เสียงหัวเราะเย้ยหยันดังก้องไปทั่ว
“น่ากลัวจริงนะ ปีศาจอย่างเจ้าน่ะหรือจะมีปัญญาทำเช่นนั้นได้” เทพสาวองค์หนึ่งแหงนหน้าแล้วระเบิดเสียงหัวเราะแหลม ก่อนจะถลันออกไปเบื้องหน้าอย่างไม่กลัวเกรง
“ถ้าแน่จริงก็ลองทำอย่างที่ว่าให้ข้าดูหน่อยสิ ไอ้ตัวโสโครก”
สิ้นคำปีกขาวบริสุทธิ์หลายคู่ก็สะบัดออกอย่างพร้อมเพรียง เทวดาแต่ละองค์ล้วนเนรมิตหน้าไม้สีเงินเป็นเงามันปลาบขึ้นด้วยหมายลงทัณฑ์ปีศาจโฉดชั่วที่ดูเหมือนไร้ทางต่อต้าน แรงจากการกระพือปีกขนาดใหญ่เหล่านั้นส่งผลให้เศษกรวดและละอองฝุ่นจำนวนมากฟุ้งตลบ บดบังทัศนวิสัยให้ยิ่งเลวร้ายมากขึ้น
“หยุดนะ! นาตาเลีย ..พวกเจ้าด้วย ถอยออกไปให้หมด!!”
พริบตานั้นเกเบรียลพุ่งปราดออกมาขวางหน้าระหว่างทัพสวรรค์กับอสูรเพียงหนึ่งเดียวที่ยังคงยืนนิ่งพร้อมด้วยรอยยิ้มเยือกเย็น เทพหนุ่มสยายปีกออกกางกั้น ส่งผลให้บรรดาทูตสวรรค์พากันงุนงงสับสน ต่างคนต่างมองหน้ากันไปมาอย่างไม่แน่ใจ ขณะที่ปีศาจกลับเผยอรอยยิ้มกว้างขวางกว่าเดิม
“พวกเจ้าอย่าได้ดูถูกปีศาจตนนี้เป็นอันขาด
มิฉะนั้นจะต้องเสียใจ”
“แหม... เล่นชมกันซึ่งๆหน้าแบบนี้ผมก็เขินแย่สิครับ
แต่ทำอย่างนี้จะดีหรือ
หากไม่เข้ามาพร้อมๆกันล่ะก็คงยากที่จะโค่นผมได้นะครับ”
“นี่..เจ้า! ..จะบังอาจมากไปแล้วนะ!!”
“หึ หึ พวกมนุษย์กล่าวกันว่าสุนัขที่ดีมักไม่เอาแต่เห่า...”
“ดี! ถ้าเช่นนั้นข้า.. เกเบรียล
จะสู้กับเจ้าเอง”
..........................................................
ชิเอล แฟนธอมไฮฟ์ขดตัวนิ่งอยู่ที่มุมเบาะด้านหนึ่งในรถม้า โดยไม่อาจรับรู้ความเป็นไปเบื้องนอกได้มากไปกว่าการใช้ความพยายามเงี่ยหูฟังสรรพสำเนียงแห่งการนองเลือดที่เบื้องนอก สัมผัสอันเฉียบคมเช่นปีศาจทำให้รับรู้ได้ถึงคาวโลหิตที่ส่งกลิ่นคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ ขณะที่บางส่วนกระเซ็นถูกตัวรถและบานหน้าต่างที่ปกปิดมิดชิดด้วยผ้าม่านสีเข้ม
...เป็นเลือดของใครกันนะ หรือว่า..
ชิเอลระงับความคิดฟุ้งซ่านไว้เพียงเท่านั้น
ผู้นำน้อยแห่งแฟนธอมไฮฟ์เม้มริมฝีปากแน่นพลางยืดหลังตรงแล้วออกคำสั่งซึ่งเขารู้ดีว่าอีกฝ่ายจะต้องปฏิบัติตามโดยไม่มีเงื่อนไข
“เซบาสเตียน.. จัดการให้เรียบร้อย”
แต่ไหนแต่ไรพ่อบ้านปีศาจไม่เคยทำให้เขาผิดหวัง
ไม่ว่าจะพบอุปสรรคหนักหนาเพียงใดก็ไม่เคยทำงานพลาด นั่นคือสิ่งที่พ่อบ้านของเขา ..เซบาสเตียน
มิคาเอลลิสเป็นเสมอมา
“Yes,
my Lord”
...ผมจะไม่ยอมให้นายน้อยตกอยู่ในอันตรายอย่างแน่นอนขอรับ...
เซบาสเตียนต่อสู้เพียงลำพังได้อย่างน่าชื่นชม เมื่ออยู่ท่ามกลางเหล่าศัตรู..โดยมีความปลอดภัยของเจ้านายตัวน้อยเป็นเดิมพัน และปราศจากถุงมือสีขาวที่สวมใส่อยู่เป็นประจำ..
อีกโฉมหน้าหนึ่งซึ่งเขามักปกปิดไว้ก็ปรากฏออกมา กรงเล็บสีดำสนิทตะปบลงบนหัวไหล่ศัตรูอย่างแม่นยำ ขณะที่อีกข้างหนึ่งขยุ้มปีกขาวบริสุทธิ์ไว้แน่นแล้วฉีกกระชากจนขาดออกจากกันอย่างไม่ต้องใช้ความพยายามใดๆ เทวดาเคราะห์ร้ายถึงกับกรีดร้องเสียงหลงพร้อมๆกับโลหิตคล้ำเข้มจำนวนมากที่สาดกระจายดุจห่าฝน ตามด้วยแขนและขาถูกซึ่งดึงทึ้งออกจากร่างเป็นลำดับต่อมา เสียงกรีดร้องอย่างหวาดกลัวสุดชีวิตค่อยๆเงียบหายไปแทนที่ด้วยเสียงเนื้อหนัง กระดูก
และเส้นเอ็นถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆเหมือนฉีกขนมปังปอนด์ จากนั้น..
เซบาสเตียนก็ไม่สนใจสิ่งซึ่ง ‘เคย’ เป็นทูตสวรรค์อีกต่อไป ปีศาจหนุ่มเหวี่ยงศีรษะในมือทิ้งพลางขยับก้าวออกมาให้พ้นจากทะเลเลือด แล้วหันกลับไปรับมือกับหัวหน้าเทวดาที่เสือกคมดาบเข้ามาเต็มแรง
เกเบรีบลเบี่ยงกายหลบกรงเล็บแหลมคมที่ตวัดเข้าใส่ได้อย่างฉิวเฉียด
ก่อนจะสะบัดคมดาบให้บาดลึกเข้าไปยังต้นแขนอีกฝ่าย ประกายตาสีอำพันฉายแววสาสมใจยามที่สามารถเรียกเลือดจากเซบาสเตียนได้สำเร็จ หลังจากที่ต้องสูญเสียพรรคพวกไปแล้วจำนวนหนึ่งจากการถูกจับฉีกเป็นชิ้นๆด้วยมือเปล่า ปีศาจตนนี้ช่างร้ายกาจสมคำร่ำลือนัก หรือเป็นเพราะอยู่ในเขตแดนของตนเอง.. จึงทำให้เทวดาจำนวนมากมิอาจสะอิดผิวได้ พวกเขาประมาทเกินไปงั้นหรือ ทว่าสำหรับมือขวาขององค์จอมเทพเช่นเขา
ผู้ซึ่งมีพลังมากเกินกว่าที่แผ่นดินแห่งนี้จะสามารถดูดกลืนได้หมดนั้นกลับมิใช่ปัญหาเลย เกเบรียลยังคงมั่นใจว่าจะสังหารเจ้าปีศาจตนนี้ได้อย่างแน่นอน รวมทั้งจัดการกับดวงวิญญาณมนุษย์ที่หลงผิดนั่นด้วย
“หึ หึ หึ”
พ่อบ้านปีศาจยังคงหัวเราะแผ่วๆอยู่ในลำคอ
พร้อมด้วยประกายทับทิมซึ่งฉายแววกระหายเลือดยิ่งขึ้นเมื่อได้รับบาดเจ็บ ด้วยความเร็วที่ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน..
เซบาสเตียนพุ่งปราดเข้าล็อคแขนขวาข้างที่ถือดาบของหัวหน้าทูตสวรรค์แล้วจับหัก ส่งผลให้ศัตรูร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด
ทว่าเขาไม่มีโอกาสสร้างความเสียหายได้มากกว่านั้น
เมื่อเทวดาสององค์กระโจนเข้าใส่แล้วยึดแขนเขาไว้คนละข้าง
วินาทีนั้นสถานการณ์จึงเริ่มพลิกผันไปอีกทางหนึ่ง
เซบาสเตียนแอ่นร่างไปเบื้องหลังแล้วใช้ศีรษะโขกหน้าผากคู่ต่อสู้เต็มแรง ส่งผลให้อีกฝ่ายเสียหลักกระเด็นไปหลายก้าว แต่กระนั้นก็ไม่ได้ทำให้แขนทั้งสองข้างที่ถูกยึดเป็นอิสระ
พ่อบ้านหนุ่มจึงทำได้เพียงเกร็งร่างขึ้นรับลูกดอกเงินที่พุ่งเข้าใส่อย่างไม่อาจเลี่ยง โลหิตกระเซ็นออกมาตามบาดแผลที่ถูกยิงจากหนึ่งดอกเพิ่มเป็นสอง สามและสี่
พ่อบ้านหนุ่มขบกรามแน่นเพื่อต่อสู้กับความเจ็บปวดแสนสาหัสที่ระเบิดขึ้นทั่วร่าง คมเขี้ยววาววับในปากถูกย้อมด้วยโลหิตจนกลายเป็นสีแดง เชิร์ตตัวในสีขาวอันเป็นสัญลักษณ์ของพ่อบ้านเวลานี้เปรอะเปื้อนไปด้วยรอยเลือดเป็นด่างดวงเพราะลูกดอกเงินดอกแล้วดอกเล่าที่ปักตรึงอยู่บนร่าง ทว่าเซบาสเตียนกลับไม่ส่งเสียงร้อง.. ไม่มีแม้สักแอะเดียว
“อึดนักหรือ..
อยากรู้นักว่ายามที่คอเจ้าหลุดกระเด็นจะยังปิดปากเงียบได้อยู่หรือไม่”
ไม่..
เขาจะไม่มีวันทำให้นายน้อยต้องรับรู้และเป็นกังวล
..เด็กคนนั้นถูกสั่งให้หลบอยู่แต่ในรถม้าโดยไม่มีโอกาสได้รู้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น เพียงเท่านี้ก็มากพอแล้ว
เวลานี้คุณจะหวาดกลัวสักเพียงใดนะ นายน้อย...
“นายน้อยขอรับ!
หนีไป!! ผมจะถ่วงเวลาเอาไว้ให้” เซบาสเตียนไม่มีทางเลือก เมื่อถึงคราวจวนตัวพ่อบ้านหนุ่มก็สะกดกลั้นความเจ็บปวดแล้วตะโกนสุดเสียง
“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็อย่าหันกลับมา รีบหนีไปให้ไกลที่สุดเท่าที่คุณจะทำได้ เข้าใจนะครับ!”
และเขารู้ดีโดยไม่ต้องรอฟังคำตอบ ชิเอล
แฟนธอมไฮฟ์มิใช่คนอ่อนแอ ..ไม่เคยเป็นแม้แต่วันเดียว
เจ้านายตัวน้อยของเขามีหัวใจที่เข้มแข็งน่าชื่นชมเสมอมา ในร่างเล็กๆนั้นอัดแน่นด้วยเพลิงร้อนระอุที่แปรเปลี่ยนความหวาดกลัวให้เป็นพลังแห่งการมีชีวิตรอด และเพราะเหตุนี้กระมัง.. ปีศาจอย่างเขาจึงหลงใหลอย่างบ้าคลั่งจนมิอาจถอนตัวได้
พ่อบ้านแห่งแฟนธอมไฮฟ์หลับตาลง พลางเงี่ยหูฟังเสียงประตูรถม้าที่ถูกกระชากเปิด
ตามด้วยเสียงฝีเท้าคู่เล็กๆที่ออกวิ่งสุดกำลัง.. ห่างออกไปทุกที
“จับเด็กนั่นไว้ อย่าให้หนีไปได้!!” หัวหน้าทูตสวรรค์สั่งการอย่างเด็ดขาด ทว่ายังมิทันมีผู้ใดได้ขยับตัวออกติดตาม บรรดาเทวดาที่เหลืออยู่ก็มีอันต้องหนาวยะเยือก
ขนปีกสีดำปลิวว่อนไปทั่วบริเวณ พร้อมด้วยพายุหมุนอันไร้ที่มาอีกสองลูกซึ่งเคลื่อนที่เป็นวงกลมโอบล้อมทุกชีวิตเอาไว้ภายใต้ความบ้าคลั่ง
“ตั้งแต่ยุคโบราณ ปีศาจและเทวดานั้นเปรียบเสมือนศัตรูตามธรรมชาติของกันและกันอยู่แล้ว ผมสัญญาว่าจะสนองพวกคุณทุกคนให้ถึงใจ แต่ก่อนอื่นขอคั่นเวลาสักหน่อยนะครับ” ปีศาจหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น ก่อนจะเงยหน้าขึ้นแล้วตะโกนก้อง
“คลอท ฟอลทัส!!”

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น