หลังจากถูกจับโยนโครมเข้ามาในรถม้าอย่างไม่เบามือเซบาสเตียนก็กระแทกประตูปิดเต็มแรง จากนั้นชิเอลซึ่งยังไม่ทันได้ตั้งหลักก็มีอันต้องล้มกลิ้งอยู่บนพื้นยามที่รถม้าทั้งคันพุ่งทะยานออกจากที่จอดอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ภาพสองข้างทางดูพร่าเลือนเสียจนมองอะไรไม่เห็น
เสียงกีบเท้าม้าทั้งหกและล้อกระดูกบดถนนสะท้อนก้องแข่งกับเสียงหวีดหวิวและบรรยากาศที่เลวร้ายยิ่งขึ้น เป็นครั้งแรกที่พ่อบ้านปีศาจรู้สึกกังวลอย่างแท้จริง
เขาไม่ควรตามใจนายน้อยเลย ..เมื่อรู้อยู่เต็มอกว่าอะไรบางอย่างที่กำลังใกล้เข้ามานั้นมีจุดมุ่งหมายอยู่ที่นายน้อยของเขา และด้วยความร้อนใจอยากจะรีบกลับให้ถึงที่พำนักโดยไว เซบาสเตียนจึงลงแส้อีกครั้ง และอีกครั้ง
ภายในรถม้า ร่างเล็กในชุดดำสนิทกระเด้งกระดอนไปตามจังหวะโคลงของรถอย่างช่วยตนเองมิได้ เด็กหนุ่มกระแทกอย่างแรงเข้ากับพื้นรถครั้งแล้วครั้งเล่าเสียจนเจ็บไปหมดทั้งตัว และยังต้องใช้เวลาอีกครู่ใหญ่.. กว่าที่เจ้านายผู้น่าสงสารจะปีนกลับขึ้นไปนั่งบนเบาะรถได้สำเร็จ
แต่ถึงกระนั่นชิเอลก็ทำได้เพียงยึดขอบที่นั่งไว้สุดกำลังด้วยมือทั้งสองพลางเอ็ดตะโรเสียงดัง
“นายขับรถประสาอะไร!!”
“ขออภัยจริงๆขอรับ”
คำขอโทษนั้นฟังดูจริงใจเป็นที่สุด ทว่าความเร็วในการบังคับรถม้ากลับมิได้ตกลงเลยแม้แต่น้อย หากดูจะเพิ่มมากขึ้นทุกขณะจิต เซบาสเตียนยังคงตั้งหน้าตั้งตาลงแส้เฆี่ยนและเฆี่ยนอาชาปีศาจทั้งหกต่อไป
ขณะที่ผู้เป็นนายไม่อาจส่งเสียงต่อว่าต่อขานได้อีกแล้ว
นอกจากหลับตาปี๋แล้วยึดที่นั่งไว้ให้เเน่นที่สุดเท่าที่จะทำได้
ทว่าจู่ๆรถม้าก็กระชากหยุดกะทันหัน
ส่งผลให้เจ้านายตัวน้อยกระเด็นไปปะทะเข้ากับเบาะนั่งฝั่งตรงข้ามเต็มแรง ชิเอลขบฟันแน่นเพื่อสะกดกลั้นโทสะพลางลูบคลำศีรษะที่ถูกกระแทก
และยังไม่ทันจะต่อว่าพ่อบ้านตัวดีให้สมแค้น
น้ำเสียงเคร่งเครียดจากปีศาจหนุ่มก็มีอันทำให้ชะงักงัน
“ทีแรกผมตั้งใจจะพานายน้อยกลับไปส่งให้ถึงคฤหาสน์เสียก่อน แต่ดูเหมือนว่าแขกท่านนี้จะใจร้อนกว่าที่คิด
ดังนั้นคงไม่มีทางเลือกนอกจากต้อนรับขับสู้กันตรงนี้เลย
ฟังให้ดีนะขอรับนายน้อย ..หลบอยู่แต่ในรถม้า ถ้าผมไม่เรียกอย่าได้ออกมาเป็นอันขาดนะขอรับ”
เซบาสเตียนยังคงสงบนิ่ง แม้ว่าจะจับกระไอซึ่งมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวจากฝั่งตรงข้ามได้
พ่อบ้านปีศาจถอดเสื้อคลุมตัวนอกออกจากร่างอย่างใจเย็น ก่อนจะพับแล้วพาดไว้กับพนักเก้าอีกคนขับรถม้าอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
พร้อมกับจับจ้องเงาสีขาวจำนวนหนึ่งที่ปรากฏขึ้นที่ท้องฟ้าด้านทิศตะวันออก แขกผู้ไม่ได้รับเชิญบินตรงมายังจุดที่รถม้าจอดอยู่ราวกับรู้ตำแหน่งเป็นอย่างดี และทันทีที่เข้ามาใกล้มากพอปีศาจหนุ่มก็เผยอรอยยิ้มเย็นยะเยือก
...ปีกสีขาวนั่น ช่างดูแล้วขัดตาเสียจริง....
“น่าแปลกจริงนะครับ ที่เทวดากลุ่มใหญ่ขนาดนี้เข้ามาป้วนเปี้ยนในถิ่นของปีศาจ
คงมิได้พลัดหลงมาโดยบังเอิญกระมัง”
...แต่จะว่าไปก็ไม่แปลกอะไร
ในเมื่อเส้นแบ่งระหว่างเทวดากับปีศาจนั้นเป็นเพียงเส้นบางๆเท่านั้น
แท้ที่จริงแล้วทั้งสองฝ่ายต่างก็...
นัยน์ตาสีทับทิมทอประกายเย็นเยียบ พร้อมๆกับที่ร่างสูงเพรียวในอาภรณ์สีดำสนิทลุกขึ้นยืนตรงแล้วโค้งคารวะด้วยอาการล้อเลียน
เซบาสเตียนกวาดมองใบหน้าอันงดงามสมบูรณ์แบบกับภาพลักษณ์สูงส่งซึ่งล้วนแต่ห่อหุ้มร่างด้วยสีขาวระยิบระยับของเหล่าทูตสวรรค์ แต่ละองค์มีเรือนผมสีทองยาวสยาย พร้อมด้วยไอศักดิ์สิทธิ์ที่เอิบอาบอยู่ทั่วทั้งร่าง
...หึ ..น่าสะอิดสะเอียนเสียจริง...
“เจ้าปีศาจ..”
เทวดาที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้ากลุ่มแค่นเสียงอย่างรังเกียจ แล้วชายตามองอีกฝ่ายด้วยหางตาคมปลาบ
“ไม่ต้องมาทำเล่นลิ้น ในเมื่อรู้ดีอยู่แก่ใจว่าเรามาทำไม”
พ่อบ้านปีศาจหัวเราะแผ่วๆอยู่ในลำคออย่างไม่ถือสาคำสบประมาท แน่ละ..
เขาย่อมรู้ดีมานานแล้วว่าพวกเทวดานั้นเป็นเผ่าพันธุ์ที่หลงตัวเองเป็นที่สุด พวกนี้โง่งมพอที่จะคิดว่าตนเองคือศูนย์กลางของจักรวาล
ดังนั้นสรรพสิ่งใดในห้วงจักรวาลนี้ที่มิได้เป็นไปตามความต้องการของตัวเอง ก็มีอันต้องยื่นจมูกเข้ามาสอดแล้วก็อ้างเหตุผลเดิมๆที่ซ้ำซากน่าเบื่อหน่าย
เป็นต้นว่าพระประสงค์จากพระผู้เป็นเจ้า
...วันๆตาแก่นั่นท่าจะว่างมาก...
“ก็แล้วยังไงล่ะครับ” พ่อบ้านยังคงถามด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มดุจกำมะหยี่พร้อมด้วยสีหน้าที่ไม่ยี่หระ ซึ่งนั่นเป็นการยั่วโทสะบรรดาทูตสวรรค์ จนกระทั่งบางองค์ถึงกับมีท่าทีฮึดฮัดๆเตรียมจะตรงเข้ามาเล่นงาน ทว่าผูเป็นเป็นหัวหน้ากลับบินออกมาขวางเอาไว้เสียก่อน จึงทำได้เพียงถลึงตาจ้องศัตรู
“ข้าคือเกเบรียล มือขวาของจอมเทพ ได้รับพระบัญชาให้มาจัดการกับมนุษย์ผู้น่าสงสารที่ถูกสาปให้เป็นปีศาจด้วยน้ำมือของพวกเจ้า”
“อา... คุณคงจะหมายถึงนายน้อยของผมกระมัง” เซบาสเตียนเอียงคอแล้วทำท่าคิด
ริมฝีปากบางปรากฏรอยยิ้มเย็นก่อนจะตอบเสียงเรียบ
“ต้องขอโทษด้วยนะครับ แต่นายน้อยของผมไม่ใช่สิ่งของที่จะยกให้ใครได้ง่ายๆ”
“บังอาจ!
กล้าพูดเช่นนี้กับท่านเกเบรียลเชียวรึ”
“พอแล้ว ราฟาเอล”
มือขวาจอมเทพกางแขนห้ามผู้ใต้บังคับบัญชาก่อนจะเอ่ยเสียงกร้าว
“จงมอบชิเอล แฟนธอมไฮฟ์มาให้เราแต่โดยดี แล้วเจ้าจะไม่ได้รับอันตราย”
เกเบรียลถึงกับชะงักงัน
เมื่อเสียงหัวเราะแผ่วเบาเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากพ่อบ้านปีศาจ เซบาสเตียนขยับเข้ามายืนใกล้รถม้ายิ่งขึ้นพลางเงยหน้าขึ้นมองเหล่าทูตสวรรค์อย่างไม่หวั่นเกรง
..หึ
..เล่นกระจายกำลังล้อมกันเลยหรือนี่
ดูท่าภารกิจนี้คงจะหนักเกินกำลังพวกคุณสินะครับ
จึงต้องเอาจริงเอาจังเสียจนน่าขำ..
“ข่าขันดีนะครับ
เพียงเพื่อกำจัดปีศาจตนเดียวกลับต้องใช้เทวดาจำนวนมากขนาดนี้ แถมดูท่าพวกคุณเองก็อ่อนกำลังลงไปมากหลังจากเข้ามายังเขตแดนของปีศาจ มั่นใจในตัวเองถึงเพียงนี้เชียวหรือครับ” นัยน์ตาสีเลือดหยุดอยู่ที่ใบหน้าของเกเบรียล
เซบาสเตียนประสานสายตาเข้ากับเปลวเพลิงสีอำพันที่ลุกเรืองอยู่ในดวงตาหัวหน้าทูตสวรรค์อย่างไม่สะทกสะท้าน
“คงรู้ดีสินะครับ
ว่าปีศาจอย่างผมจะยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเมื่ออยู่ในดินแดนของตนเอง”
“แค่ปีศาจตนเดียวจะทำอะไรได้ พวกเราจะฉีกเจ้าเป็นชิ้นๆซะ
ต่อจากนั้นเจ้าปีศาจตัวน้อยที่ซ่อนอยู่ในรถม้าจะเป็นรายต่อไป”
“อา.. ลืมบอกเรื่องสำคัญไป” พ่อบ้านหนุ่มหัวเราะเย็นยะเยือก
พร้อมด้วยประกายสีทับทิมในดวงตาเรืองแสงในความมืด
“ว่าผมเองก็เคยฉีกปีกเทวดามานักต่อนักแล้วเช่นกัน”

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น