8/01/2555

Diabolic Obligation 3


หลังจากถูกจับโยนโครมเข้ามาในรถม้าอย่างไม่เบามือเซบาสเตียนก็กระแทกประตูปิดเต็มแรง   จากนั้นชิเอลซึ่งยังไม่ทันได้ตั้งหลักก็มีอันต้องล้มกลิ้งอยู่บนพื้นยามที่รถม้าทั้งคันพุ่งทะยานออกจากที่จอดอย่างรวดเร็ว  ส่งผลให้ภาพสองข้างทางดูพร่าเลือนเสียจนมองอะไรไม่เห็น   เสียงกีบเท้าม้าทั้งหกและล้อกระดูกบดถนนสะท้อนก้องแข่งกับเสียงหวีดหวิวและบรรยากาศที่เลวร้ายยิ่งขึ้น   เป็นครั้งแรกที่พ่อบ้านปีศาจรู้สึกกังวลอย่างแท้จริง   เขาไม่ควรตามใจนายน้อยเลย  ..เมื่อรู้อยู่เต็มอกว่าอะไรบางอย่างที่กำลังใกล้เข้ามานั้นมีจุดมุ่งหมายอยู่ที่นายน้อยของเขา   และด้วยความร้อนใจอยากจะรีบกลับให้ถึงที่พำนักโดยไว   เซบาสเตียนจึงลงแส้อีกครั้ง  และอีกครั้ง

ภายในรถม้า   ร่างเล็กในชุดดำสนิทกระเด้งกระดอนไปตามจังหวะโคลงของรถอย่างช่วยตนเองมิได้   เด็กหนุ่มกระแทกอย่างแรงเข้ากับพื้นรถครั้งแล้วครั้งเล่าเสียจนเจ็บไปหมดทั้งตัว    และยังต้องใช้เวลาอีกครู่ใหญ่..  กว่าที่เจ้านายผู้น่าสงสารจะปีนกลับขึ้นไปนั่งบนเบาะรถได้สำเร็จ   แต่ถึงกระนั่นชิเอลก็ทำได้เพียงยึดขอบที่นั่งไว้สุดกำลังด้วยมือทั้งสองพลางเอ็ดตะโรเสียงดัง

“นายขับรถประสาอะไร!!

“ขออภัยจริงๆขอรับ”

คำขอโทษนั้นฟังดูจริงใจเป็นที่สุด   ทว่าความเร็วในการบังคับรถม้ากลับมิได้ตกลงเลยแม้แต่น้อย  หากดูจะเพิ่มมากขึ้นทุกขณะจิต   เซบาสเตียนยังคงตั้งหน้าตั้งตาลงแส้เฆี่ยนและเฆี่ยนอาชาปีศาจทั้งหกต่อไป   ขณะที่ผู้เป็นนายไม่อาจส่งเสียงต่อว่าต่อขานได้อีกแล้ว   นอกจากหลับตาปี๋แล้วยึดที่นั่งไว้ให้เเน่นที่สุดเท่าที่จะทำได้    

ทว่าจู่ๆรถม้าก็กระชากหยุดกะทันหัน   ส่งผลให้เจ้านายตัวน้อยกระเด็นไปปะทะเข้ากับเบาะนั่งฝั่งตรงข้ามเต็มแรง   ชิเอลขบฟันแน่นเพื่อสะกดกลั้นโทสะพลางลูบคลำศีรษะที่ถูกกระแทก   และยังไม่ทันจะต่อว่าพ่อบ้านตัวดีให้สมแค้น  น้ำเสียงเคร่งเครียดจากปีศาจหนุ่มก็มีอันทำให้ชะงักงัน

“ทีแรกผมตั้งใจจะพานายน้อยกลับไปส่งให้ถึงคฤหาสน์เสียก่อน   แต่ดูเหมือนว่าแขกท่านนี้จะใจร้อนกว่าที่คิด  ดังนั้นคงไม่มีทางเลือกนอกจากต้อนรับขับสู้กันตรงนี้เลย  
ฟังให้ดีนะขอรับนายน้อย  ..หลบอยู่แต่ในรถม้า   ถ้าผมไม่เรียกอย่าได้ออกมาเป็นอันขาดนะขอรับ”


เซบาสเตียนยังคงสงบนิ่ง   แม้ว่าจะจับกระไอซึ่งมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวจากฝั่งตรงข้ามได้   พ่อบ้านปีศาจถอดเสื้อคลุมตัวนอกออกจากร่างอย่างใจเย็น   ก่อนจะพับแล้วพาดไว้กับพนักเก้าอีกคนขับรถม้าอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย  พร้อมกับจับจ้องเงาสีขาวจำนวนหนึ่งที่ปรากฏขึ้นที่ท้องฟ้าด้านทิศตะวันออก   แขกผู้ไม่ได้รับเชิญบินตรงมายังจุดที่รถม้าจอดอยู่ราวกับรู้ตำแหน่งเป็นอย่างดี   และทันทีที่เข้ามาใกล้มากพอปีศาจหนุ่มก็เผยอรอยยิ้มเย็นยะเยือก 

...ปีกสีขาวนั่น   ช่างดูแล้วขัดตาเสียจริง....


“น่าแปลกจริงนะครับ   ที่เทวดากลุ่มใหญ่ขนาดนี้เข้ามาป้วนเปี้ยนในถิ่นของปีศาจ
คงมิได้พลัดหลงมาโดยบังเอิญกระมัง”
                                                  
...แต่จะว่าไปก็ไม่แปลกอะไร   ในเมื่อเส้นแบ่งระหว่างเทวดากับปีศาจนั้นเป็นเพียงเส้นบางๆเท่านั้น

แท้ที่จริงแล้วทั้งสองฝ่ายต่างก็...


นัยน์ตาสีทับทิมทอประกายเย็นเยียบ   พร้อมๆกับที่ร่างสูงเพรียวในอาภรณ์สีดำสนิทลุกขึ้นยืนตรงแล้วโค้งคารวะด้วยอาการล้อเลียน   เซบาสเตียนกวาดมองใบหน้าอันงดงามสมบูรณ์แบบกับภาพลักษณ์สูงส่งซึ่งล้วนแต่ห่อหุ้มร่างด้วยสีขาวระยิบระยับของเหล่าทูตสวรรค์   แต่ละองค์มีเรือนผมสีทองยาวสยาย   พร้อมด้วยไอศักดิ์สิทธิ์ที่เอิบอาบอยู่ทั่วทั้งร่าง


...หึ  ..น่าสะอิดสะเอียนเสียจริง...  


“เจ้าปีศาจ..” เทวดาที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้ากลุ่มแค่นเสียงอย่างรังเกียจ   แล้วชายตามองอีกฝ่ายด้วยหางตาคมปลาบ  

“ไม่ต้องมาทำเล่นลิ้น   ในเมื่อรู้ดีอยู่แก่ใจว่าเรามาทำไม”


พ่อบ้านปีศาจหัวเราะแผ่วๆอยู่ในลำคออย่างไม่ถือสาคำสบประมาท   แน่ละ..  เขาย่อมรู้ดีมานานแล้วว่าพวกเทวดานั้นเป็นเผ่าพันธุ์ที่หลงตัวเองเป็นที่สุด   พวกนี้โง่งมพอที่จะคิดว่าตนเองคือศูนย์กลางของจักรวาล   ดังนั้นสรรพสิ่งใดในห้วงจักรวาลนี้ที่มิได้เป็นไปตามความต้องการของตัวเอง   ก็มีอันต้องยื่นจมูกเข้ามาสอดแล้วก็อ้างเหตุผลเดิมๆที่ซ้ำซากน่าเบื่อหน่าย   เป็นต้นว่าพระประสงค์จากพระผู้เป็นเจ้า

...วันๆตาแก่นั่นท่าจะว่างมาก...


“ก็แล้วยังไงล่ะครับ” พ่อบ้านยังคงถามด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มดุจกำมะหยี่พร้อมด้วยสีหน้าที่ไม่ยี่หระ   ซึ่งนั่นเป็นการยั่วโทสะบรรดาทูตสวรรค์   จนกระทั่งบางองค์ถึงกับมีท่าทีฮึดฮัดๆเตรียมจะตรงเข้ามาเล่นงาน   ทว่าผูเป็นเป็นหัวหน้ากลับบินออกมาขวางเอาไว้เสียก่อน   จึงทำได้เพียงถลึงตาจ้องศัตรู

“ข้าคือเกเบรียล   มือขวาของจอมเทพ   ได้รับพระบัญชาให้มาจัดการกับมนุษย์ผู้น่าสงสารที่ถูกสาปให้เป็นปีศาจด้วยน้ำมือของพวกเจ้า”

“อา...  คุณคงจะหมายถึงนายน้อยของผมกระมัง”  เซบาสเตียนเอียงคอแล้วทำท่าคิด   ริมฝีปากบางปรากฏรอยยิ้มเย็นก่อนจะตอบเสียงเรียบ

“ต้องขอโทษด้วยนะครับ  แต่นายน้อยของผมไม่ใช่สิ่งของที่จะยกให้ใครได้ง่ายๆ”

“บังอาจ!   กล้าพูดเช่นนี้กับท่านเกเบรียลเชียวรึ” 

“พอแล้ว  ราฟาเอล” 

มือขวาจอมเทพกางแขนห้ามผู้ใต้บังคับบัญชาก่อนจะเอ่ยเสียงกร้าว

“จงมอบชิเอล  แฟนธอมไฮฟ์มาให้เราแต่โดยดี   แล้วเจ้าจะไม่ได้รับอันตราย”

เกเบรียลถึงกับชะงักงัน   เมื่อเสียงหัวเราะแผ่วเบาเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากพ่อบ้านปีศาจ   เซบาสเตียนขยับเข้ามายืนใกล้รถม้ายิ่งขึ้นพลางเงยหน้าขึ้นมองเหล่าทูตสวรรค์อย่างไม่หวั่นเกรง 

..หึ  ..เล่นกระจายกำลังล้อมกันเลยหรือนี่   ดูท่าภารกิจนี้คงจะหนักเกินกำลังพวกคุณสินะครับ  

จึงต้องเอาจริงเอาจังเสียจนน่าขำ..                             


“ข่าขันดีนะครับ   เพียงเพื่อกำจัดปีศาจตนเดียวกลับต้องใช้เทวดาจำนวนมากขนาดนี้   แถมดูท่าพวกคุณเองก็อ่อนกำลังลงไปมากหลังจากเข้ามายังเขตแดนของปีศาจ   มั่นใจในตัวเองถึงเพียงนี้เชียวหรือครับ”  นัยน์ตาสีเลือดหยุดอยู่ที่ใบหน้าของเกเบรียล   เซบาสเตียนประสานสายตาเข้ากับเปลวเพลิงสีอำพันที่ลุกเรืองอยู่ในดวงตาหัวหน้าทูตสวรรค์อย่างไม่สะทกสะท้าน 

“คงรู้ดีสินะครับ   ว่าปีศาจอย่างผมจะยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเมื่ออยู่ในดินแดนของตนเอง”

“แค่ปีศาจตนเดียวจะทำอะไรได้   พวกเราจะฉีกเจ้าเป็นชิ้นๆซะ   ต่อจากนั้นเจ้าปีศาจตัวน้อยที่ซ่อนอยู่ในรถม้าจะเป็นรายต่อไป”


“อา..  ลืมบอกเรื่องสำคัญไป”  พ่อบ้านหนุ่มหัวเราะเย็นยะเยือก   พร้อมด้วยประกายสีทับทิมในดวงตาเรืองแสงในความมืด

“ว่าผมเองก็เคยฉีกปีกเทวดามานักต่อนักแล้วเช่นกัน”





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น