ชิเอล
แฟนธอมไฮฟ์เพิ่งจะได้ตระหนักถึงความหนักหนาของการเป็น ‘เจ้าของน้ำตาฟินิกซ์’ ก็วันนี้เอง เขาไม่เคยคิดมาก่อน ว่านอกเหนือจากหนึ่งเดือนเต็มที่ถูกคุมขังแล้วตนเองจะมีวันที่ตกต่ำจนแม้แต่เสื้อผ้าติดกายก็ยังต้องขอบริจาคจากคนอื่น แถมยังต้องมามีชีวิตแบบหลบๆ ซ่อนๆ อย่างนี้
ในทีแรกเขานึกโมโหโชคชะตาที่เล่นตลกจนเกินไป แต่เมื่อได้รับรู้เรื่องราวการเก็บเกี่ยววิญญาณที่ผิดพลาดของยมทูตผมแดง..
เกรล แซตคลิฟที่ได้รับข้อมูลมาผิดๆ จนไปเก็บเอาวิญญาณของมนุษย์ที่ยังไม่ถึงฆาตมา เป็นเหตุทำให้ต้องพาวิญญาณที่เก็บพลาดทั้งสี่ดวงออกเดินทางตามหาผู้มีอำนาจสั่งการคืนวิญญาณกลับเข้าร่างให้ทันเวลา จนได้มาพบกันอีกครั้งภายใต้สถานการณ์ที่แปลกประหลาดเช่นนี้
ต่อมาเกรลได้เล่าให้ฟังถึงเรื่องสภาพวิกฤตในสมาคมผู้เก็บเกี่ยววิญญาณ ซึ่งเจ้าหน้าที่แผนกต่างๆ พากันหายตัวไปเกือบหมดเพราะ
‘ตัวเขาเอง’ เป็นสาเหตุ ..ขอย้ำว่าหมอนี่โทษว่าเขาเป็นต้นเหตุของทุกสิ่งทุกอย่าง.. รวมทั้งได้รู้เห็นสภาพวิปริตของโลกทั้งสามซึ่งกำลังตื่นตัวอย่างรุนแรงเพราะปรากฏการณ์น้ำตาฟินิกซ์จนส่งผลให้เกิดความวุ่นวาย
ความขัดแย้ง และการแก่งแย่งชิงตัวคนเพียงคนเดียวซึ่งกำลังส่อแววว่าจะเลวร้ายลงทุกที และจวนเจียนจะขยายขอบเขตไปสู่สงครามระหว่างเผ่าพันธุ์แล้ว
ทั้งหมดนั้นทำให้ชิเอลอดคิดไม่ได้
ว่าบางทีการที่ตนเองต้องพบกับความลำบากถึงเพียงนี้ก็อาจสมเหตุสมผลอยู่เหมือนกัน และนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาจึงยังทนสีหน้าท่าทางหมั่นไส้สุดๆ
ของเกรลได้ ..หมอนี่คงอิจฉาเขาที่ใครๆ
ต่างก็ต้องการตัวสินะ
ช่างไม่ได้รู้อะไรเลย.. ถ้าหากเลือกได้ล่ะก็เขาจะไม่มีทางยอมเป็นเจ้าของน้ำตาฟินิกซ์อย่างเด็ดขาด แต่เวลานี้ชิเอลไม่นึกอยากตำหนิเกรลนักหรอก อีกอย่างหมอนี่ก็ยังมีประโยชน์อยู่ และในสถานการณ์เช่นนี้เขายังจำเป็นต้องพึ่งพาความช่วยเหลืออีกไม่น้อย
ชิเอลถอนหายใจอีกครั้ง.. ถึงแม้นี่จะยังไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่สถานการณ์เลวร้ายที่สุดเพราะอย่างน้อยเขาก็ยังมีสหายอยู่เคียงข้าง แต่ถึงกระนั้นบนท้องฟ้าก็เต็มไปด้วยกองทัพจากสวรรค์ซึ่งแลเห็นเป็นจุดขาวๆ
บินอยู่เต็มไปหมด
ขณะที่บนพื้นดินก็เต็มไปด้วยฝูงอมตะชนสารพัดเผ่าพันธุ์ ซึ่งหากนับเฉพาะพวกที่มีอารยะและสามารถสื่อสารให้รู้เรื่องได้ด้วยคำพูดแล้วก็ยังมีจำนวนมากเกินกว่าที่ใครสักคนจะรับมือได้อยู่ดี และไม่ต้องสงสัยเลย..
ว่าหากถูกเจ้าพวกนั้นพบตัวเข้าจะเกิดอะไรขึ้น ด้วยเหตุนี้ชิเอลจึงถูกบังคับให้ซ่อนตัวมิดชิดอยู่แต่ใน
‘หลุมหลบภัย’ อย่างชนิดห้ามโผล่หน้าออกมาแม้แต่นิดเดียว เพื่อให้คนอื่นๆ ที่เหลือปกป้องคุ้มครองได้สะดวก พร้อมทั้งต้องทำหน้าที่เป็น ‘เหยื่อล่อ’ ที่ว่าง่ายอย่างไม่มีทางเลือกอีกต่างหาก
ปีศาจหนุ่มน้อยเข้าใจแผนการและยอมรับแต่โดยดี ..ช่วยไม่ได้..
ในเมื่อนี่เป็นสิ่งเดียวที่เขาพอจะทำได้ในเวลานี้
“เข้าใจล่ะ..
เพื่อให้ยมทูตตนนั้นปรากฏตัวถึงต้องใช้ฉันเป็นเหยื่อล่อสินะ”
“ใช่แล้ว!”
ทั้งที่ชิเอลคิดว่าตนเองเข้าใจและพร้อมที่จะทำทุกอย่างแล้ว ทว่าการที่วิญญาณคนเป็นและยมทูตผมแดงพร้อมใจเห็นพ้องต้องกันอย่างแข็งขันจนน่าหมั่นไส้เช่นนี้ ก็ช่างเป็นภาพที่ชวนให้โมโหจริงๆ
“ระหว่างที่รอให้หมอนั่นปรากฏตัวออกมาพวกเราจะปกป้องนายเอง” ดูเหมือนว่าการได้ปกป้องเขาจะทำให้เจ้างี่เง่านี่ปลาบปลื้มเสียจนยิ้มไม่หุบ ขณะที่อัคนีพยักหน้าอย่างเห็นดีเห็นงามเอาใจเจ้านาย
“อย่าเลย..
ฉันว่านายเข้ามาซ่อนตัวอยู่ด้วยกันจะดีกว่านะ” ชิเอลห้ามเพราะไม่อยากเห็นเจ้าชายบ้านี่ตายทั้งๆ
ที่วิญญาณยังไม่ได้กลับเข้าร่าง
ทว่าอีกฝ่ายกลับเห็นไปเรื่องขัน
“ไม่เป็นไรหรอก”
โซมายิ้มกว้าง พลางตบๆ ที่หน้าอก
“อยู่ในสภาพวิญญาณอย่างนี้แม้แต่กระสุนปืนยังทะลุผ่านตัวไปเลย ไม่มีอันตรายอะไรหรอกน่า”
ถ้าหากเจ้าตัวว่าอย่างนั้นเขาเองก็ไม่มีอะไรจะแย้ง ชิเอลหันกลับมามองรอบตัว.. สถานที่ซึ่งเขาหลบซ่อนอยู่ในเวลานี้มีลักษณะเป็นถ้ำเล็กๆ
ซึ่งอยู่ไม่ห่างออกไปจากจุดที่พบกับทุกคนมากนัก
ที่นี่เป็นเสมือนหลุมหลบภัยตามธรรมชาติซึ่งล้อมรอบด้วยภูเขาขนาดย่อมๆ
ทำให้ยากต่อการเข้าถึงหรือบุกประชิด นอกจากนี้ยังมีทะเลสาบซึ่งสะท้อนแสงจันทร์สีเลือดจนแดงฉานไปหมดเป็นปราการขวางอยู่อีกชั้น
จะมีก็เพียงเผ่าพันธุ์ที่บินได้เท่านั้นที่จะผ่านเข้ามาได้อย่างสะดวกดาย หากก็ยังนับว่าเป็นชัยภูมิที่เหมาะสมแก่การตั้งรับเป็นอย่างยิ่ง
แผนการทั้งหมดมีอยู่ว่า.. เขาจะต้องหลบอยู่ในถ้ำนิ่งๆ
และไม่พยายามทำอะไรทั้งสิ้นนอกจาก โปรยเสน่ห์ ..นี่เป็นคำที่เจ้ายมทูตกระเทยนั่นใช้กระแนะกระแหน
‘ภารกิจ’ ที่เขาได้รับ..
ล่อให้ใครต่อใครเข้ามาหา ส่วนคนอื่นๆ
ก็จะคอยคุ้มกันอยู่ที่ด้านนอกพร้อมด้วยอาวุธครบมือ ซึ่งเป็นอภินันทนาการที่ได้มาจากเหลา
นั่นทำให้ชิเอลตกใจพอสมควร ก็ใครจะคิด.. ว่าหลังจากที่เขากลายสภาพเป็นปีศาจแล้วเจ้าบ้านี่จะบุกเบิกตลาดอาวุธอย่างเป็นล่ำเป็นสันถึงเพียงนี้ แต่เมื่อฟังคำบอกเล่าจากปากเจ้าตัวแล้วชิเอลก็พอจะนึกภาพออก
หลังจากที่อังกฤษปราศจากสุนัขรับใช้ราชินีอย่างเขาแล้ว ธุรกิจมืดประเภทนี้คงจะขยายตัวกันอย่างคึกคักทีเดียว และลอนดอนในตอนนี้ก็คงไม่พ้นเต็มไปด้วยคดีที่ตำรวจยังคลี่คลายไม่ได้เยอะแยะไปหมด นอกจากนี้ถนนหนทางในเวลากลางคืนก็คงเต็มไปด้วยอันตรายมากกว่าแต่ก่อน
แต่ก็ช่างเถอะ..
ทั้งหมดนั่นไม่เกี่ยวกับเขาอีกต่อไปแล้ว
อันที่จริงแล้วหนุ่มน้อยไม่มีเวลาจะมาคิดถึงเรื่องเก่าๆ เหล่านี้อีกเมื่อเสียงการต่อสู้ที่ด้านนอกพลันระเบิดขึ้น ชิเอลนิ่งฟังเสียงปืนกลหนักของรันเหมาแผดลั่นติดต่อกันเป็นชุด แข่งกับเสียงที่แหลมทว่าถี่ระรัวและทรงพลังของ
‘เจ้าแมงป่อง’ ปืนกลเบาในมือของเหลา ขณะที่เกรลเองก็ดูท่าจะสนุกสนานกับเลื่อยไฟฟ้าคู่ใจ และอัคนี..
ถึงแม้จะไม่ได้โผล่หน้าออกไปแต่ด้วยประสาทสัมผัสเยี่ยงปีศาจตนหนึ่งก็พอจะทำให้เขานึกภาพการต่อสู้ข้างนอกได้อย่างไม่ยากเย็นนัก อัคนีกำลังต่อสู้ไปพลางคอยระวังเจ้านายของตนเองไปพลาง
และมันทำให้เขารู้สึกตีบแน่นในอกชอบกลพร้อมทั้งหงุดหงิดขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ
แต่ดูเหมือนยิ่งเปิดฉากต่อสู้กันมากเท่าไรก็ยิ่งกระตุ้นให้จุดที่หลบซ่อนตัวอยู่เป็นที่สนใจมากเท่านั้น ยิ่งใช้เวลามากขึ้นจำนวนศัตรูที่ทั้งห้าชีวิตหน้าปากถ้ำจะต้องรับมือด้วยก็ยิ่งทวีคูณขึ้นทุกที
เวลานี้หนุ่มน้อยชักไม่แน่ใจเสียแล้วว่าวิญญาณสี่ดวงกับยมทูตอีกหนึ่งจะยังปลอดภัยดีหรือไม่
เพราะเสียงและความโกลาหลที่ข้างนอกนั่นมากเสียจนประสาทหูของเขาไม่อาจแยกแยะได้อีกต่อไปแล้ว
และมันทำให้เขาเริ่มรู้สึกว่าบางทีแผนใช้เหยื่อล่อเช่นนี้คงจะส่งผลร้ายมากกว่าดี
ยังไงทั้งห้าคนนั้นก็ไม่น่าจะรับมือกับฝูงชนที่บ้าคลั่งพวกนั้นได้ตลอดรอดฝั่งหรอก ชิเอลกัดริมฝีปากแน่น..
ขณะที่เค้นสมองตนเองหาทางรอดจากสถานการณ์นี้ พลางชั่งใจว่าควรจะหนีออกไปจากที่นี่ดีหรือไม่
ทว่าเขาไม่มีโอกาสแม้แต่จะก้าวพ้นปากถ้ำออกไปด้วยซ้ำ หนุ่มน้อยสะดุ้งเฮือก.. เมื่อเสียงร้องบอกให้หนีของโซมาดังเข้ามาในโสตประสาทนาทีเดียวกับที่หลังคาด้านบนยุบตัวและพังทลายลงมา ชิเอลก้มตัวแล้วยกแขนทั้งสองขึ้นป้องศีรษะตนเองจากเศษหินน้อยใหญ่ที่ร่วงกราว และแทบจะหัวใจหยุดเต้นเมื่อใบหน้าสีดำที่มีริ้วลายน่าเกลียดหน้ากลัวของอสูรกายตนหนึ่งพุ่งทะลุลงมาจากรอยแตกขนาดใหญ่นั้น หนุ่มน้อยทำได้เพียงอ้าปากค้าง เพราะยังไม่ทันได้ขยับหนีกรงเล็บแหลมคมก็ตะปบเข้าที่ต้นแขนเสียแล้ว มันกระชากตัวเขาเข้าไปหาแล้วโอบกอดเอาไว้ด้วยแขนข้างหนึ่ง ขณะที่อีกข้างกางเล็บตะกุยผนังหินด้านข้างจนทะลุเป็นช่องขนาดใหญ่ก่อนจะเบียดตัวแทรกผ่านรอยโหว่นั้นออกไป
“ไม่!”
เปล่าประโยชน์ที่จะขัดขืน..
ทันทีที่ออกไปได้ปีกดำคู่ใหญ่ก็สยายออกเต็มความกว้างแล้วโผบินขึ้นสู่ท้องฟ้าก่อนที่ชิเอลจะทันได้เห็นสภาพความเป็นไปรอบๆ
ด้วยซ้ำไป เขาไม่รู้ว่าคนอื่นๆ
เป็นอย่างไรบ้าง เพราะในอ้อมแขนของปีศาจแปลกหน้า
..หนุ่มน้อยก็ไม่มีเวลาให้คิดกังวลถึงคนอื่น
เขาพยายามดิ้นรนเอาตัวรอดด้วยทุกสิ่งทุกอย่างที่มี
ทว่าไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่มีทีท่าว่าฝ่ายตรงข้ามจะยอมปล่อยตัว มันก้มลงมองเขาด้วยนัยน์ตาที่เปล่งประกายน่ากลัว และพูด..
“ถ้าดิ้นจนตกลงไปล่ะก็เจ็บแย่เลยนะครับ”
น้ำเสียงที่ไม่คุ้นเคยมาก่อนดังกระหึ่มอยู่ในอก หากน้ำคำที่ออกจากปากกลับฟังดูนุ่มนวลมีอารยะ และดูเหมือนจะรู้จักคุ้นเคยกันมาก่อน
“นาย.. เป็นใคร”
ชิเอลกำลังคิดว่านี่อาจเป็นใครบางคนที่ตนเคยรู้จักทว่าอีกฝ่ายไม่ตอบคำถาม แต่กลับหันไปขว้างลูกไฟเข้าใส่ฝูงปีศาจดำทะมึนที่ไล่ตามมาจนแตกกระเจิงหมดทั้งกลุ่ม
เป็นครั้งแรกที่เขาได้รู้ว่าแม้แต่พวกปีศาจก็ยังมีการแบ่งพรรคแบ่งพวกไม่ต่างจากมนุษย์ เห็นได้ชัดว่าทั้งหมดนี้ไม่ได้อยู่ฝ่ายเดียวกันแน่ และเจ้าตัวที่จับเขาไว้ก็แข็งแกร่งกว่าปีศาจทั้งฝูงอย่างลิบลับ เมื่อในที่สุดมันก็สามารถสลัดการไล่ล่าจนหลุดมาได้และพาเขาร่อนลงบนระเบียงด้านข้างของคฤหาสน์เก่าแก่หลังหนึ่งอย่างไร้รอยขีดข่วน ขณะที่ปีศาจฝ่ายตรงข้ามถูกเผาปีกจนร่วงลงไปส่วนหนึ่ง มีเพียงไม่กี่ตนที่เหลือซึ่งยังไม่ได้หนีหายไปไหน แต่ก็ไม่กล้าติดตามต่ออีกนอกจากจ้องมองมาด้วยนัยน์ตาที่ทอประกายวาว
ก่อนที่หนึ่งในจำนวนนั้นจะสลายร่างหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ทันทีที่เป็นอิสระ ชิเอล แฟนธอมไฮฟ์ก็ถอยหลังกรูดไปจนแทบจะชนกำแพงพลางมองหาประตูทางออกอย่างเอาเป็นเอาตาย ไม่ว่ายังไงก็จะต้องหนีให้ได้ ถึงแม้ว่าจะต้องปีนขอบระเบียงแล้วกระโดดลงไปก็ตาม ทว่าผู้ที่จับเขาเป็นเชลยเห็นท่าทางหวาดกลัวก็มิได้ย่างสามขุมเข้ามาแล้วจับเหยื่อฉีกเป็นชิ้นๆ หรือไม่ก็รีบร้อนครอบครองเขาอย่างตะกรุมตะกราม ตรงกันข้าม..
กายดำที่มีลายสีน้ำตาลอ่อนพาดผ่านเป็นริ้วๆ
ภายใต้อาภรณ์เก่าขาดรุ่งริ่งกลับย่อกายลงคุกเข่า
และเมื่อหัวเข่าข้างซ้ายแตะพื้นรูปร่างของมันก็เปลี่ยนไป
“ไม่ได้เจอกันเสียนานนะครับ..
นายน้อย
อยู่ในร่างนี้คงจะจำผมแล้วได้แล้วสินะ”
ถุงมือขาวสะอาดถูกดึงให้กระชับถึงข้อมือทั้งสอง ก่อนที่เจ้าตัวจะยกมันขึ้นเสยผมดำตัดสั้นให้เข้ารูป แล้วจึงก้มลงสำรวจความเรียบร้อยของตนเอง ริบบิ้น
คอปก แขนเสื้อ
สูทดำชายยาวและกางเกงเรียบกริบไม่มีที่ติ
ส่วนรองเท้า.. อา.. ยังไม่เรียบร้อยเท่าที่ควร
“นาย.. นายมาทำอะไรที่นี่”
เสียงหัวเราะต่ำๆ จากคนถูกถามไม่ใช่คำตอบที่น่าพึงพอใจนัก คลอท
ฟอลทัสคีบเส้นใยสีขาวเหนียวหนึบออกจากปลายรองเท้าตนเอง ก่อนจะยืนตรงแล้วขยับแว่นตาให้เข้าที่ ..เอาล่ะ..
คราวนี้ก็เรียบร้อยไม่มีที่ติเสียที
เหมาะสมและคู่ควรกับการต้อนรับนายน้อยคนสำคัญ
“คุณควรจะรู้อยู่แล้วไม่ใช่หรือครับ
..นายน้อย” คลอทตอบคำถามด้วยคำถามและทำให้หนุ่มน้อยขมวดคิ้วยุ่งกว่าเก่า พ่อบ้านแห่งแทรนชี่ยืดกายขึ้นยืนตรงพร้อมทั้งปัดฝุ่นออกจากขากางเกง
“คุณควรรู้ว่าผมปรารถนาในตัวคุณอย่างที่สุดมาตลอด ..ต่อให้คุณไม่ใช่เจ้าของน้ำตาฟินิกซ์ผมก็ยังต้องการเพียงแค่คุณ ..คุณเพียงคนเดียวเท่านั้น”
“ระ.. ไร้สาระ!” เมื่อพบกับความนัยที่พุ่งเข้ากระแทกอย่างตรงไปตรงมาชิเอลก็ถึงกับทำอะไรไม่ถูก แต่จะให้ยอมรับไมตรีน่ะหรือ.. ไม่มีทาง
“นายเองก็ควรรู้อยู่เช่นกันว่าฉันไม่ใช่นายน้อยของนาย ส่วนนายเองก็ไม่เคยเป็นพ่อบ้านของฉัน
เราไม่เคยมีอะไรเกี่ยวข้องกัน..”
“จริงหรือครับ”
พ่อบ้านแห่งแทรนชี่เข้าถึงตัวหนุ่มน้อยเพียงชั่วกระพริบตา
ก่อนจะเชยปลายคางมนให้เงยขึ้นสบสายตา ขณะที่เจ้าตัวพยายามฝืนไว้ไม่ยอมให้อีกฝ่ายได้สมหวังง่ายๆ ทว่าประโยคถัดมากลับทำให้ชิเอลต้องเป็นฝ่ายเงยหน้าขึ้นมองเสียเอง
“คุณลืมคืนนั้นของเราที่ในถ้ำเสียแล้วหรือ ถึงได้พูดจาเย็นชาเช่นนี้”
“อะไรนะ!”
รอยยิ้มอย่างมีชัยแตะแต้มบางๆ อยู่บนเรียวปาก คลอทยกหลังมือเรียวเล็กขึ้นจุมพิตโดยไม่สนใจอาการรังเกียจของเจ้าของมือ
ขณะที่นัยน์ตาสีอำพันจับจ้องใบหน้าซีดเผือดไม่กระพริบราวกับแมงมุมที่เขม้นหมายมองเหยื่อที่หลงเข้ามาติดกับ เป็นสายตาซึ่งสะท้อนให้เห็นความมั่นใจในตัวเองอย่างล้นเหลือ เชื่อมั่นในเส้นใยบางเบาทว่าแข็งแกร่งทรงพลังที่ไม่ว่าเหยื่อจะดิ้นรนสักเพียงไรก็ไม่อาจรอดพ้นจากคมเขี้ยวไปได้ ..ทั้งยโสโอหังและอวดดีอย่างเหลือร้าย
“รู้มั้ยครับ.. ผมไม่เคยลืมค่ำคืนที่เราได้แนบชิดกันภายใต้แสงจันทร์เลย
ในตอนนั้นคุณช่างน่ารักเหลือเกิน
ไม่ดื้อดึงขัดขืน ไม่..”
“จะพูดพล่ามอะไรก็ให้มีขอบเขตบ้าง!” หนุ่มน้อยไม่อาจนิ่งฟังได้อีกต่อไป และน้ำเสียงห้วนสั้นนั้นก็เข้มพอที่จะทำให้ฝันสลายได้ นัยน์ตาสีทับทิมซึ่งทอประกายกร้าวอย่างไม่พอใจสบประสานเข้ากับตาสีอำพันอย่างไม่กลัวเกรง ชิเอลเม้มริมฝีปากพลางสะบัดมือของตนให้หลุดจากอุ้งมือฝ่ายตรงข้ามแล้วย้อนถามเสียงแข็ง
“ฉันน่ะหรือ..
จะลดตัวลงไปหาคนรับใช้ ฉันน่ะหรือ.. จะปล่อยให้นายทำเรื่องเช่นนั้น
ต่อให้นายเป็นพ่อบ้านของฉันจริงๆ ก็เถอะ ..ฝันมากไปกระมัง”
“หึ.. ยังคงเย่อหยิ่งจองหองเหมือนเคย
ช่างสมกับที่เป็นผู้ดีอังกฤษขนานแท้เหลือเกินนะครับ
ก็เพราะคุณเป็นเช่นนี้แหละถึงได้ทำให้ใครต่อใครหลงใหลนัก ..ทั้งผม..
และหมอนั่น”
“เหลวไหล! เซบาสเตียน ..หมอนั่นน่ะ ไม่มีวันหลงงมงายอยู่กับเรื่องพรรค์นี้หรอก”
นาทีนั้นในอกพลันเจ็บแปลบขึ้นมายามที่เอ่ยชื่ออดีตพ่อบ้านของตน หากชิเอลกลับข่มกลั้นความรู้สึกนั้นลงไป
ปีศาจหนุ่มน้อยเชิดใบหน้าขึ้นพลางบอกตนเองว่าเขาไม่รู้สึกอะไรทั้งนั้น เขาไม่ได้กำลังปวดร้าว จริงๆ
แล้วความรู้สึกที่เกิดขึ้นนี้อาจเป็นเพียงอุปาทานชั่วครู่ก็ได้ และเซบาสเตียนไม่มีอิทธิพลต่อเขาถึงเพียงนั้นหรอก.. ไม่เคยมี
ทว่าสีหน้าและแววตาที่เปลี่ยนไปเพียงเล็กน้อยกลับไม่อาจรอดพ้นจากสายตาพ่อบ้านแห่งแทรนชี่ไปได้ คลอทไม่ยอมปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านเลยไปง่ายๆ ปีศาจหนุ่มประคองศีรษะสวยได้รูปไว้ในอุ้งมือ พลางปัดปอยผมออกไปให้พ้นจากบริเวณตาขวาเพื่อพิสูจน์ความสงสัยของตนเอง ก่อนจะต้องตะลึงงันเมื่อไม่เห็นสัญลักษณ์แห่งพันธะสัญญา ..และนั่นก็หมายความว่า..
“ในที่สุด คุณก็เป็นอิสระจากปีศาจตนนั้นแล้ว”
น้ำเสียงนั้นฟังดูตื่นเต้นแต่ขณะเดียวกันก็ขมขื่นแห้งโหย และนั่นทำให้ชิเอลไม่เข้าใจจนกระทั่งนึกขึ้นได้.. ถึงแม้เขาจะไม่รู้ว่าคลอทฟื้นคืนกลับมาอีกได้อย่างไรหลังจากที่ถูกเซบาสเตียนสังหารไปแล้วครั้งหนึ่ง
แต่หมอนี่เองก็คงไม่ได้เป็นอย่างที่เคยเป็นอีกต่อไปแล้วเช่นกัน ..เหมือนกับเขาที่ไม่ได้เป็นมนุษย์อย่างที่กำเนิดมาเพื่อจะเป็น หากแต่กลายเป็นสิ่งอื่นที่ไม่เคยคิดฝัน ไม่เคยอยากเป็น และยามนี้หนุ่มน้อยแน่ใจว่าคลอทกำลังนึกเสียดายที่ไม่อาจผูกสัมพันธ์ด้วยการทำพันธะสัญญาใดๆ
ได้อีก มันทำให้เขาอดสงสัยไม่ได้
“แล้วเวลานี้นายเป็นอะไรกันแน่”
ปีศาจหนุ่มเหยียดยิ้มมุมปากพลางขยับกรอบแว่นตาบนใบหน้า เป็นครั้งแรกที่นัยน์ตาสีอำพันฉายแววรวดร้าวออกมา
และชิเอลพอจะเดาได้..
เรื่องนี้คงไม่สวยงามนักหรอก
“ผมคือสิ่งมีชีวิตเพียงหนึ่งเดียวในจักรวาลนี้ที่ไม่เหมือนใคร” เรื่องราวหลังความตายของเขาเริ่มต้นขึ้นหลังจากวันที่เขาถูกดาบปีศาจเสียบทะลุร่าง
“ว่ากันว่าถ้าผู้ใดถูกสังหารด้วยดาบปีศาจจะต้องถึงกาลดับสูญเป็นที่แน่นอน แต่ในเมื่อผมยังยืนอยู่ตรงนี้ได้ก็หมายความว่านั่นเป็นเรื่องโกหกทั้งเพ”
ปีศาจหนุ่มบอกด้วยน้ำเสียงขมขื่น และทำสีหน้าที่ราวกับจะบ่งบอกว่าถ้าทุกอย่างจบสิ้นเสียแต่ครั้งนั้นได้จริงก็คงจะดีกว่านี้
“หลังจากสิ้นชีวิตในฐานะปีศาจแล้วผมก็ได้แต่ล่องลอยไปตามยถากรรมอยู่ระหว่างชั้นของมิติที่เหลื่อมซ้อนกันมากมาย ได้รู้ในสิ่งไม่ควรรู้และเห็นในสิ่งที่ไม่เคยต้องการ ผมต้องกลายสภาพเป็นเงาที่ปราศจากร่างกาย
..ไร้ตัวตน และใช่.. ยังมีชีวิตอยู่ ขณะเดียวกันก็ยังถึงพร้อมด้วยความต้องการพื้นฐานที่ไม่สามารถถูกเติมเต็มได้ตลอดไป จนกระทั่งถูกเซบาสเตียน มิคาเอลลิสเรียกตัวออกมาในตอนนั้น
และกว่าจะได้กลับมามีร่างกายของตนเองอีกครั้งผมก็ลืมไปแล้วว่าความรู้สึกยามที่สายลมเย็นพัดพาละอองน้ำเล็กๆ
มาให้มันเป็นอย่างไร
ลืมแล้วว่าเวลาที่ท้องอิ่มมันทำให้รู้สึกสงบสุขแค่ไหน แต่สิ่งเดียวที่ผมไม่เคยลืมเลือนไปจากใจเลยก็คือ.. คุณ”
ปลายนิ้วเรียวยาวไล้ไปตามโครงหน้าหนุ่มน้อย ขณะที่ชิเอลยังคงนิ่งฟังอย่างสงบ นอกจากจะไม่หวั่นไหวแล้วปีศาจตัวน้อยยังทำหน้าเครียดพลางถามต่อราวกับไม่รู้สึกรู้สา
“แล้วยังไง..”
เมื่อเห็นว่าวาจาเว้าวอนกับสัมผัสโลมไล้ของตนไม่อาจโน้มน้าวจิตใจอีกฝ่ายได้ดังคาด พ่อบ้านแห่งแทรนชี่ก็ยิ้ม เด็กคนนี้ช่างคุ้มค่าเหลือเกินกับสิ่งที่ต้องเสียไปเพื่อให้ได้ตัวมา และเขาคงพร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อให้ชิเอล แฟนธอมไฮฟ์เป็นของตนเองโดยจะไม่ปล่อยให้หลุดมือไปอีก แต่ยังก่อน.. ยังไม่ใช่ตอนนี้
“ผมต้องทนทุกข์ทรมาน..”
น้ำเสียงแผ่วเบาส่อแววปวดร้าวแม้ว่าสีหน้าจะยังคงเรียบสนิท “ผมอดอยากหิวโหยเพราะไม่สามารถดื่มกิน ไม่อาจสร้างพันธะใหม่กับมนุษย์ได้อีก แต่ผมไม่เสียใจเลย นั่นก็เพราะ..”
มือที่ใหญ่กว่ากุมทับลงบนหลังมือของหนุ่มน้อย คลอทขยับเข้าไปใกล้อีกนิดพลางจ้องลึกเข้าไปในดวงตาแดงก่ำของอีกฝ่าย ปีศาจหนุ่มผ่อนลมหายใจออกช้าๆ
ขณะที่ปล่อยให้ความรู้สึกนึกคิดทั้งปวงแสดงออกทางสีหน้าและแววตา ก่อนจะเลื่อนสายตาลงจับจ้องริมฝีปากนุ่มแล้วเคลื่อนเข้าไปใกล้
“สุดท้ายก็ได้พบกับคุณอีก
และผมจะไม่ปล่อยคุณไป”
“ฉันขอเตือน..
ถ้าหากว่านายลืมไปล่ะก็..”
ปีศาจหนุ่มน้อยกระแอมแล้วเบือนหน้าหนี
ร่างเล็กๆ ในชุดสีเขียวเข้มของพ่อบ้านชาวอินเดียขยับถอยห่างออกมา
“ฉันไม่ใช่มนุษย์ที่มีวิญญาณอย่างที่นายต้องการอีกต่อไปแล้ว เวลานี้ฉันก็เป็นเหมือนนาย ..แค่ปีศาจตนหนึ่งเท่านั้น”
“แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ยังเป็นเจ้าของน้ำตาฟินิกซ์”
นั่นปะไร..
ชิเอลแค่นเสียงเฮอะในลำคอ
สุดท้ายไม่ว่าใครก็หวังเพียงแต่จะครอบครองน้ำตาฟินิกซ์กันทั้งนั้น ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้อยากเป็นที่ต้องการและถูกเล็งเห็นว่ามีคุณค่ามากขนาดนั้น ทว่าแบบนี้มันก็ออกจะเกินไปหน่อยแล้ว
..ให้ตายสิ น่าหงุดหงิดชะมัด
“ฉันไม่..”
“แน่นอนว่าไม่ใช่เพียงเพราะน้ำตาฟินิกซ์ ..ที่ทำให้ผมต้องการคุณ” พ่อบ้านแห่งแทรนชี่คว้าต้นแขนอีกฝ่ายไว้ และราวกับจะอ่านใจได้..
คลอทกุมมือน้อยทั้งสองไว้ในอุ้งมือตนเองแล้วคุกเข่าลงกับพื้นพลางเงยหน้าขึ้นสบตา ขณะเดียวกันก็ยื้อข้อมืออีกฝ่ายไว้ไม่ให้เดินหนี
“ผมไม่สนใจว่าคุณจะเป็นใคร จะเป็นเจ้าของน้ำตาฟินิกซ์อันล้ำค่า หรือว่าจะยังมีวิญญาณอยู่หรือไม่
ฟังผมนะครับนายน้อย..”
ถึงตอนนี้น้ำเสียงที่แผ่วเบาเนิบนาบดูจะเข้มขึ้น คลอทฉวยโอกาสดึงร่างน้อยเข้าสู่อ้อมแขนขณะที่ชิเอลได้แต่เบิกตากลมโตอย่างทำอะไรไม่ถูก
“มีเพียงคุณคนเดียวเท่านั้นที่ผมไม่ต้องการให้เป็นของใคร”
“อื้อ!”
ชิเอลเบือนหน้าหนีสัมผัสร้อนผ่าวที่แนบลงมา
ส่งผลให้ริมฝีปากของคลอทประทับลงบนโหนกแก้มแทน
หนุ่มน้อยพยายามผลักไสวงแขนปีศาจอีกตนออกไปให้พ้น ทว่ามันไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย.. ตรงข้ามกลับมีแต่จะรัดแน่นขึ้นทุกที
“ปล่อยฉัน!”
..แคว่ก..
ชิเอลสะดุ้งเฮือกเมื่อเสื้อผ้าบนร่างถูกฉีกกระชากออก เสียงผ้าที่ฉีกขาดแม้จะแผ่วเบาสักเพียงใดทว่ามันกลับสะท้อนก้องกลับไปกลับมาอยู่ในใจของหนุ่มน้อย และเมื่อปราศจากเครื่องห่อหุ้มร่างกาย อากาศเย็นจัดก็ส่งผลให้เขาสะท้านจนขนลุกเกรียว หรือถ้าไม่ใช่เพราะอากาศ..
ก็คงเป็นเพราะความหวาดหวั่นถึงขีดสุดเมื่อรู้ว่าตนจะไม่มีโอกาสหนีรอดไปได้อีก น่าเจ็บใจนัก.. ที่ไม่ว่าเมื่อไหร่เขาก็ต้องคอยพึ่งความช่วยเหลือจากผู้อื่นอยู่ร่ำไป แต่ครั้งนี้เห็นทีคงไม่มีอีกแล้ว..
คลอทจัดแจงตรึงร่างน้อยให้แนบชิดอยู่กับอกตนแล้วพรมจูบระเรื่อยลงไปตามลำคอ ลาดไหล่
ก่อนจะวนเวียนอ้อยอิ่งอยู่ที่เนินอกพลางดื่มด่ำไปกับผิวเนียนนุ่ม ขณะที่ปลดเปลื้องอาภรณ์ส่วนที่เหลืออยู่บนร่างทั้งของตนเองและอีกฝ่ายออกโดยไม่ฟังเสียงร้องทัดทาน
“ไม่นะ! ..ปล่อย!!”
มือเล็กๆ จิกแน่นแล้วดึงทึ้งเส้นผมบนศีรษะฝ่ายตรงข้ามเต็มแรงเพื่อให้ปล่อยพร้อมด้วยความรู้สึกเช่นเดียวกับครั้งก่อน หนุ่มน้อยรู้สึกร้อนวาบไปทั้งตัวขณะที่ปลายนิ้วมือทั้งสิบร้อนฉ่าจนแทบทนไม่ไหว เขารู้สึกราวกับปลายนิ้วมือกำลังลุกไหม้ และชิเอลถึงกับน้ำตาซึม.. เมื่อมือทั้งสองข้างเรืองแสงสีฟ้าสว่างจ้า
ทว่าครั้งนี้ไม่เหมือนกับตอนที่เขาเผลอทำร้ายเทวดาองค์นั้นจนเสียโฉมทั้งๆ
ที่ไม่รู้ตัวว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร
เพราะครั้งนี้เขาสามารถควบคุมมันได้และมองเห็นทุกการกระทำที่ปราศจากการยั้งคิดของตนเองพร้อมด้วยความตกใจสุดขีด
..เปรี้ยง!..
ชิเอลเพียงแต่จะสะบัดข้อมือเพื่อจะให้หลุดจากการยึดกุมของคลอท
แต่กลับกลายเป็นการส่งสายฟ้าฟาดเปรี้ยงเข้าแสกหน้าอีกฝ่ายจนหงายหลังโครม
ในสภาพที่เสื้อผ้าหลุดลุ่ย..
พ่อบ้านแห่งแทรนชี่นอนแผ่หราอยู่บนพื้นห้องโดยที่กลางหน้าผากเป็นรอยไหม้เกรียมและมีควันลอยกรุ่นขึ้นมา และนี่คือโอกาสหนีเอาตัวรอดเพียงหนึ่งเดียว ทว่าอะไรบางอย่างในตัวเขากลับแผดเสียงก้องอย่างแสนจะสะใจและอยากระเบิดเสียงหัวเราะกับภาพที่ได้เห็น ยังไม่พอ..
มันยังร่ำร้องอยากจะลงมือให้หนักกว่านี้
มากกว่านี้ รุนแรงกว่านี้
เอาอีก.. อีกสิ..
หมอนี่สมควรแล้วที่จะต้องเจ็บตัวเสียบ้าง..
..ใช่..
จู่ๆ เขาก็เกิดอยากจะลิ้มรสเลือดอีกฝ่ายขึ้นมาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ชิเอลยกมือขึ้นอีกครั้ง.. ทว่าคราวนี้มันไม่เรืองแสงอีกต่อไปแล้ว และทุกอย่างก็สูญสลายไปในวินาทีนั้น.. รวมทั้งโอกาสรอดอันน้อยนิดของเขาด้วย
“พลังของคุณคงเริ่มตื่นแล้วสินะ”
ด้วยความเร็วที่เหนือกว่า
คลอท ฟอลทัสพุ่งเข้าตะครุบตัวหนุ่มน้อยเอาไว้ได้ก่อนที่จะทันหันหลังวิ่งหนี ส่งผลให้ทั้งคู่ล้มกลิ้งไปด้วยกันบนพื้นและจบลงด้วยจูบเร่าร้อนที่สยบอาการดิ้นรนอย่างไร้ประโยชน์ของปีศาจตัวน้อย พ่อบ้านแห่งแทรนชี่ถอนริมฝีปากขึ้นช้าๆ
แล้วจ้องมองใบหน้าซีดเผือดที่เต็มไปด้วยหยดเหงื่อผุดพรายพลางยิ้ม
“เก่งนี่ครับ..
ที่เล่นงานผมได้ถึงขนาดนี้
แต่จะบอกอะไรให้นะครับนายน้อย”
คลอทถอดแว่นตาออกก่อนจะวางลงข้างตัว
พลางขยับกายขึ้นทาบทับร่างที่กำลังสั่นสะท้าน “กับพลังของปีศาจที่ยังอ่อนหัดเช่นคุณ การกระทำเมื่อครู่นี้ก็มีแต่จะยิ่งกระตุ้นให้เพลิงปรารถนาซึ่งผมมีต่อคุณโหมแรงขึ้นเท่านั้นเอง”
มือน้อยทั้งคู่ถูกรวบให้เหยียดตึงอยู่เหนือศีรษะด้วยมือที่ใหญ่กว่าเพียงข้างเดียวเมื่อจบคำ ขณะที่ชิเอลได้แต่เบิกตาโพลงแล้วยอมรับสภาพของตนเองอย่างสิ้นหวัง
จำต้องปล่อยให้ปีศาจหนุ่มตระโบมโลมลูบเรือนร่างที่ปราศจากเสื้อผ้าอาภรณ์อย่างไม่รู้จะทำอย่างไร ไม่อาจปัดป้อง ไม่อาจขัดขืน ทว่า..
“ปล่อย..”
คราวนี้น้ำเสียงที่หลุดลอดออกจากริมฝีปากมิได้ดังเกินไปกว่าเสียงกระซิบแหบโหย ขณะที่ภาพของใครคนหนึ่งปรากฏขึ้นในห้วงคำนึงเป็นครั้งสุดท้าย
..เซบาสเตียน..
“ไม่ครับ
..คราวนี้ผมจะทำให้คุณเป็นของผมไปตลอดกาล”
คลอท ฟอลทัสกระหยิ่มใจที่ตนเองเป็นต่อ..
ในที่สุดเจ้านายตัวน้อยผู้ซึ่งเป็นสุดยอดปรารถนาเสียจนทำให้เขาต้องเดิมพันด้วยชีวิตก็มาอยู่ตรงหน้าแล้ว พร้อมที่จะเป็นของเขา.. พร้อมที่จะให้ครอบครอง รวมทั้งน้ำตาฟินิกซ์ด้วย.. และหลังจากนี้เขาจะได้เป็นอิสระ จบสิ้นกันเสียทีชีวิตอันน่าเบื่อ
ทว่าขณะเขากำลังจะแยกเรียวขาของชิเอล
แฟนธอมไฮฟ์ออกจากกันแล้วขยับเข้าประกบชิด
ขนปีกดำสนิทก็ปลิวว่อนไปทั่วทั้งห้องพร้อมด้วยอุณหภูมิโดยรอบที่ลดต่ำลงอย่างรวดเร็วจนน่าใจหาย
“เห็นทีคงไม่ได้กระมัง
..คุณคลอท”
พ่อบ้านแห่งแทรนชี่ชะงักก่อนจะหันขวับไปยังต้นเสียง
และที่เบื้องหลัง..
บุรุษร่างสูงโปร่ง
เจ้าของเรือนผมดำขลับในชุดทักสิโดพ่อบ้านอีกคนหนึ่งยืนนิ่งอยู่บนขอบระเบียง พร้อมด้วยนัยน์ตาแดงฉานที่จ้องมองมาอย่างมุ่งร้าย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น