คามิวข่มกลั้นความอับอายแล้วโถมกายเข้ารั้งแขนอีกฝ่ายไว้แน่นและความจริงจังในน้ำเสียงดูเหมือนจะส่งไปถึงเมื่อครั้งนี้โจรสลัดหนุ่มยอมนิ่งฟังแต่โดยดี คาร์เดียสูดหายใจเข้าพลางหลับตาลงแล้วพยายามรวบรวมสมาธิ ขณะที่หนุ่มน้อยยังไม่อาจเข้าใจถึงท่าทีซึ่งเปลี่ยนแปลงอย่างกระทันหัน
“ถ้าคุณยืนยันเช่นนั้นงั้นเรามาเริ่มกันใหม่อีกรอบ” คาร์เดียยังคงนั่งหลับตานิ่งแล้วผ่อนลมหายใจยาว
“เวลานี้ผมจะไม่มองคุณ ผมจะลบภาพของคุณที่อยู่ในความคิดทั้งหมดทิ้งไปเพื่อที่จะได้มองเห็นตัวตนที่แท้จริงของคุณ
ทีนี้บอกผม.. ว่าจริงๆแล้วคุณเป็นใครมาจากไหน หากคุณมั่นใจในตนเองมากพอว่ามิใช่ท่านหญิงเดเจลก็ต้องทำให้ผมเชื่อเช่นนั้นด้วย”
คามิวดูจะเกิดความเข้าใจอย่างคร่าวๆจากคำพูดของชายหนุ่ม เขาพอจะเดาได้ว่าอาณาจักรแห่งนี้คงเป็นสถานที่ซึ่งพลังแห่งความเชื่อมั่นและศรัทธาทรงอำนาจมหาศาล แรงปรารถนาที่มุ่งมั่นไร้ซึ่งความลังเลนี้คงจะเป็นเครื่องผลักดันให้เกิดปาฏิหาริย์ที่เกินกว่าจะใครคาดคิด เช่นเดียวกับเจ้าฮอร์ค…
นกเหยี่ยวซึ่งสูญสลายกลายเป็นควันเพียงเพราะเป็นความต้องการของเจ้าของ และด้วยเหตุที่ใครต่อใครบนเรือลำนี้เข้าใจว่าตนเป็นสตรี สรีระต่างๆจึงเปลี่ยนแปลงเพื่อให้สอดคล้องกับความเชื่อมั่นของคนเหล่านั้น และในทางตรงกันข้าม...
เด็กหนุ่มตั้งสมาธิพลางระลึกถึงตัวตนที่แท้จริงว่าเขาคือใคร.. และมีหน้าที่อะไร
“ข้าคือโกลเซนต์อควอเรียส
หนึ่งในบรรดาสิบสองขุนพลแห่งแซงทัวรี่ ผู้ซึ่งได้รับความไว้วางใจจากเทพีอาเทน่าให้พิทักษ์ปราการด่านที่สิบเอ็ดของนครศักดิสิทธิ์ ..ที่ซึ่งข้าจากมา
ข้าคือเซนต์ผู้มีหน้าที่สังหารศัตรูที่บุกรุกเข้ามาในเขตหวงห้าม
และมือทั้งสองของข้าจะดับลมหายใจของใครก็ตามที่กล้าพอจะประสงค์ร้ายต่อองค์เทพี ..นี่คือตัวตนที่แท้จริงของคามิวผู้นี้ ข้าเสียใจ..
ที่ข้าไม่ใช่สตรีที่ท่านคนึงหา” คามิวจบคำพร้อมด้วยหัวใจที่เต้นระรัว
...ยามเมื่อคิดว่าคนๆนี้จะผิดหวังสักเพียงใดเมื่อพบว่าตนมิใช่สตรีที่พึงใจ และภาพลักษณ์ของนักรบผู้แข็งแกร่งจะส่งผลให้เขารังเกียจตนรึไม่ เพียงแต่คิดก็กลัวเสียแล้ว...
โกลเซนต์อควอเรียสกลั้นหายใจพลางกัดริมฝีปากแน่นอย่างลืมตัวขณะที่ชายหนุ่มเปิดเปลือกตาขึ้น
วินาทีแห่งการรอคอยนั้นเนิ่นนานราวกับไม่มีที่สิ้นสุด ประหนึ่งเวลาจะหยุดเดิน.. นัยน์ตาสีเทากระจ่างใสดุจฟ้าไร้เมฆหมอกจ้องตรงมายังตนนิ่งนาน ปราศจากวาจา
คามิวรู้สึกปวดร้าวพลางคาดว่าจะได้เห็นความผิดหวังปรากฏในแววตาของคาร์เดียทั้งๆที่ไม่เข้าใจว่าตนเองเป็นอะไรไป.. เหตุใดจึงเกิดความรู้สึกเช่นนี้ ทว่าหนุ่มน้อยกลับไม่มีเวลาสำหรับการหาคำตอบเมื่อต้องรับมือกับอารมณ์อันวูบวาบซึ่งเกิดขึ้นอย่างกระทันหัน ยามที่มือใหญ่แข็งแรงเอื้อมมาสัมผัสเปลือกตา จมูก
ริมฝีปากและลำคอ
คาร์เดียยังคงมองและมองรูปลักษณ์ใหม่ที่ปรากฏต่อสายตาอย่างพินิจพิเคราะห์ ..เรือนกายที่นั่งนิ่งอยู่เบื้องหน้าตนนี้ยังคงอ่อนเยาว์และดูเปราะบางนัก เสื้อตัวใหญ่ซึ่งแบะอ้าอยู่เผยให้เห็นถึงสรีระแบบบุรุษเพศก็จริง แต่ถึงแม้จะเป็นเด็กหนุ่มทว่าผิวกายนั้นกลับขาวนวลเนียนราวอิสตรี ใบหน้ารูปไข่ซึ่งล้อมกรอบด้วยเรือนผมยาวสีฟ้าครามดุจน้ำทะเล รับกันกับสีนัยน์ตาซึ่งปรากฏความกระวนกระวายระริกไหวอยู่ภายใน
จมูกและริมฝีปากงดงามได้รูปเปรียบดังส่วนประกอบที่ลงตัวไร้ที่ติจนเขารู้สึกอดใจไม่ไหวที่จะลองยื่นมือเข้าไปสัมผัสดูเพื่อให้แน่ใจว่ามีตัวตนอยู่จริง คาร์เดียได้แต่ตำหนิตนเอง... เขาควรจะสังเกตเห็นสิ่งเหล่านี้มานานแล้วหากยอมเปิดหัวใจแล้วรับฟังตั้งแต่แรก ทว่าชายหนุ่มก็ไม่เข้าใจตนเองเหมือนกันว่าเหตุใดอาคันตุกะแปลกหน้าซึ่งละม้ายคล้ายคลึงกับคู่หมั้นของเขาจึงมีอำนาจดึงดูดรุนแรงปานนี้
ไม่เพียงแค่รูปโฉมเปลือกนอก..
หากความงดงามที่แท้จริงกลับอยู่ลึกลงไปภายใน เขาสัมผัสซึ้งถึงหัวใจที่แกร่งกล้าเกินตัว.. ทั้งเข้มแข็งและอ่อนโยนในขณะเดียวกัน และมันก็ทำให้คาร์เดียได้หวนคิดถึงครั้งแรกที่ได้พบกัน หลายปีที่ผ่านมาไม่เคยมีใครกล้าโต้แย้งเขาแม้แต่คำเดียว ด้วยภาพลักษณ์ของจอมสลัดผู้เหี้ยมโหดไร้ปรานีที่ปล้นและเผาเรือสินค้าของศัตรูมานักต่อนัก ส่งผลให้ชื่อเสียงในทางเสียๆหายๆนั้นลือกระฉ่อนไปไกลพอๆกับอีกโฉมหน้าหนึ่งของเขา.. วีรกรรมและชื่อเสียงของผู้บัญชาการกองเรือรบราชนาวีที่ขึ้นตรงต่อเจ้าผู้ครองแคว้นอิตาลีเองเป็นที่ครั่นคร้ามไม่น้อยไปกว่ากัน
เมื่อใดที่ผืนธวัชแห่งราชนาวีโบกสะบัดอยู่บนยอดเสาแทนที่สัญลักษณ์หัวกะโหลกไขว้ เมื่อนั้นจะเป็นเวลาอกสั่นขวัญแขวนอย่างแท้จริงของศัตรูด้วยจะไม่มีเรือลำใดรอดพ้นจากเงื้อมือไปได้ แต่แล้วเจ้าหนุ่มน้อยคนนี้กลับกล้าเถียง.. ยิ่งกว่านั้นถึงกับกล้าตบหน้าเขา
...จริงอยู่ว่าทั้งสองต่างก็งดงามเหมือนกัน ทว่าก็ไม่เหมือนกัน...
ภายใต้ความเหมือนยังคงมีความเเตกต่าง
มาบัดนี้จึงได้ตระหนัก..
“น่าเสียดายนัก”
คามิวรู้สึกราวกับหัวใจถูกบีบเค้น
เพียงถ้อยคำสั้นๆประโยคเดียวทว่าส่งผลรุนแรงดุจสายฟ้าที่ฟาดลงกลางใจ เมื่อมันแสดงอย่างออกชัดเจนถึงความผิดหวัง… เป็นดังที่คาดไว้จริงๆ โกลเซนต์หนุ่มน้อยสูดหายใจลึกแล้วผละจากสัมผัสอ่อนโยนของชายหนุ่มเพราะรู้ดีว่าไม่มีสิทธิ์จะคาดหวังอันใดในเมื่อผู้ซึ่งคาร์เดียถวิลหามิใช่ตนมาตั้งแต่แรกแล้ว ซ้ำร้ายที่นี่ยังมิใช่ที่ทางสำหรับเขาและความฝันไร้สาระนี่ก็ควรยุติเสียที
“ถ้าเช่นนั้นก็หมายความว่าท่านเชื่อข้าแล้ว” น่าแปลกนักที่เวลานี้เขากลับไม่ดีใจ...
“และข้าเดาว่าต่อไปนี้ข้าคงสามารถขึ้นไปเดินเล่นบนดาดฟ้าเรือได้อย่างอิสระแล้วกระมัง” โดยไม่แยแสสายตาที่เฝ้ามองอยู่ คามิวรีบกลัดกระดุมเสื้อเปียกโชกเข้าหากันอย่างรวดเร็วพลางกัดริมฝีปากแน่นแล้วภาวนาขออย่าให้มือสั่นด้วยไม่ต้องการจะเปิดเผยความอ่อนแอมากไปกว่านี้อีกแล้ว
ทว่าคาร์เดียกลับเกาะกุมมือเย็นเฉียบไว้แน่นส่งผลให้หนุ่มน้อยต้องเงยหน้าขึ้นมอง
“สวมเสื้อเปียกๆเดี๋ยวก็เป็นหวัดกันพอดี” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงนุ่มพลางดึงคามิวเข้ามากอด “และไม่ว่ายังไงผมก็ยังคงปฏิเสธเรื่องการเดินเล่นบนดาดฟ้า เพราะผมไม่ต้องการจะทนเห็นใครจ้องมองคุณทั้งนั้น”
“แต่..”
หนุ่มน้อยขมวดคิ้วอย่างงุนงง ก็คนๆนี้ควรจะรู้แล้วมิใช่หรือว่าตนไม่ใช่...
“ไม่มีแต่!! ให้ตายเถอะ..
คามิว ผมคิดว่าผมแสดงออกอย่างชัดเจนแล้วนะว่าตกหลุมรักคุณ! และผมไม่เคยนึกรังเกียจเลยสักนิดว่าคุณจะมีร่างกายเป็นเช่นไร” คาร์เดียย้ำเสียงแข็งพลางแตะปลายคางคามิวให้เงยหน้าขึ้นสบตา สีหน้ากระด้างดุดันพลันอ่อนลงทันทีเมื่อได้เห็นแววตาที่กำลังจ้องมองตน
“คุณคงจะไม่เชื่อ.. ว่าสิ่งที่ทำให้ผมหลงรักคุณมิใช่เพียงแค่รูปกาย หากแต่เป็นเพราะคุณมีพลังแห่งชีวิตที่เปี่ยมล้นและเจิดจ้าที่สุดเท่าที่ผมเคยพบมา ประกอบกับยามที่ได้เป็นตัวของตัวเองเช่นนี้แล้วคุณยิ่งเด่นชัดและดูมีเสน่ห์มากเหลือเกิน คุณมีจิตวิญญาณที่ทั้งแข็งแกร่งและงามสง่าในขณะเดียวกัน อีกทั้งเจิดจรัสเสียจนทำให้ผมไม่อาจละสายตาได้เลย
คามิว.. คุณจะรู้ตัวบ้างรึเปล่าว่าเพียงแค่คุณปรากฏกายขึ้นบนเรือของผมก็ทำให้ชีวิตผมมันสับสนปั่นป่วนไปหมดแล้ว ที่ผ่านมาไม่เคยมีใครสามารถปลุกปั่นให้ผมคลั่งได้เหมือนที่คุณทำ ไม่เคยมีใครกล้าเถียง ..คำพูดของผมคือประกาศิตเสมอมา แต่แล้วคุณ..”
ชายหนุ่มชะงักเพียงครู่หนึ่งเพื่อที่จะจ้องมองใบหน้างามให้เต็มตาพลางยิ้มขันเมื่อได้เห็นว่าอีกฝ่ายถึงกับอ้าปากค้าง
คาร์เดียปอกเปลื้องเสื้อผ้าเปียกชุ่มออกจากร่างในอ้อมแขนแล้วแทนที่ด้วยผ้าห่มผืนหนา ฝ่ามือใหญ่บรรจงเช็ดเรือนผมให้อย่างเบามือขณะที่คามิวได้แต่นิ่งงันอย่างทำอะไรไม่ถูก
“คุณไม่เพียงแต่กล้าโต้แย้ง
แต่ยังทำในสิ่งซึ่งแม้แต่กลาสีที่กล้าหาญที่สุดบนเรือลำนี้ก็ยังไม่คิดจะทำ
และถึงแม้จะเป็นแค่เพียงไม่กี่วันที่ได้อยู่กับคุณแต่ก็ทำให้ผมได้รู้ว่ามันสายเสียแล้วที่จะปล่อยคุณไป คามิว..
เวลานี้ผมไม่อาจปล่อยมือจากคุณได้อีกแล้ว”
...นี่มันอะไรกัน....
เป็นไปได้หรือที่คนๆนี้จะหลงรักตนได้ถึงเพียงนั้น ทั้งที่ตนมิใช่สตรี ทั้งที่เขาเองก็มีคู่รักที่รอจะวิวาห์ด้วย...
หรือจะเป็นการเล่นตลกอันใดอีก..
“ย.. อย่ามาล้อเล่นนะ! นี่มันไม่ตลกเลยสักนิด ข้าไม่ใช่..”
นาทีนั้นอารมณ์ขุ่นมัวและถ้อยคำทั้งมวลมีอันถูกกลืนหายลงไปในลำคอ
คามิวถึงกับหายใจไม่ออกเมื่ออีกฝ่ายกระชับอ้อมแขนแน่นแล้วบังคับให้เงยหน้าขึ้นรับจุมพิต คาร์เดียประคองศีรษะเด็กหนุ่มไว้เพื่อมิให้สะบัดหนีแล้วลิ้มชิมรสหวานมิรู้เบื่อ ชายหนุ่มต้องสะกดอารมณ์รุนแรงของตนเองไว้ภายในด้วยไม่ต้องการจะทำให้เกิดความเจ็บปวด ถึงแม้ว่าความดื้อดึงของคามิวสมควรจะได้รับการตอบแทนอย่างสาสมก็ตาม
“ทำไมถึงดื้ออย่างนี้นะ!!” หนุ่มน้อยได้แต่กระพริบตาปริบๆกับวาจาตำหนิ ภายใต้ลมหายใจที่ขาดห้วงของทั้งคู่ นัยน์ตาสีเทาเข้มจ้องมองราวกับจะทะลุทะลวงไปถึงแก่นกลางใจ สะกดทุกอณูในเรือนกายให้ชะงันงันได้ประหนึ่งสายตาพยัคฆ์ร้าย และเขาเป็นเพียงเหยื่ออันโอชะ ..เหยื่อเนื้อนุ่มรสหวานที่ไร้ทางขัดขืน
“ทั้งๆที่มองตาคุณแวบเดียวผมก็เห็นทะลุปรุโปร่งหมดแล้วแท้ๆว่าคุณรู้สึกกับผมอย่างไร จะต้องให้ผมทำยังไงคุณจึงจะยอมเข้าใจว่าผมรักคุณ!
ไม่คิดบ้างหรือว่าการที่ฮอร์คนำคุณมาที่นี่ก็เพื่อให้เราได้พบกัน” คาร์เดียนึกอยากจะจับคนหัวดื้อเขย่าให้หัวสั่นหัวคลอนนักเผื่อว่าคำพูดเปิดอกนี้จะแทรกซึมสู่สมองได้บ้าง
“แต่ไม่ว่าอย่างไรท่านก็ต้องแต่งงาน
ดังนั้นนี่ไม่ใช่เวลาที่ควรจะเอ่ยคำรักออกมา และคู่หมั้นของท่าน.. ท่านหญิงเดเจลตัวจริงน่ะคงกำลังรอท่านอยู่แน่ๆ”
โกลเซนต์อควอเรียสไม่ปล่อยใจให้หลงไปกับการเกลี้ยกล่อม ด้วยยังสำนึกอยู่เสมอว่าตนไม่อาจตอบรับข้อเรียกร้องของอีกฝ่ายได้
“ผมคงยังไม่ได้บอกคุณ..
เหตุที่กองเรือทั้งหมดของผมลอยลำอยู่กลางทะเลวันแล้ววันเล่าเช่นนี้ก็เพื่อรอเวลา
ผมได้รับคำสั่งให้เข้าโจมตีเมืองท่าสำคัญของศัตรู และเมื่อสัญญาณมาถึง.. สัญลักษณ์ของโจรสลัดจะถูกปลดลงแล้วแทนที่ด้วยธงราชนาวี ลูกเรือทั้งหมดบนเรือลำนี้จะสลัดคราบกลาสีสกปรกทิ้งแล้วแต่งเครื่องแบบทหารเต็มยศอย่างพร้อมรบ
เมื่อถึงเวลานั้นผมจะไม่มีสิทธิ์คิดถึงเรื่องหัวใจและภารกิจต่อบ้านเมืองต้องมาก่อน ผมไม่อาจรู้.. ท่านหญิงเดเจลซึ่งเป็นบุตรีของเจ้าผู้ครองเมืองท่านั้นจะสิ้นชีวิตไปพร้อมกับผู้คนในเมือง จะกลายเป็นเชลยศึกที่จะถูกส่งไปขายเป็นทาสหรือนำไปปู้ยี่ปู้ยำอย่างไรก็ได้ หรือจะมาเป็นเจ้าสาวของผมที่จะอยู่ครองคู่กันไปชั่วชีวิต
หากนางยอมเอาใจออกห่างจากบิดาแล้วมาร่วมกับเราก็คงดี แต่ถ้าไม่..”
คาร์เดียพลันชักสีหน้าเหี้ยมเกรียมยามที่เอ่ยถึงสงคราม
“ ก็คงมีเพียงโชคชะตาเท่านั้นที่จะบอกได้
ผมไม่มีสิทธิ์ที่จะหวังอะไรทั้งสิ้นและไม่รู้เลยว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่จะมีโอกาสมอบความรักให้ใครหรือเปล่า พลังแห่งความคิดของผมเพียงคนเดียวไม่ยิ่งใหญ่พอที่จะเชื่อว่าทุกสิ่งจะจบลงด้วยดี ผมอาจตาย..
อุทิศร่างกายนี้เป็นอาหารปลาในทะเลรึไม่ก็ถูกคมหอกคมดาบเสียบทะลุ แต่นั่นก็เป็นเรื่องปกติของพวกเรา”
“ไม่!”
อึดใจนั้นคาร์เดียถึงกับตะลึงงันเมื่อเด็กหนุ่มโผเข้ากอด ชายหนุ่มสัมผัสได้ถึงวงแขนสั่นสะท้านที่โอบแน่นอยู่รอบลำคอก่อนจะถอนหายใจ เขาไม่ควรเล่าเรื่องงานให้คามิวฟังเลย รังแต่จะทำให้หวาดกลัวเสียเปล่าๆ
“ไม่ต้องกลัว..
ก่อนที่จะถึงเวลานั้นผมจะหาทางส่งคุณกลับไปโลกเดิม จงลืมเรื่องพวกนี้เสียเพราะมันไม่เกี่ยว..”
“ข้ามิได้กลัวการทำศึก..
แต่กลัวที่จะต้องเสียท่านไป”
นัยน์ตาสีครามเปิดเปลือยความรู้สึกทั้งหมดออกมา
วินาทีนี้คามิวปรารถนาจะให้ตนเองเชื่อเหลือเกินว่าคนๆนี้จะต้องปลอดภัย หากดินแดนแห่งนี้ตอบสนองต่อพลังแห่งความศรัทธาแล้วล่ะก็.. เขาก็จะขอทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างที่มีอยู่เพื่อมัน
“ข้าจะทำทุกอย่างเพื่อให้ท่านรอด ข้าจะไม่ยอมเห็นท่านตายอย่างแน่นอน”
คำพูดหนักแน่นมั่นคงที่ประกาศชัดถึงความรู้สึกนึกคิดทำให้คาร์เดียยิ้มได้
ชายหนุ่มดันร่างคามิวออกห่างแล้วยกมือขึ้นเสยผมที่ปรกใบหน้างามออกพลางจ้องลึกเข้าไปในดวงตาที่ซื่อตรงพลางได้ตระหนักว่านี่คือผู้ที่เป็นดังลมหายใจตน
เมื่อได้พบกันแล้วเขาไม่ก็คิดเสียดายเลยหากชีวิตจะแตกดับไปในสงครามครั้งนี้
“ถ้างั้นหลับตาสิ..”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น