8/01/2555

Diabolic Obligation 7


ความตึงเครียดที่เกิดขึ้นจากการเผชิญหน้ากันของบุรุษทั้งสองก่อให้เกิดความเงียบงันที่น่าตกใจ   นาทีนั้น แม้แต่สายลมก็ยังเงียบหาย   และบทเพลงของแมงมุมที่ขับขานคลอไปกับเสียงน้ำหยดกลับกลายเป็นอดีตไปแล้ว    เมื่อเวลานี้พ่อบ้านปีศาจทั้งสองต่างก็จ้องตากันนิ่ง   ฝ่ายหนึ่งกำลังต่อสู้กับความรู้สึกที่อยากจะตรงเข้าไปกระชากคอหอยแล้วฉีกคู่ต่อสู้ออกเป็นชิ้นๆฐานบังอาจแตะต้องสมบัติล้ำค่าให้มัวหมอง    ขณะที่อีกฝ่ายยังคงแสดงท่าทีไม่ยี่หระ   ทั้งสีหน้าและประกายตานั้นระริกไหวดั่งจะถามพ่อบ้านอีกคนอย่างลองดีว่า  ..แล้วจะทำไม..  

ไม่จำเป็นต้องอาศัยคำพูดใดๆ   เมื่อเพลิงพิโรจน์ที่ลุกเรืองอยู่ในแววตาของทั้งคู่บ่งบอกเจตนาชัดแจ้งอยู่แล้ว   คลอท  ฟอลทัสยังคงตั้งใจยั่วโมโหต่อไปด้วยการกระชับวงแขนแน่นขึ้นแล้วกอดชิเอลไว้แนบอก   ด้วยรู้ดีว่าเซบาสเตียนจะมิกล้าลงมือด้วยเกรงว่านายน้อยคนสำคัญจะได้รับบาดเจ็บไปด้วย   และมันได้ผลเกินคาด..  ภาพเจ้านายตัวน้อยซึ่งนอนระทดระทวยอยู่ในอ้อมแขนปีศาจตนอื่นส่งผลให้พ่อบ้านแห่งแฟนธอมไฮฟ์ระเบิดกระไอปีศาจเย็นเยือกออกมาโดยไม่รู้ตัว    เบื้องหลังร่างสูงโปร่งที่ยังคงรักษาอาการสงบนิ่งอยู่นั้นปรากฏเงาอสูรกายดำมืดที่กำลังสยายปีกออกช้าๆ   พร้อมด้วยรังสีอาฆาตมาดร้ายคละคลุ้งรุนแรง    นัยน์ตาแดงก่ำยิ่งโชนแสงจ้าอย่างไม่พอใจมากขึ้น   เมื่อพ่อบ้านอีกคนหนึ่งเจตนายกหลังมือเรียวเล็กขึ้นจูบเย้ยต่อหน้าต่อตา

“จะจงใจยั่วโมโหผมไปถึงไหน   ปล่อยมือจากนายน้อยของผมได้แล้ว”

 
..1..

เซบาสเตียน  มิคาเอลลิสออกคำสั่งเสียงแข็ง   พร้อมทั้งขยับเข้าไปอีกก้าวแล้วเริ่มนับหนึ่งถึงสิบในใจ  


..2...

..3...


คลอทก้มลงมองใบหน้ายามหลับของเด็กหนุ่มในอ้อมแขนอีกครั้ง   ก่อนจะประคองร่างชิเอลให้ลงนอนราบกับพื้นแล้วขยับกรอบแว่นตาบนหน้าตนเองให้เข้าที่   จากนั้นจึงยันกายลุกขึ้นพร้อมด้วยประกายตาที่เปลี่ยนเป็นสีทับทิมลุกโชน   ทั้งคู่ยืนประจันหน้ากันในระยะกระชั้นชิด

..6...


“จะไม่ขอบคุณกันสักนิดเลยหรือครับ   เป็นเพราะผมนะ  ..นายน้อยถึงไม่ได้รับอันตราย”

..8...


“ต้องขอบคุณแน่นอนครับ   ..รับรองว่าอย่างถึงใจด้วย”


..10!...


ปัง!!

หมดเวลาสำหรับการเล่นเกมส์ไร้สาระ...   เซบาสเตียน  ปล่อยหมัดขวาลั่นเข้าสู่ปลายคางอีกฝ่ายอย่างชนิดสายฟ้าแลบพร้อมกับสำทับเสียงกร้าว 

“ผมไม่มีวันยกนายน้อยให้คุณ”

แรงกระแทกจากกำปั้นที่ปราศจากถุงมือส่งผลให้พ่อบ้านอีกคนหนึ่งถึงกับซวนเซหงายหลัง   แว่นตาอันสำคัญกระเด็นหายไปในความมืด   และคงจะสิ้นฤทธิ์ภายในหมัดเดียวอย่างแน่นอนหากว่าเป็นมนุษย์ธรรมดา   ทว่ามันแทบมิได้ส่งผลอะไรกับคลอท  ฟอลทัสนอกจากทำให้รู้สึกเจ็บๆคันๆเท่านั้น   

“ผมก็เช่นกัน”

พ่อบ้านแทรนชี่ตีลังกาถอยหลังไปหลายตลบแล้วสะบัดอาวุธประจำโต๊ะอาหารเข้าใส่เป็นการตอบโต้   ขณะที่เซบาสเตียนเบี่ยงกายหลบประกายสีทองคมกริบที่พุ่งเข้าหาได้อย่างฉิวเฉียดแล้วกระโจนเข้าหาอีกฝ่ายพร้อมด้วยอาวุธวาววับในมือ


..แกร็ก!!..

มีดส้อมสีเงินและทองปะทะกันที่กลางอากาศเต็มแรง   ปีศาจหนุ่มทั้งสองสบตากันนิ่ง   นัยน์ตาแดงก่ำไม่มีแววล้อเล่นอีกต่อไป   ต่างคนต่างขบกรามแน่นแล้วรีดเค้นเรี่ยวแรงที่มีเข้าห้ำหั่นกันและกัน    ด้วยความที่เป็นปีศาจระดับเดียวกัน  ทั้งคู่จึงได้พบว่าพวกตนมีพละกำลังไม่ยิ่งหย่อนกว่ากันนัก   ท่ามกลางบรรยากาศเย็นเยียบ..  เหงื่อหยดหนึ่งไหลลงมาตามร่องแก้มแล้วม้วนตัวลงสู่ปลายคาง   และเมื่อแขนข้างที่ประลองกำลังกันเริ่มสั่นระริก   ต่างฝ่ายต่างก็เเยกเขี้ยวแล้วสบถถ้อยคำหยาบคาย   ก่อนจำใจผละออกจากกันเพื่อตั้งหลักแล้วขว้างอาวุธเข้าใส่กันอีก  


.....................................................

เสียงจากการต่อสู้ของพ่อบ้านทั้งสองปลุกให้ชิเอล  แฟนธอมไฮฟ์รู้สึกตัวในที่สุด   เจ้านายตัวน้อยซึ่งกลับกลายเป็นต้นเหตุของการต่อสู้แย่งชิงระหว่างปีศาจทั้งสองค่อยๆลืมตาขึ้น   ความมืดที่โอบล้อมอยู่รอบกายกับกลิ่นหอมที่ไม่คุ้นเคยซึ่งติดตรึงอยู่บนร่างทำให้หนุ่มน้อยรู้สึกมึนงง  ..นี่ไม่ใช่กลิ่นน้ำหอมที่เซบาสเตียนชอบใช้..  ทว่าความสงสัยทั้งมวลต้องมลายไปในทันทีที่นึกออกว่าเกิดอะไรขึ้นกับตนเองก่อนหน้านี้    ชิเอลรีบกระเด้งตัวขึ้นนั่งอย่างตกใจ

..เซบาสเตียนอยู่ไหน...


เขาจำได้ว่าพ่อบ้านคนสนิทตามมาช่วยได้ทันเวลาก่อนที่จะถูกปีศาจกลุ่มนั้นรุมขย้ำ    ทว่าที่นี่ที่ไหน..  เหตุใดเซบาสเตียนจึงทิ้งเขาไว้ตามลำพังเช่นนี้...   ร่างเล็กที่ยังคงอ่อนแรงจากการถูกเล่นงานค่อยๆคลานออกมาจากถ้ำ   และยังต้องใช้เวลาในการปรับสายตาให้ชินกับแสงสว่างภายนอกอีกเป็นครู่   


...เจ้าบ้านั่นทำอะไรอยู่นะ...

ชิเอลไม่สนใจอาการอ่อนเพลียของตนเองแล้วพาร่างกายหนักอึ้งฝืนเดินไปตามทางที่ได้ยินเสียง   เด็กหนุ่มกัดฟันแน่น    เป็นเพราะเรี่ยวแรงยังไม่กลับคืนมา   แต่ละย่างก้าวจึงลำบากยากเย็นนัก    เขาอดใจหายไม่ได้เมื่อล้วงมือเข้าไปในอกเสื้อแล้วไม่พบปืนและนั่นทำให้ชิเอลยิ่งเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น    เพราะเมื่อปราศจากอาวุธที่คุ้นเคยหนุ่มน้อยก็อดสงสัยมิได้ว่าความเป็นปีศาจของตนเองจะช่วยชีวิตในยามคับขันได้หรือไม่   ถึงแม้จะค่อนข้างเห็นชัดแล้วก็ตามว่ามันแทบไม่ต่างอะไรจากสมัยที่ยังเป็นมนุษย์เลย   ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ยังจำเป็นต้องมีเซบาสเตียนเป็นที่พึ่ง   ทว่าสำหรับเจ้านั่นคงรู้สึกเหมือนถูกโกงอยู่กระมัง   แต่จะให้ทำอย่างไรได้.. ในเมื่อคนที่โกงมิใช่เขา

เขา..  ชิเอล  แฟนธอมไฮฟ์ไม่เคยนึกอยากเป็นปีศาจสักหน่อย   ยิ่งกว่านั้นเขาไม่เคยอยากจะมีชีวิตที่เป็นอมตะ  กับชีวิตบัดซบสิบสามปีที่ผ่านมานั่นก็เต็มกลืนแล้ว    ที่จริงแล้วเขาเองก็เป็นผู้เสียหายรายหนึ่งเช่นกัน    เพราะการเป็นปีศาจทำให้เขาไม่อาจเป็นเหมือนที่เคยเป็น   อยู่เหมือนที่เคยอยู่  และจำต้องออกพเนจรเรื่อยๆอย่างไม่รู้ว่าหนทางข้างหน้าจะเป็นอย่างไร   ไม่รู้แม้กระทั่งว่าจะสิ้นสุดการเดินทางเมื่อไหร่ ..และแบบไหน   

ผู้นำน้อยแห่งแฟนธอมไฮฟ์หยุดพักหอบหายใจพลางคิดเรื่อยเปื่อย..  ถ้าหากคิดแบบเข้าข้างตัวเองมันอาจเป็นเรื่องดีก็ได้ที่พันธะสัญญาระหว่างเขากับพ่อบ้านปีศาจยังคงมีผลบังคับต่อไปตราบนานเท่านาน   ทว่าในทางตรงกันข้ามก็น่าสงสารเจ้านั่นอยู่บ้างเหมือนกัน    เพราะหลังจากที่เขาลืมตาขึ้นอีกครั้งในฐานะปีศาจเซบาสเตียนก็ดูเหมือนจะไม่เคยยิ้มอีกเลย   ซึ่งชิเอลก็พอจะเข้าใจความรู้สึกของพ่อบ้านหนุ่ม   ที่นอกจากจะอดอาหารค่ำแล้วยังได้ของแถมเป็นปลอกคอฝังเพชรพร้อมสายจูงเดินเล่นที่ไม่อาจถอดถอนได้ชั่วกัปกัลป์อีกต่างหาก  

...หรือว่าเขาใจจะเร็วเกินไป    ที่เผลอแสดงเจตจำนงให้หมอนั่นอยู่เคียงข้างเพื่อรับใช้ไปชั่วนิรันดร์ในฐานะพ่อบ้าน 

บางทีเขาอาจควรปล่อยเซบาสเตียนให้เป็นอิสระมากกว่า...





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น