ความตึงเครียดที่เกิดขึ้นจากการเผชิญหน้ากันของบุรุษทั้งสองก่อให้เกิดความเงียบงันที่น่าตกใจ นาทีนั้น แม้แต่สายลมก็ยังเงียบหาย และบทเพลงของแมงมุมที่ขับขานคลอไปกับเสียงน้ำหยดกลับกลายเป็นอดีตไปแล้ว
เมื่อเวลานี้พ่อบ้านปีศาจทั้งสองต่างก็จ้องตากันนิ่ง
ฝ่ายหนึ่งกำลังต่อสู้กับความรู้สึกที่อยากจะตรงเข้าไปกระชากคอหอยแล้วฉีกคู่ต่อสู้ออกเป็นชิ้นๆฐานบังอาจแตะต้องสมบัติล้ำค่าให้มัวหมอง ขณะที่อีกฝ่ายยังคงแสดงท่าทีไม่ยี่หระ ทั้งสีหน้าและประกายตานั้นระริกไหวดั่งจะถามพ่อบ้านอีกคนอย่างลองดีว่า ..แล้วจะทำไม..
ไม่จำเป็นต้องอาศัยคำพูดใดๆ
เมื่อเพลิงพิโรจน์ที่ลุกเรืองอยู่ในแววตาของทั้งคู่บ่งบอกเจตนาชัดแจ้งอยู่แล้ว คลอท
ฟอลทัสยังคงตั้งใจยั่วโมโหต่อไปด้วยการกระชับวงแขนแน่นขึ้นแล้วกอดชิเอลไว้แนบอก
ด้วยรู้ดีว่าเซบาสเตียนจะมิกล้าลงมือด้วยเกรงว่านายน้อยคนสำคัญจะได้รับบาดเจ็บไปด้วย และมันได้ผลเกินคาด.. ภาพเจ้านายตัวน้อยซึ่งนอนระทดระทวยอยู่ในอ้อมแขนปีศาจตนอื่นส่งผลให้พ่อบ้านแห่งแฟนธอมไฮฟ์ระเบิดกระไอปีศาจเย็นเยือกออกมาโดยไม่รู้ตัว
เบื้องหลังร่างสูงโปร่งที่ยังคงรักษาอาการสงบนิ่งอยู่นั้นปรากฏเงาอสูรกายดำมืดที่กำลังสยายปีกออกช้าๆ พร้อมด้วยรังสีอาฆาตมาดร้ายคละคลุ้งรุนแรง นัยน์ตาแดงก่ำยิ่งโชนแสงจ้าอย่างไม่พอใจมากขึ้น เมื่อพ่อบ้านอีกคนหนึ่งเจตนายกหลังมือเรียวเล็กขึ้นจูบเย้ยต่อหน้าต่อตา
“จะจงใจยั่วโมโหผมไปถึงไหน
ปล่อยมือจากนายน้อยของผมได้แล้ว”
..1..
เซบาสเตียน
มิคาเอลลิสออกคำสั่งเสียงแข็ง
พร้อมทั้งขยับเข้าไปอีกก้าวแล้วเริ่มนับหนึ่งถึงสิบในใจ
..2...
..3...
คลอทก้มลงมองใบหน้ายามหลับของเด็กหนุ่มในอ้อมแขนอีกครั้ง
ก่อนจะประคองร่างชิเอลให้ลงนอนราบกับพื้นแล้วขยับกรอบแว่นตาบนหน้าตนเองให้เข้าที่ จากนั้นจึงยันกายลุกขึ้นพร้อมด้วยประกายตาที่เปลี่ยนเป็นสีทับทิมลุกโชน ทั้งคู่ยืนประจันหน้ากันในระยะกระชั้นชิด
..6...
“จะไม่ขอบคุณกันสักนิดเลยหรือครับ
เป็นเพราะผมนะ
..นายน้อยถึงไม่ได้รับอันตราย”
..8...
“ต้องขอบคุณแน่นอนครับ
..รับรองว่าอย่างถึงใจด้วย”
..10!...
ปัง!!
หมดเวลาสำหรับการเล่นเกมส์ไร้สาระ... เซบาสเตียน
ปล่อยหมัดขวาลั่นเข้าสู่ปลายคางอีกฝ่ายอย่างชนิดสายฟ้าแลบพร้อมกับสำทับเสียงกร้าว
“ผมไม่มีวันยกนายน้อยให้คุณ”
แรงกระแทกจากกำปั้นที่ปราศจากถุงมือส่งผลให้พ่อบ้านอีกคนหนึ่งถึงกับซวนเซหงายหลัง แว่นตาอันสำคัญกระเด็นหายไปในความมืด
และคงจะสิ้นฤทธิ์ภายในหมัดเดียวอย่างแน่นอนหากว่าเป็นมนุษย์ธรรมดา ทว่ามันแทบมิได้ส่งผลอะไรกับคลอท ฟอลทัสนอกจากทำให้รู้สึกเจ็บๆคันๆเท่านั้น
“ผมก็เช่นกัน”
พ่อบ้านแทรนชี่ตีลังกาถอยหลังไปหลายตลบแล้วสะบัดอาวุธประจำโต๊ะอาหารเข้าใส่เป็นการตอบโต้ ขณะที่เซบาสเตียนเบี่ยงกายหลบประกายสีทองคมกริบที่พุ่งเข้าหาได้อย่างฉิวเฉียดแล้วกระโจนเข้าหาอีกฝ่ายพร้อมด้วยอาวุธวาววับในมือ
..แกร็ก!!..
มีดส้อมสีเงินและทองปะทะกันที่กลางอากาศเต็มแรง ปีศาจหนุ่มทั้งสองสบตากันนิ่ง นัยน์ตาแดงก่ำไม่มีแววล้อเล่นอีกต่อไป ต่างคนต่างขบกรามแน่นแล้วรีดเค้นเรี่ยวแรงที่มีเข้าห้ำหั่นกันและกัน ด้วยความที่เป็นปีศาจระดับเดียวกัน
ทั้งคู่จึงได้พบว่าพวกตนมีพละกำลังไม่ยิ่งหย่อนกว่ากันนัก ท่ามกลางบรรยากาศเย็นเยียบ..
เหงื่อหยดหนึ่งไหลลงมาตามร่องแก้มแล้วม้วนตัวลงสู่ปลายคาง
และเมื่อแขนข้างที่ประลองกำลังกันเริ่มสั่นระริก
ต่างฝ่ายต่างก็เเยกเขี้ยวแล้วสบถถ้อยคำหยาบคาย
ก่อนจำใจผละออกจากกันเพื่อตั้งหลักแล้วขว้างอาวุธเข้าใส่กันอีก
.....................................................
เสียงจากการต่อสู้ของพ่อบ้านทั้งสองปลุกให้ชิเอล แฟนธอมไฮฟ์รู้สึกตัวในที่สุด
เจ้านายตัวน้อยซึ่งกลับกลายเป็นต้นเหตุของการต่อสู้แย่งชิงระหว่างปีศาจทั้งสองค่อยๆลืมตาขึ้น ความมืดที่โอบล้อมอยู่รอบกายกับกลิ่นหอมที่ไม่คุ้นเคยซึ่งติดตรึงอยู่บนร่างทำให้หนุ่มน้อยรู้สึกมึนงง ..นี่ไม่ใช่กลิ่นน้ำหอมที่เซบาสเตียนชอบใช้.. ทว่าความสงสัยทั้งมวลต้องมลายไปในทันทีที่นึกออกว่าเกิดอะไรขึ้นกับตนเองก่อนหน้านี้ ชิเอลรีบกระเด้งตัวขึ้นนั่งอย่างตกใจ
..เซบาสเตียนอยู่ไหน...
เขาจำได้ว่าพ่อบ้านคนสนิทตามมาช่วยได้ทันเวลาก่อนที่จะถูกปีศาจกลุ่มนั้นรุมขย้ำ ทว่าที่นี่ที่ไหน.. เหตุใดเซบาสเตียนจึงทิ้งเขาไว้ตามลำพังเช่นนี้...
ร่างเล็กที่ยังคงอ่อนแรงจากการถูกเล่นงานค่อยๆคลานออกมาจากถ้ำ และยังต้องใช้เวลาในการปรับสายตาให้ชินกับแสงสว่างภายนอกอีกเป็นครู่
...เจ้าบ้านั่นทำอะไรอยู่นะ...
ชิเอลไม่สนใจอาการอ่อนเพลียของตนเองแล้วพาร่างกายหนักอึ้งฝืนเดินไปตามทางที่ได้ยินเสียง
เด็กหนุ่มกัดฟันแน่น เป็นเพราะเรี่ยวแรงยังไม่กลับคืนมา แต่ละย่างก้าวจึงลำบากยากเย็นนัก เขาอดใจหายไม่ได้เมื่อล้วงมือเข้าไปในอกเสื้อแล้วไม่พบปืนและนั่นทำให้ชิเอลยิ่งเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น เพราะเมื่อปราศจากอาวุธที่คุ้นเคยหนุ่มน้อยก็อดสงสัยมิได้ว่าความเป็นปีศาจของตนเองจะช่วยชีวิตในยามคับขันได้หรือไม่ ถึงแม้จะค่อนข้างเห็นชัดแล้วก็ตามว่ามันแทบไม่ต่างอะไรจากสมัยที่ยังเป็นมนุษย์เลย ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ยังจำเป็นต้องมีเซบาสเตียนเป็นที่พึ่ง ทว่าสำหรับเจ้านั่นคงรู้สึกเหมือนถูกโกงอยู่กระมัง แต่จะให้ทำอย่างไรได้.. ในเมื่อคนที่โกงมิใช่เขา
เขา.. ชิเอล แฟนธอมไฮฟ์ไม่เคยนึกอยากเป็นปีศาจสักหน่อย ยิ่งกว่านั้นเขาไม่เคยอยากจะมีชีวิตที่เป็นอมตะ กับชีวิตบัดซบสิบสามปีที่ผ่านมานั่นก็เต็มกลืนแล้ว ที่จริงแล้วเขาเองก็เป็นผู้เสียหายรายหนึ่งเช่นกัน เพราะการเป็นปีศาจทำให้เขาไม่อาจเป็นเหมือนที่เคยเป็น
อยู่เหมือนที่เคยอยู่ และจำต้องออกพเนจรเรื่อยๆอย่างไม่รู้ว่าหนทางข้างหน้าจะเป็นอย่างไร
ไม่รู้แม้กระทั่งว่าจะสิ้นสุดการเดินทางเมื่อไหร่
..และแบบไหน
ผู้นำน้อยแห่งแฟนธอมไฮฟ์หยุดพักหอบหายใจพลางคิดเรื่อยเปื่อย.. ถ้าหากคิดแบบเข้าข้างตัวเองมันอาจเป็นเรื่องดีก็ได้ที่พันธะสัญญาระหว่างเขากับพ่อบ้านปีศาจยังคงมีผลบังคับต่อไปตราบนานเท่านาน ทว่าในทางตรงกันข้ามก็น่าสงสารเจ้านั่นอยู่บ้างเหมือนกัน เพราะหลังจากที่เขาลืมตาขึ้นอีกครั้งในฐานะปีศาจเซบาสเตียนก็ดูเหมือนจะไม่เคยยิ้มอีกเลย ซึ่งชิเอลก็พอจะเข้าใจความรู้สึกของพ่อบ้านหนุ่ม ที่นอกจากจะอดอาหารค่ำแล้วยังได้ของแถมเป็นปลอกคอฝังเพชรพร้อมสายจูงเดินเล่นที่ไม่อาจถอดถอนได้ชั่วกัปกัลป์อีกต่างหาก
...หรือว่าเขาใจจะเร็วเกินไป ที่เผลอแสดงเจตจำนงให้หมอนั่นอยู่เคียงข้างเพื่อรับใช้ไปชั่วนิรันดร์ในฐานะพ่อบ้าน
บางทีเขาอาจควรปล่อยเซบาสเตียนให้เป็นอิสระมากกว่า...

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น