8/03/2555

Another Portray 3










ไม่เข้าใจจริงๆ...  

...เขาไม่ใช่ท่านหญิงเดเจลแต่เขาเป็นผู้ชาย   เหตุใดจึงไม่มีใครสนใจจะฟัง   คนเหล่านั้นแยกแยะความแตกต่างระหว่างชายหญิงไม่ออกหรือไร..

และเวลาเคลื่อนที่ไปข้างหน้าเพียงอย่างเดียวจริงล่ะหรือ....

อควอเรียสหนุ่มน้อยพยายามคิดทบทวนซ้ำแล้วซ้ำเล่าพร้อมด้วยท้องไส้ที่หดเกร็งด้วยความเครียด   เป็นความผิดของเขาเองที่เผลอใจเพลิดเพลินไปกับสถานการณ์รวมทั้งความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นระหว่างตนกับคาร์เดีย   หลังจากเกิดเรื่องกระทบกระทั่งกันในวันนั้นแล้วอีกฝ่ายก็ไม่มีที่ท่าจะแสดงพฤติกรรมหยาบคายเช่นนั้นอีก   แต่การได้รับการดูแลเอาใจใส่จากชายหนุ่มและอยู่แต่ในเคบินถึงสามวันทำให้คามิวลืมสำรวจตนเองไปสนิท   และเขาพลาดพลั้งเรื่องสำคัญที่สุดไปอย่างไม่น่าให้อภัย

...นี่มันหมายความว่ายังไง...

คามิวยืนอยู่หน้ากระจกเงาพลางชะโงกหน้าเข้าไปจนเกือบชิด   มันเกิดอะไรขึ้นกับแนวเคราบริเวณสันกรามของเขา   ทั้งๆที่เวลาผ่านไปถึงสามวันทว่าใบหน้าเขากลับไม่มีการเปลี่ยนแปลงให้เห็นแม้แต่น้อย   เด็กหนุ่มเคยชินกับการโกนหนวดอย่างน้อยวันเว้นวันมาตั้งแต่สองปีที่แล้ว   และกับวัยสิบสี่ย่างสิบห้าอย่างเขา..  เป็นไปได้อย่างไรที่หนวดเคราจะไม่งอกยาว   หรือว่าเวลาจะหยุดเดินนับตั้งแต่นาทีที่เขาถูกโยนลงมาทีนี่...  

..หากเป็นเช่นนั้นจริง   ตราบใดที่เขายังติดอยู่ที่นี่ร่างกายของเขาก็คงไม่มีการเจริญเติบโตสินะ  

เรื่องทุกอย่างชักจะไม่ชอบมาพากลเสียแล้ว...


เสียงกระพือปีกที่หน้าต่างเคบินส่งผลให้คามิวยิ้มออก   เจ้าฮอร์ค..   เหยี่ยวคู่ใจของคาร์เดียแวะมาเยี่ยมเยียนเหมือนที่เคยเป็นทุกวัน   เด็กหนุ่มดึงหนังสือเล่มใหม่ออกจากจงอยปากสีดำพร้อมกับตบหัวมันอย่างรักใคร่    ถึงแม้ฮอร์คจะเป็นต้นเหตุที่นำพาให้เขามาพบกับเหตุการณ์แปลกประหลาดทว่าคามิวกลับมิได้คิดโกรธเคืองมัน    เขาอาจมีความจำเป็นที่จะต้องมาที่นี่ด้วยเหตุผลบางอย่างที่ยากต่อการอธิบาย   หนุ่มน้อยบิขนมปังกรอบออกเป็นชิ้นเล็กๆแล้วยื่นให้กับนกเหยี่ยวเป็นรางวัล    คามิวค่อนข้างแน่ใจว่าคาร์เดียเป็นผู้สอนสั่งให้มันคาบหนังสือเข้ามาให้อ่านทุกวันและนี่คงเป็นวิธีการเอาอกเอาใจอย่างหนึ่งที่คนๆนั้นมีให้กับตน   บางครั้งการมีสัตว์ตัวเล็กๆเช่นนี้อยู่เป็นเพื่อนก็ทำให้เขาคลายเหงาได้มากทีเดียว

ทว่าทุกอย่างที่ดูจะไปได้สวยกลับพังทลายลงในพริบตา   สถานการณ์ที่ดูไม่ชอบมาพากลเริ่มส่อแววว่าจะเลวร้ายลงอีกในนาทีที่คาร์เดียเข้ามาในเคบินและแสดงให้เขาเห็นถึงตัวตนที่แท้จริงของดินแดนประหลาดแห่งนี้ 

“ไปซะ  ฮอร์ค” โจรสลัดหนุ่มเอ่ยปากไล่เพื่อนคู่หู   ทว่าแทนที่นกเหยี่ยวจะบินกลับออกไปทางหน้าต่างมันกลับหุบปีกแนบลำตัวแล้วสูญสลายกลายเป็นละอองหมอกสีเงิน   คามิวถึงกับผงะกับสิ่งที่เห็น   มันเกิดอะไรขึ้น...

“เปล่า..  ผมไม่ได้ฆ่ามัน”  คาร์เดียตอบเสียงเรียบ  “แต่เดิม  ฮอร์คก็เกิดจากความนึกคิดที่ต้องการจะมีเหยี่ยวสักตัวไว้เป็นเพื่อนอยู่แล้ว   ดังนั้นผมสามารถเรียกมันออกมาหรือลบมันทิ้งตอนไหนก็ได้ทั้งนั้น”   ชายหนุ่มก้าวเข้ามาใกล้เมื่อสังเกตเห็นว่าอีกฝ่ายใบหน้าซีดเผือด  “ในเมื่อสิ่งที่ผมทำก็เป็นเรื่องปกติแล้วคุณตกใจอะไรหรือครับ   ท่านหญิงเดเจล”

“ข้าไม่ใช่ผู้หญิง..   และก็ไม่ใช่คู่หมั้นของท่านด้วย   จะต้องทำอย่างไรท่านถึงจะเข้าใจ”  เป็นอีกครั้งที่คามิวย้ำอย่างหนักแน่นพลางถอยหลังไปก้าวหนึ่ง   นัยน์ตาจับจ้องอยู่ที่ชุดยาวสีฟ้าอ่อนที่พาดอยู่บนต้นแขนชายหนุ่มอย่างหวาดๆ   คาร์เดียถอนหายใจแล้วนิ่งฟังอย่างอดทนพร้อมด้วยสีหน้าที่ราวกับกำลังฟังเด็กเล็กๆเล่านิทาน

“ถ้าเช่นนั้นคุณก็ควรจะมีหน้าอกแบนราบแล้วก็มีลูกกระเดือกที่ตรงนี้”  ชายหนุ่มชี้ไปที่ลำคอตนเอง  “ทว่าที่ผมมองเห็นมันกลับไม่เป็นอย่างนั้น..   ลำคอของคุณยังคงขาวนวลน่าสัมผัสรวมทั้งส่วนอื่นๆด้วย   ขอโทษนะครับ  
ผมไม่ได้เจตนาจะสังเกตทรวดทรงของคุณจนเกินงาม   ทว่าก็คงต้องชี้ให้เห็นว่าคุณนั้นเลยวัยที่จะเล่นซุกซนแบบเด็กผู้ชายแล้วล่ะครับ   คุณผู้หญิง” 

คามิวรีบกุมรอบลำคอตนเองเพื่อคลำหาลูกกระเดือก   และพริบตานั้นเด็กหนุ่มก็ยิ่งใจหายมากกว่าเดิมเมื่อเขาหามันไม่พบ   ทว่าคาร์เดียกลับสิ่งยิ้มมาให้ก่อนจะคว้าหลังมือนุ่มขึ้นจุมพิต 

“ผมจะให้คนนำน้ำร้อนเข้ามาให้คุณอาบ   ทว่าบนเรือลำนี้ไม่มีผู้หญิงอยู่เลยดังนั้น..  ผมจะทำหน้าที่สาวใช้ประจำตัวให้คุณเอง” ชายหนุ่มจบคำก่อนจะหันไปเปิดประตูเคบิน    กลาสีสองนายยกอ่างไม้เข้ามาตั้งกลางห้องพร้อมด้วยน้ำร้อนซึ่งกำลังได้ที่แล้วกลับออกไปอย่างรวดเร็วพอๆกัน   ไอน้ำที่ลอยกรุ่นขึ้นมาจากอ่างนั้นชวนให้อยากยื่นมือลงไปสัมผัสเหลือเกินและคามิวไม่แคร์...  เด็กหนุ่มปลดกระดุมเสื้อตัวหลวมที่สวมอยู่ออกโดยไม่สนใจสายตาแทะโลมของบุรุษร่างสูงซึ่งยืนนิ่งอยู่ที่ข้างประตูโดยสวมบทบาทเป็นพี่เลี้ยง

...บางทีนี่อาจเป็นวิธีสุดท้ายที่จะพิสูจน์ให้อีกฝ่ายเห็นว่าเขาเป็นผู้ชาย   เรื่องบ้าๆนี่จะได้จบเสียที...

ทว่าทันทีที่ผิวกายเปล่าเปลือยปรากฏต่อสายตาคามิวก็รีบตะครุบสาบเสื้อไว้แทบไม่ทัน   หนุ่มน้อยสะดุ้งเฮือกหน้าแดงก่ำไปถึงใบหู   พลางรู้สึกว่าความร้อนจากใบหน้าพุ่งจี๊ดขึ้นสู่สมองในนาทีที่เหลือบเห็นทรวงอกงามสล้างอยู่ภายใต้เสื้อตัวใหญ่   

“น..  นี่มัน.. ได้ยังไง  ..ตั้งแต่เมื่อไหร่” ความตื่นตระหนกทำให้คามิวพึมพำแทบไม่เป็นภาษา   ก่อนจะกลั้นใจก้มลงมองเข้าไปข้างในเสื้ออีกครั้ง   ร่างงามยืนโงนเงนงุนงงกับภาพที่เห็น   ก่อนจะเสียหลักหงายหลังโครมลงไปในอ่างอาบน้ำ

“ท่านหญิง!!”  พี่เลี้ยงจำเป็นรีบเหวี่ยงชุดในมือทิ้งแล้วปราดเข้าไปพยุงคามิวขึ้นมาจากน้ำ   และชั่วขณะนั้นนัยน์ตาสีเทาก็พลันเปลี่ยนเป็นสีเข้มขึ้นด้วยแรงปรารถนาเมื่อได้เห็นสภาพล่อแหลมต่อสายตาของคู่หมั้นคนงาม   ร่างแบบบางที่สั่นระริกอยู่ในอ้อมแขนเขาเต็มไปด้วยหยดน้ำเกาะพราวทั้งตัว   ผิวเนื้อนวลเปลี่ยนเป็นสีชมพูระเรื่อเมื่อถูกความร้อน    เสื้อขาวที่เปียกน้ำชุ่มฉ่ำจนแนบติดกับเรือนร่างรึก็บางใสจนมองเห็นภายใน   คาร์เดียไม่อาจลละสายตาไปจากดวงหน้างามพิสุทธิ์ที่กำลังตื่นตกใจ    และหัวใจของเขามิได้สร้างจากอิฐหินดินทรายจึงจะไม่สนใจสิ่งสวยงามเหล่านี้

“ถ้าหากว่าคุณกำลังพยายามจะยั่วผมอยู่ล่ะก็..   ขอแสดงความยินดีด้วยนะครับ”  โจรสลัดหนุ่มปัดริมฝีปากผ่านใบหูแล้วขบเม้มเบาๆที่ต้นคอ   ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วก้าวไปที่เตียงนอนพร้อมด้วยคามิวที่ตัวแข็งทื่ออยู่ในอ้อมแขน    คาร์เดียวางร่างแบบบางลงบนเตียงแล้วเอนกายทาบทับลงไป   ชายหนุ่มประทับจุมพิตลงบนเรียวปากที่ปิดสนิทแน่นอย่างไม่ยินยอมพร้อมด้วยความตั้งใจที่จะปราบพยศแม่ตัวดีให้ยอมศิโรราบ    แต่แล้วเขาก็ต้องถอนหายใจกับอาการดิ้นรนอย่างดื้อดึงของอีกฝ่าย   เสียงร้องอู้อี้และอาการต่อสู้ขัดขืนของคามิวทำให้คาร์เดียยอมรามือในที่สุด

“คุณทำให้ผมคลั่ง...  คุณผู้หญิง”  คาร์เดียตำหนิ    นัยน์ตาสีเทาเข้มจ้องมองทรวงอิ่มงามที่สะท้อนขึ้นลงตามจังหวะการหอบหายใจอย่างแสนเสียดาย

“ผมไม่ชอบใช้กำลังบังคับขืนใจใคร   และหากว่าคุณไม่ยินยอมที่จะเป็นของผมในตอนนี้   ก็ไม่ควรท้าทายผมด้วยวิธีนั้น”  เขาเบือนหน้าหนีก่อนจะขยับกายถอยห่างแล้วลุกขึ้นนั่ง   ขณะที่คามิวไม่รู้ว่าตนควรทำอย่างไรดีในเวลาเช่นนี้   เขาไม่แน่ใจว่าตนเองควรจะกล่าวคำขอโทษหรือต่อว่าดี   เขาไม่เคยมีเจตนาจะยั่วยวน..  เพียงแค่ต้องการแสดงหลักฐานให้อีกฝ่ายเห็นเท่านั้น..   ว่าเขามิใช่ท่านหญิงซึ่งเป็นคู่หมั้นของคาร์เดีย  

ทว่าในพริบตาที่ทั้งคู่สบตากัน   ความเจ็บปวดที่ฉายชัดอยู่ในแววตาของชายหนุ่มกลับพาให้คามิวต้องใจเต้นระรัวอย่างที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน   แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเขาก็จำต้องพูดความจริง

“ได้โปรดเชื่อข้า..  ข้าคืออควอเรียส   คามิว   ไม่ใช่เดเจลคนรักของท่าน  
ข้ามาจากที่ซึ่งอยู่ไกลแสนไกลและก็ไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร...  นกเหยี่ยวตัวนั้นเป็นผู้นำทางให้ข้ามาที่นี่”  


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น