8/01/2555

Diabolic Obligation 2


ทั้งที่บรรยากาศไม่เป็นใจ   ทว่าพ่อบ้านหนุ่มก็ยังตวัดแส้เพื่อบังคับรถม้าให้เคลื่อนออกจากคฤหาสน์  

เสียงกีบเท้าอาชาปีศาจกระทบพื้นกรวดดังกุบกับแข่งกับเสียงลมหวีดหวิวและบรรยากาศซึ่งแปรปรวนไม่น่าไว้ใจมากพอที่จะทำให้คนสติดีๆเป็นบ้าได้   ท้องฟ้าสีม่วงซึ่งเคยสงบเงียบเวลานี้ปรากฏเส้นสีทองสว่างวาบนับร้อยแลบแปลบปลาบแล้วฟาดตัวลงสู่พื้นดิน   ก่อให้เกิดแรงสั่นสะเทือนและแสงเงาวูบวาบ   ทว่าท่ามกลางปรากฏการณ์ประหลาดนี้   พ่อบ้านหนุ่มยังคงไม่สะดุ้งสะเทือนแม้จะสัมผัสชัดถึงอันตรายจากอะไรบางอย่าง   ภัยร้ายจากใครบางคนซึ่งห่างไกลจากความเป็นปีศาจ  ..บางคนที่แตกต่างออกไป    

เซบาสเตียนเสยผมดำขลับไปเบื้องหลังพร้อมกับกระตุ้นม้าให้เร่งฝีเท้ามุ่งหน้าเข้าเมือง   เรือนกายอันงามสง่าในชุดพ่อบ้านคลุมทับด้วยเสื้อคลุมตัวยาวสีดำนั่งหลังตรงอยู่บนที่นั่งคนขับ   ขณะที่ใบหน้างามปานสลักเสลาปราศจากความวิตกกังวล   แต่หากจะมีก็เพียงเรื่องเดียวเท่านั้น..  ไม่อยากให้ปีศาจตนอื่นได้เห็นนายน้อย    แม้เพียงแค่มองก็ยังไม่คู่ควร   และเขาอยากควักลูกตาปีศาจตนใดก็ตามที่บังอาจจ้องมองนายน้อยของเขา


“จำไว้นะขอรับ  ..ไม่ว่าอย่างไรคุณก็เป็นของผม  
ผมคนเดียวเท่านั้นที่มีสิทธิ์...” พ่อบ้านปีศาจรำพึงแผ่วเบากับตนเอง   ก่อนจะต้องสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงผู้เป็นนายร้องถามมาจากในรถม้า

“นายว่าอะไรนะ  ..เซบาสเตียน”

“เปล่าขอรับ   นายน้อยคงหูฝาดมากกว่า”  เขาร้องตอบกลับไปพลางตวัดแส้เพื่อเร่งเดินทางให้ไวขึ้น  

ถึงอย่างไรนายน้อยของเขาก็ยังเยาว์เกินกว่าจะพร้อมสำหรับเรื่องพรรค์นี้   และแม้ว่าเขาต้องถูกไฟปรารถนาแผดเผาก้อนเนื้อในอกให้แสบร้อนสักเพียงใดเซบาสเตียนก็ยังพร้อมที่จะรอ   พร้อมที่จะเฝ้าดูอย่างอดทนจนกว่าจะถึงวันที่ผีเสื้อแสนสวยนามชิเอล  แฟนธอมไฮฟ์จะสยายปีกอย่างสง่างามเต็มที่   ครั้งนี้จะไม่ให้คลาดสายตาอีกเลย   เพราะเขาเคยได้รับบทเรียนมาแล้วครั้งหนึ่ง   จึงย่อมไม่มีครั้งที่สอง  


“ถึงแล้วขอรับ”

แหล่งชุมชนของเหล่าปีศาจดูไม่น่าอภิรมย์เอาเสียเลยเมื่อเทียบกับมหานครของมนุษย์ซึ่งคับคั่งและเต็มไปด้วยสีสัน   ด้วยมันแทบมิต่างอะไรจากสุสาน   มิใช่เพราะเงียบงันวังเวง    แต่เป็นเพราะตัวอาคารเก่าแก่   ถนนหนทาง    หรือแม้แต่ผู้คนหากมิใช่เป็นสีดำก็เป็นสีเทาหรือเทาเหลือบเงิน   ดังนั้นในเวลาหัวค่ำเช่นนี้จึงแลเห็นเพียงเงาดำๆเคลื่อนไหวพลุกพล่านอยู่ภายใต้แสงจันทร์สีม่วงอมแดง   พ่อบ้านหนุ่มประคองเจ้านายตัวน้อยลงจากรถม้า  ก่อนจะกระชับเสื้อคลุมและฮู้ดคลุมศีรษะให้ชิเอลจนมิดชิด  

“ทางที่ดีอย่าเผยใบหน้าให้ใครเห็นจะดีกว่านะขอรับ” เสียงทุ้มลึกกล่าวเตือนเมื่ออีกฝ่ายพยายามจะปัดมือตนออกแล้วสะบัดฮู้ดที่คลุมมิดให้ออกไปให้พ้นใบหน้า

“แต่งกายอย่างนี้อาจทำให้คุณรู้สึกอึดอัดอยู่บ้าง   แต่เชื่อเถิด..  ว่าคุณจะตกเป็นเหยื่ออารมณ์ของปีศาจที่พร้อมจะแสวงหาความสนุกจากเรือนร่างของคุณได้มากกว่าหนึ่งวิธีการ   หากคุณไม่ฟังคำเตือนของผม”

“ทำไม”

น้ำเสียงเจือแววอวดดีนั่นทำให้เซบาสเตียนจ้องลึกเข้าไปยังนัยน์ตาแดงก่ำของผู้เป็นนายก่อนจะถอนหายใจ   จากนั้นก็คว้าข้อมืออีกฝ่ายแล้วพาเดินไปตามตรอกซอกซอยเพื่อให้ได้เห็นด้วยตาตนเอง   ทั้งคู่เดินผ่านบรรยากาศครึกครึ้นยามวิกาลของชาวปีศาจที่บ้างก็ดื่มกินกันเฮฮา   ตบมือกระทืบเท้าเต้นรำประกอบจังหวะดนตรีแปร่งหู    บ้างก็ส่งเสียงร้องโหยหวนแล้วลงไปนอนดิ้นพราดๆอยู่กับพื้นด้วยท่าทางแปลกๆเหมือนกำลังมึนเมาขนาดหนัก   บางรายนั้นลืมตัวสนุกสุดเหวี่ยงจนถึงขนาดโผล่ทั้งหูทั้งหางออกมาโบกสะบัดไปมาแล้วลงคลานสี่ขาพร้อมทั้งเห่าหอน   ขณะที่บางส่วนกำลังหาความสุขใส่ตัวกันเป็นคู่ๆหรือมากกว่านั้นด้วยวิถีทางซึ่งเกินกว่าจินตนาการลามกสุดโต่งของคนทั่วไป  โดยไม่แคร์ว่าอีกฝ่ายจะเป็นปีศาจต่างเผ่าพันธุ์หรือต่างเพศกันรึไม่

ชิเอลเบิกตากลมโตจ้องมองดูภาพ สุดเหวี่ยงของผู้คนรอบข้างที่ต่างก็กระทำกิจส่วนตัวในที่โล่งแจ้งอย่างมิได้ละอายสายตาผู้ใดทั้งสิ้นอย่างตกตะลึง   ขณะที่พ่อบ้านหนุ่มซึ่งเดินเคียงข้างไม่ห่างเอ่ยเสียงเรียบ

“นี่เป็นเรื่องปกติของพวกเรา”

“ต่ำช้า..”


เซบาสเตียนเหยียดยิ้มเมื่อน้ำเสียงส่อแววรังเกียจเล็ดลอดจากปากผู้เป็นนาย   อุ้งมือใหญ่กำกระชับรอบข้อมือที่เล็กกว่าแล้วพาออกเดินอีกครั้ง   พลางใช้ร่างสูงเพรียวของตนบดบังมิให้เจ้านายตัวน้อยเป็นจุดสนใจ  

...แต่ที่ต้องมารับรู้เรื่องพรรค์นี้ก็ล้วนมาจากการตัดสินใจของคุณทั้งนั้นมิใช่หรือขอรับ  นายน้อย...


“ฉันอยากกลับบ้านแล้ว”

“เราคือปีศาจ”  เขาบอกพลางชำเลืองมองอีกฝ่าย 

“คุณคงไม่คิดว่าเราจะทำแต่เรื่องเคร่งศีลธรรมเป็นต้นว่าไม่กล้าแม้แต่จะบี้แมลงสักตัวเพราะกลัวบาปหรอกนะขอรับ”

ใบหน้าแดงก่ำของชิเอลเรียกรอยยิ้มให้ปรากฏขึ้นบนเรียวปากของปีศาจหนุ่ม  

“ในเมื่อนายน้อยมาถึงแล้วก็โปรดมองดูแล้วทำความเข้าใจเสียเถอะขอรับ  
พวกเรามิใช่เทวดา..  เราเอาแต่ใจ   เรามีกิเลสตัณหามีความหลงใหลซึ่งหากปรารถนาสิ่งใดแล้วก็พร้อมที่จะช่วงชิงมา   ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดก็สามารถกระทำได้โดยไม่ลังเลเพื่อตอบสนองความพึงพอใจ   ..นี่คือปีศาจ  

และอย่างที่นายน้อยได้เห็นแล้ว   ปีศาจนั้นมีอยู่หลายระดับซึ่งก็มีทั้งพลังอำนาจและรูปลักษณ์ที่แตกต่างกันออกไป   บางพวกที่เป็นปีศาจชั้นต่ำอย่างเช่นเจ้านั่น...”


เซบาสเตียนชี้ไปที่ปีศาจหนุ่มผิวสีทองแดงที่มีขนรุงรังตนหนึ่งซึ่งกำลังอยู่ในท่าคลานสี่ขาโดยมีปีศาจอีกตนประกบชิดโรมรันพันตูอยู่ด้านหลัง

“นั่นเป็นตัวอย่างของปีศาจชั้นต่ำซึ่งกินเลือดเนื้อและสิ่งปฏิกูลมนุษย์เป็นอาหาร   ต่างจากพวกชั้นสูงที่มีความงดงามกว่าอย่างเราที่สามารถกลืนกินดวงวิญญาณของมนุษย์ได้” พ่อบ้านหนุ่มลอบสังเกตสีหน้าขยะแขยงของผู้เป็นนายที่ซุกซ่อนมิดชิดอยู่ในฮู้ดดำสนิทอย่างขบขัน    ก่อนจะพาหันหลังกลับเตรียมจะไปขึ้นรถม้า   ทว่าขณะที่กำลังจะส่งชิเอลขึ้นรถเรื่องไม่คาดคิดก็อุบัติขึ้น       

สายลมเย็นเยียบที่พัดมาวูบหนึ่งทำให้ฮู้ดคลุมศีรษะเด็กหนุ่มเลื่อนหลุดไป   เผยดวงหน้าคมไร้ที่ติกับเรือนผมดำขลับซึ่งต้องแสงรัตติกาลเป็นเงางามออกมาในที่สุด   และมันสายเกินไปที่จะบดบังความงามพิสุทธิ์นั้นจากสายตาตนอื่นๆ   วินาทีนั้นเซบาสเตียนก็ถึงกับเกร็งร่างขึ้นเตรียมสู้เมื่อได้ยินเสียงถอนหายใจอย่างพึงพอใจดังมาจากรอบทิศ   นัยน์ตาคมกริบกวาดมองไปทั่วอย่างระแวดระวังก่อนจะถือวิสาสะรวบร่างน้อยเข้าสู่วงแขนแล้วอุ้มลอยขึ้นจากพื้น


“อะไร..”

“ชู่ว..  รีบกลับกันเถอะขอรับ”  ปีศาจหนุ่มรีบตัดบทก่อนจะดีดตัวขึ้นจากพื้น   นาทีเดียวกับที่ฝูงปีศาจหื่นกระหายยื่นมือเข้ามาไขว่คว้าตัวชิเอล   

...นายน้อยของผม   จะไม่ยอมให้ปีศาจต่ำช้าพวกนั้นหรอก...

มีดดินเนอร์สีเงินวาววับหลายสิบเล่มพุ่งเข้าสู่เป้าหมายอย่างแม่นยำ  และตรึงแน่นอยู่ที่ลูกตาหรือไม่ก็แขนขาที่ยื่นเข้ามาอย่างไม่รู้ที่ต่ำที่สูง   เซบาสเตียนฉวยโอกาสนี้ขับรถม้าหนีทิ้งให้ปีศาจทั้งฝูงส่งเสียงร้องคำรามอย่างเจ็บปวดอยู่เบื้องหลัง  ทว่าเขารู้ดี..  พวกมันจะไม่มีวันเลิกรา




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น