่าน่าสนใจนัก จริงๆแล้วตั้งแต่รู้จักกันมาเด็กคนนี้ทำให้เขาประหลาดใจมาหลายต่อหลายครั้งแล้ว และนั่นก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้โซเซยอมตกปากรับคำเซบาสเตียน
ทำหน้าที่คุ้มครองความปลอดภัยให้กับเจ้านายที่แสนสำคัญยิ่งของปีศาจตนนั้น เขาสนใจอยากรู้นัก..
ว่าเพราะอะไรมนุษย์คนหนึ่งจึงได้ดึงดูดความสนใจของปีศาจได้ถึงเพียงนี้ ความขุ่นเคืองของอีกฝ่ายทำให้สัปเหร่อหัวเราะออกมาเบาๆ
“ถ้าเช่นนั้นเป็นคู่รักจะดีกว่าไหมครับ ผมจะได้ติดตามคุณไปทุกที่เสมือนเงาตามตัว”
นั่นปะไร..
เขาสาบานได้ว่าเห็นเปลวไฟพวยพุ่งออกมาจากนัยน์ตาสีน้ำเงินกลมโตของหนุ่มน้อยที่นั่งอยู่บนเบาะตรงข้ามเลยเชียว หลังจากสารพัดการกระทำตั้งแต่ช่วงเย็นที่ดั่งจะยั่วโมโหเด็กหนุ่มแล้ว โซเซก็มิได้ถือสาท่าทางที่เหมือนอยากจะกินเลือดกินเนื้อของท่านเอิร์ลน้อยสักเท่าไหร่ เมื่อเวลานี้ชิเอล
แฟนธอมไฮฟ์ซ่อนเรือนร่างเพรียวบางไว้ภายใต้อาภรณ์ขาวพิสุทธิ์แบบสตรีที่เปิดเผยผิวกายชวนมองให้ยากจะละสายตา เขาคำนวณไว้ไม่พลาดจริงๆ
..ด้วยสภาพเช่นนี้คงยากที่จะมีบุรุษคนใดกล้าปฏิเสธ หากสาวน้อยนางนี้จะเข้าไปปฏิสัมพันธ์ด้วย
“คืนนี้คุณดูดีมาก..
โซเซเชื่อว่าเป้าหมายของท่านเอิร์ลคงอยู่ไม่ไกลแล้ว ถ้าเพียงแต่คุณจะเลิกทำหน้าแบบนั้นนะครับ”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น