10/06/2555

น้ำตาฟินิกซ์ 15




ชิเอล  แฟนธอมไฮฟ์เพิ่งจะได้ตระหนักถึงความหนักหนาของการเป็น เจ้าของน้ำตาฟินิกซ์ ก็วันนี้เอง   เขาไม่เคยคิดมาก่อน   ว่านอกเหนือจากหนึ่งเดือนเต็มที่ถูกคุมขังแล้วตนเองจะมีวันที่ตกต่ำจนแม้แต่เสื้อผ้าติดกายก็ยังต้องขอบริจาคจากคนอื่น   แถมยังต้องมามีชีวิตแบบหลบๆ ซ่อนๆ อย่างนี้  


ในทีแรกเขานึกโมโหโชคชะตาที่เล่นตลกจนเกินไป   แต่เมื่อได้รับรู้เรื่องราวการเก็บเกี่ยววิญญาณที่ผิดพลาดของยมทูตผมแดง.. เกรล  แซตคลิฟที่ได้รับข้อมูลมาผิดๆ จนไปเก็บเอาวิญญาณของมนุษย์ที่ยังไม่ถึงฆาตมา   เป็นเหตุทำให้ต้องพาวิญญาณที่เก็บพลาดทั้งสี่ดวงออกเดินทางตามหาผู้มีอำนาจสั่งการคืนวิญญาณกลับเข้าร่างให้ทันเวลา   จนได้มาพบกันอีกครั้งภายใต้สถานการณ์ที่แปลกประหลาดเช่นนี้   ต่อมาเกรลได้เล่าให้ฟังถึงเรื่องสภาพวิกฤตในสมาคมผู้เก็บเกี่ยววิญญาณ   ซึ่งเจ้าหน้าที่แผนกต่างๆ พากันหายตัวไปเกือบหมดเพราะ ตัวเขาเอง เป็นสาเหตุ   ..ขอย้ำว่าหมอนี่โทษว่าเขาเป็นต้นเหตุของทุกสิ่งทุกอย่าง..  รวมทั้งได้รู้เห็นสภาพวิปริตของโลกทั้งสามซึ่งกำลังตื่นตัวอย่างรุนแรงเพราะปรากฏการณ์น้ำตาฟินิกซ์จนส่งผลให้เกิดความวุ่นวาย   ความขัดแย้ง   และการแก่งแย่งชิงตัวคนเพียงคนเดียวซึ่งกำลังส่อแววว่าจะเลวร้ายลงทุกที   และจวนเจียนจะขยายขอบเขตไปสู่สงครามระหว่างเผ่าพันธุ์แล้ว  


ทั้งหมดนั้นทำให้ชิเอลอดคิดไม่ได้   ว่าบางทีการที่ตนเองต้องพบกับความลำบากถึงเพียงนี้ก็อาจสมเหตุสมผลอยู่เหมือนกัน   และนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาจึงยังทนสีหน้าท่าทางหมั่นไส้สุดๆ ของเกรลได้  ..หมอนี่คงอิจฉาเขาที่ใครๆ ต่างก็ต้องการตัวสินะ   ช่างไม่ได้รู้อะไรเลย..  ถ้าหากเลือกได้ล่ะก็เขาจะไม่มีทางยอมเป็นเจ้าของน้ำตาฟินิกซ์อย่างเด็ดขาด   แต่เวลานี้ชิเอลไม่นึกอยากตำหนิเกรลนักหรอก   อีกอย่างหมอนี่ก็ยังมีประโยชน์อยู่   และในสถานการณ์เช่นนี้เขายังจำเป็นต้องพึ่งพาความช่วยเหลืออีกไม่น้อย  


ชิเอลถอนหายใจอีกครั้ง..  ถึงแม้นี่จะยังไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่สถานการณ์เลวร้ายที่สุดเพราะอย่างน้อยเขาก็ยังมีสหายอยู่เคียงข้าง   แต่ถึงกระนั้นบนท้องฟ้าก็เต็มไปด้วยกองทัพจากสวรรค์ซึ่งแลเห็นเป็นจุดขาวๆ บินอยู่เต็มไปหมด   ขณะที่บนพื้นดินก็เต็มไปด้วยฝูงอมตะชนสารพัดเผ่าพันธุ์   ซึ่งหากนับเฉพาะพวกที่มีอารยะและสามารถสื่อสารให้รู้เรื่องได้ด้วยคำพูดแล้วก็ยังมีจำนวนมากเกินกว่าที่ใครสักคนจะรับมือได้อยู่ดี   และไม่ต้องสงสัยเลย..  ว่าหากถูกเจ้าพวกนั้นพบตัวเข้าจะเกิดอะไรขึ้น   ด้วยเหตุนี้ชิเอลจึงถูกบังคับให้ซ่อนตัวมิดชิดอยู่แต่ใน หลุมหลบภัย อย่างชนิดห้ามโผล่หน้าออกมาแม้แต่นิดเดียว   เพื่อให้คนอื่นๆ ที่เหลือปกป้องคุ้มครองได้สะดวก   พร้อมทั้งต้องทำหน้าที่เป็น เหยื่อล่อ ที่ว่าง่ายอย่างไม่มีทางเลือกอีกต่างหาก  


ปีศาจหนุ่มน้อยเข้าใจแผนการและยอมรับแต่โดยดี   ..ช่วยไม่ได้..  ในเมื่อนี่เป็นสิ่งเดียวที่เขาพอจะทำได้ในเวลานี้  

“เข้าใจล่ะ..  เพื่อให้ยมทูตตนนั้นปรากฏตัวถึงต้องใช้ฉันเป็นเหยื่อล่อสินะ” 



“ใช่แล้ว!”  


ทั้งที่ชิเอลคิดว่าตนเองเข้าใจและพร้อมที่จะทำทุกอย่างแล้ว    ทว่าการที่วิญญาณคนเป็นและยมทูตผมแดงพร้อมใจเห็นพ้องต้องกันอย่างแข็งขันจนน่าหมั่นไส้เช่นนี้   ก็ช่างเป็นภาพที่ชวนให้โมโหจริงๆ


“ระหว่างที่รอให้หมอนั่นปรากฏตัวออกมาพวกเราจะปกป้องนายเอง”  ดูเหมือนว่าการได้ปกป้องเขาจะทำให้เจ้างี่เง่านี่ปลาบปลื้มเสียจนยิ้มไม่หุบ   ขณะที่อัคนีพยักหน้าอย่างเห็นดีเห็นงามเอาใจเจ้านาย  


“อย่าเลย..   ฉันว่านายเข้ามาซ่อนตัวอยู่ด้วยกันจะดีกว่านะ”  ชิเอลห้ามเพราะไม่อยากเห็นเจ้าชายบ้านี่ตายทั้งๆ ที่วิญญาณยังไม่ได้กลับเข้าร่าง   ทว่าอีกฝ่ายกลับเห็นไปเรื่องขัน


“ไม่เป็นไรหรอก”  โซมายิ้มกว้าง   พลางตบๆ ที่หน้าอก “อยู่ในสภาพวิญญาณอย่างนี้แม้แต่กระสุนปืนยังทะลุผ่านตัวไปเลย   ไม่มีอันตรายอะไรหรอกน่า”


ถ้าหากเจ้าตัวว่าอย่างนั้นเขาเองก็ไม่มีอะไรจะแย้ง   ชิเอลหันกลับมามองรอบตัว..  สถานที่ซึ่งเขาหลบซ่อนอยู่ในเวลานี้มีลักษณะเป็นถ้ำเล็กๆ ซึ่งอยู่ไม่ห่างออกไปจากจุดที่พบกับทุกคนมากนัก   ที่นี่เป็นเสมือนหลุมหลบภัยตามธรรมชาติซึ่งล้อมรอบด้วยภูเขาขนาดย่อมๆ ทำให้ยากต่อการเข้าถึงหรือบุกประชิด   นอกจากนี้ยังมีทะเลสาบซึ่งสะท้อนแสงจันทร์สีเลือดจนแดงฉานไปหมดเป็นปราการขวางอยู่อีกชั้น   จะมีก็เพียงเผ่าพันธุ์ที่บินได้เท่านั้นที่จะผ่านเข้ามาได้อย่างสะดวกดาย   หากก็ยังนับว่าเป็นชัยภูมิที่เหมาะสมแก่การตั้งรับเป็นอย่างยิ่ง  


แผนการทั้งหมดมีอยู่ว่า..  เขาจะต้องหลบอยู่ในถ้ำนิ่งๆ และไม่พยายามทำอะไรทั้งสิ้นนอกจาก  โปรยเสน่ห์  ..นี่เป็นคำที่เจ้ายมทูตกระเทยนั่นใช้กระแนะกระแหน ภารกิจ ที่เขาได้รับ..  ล่อให้ใครต่อใครเข้ามาหา   ส่วนคนอื่นๆ ก็จะคอยคุ้มกันอยู่ที่ด้านนอกพร้อมด้วยอาวุธครบมือ   ซึ่งเป็นอภินันทนาการที่ได้มาจากเหลา  


นั่นทำให้ชิเอลตกใจพอสมควร    ก็ใครจะคิด..  ว่าหลังจากที่เขากลายสภาพเป็นปีศาจแล้วเจ้าบ้านี่จะบุกเบิกตลาดอาวุธอย่างเป็นล่ำเป็นสันถึงเพียงนี้   แต่เมื่อฟังคำบอกเล่าจากปากเจ้าตัวแล้วชิเอลก็พอจะนึกภาพออก   หลังจากที่อังกฤษปราศจากสุนัขรับใช้ราชินีอย่างเขาแล้ว   ธุรกิจมืดประเภทนี้คงจะขยายตัวกันอย่างคึกคักทีเดียว   และลอนดอนในตอนนี้ก็คงไม่พ้นเต็มไปด้วยคดีที่ตำรวจยังคลี่คลายไม่ได้เยอะแยะไปหมด   นอกจากนี้ถนนหนทางในเวลากลางคืนก็คงเต็มไปด้วยอันตรายมากกว่าแต่ก่อน  


แต่ก็ช่างเถอะ..  ทั้งหมดนั่นไม่เกี่ยวกับเขาอีกต่อไปแล้ว   อันที่จริงแล้วหนุ่มน้อยไม่มีเวลาจะมาคิดถึงเรื่องเก่าๆ เหล่านี้อีกเมื่อเสียงการต่อสู้ที่ด้านนอกพลันระเบิดขึ้น   ชิเอลนิ่งฟังเสียงปืนกลหนักของรันเหมาแผดลั่นติดต่อกันเป็นชุด   แข่งกับเสียงที่แหลมทว่าถี่ระรัวและทรงพลังของ เจ้าแมงป่อง   ปืนกลเบาในมือของเหลา   ขณะที่เกรลเองก็ดูท่าจะสนุกสนานกับเลื่อยไฟฟ้าคู่ใจ   และอัคนี..  ถึงแม้จะไม่ได้โผล่หน้าออกไปแต่ด้วยประสาทสัมผัสเยี่ยงปีศาจตนหนึ่งก็พอจะทำให้เขานึกภาพการต่อสู้ข้างนอกได้อย่างไม่ยากเย็นนัก   อัคนีกำลังต่อสู้ไปพลางคอยระวังเจ้านายของตนเองไปพลาง   และมันทำให้เขารู้สึกตีบแน่นในอกชอบกลพร้อมทั้งหงุดหงิดขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ   


แต่ดูเหมือนยิ่งเปิดฉากต่อสู้กันมากเท่าไรก็ยิ่งกระตุ้นให้จุดที่หลบซ่อนตัวอยู่เป็นที่สนใจมากเท่านั้น   ยิ่งใช้เวลามากขึ้นจำนวนศัตรูที่ทั้งห้าชีวิตหน้าปากถ้ำจะต้องรับมือด้วยก็ยิ่งทวีคูณขึ้นทุกที   เวลานี้หนุ่มน้อยชักไม่แน่ใจเสียแล้วว่าวิญญาณสี่ดวงกับยมทูตอีกหนึ่งจะยังปลอดภัยดีหรือไม่   เพราะเสียงและความโกลาหลที่ข้างนอกนั่นมากเสียจนประสาทหูของเขาไม่อาจแยกแยะได้อีกต่อไปแล้ว   และมันทำให้เขาเริ่มรู้สึกว่าบางทีแผนใช้เหยื่อล่อเช่นนี้คงจะส่งผลร้ายมากกว่าดี   ยังไงทั้งห้าคนนั้นก็ไม่น่าจะรับมือกับฝูงชนที่บ้าคลั่งพวกนั้นได้ตลอดรอดฝั่งหรอก   ชิเอลกัดริมฝีปากแน่น..  ขณะที่เค้นสมองตนเองหาทางรอดจากสถานการณ์นี้   พลางชั่งใจว่าควรจะหนีออกไปจากที่นี่ดีหรือไม่  


ทว่าเขาไม่มีโอกาสแม้แต่จะก้าวพ้นปากถ้ำออกไปด้วยซ้ำ   หนุ่มน้อยสะดุ้งเฮือก..  เมื่อเสียงร้องบอกให้หนีของโซมาดังเข้ามาในโสตประสาทนาทีเดียวกับที่หลังคาด้านบนยุบตัวและพังทลายลงมา   ชิเอลก้มตัวแล้วยกแขนทั้งสองขึ้นป้องศีรษะตนเองจากเศษหินน้อยใหญ่ที่ร่วงกราว   และแทบจะหัวใจหยุดเต้นเมื่อใบหน้าสีดำที่มีริ้วลายน่าเกลียดหน้ากลัวของอสูรกายตนหนึ่งพุ่งทะลุลงมาจากรอยแตกขนาดใหญ่นั้น   หนุ่มน้อยทำได้เพียงอ้าปากค้าง   เพราะยังไม่ทันได้ขยับหนีกรงเล็บแหลมคมก็ตะปบเข้าที่ต้นแขนเสียแล้ว   มันกระชากตัวเขาเข้าไปหาแล้วโอบกอดเอาไว้ด้วยแขนข้างหนึ่ง   ขณะที่อีกข้างกางเล็บตะกุยผนังหินด้านข้างจนทะลุเป็นช่องขนาดใหญ่ก่อนจะเบียดตัวแทรกผ่านรอยโหว่นั้นออกไป  



“ไม่!


เปล่าประโยชน์ที่จะขัดขืน..   ทันทีที่ออกไปได้ปีกดำคู่ใหญ่ก็สยายออกเต็มความกว้างแล้วโผบินขึ้นสู่ท้องฟ้าก่อนที่ชิเอลจะทันได้เห็นสภาพความเป็นไปรอบๆ ด้วยซ้ำไป   เขาไม่รู้ว่าคนอื่นๆ เป็นอย่างไรบ้าง   เพราะในอ้อมแขนของปีศาจแปลกหน้า  ..หนุ่มน้อยก็ไม่มีเวลาให้คิดกังวลถึงคนอื่น   เขาพยายามดิ้นรนเอาตัวรอดด้วยทุกสิ่งทุกอย่างที่มี   ทว่าไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่มีทีท่าว่าฝ่ายตรงข้ามจะยอมปล่อยตัว   มันก้มลงมองเขาด้วยนัยน์ตาที่เปล่งประกายน่ากลัว   และพูด..


“ถ้าดิ้นจนตกลงไปล่ะก็เจ็บแย่เลยนะครับ”  น้ำเสียงที่ไม่คุ้นเคยมาก่อนดังกระหึ่มอยู่ในอก   หากน้ำคำที่ออกจากปากกลับฟังดูนุ่มนวลมีอารยะ   และดูเหมือนจะรู้จักคุ้นเคยกันมาก่อน


“นาย..  เป็นใคร”  


ชิเอลกำลังคิดว่านี่อาจเป็นใครบางคนที่ตนเคยรู้จักทว่าอีกฝ่ายไม่ตอบคำถาม   แต่กลับหันไปขว้างลูกไฟเข้าใส่ฝูงปีศาจดำทะมึนที่ไล่ตามมาจนแตกกระเจิงหมดทั้งกลุ่ม   เป็นครั้งแรกที่เขาได้รู้ว่าแม้แต่พวกปีศาจก็ยังมีการแบ่งพรรคแบ่งพวกไม่ต่างจากมนุษย์   เห็นได้ชัดว่าทั้งหมดนี้ไม่ได้อยู่ฝ่ายเดียวกันแน่   และเจ้าตัวที่จับเขาไว้ก็แข็งแกร่งกว่าปีศาจทั้งฝูงอย่างลิบลับ   เมื่อในที่สุดมันก็สามารถสลัดการไล่ล่าจนหลุดมาได้และพาเขาร่อนลงบนระเบียงด้านข้างของคฤหาสน์เก่าแก่หลังหนึ่งอย่างไร้รอยขีดข่วน   ขณะที่ปีศาจฝ่ายตรงข้ามถูกเผาปีกจนร่วงลงไปส่วนหนึ่ง   มีเพียงไม่กี่ตนที่เหลือซึ่งยังไม่ได้หนีหายไปไหน   แต่ก็ไม่กล้าติดตามต่ออีกนอกจากจ้องมองมาด้วยนัยน์ตาที่ทอประกายวาว   ก่อนที่หนึ่งในจำนวนนั้นจะสลายร่างหายไปอย่างไร้ร่องรอย


ทันทีที่เป็นอิสระ  ชิเอล  แฟนธอมไฮฟ์ก็ถอยหลังกรูดไปจนแทบจะชนกำแพงพลางมองหาประตูทางออกอย่างเอาเป็นเอาตาย   ไม่ว่ายังไงก็จะต้องหนีให้ได้   ถึงแม้ว่าจะต้องปีนขอบระเบียงแล้วกระโดดลงไปก็ตาม   ทว่าผู้ที่จับเขาเป็นเชลยเห็นท่าทางหวาดกลัวก็มิได้ย่างสามขุมเข้ามาแล้วจับเหยื่อฉีกเป็นชิ้นๆ  หรือไม่ก็รีบร้อนครอบครองเขาอย่างตะกรุมตะกราม   ตรงกันข้าม..  กายดำที่มีลายสีน้ำตาลอ่อนพาดผ่านเป็นริ้วๆ ภายใต้อาภรณ์เก่าขาดรุ่งริ่งกลับย่อกายลงคุกเข่า   และเมื่อหัวเข่าข้างซ้ายแตะพื้นรูปร่างของมันก็เปลี่ยนไป 


“ไม่ได้เจอกันเสียนานนะครับ..  นายน้อย

อยู่ในร่างนี้คงจะจำผมแล้วได้แล้วสินะ”



ถุงมือขาวสะอาดถูกดึงให้กระชับถึงข้อมือทั้งสอง   ก่อนที่เจ้าตัวจะยกมันขึ้นเสยผมดำตัดสั้นให้เข้ารูป   แล้วจึงก้มลงสำรวจความเรียบร้อยของตนเอง   ริบบิ้น  คอปก   แขนเสื้อ   สูทดำชายยาวและกางเกงเรียบกริบไม่มีที่ติ   ส่วนรองเท้า..  อา..  ยังไม่เรียบร้อยเท่าที่ควร


“นาย..  นายมาทำอะไรที่นี่”


เสียงหัวเราะต่ำๆ จากคนถูกถามไม่ใช่คำตอบที่น่าพึงพอใจนัก   คลอท  ฟอลทัสคีบเส้นใยสีขาวเหนียวหนึบออกจากปลายรองเท้าตนเอง   ก่อนจะยืนตรงแล้วขยับแว่นตาให้เข้าที่  ..เอาล่ะ..  คราวนี้ก็เรียบร้อยไม่มีที่ติเสียที   เหมาะสมและคู่ควรกับการต้อนรับนายน้อยคนสำคัญ


“คุณควรจะรู้อยู่แล้วไม่ใช่หรือครับ  ..นายน้อย”  คลอทตอบคำถามด้วยคำถามและทำให้หนุ่มน้อยขมวดคิ้วยุ่งกว่าเก่า   พ่อบ้านแห่งแทรนชี่ยืดกายขึ้นยืนตรงพร้อมทั้งปัดฝุ่นออกจากขากางเกง 


“คุณควรรู้ว่าผมปรารถนาในตัวคุณอย่างที่สุดมาตลอด   ..ต่อให้คุณไม่ใช่เจ้าของน้ำตาฟินิกซ์ผมก็ยังต้องการเพียงแค่คุณ  ..คุณเพียงคนเดียวเท่านั้น”


“ระ..  ไร้สาระ!”  เมื่อพบกับความนัยที่พุ่งเข้ากระแทกอย่างตรงไปตรงมาชิเอลก็ถึงกับทำอะไรไม่ถูก   แต่จะให้ยอมรับไมตรีน่ะหรือ..  ไม่มีทาง


“นายเองก็ควรรู้อยู่เช่นกันว่าฉันไม่ใช่นายน้อยของนาย   ส่วนนายเองก็ไม่เคยเป็นพ่อบ้านของฉัน  

เราไม่เคยมีอะไรเกี่ยวข้องกัน..”


“จริงหรือครับ” 


พ่อบ้านแห่งแทรนชี่เข้าถึงตัวหนุ่มน้อยเพียงชั่วกระพริบตา   ก่อนจะเชยปลายคางมนให้เงยขึ้นสบสายตา   ขณะที่เจ้าตัวพยายามฝืนไว้ไม่ยอมให้อีกฝ่ายได้สมหวังง่ายๆ   ทว่าประโยคถัดมากลับทำให้ชิเอลต้องเป็นฝ่ายเงยหน้าขึ้นมองเสียเอง


“คุณลืมคืนนั้นของเราที่ในถ้ำเสียแล้วหรือ   ถึงได้พูดจาเย็นชาเช่นนี้”


“อะไรนะ!


รอยยิ้มอย่างมีชัยแตะแต้มบางๆ อยู่บนเรียวปาก   คลอทยกหลังมือเรียวเล็กขึ้นจุมพิตโดยไม่สนใจอาการรังเกียจของเจ้าของมือ   ขณะที่นัยน์ตาสีอำพันจับจ้องใบหน้าซีดเผือดไม่กระพริบราวกับแมงมุมที่เขม้นหมายมองเหยื่อที่หลงเข้ามาติดกับ   เป็นสายตาซึ่งสะท้อนให้เห็นความมั่นใจในตัวเองอย่างล้นเหลือ   เชื่อมั่นในเส้นใยบางเบาทว่าแข็งแกร่งทรงพลังที่ไม่ว่าเหยื่อจะดิ้นรนสักเพียงไรก็ไม่อาจรอดพ้นจากคมเขี้ยวไปได้   ..ทั้งยโสโอหังและอวดดีอย่างเหลือร้าย


“รู้มั้ยครับ..  ผมไม่เคยลืมค่ำคืนที่เราได้แนบชิดกันภายใต้แสงจันทร์เลย  

ในตอนนั้นคุณช่างน่ารักเหลือเกิน   ไม่ดื้อดึงขัดขืน   ไม่..” 



“จะพูดพล่ามอะไรก็ให้มีขอบเขตบ้าง!”  หนุ่มน้อยไม่อาจนิ่งฟังได้อีกต่อไป   และน้ำเสียงห้วนสั้นนั้นก็เข้มพอที่จะทำให้ฝันสลายได้   นัยน์ตาสีทับทิมซึ่งทอประกายกร้าวอย่างไม่พอใจสบประสานเข้ากับตาสีอำพันอย่างไม่กลัวเกรง   ชิเอลเม้มริมฝีปากพลางสะบัดมือของตนให้หลุดจากอุ้งมือฝ่ายตรงข้ามแล้วย้อนถามเสียงแข็ง   


“ฉันน่ะหรือ..  จะลดตัวลงไปหาคนรับใช้   ฉันน่ะหรือ..  จะปล่อยให้นายทำเรื่องเช่นนั้น  

ต่อให้นายเป็นพ่อบ้านของฉันจริงๆ ก็เถอะ  ..ฝันมากไปกระมัง”


“หึ..  ยังคงเย่อหยิ่งจองหองเหมือนเคย   ช่างสมกับที่เป็นผู้ดีอังกฤษขนานแท้เหลือเกินนะครับ

ก็เพราะคุณเป็นเช่นนี้แหละถึงได้ทำให้ใครต่อใครหลงใหลนัก   ..ทั้งผม..  และหมอนั่น”


“เหลวไหล!  เซบาสเตียน   ..หมอนั่นน่ะ   ไม่มีวันหลงงมงายอยู่กับเรื่องพรรค์นี้หรอก”


นาทีนั้นในอกพลันเจ็บแปลบขึ้นมายามที่เอ่ยชื่ออดีตพ่อบ้านของตน   หากชิเอลกลับข่มกลั้นความรู้สึกนั้นลงไป   ปีศาจหนุ่มน้อยเชิดใบหน้าขึ้นพลางบอกตนเองว่าเขาไม่รู้สึกอะไรทั้งนั้น   เขาไม่ได้กำลังปวดร้าว   จริงๆ แล้วความรู้สึกที่เกิดขึ้นนี้อาจเป็นเพียงอุปาทานชั่วครู่ก็ได้   และเซบาสเตียนไม่มีอิทธิพลต่อเขาถึงเพียงนั้นหรอก..  ไม่เคยมี   ทว่าสีหน้าและแววตาที่เปลี่ยนไปเพียงเล็กน้อยกลับไม่อาจรอดพ้นจากสายตาพ่อบ้านแห่งแทรนชี่ไปได้   คลอทไม่ยอมปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านเลยไปง่ายๆ   ปีศาจหนุ่มประคองศีรษะสวยได้รูปไว้ในอุ้งมือ   พลางปัดปอยผมออกไปให้พ้นจากบริเวณตาขวาเพื่อพิสูจน์ความสงสัยของตนเอง   ก่อนจะต้องตะลึงงันเมื่อไม่เห็นสัญลักษณ์แห่งพันธะสัญญา   ..และนั่นก็หมายความว่า..


“ในที่สุด   คุณก็เป็นอิสระจากปีศาจตนนั้นแล้ว”


น้ำเสียงนั้นฟังดูตื่นเต้นแต่ขณะเดียวกันก็ขมขื่นแห้งโหย   และนั่นทำให้ชิเอลไม่เข้าใจจนกระทั่งนึกขึ้นได้..  ถึงแม้เขาจะไม่รู้ว่าคลอทฟื้นคืนกลับมาอีกได้อย่างไรหลังจากที่ถูกเซบาสเตียนสังหารไปแล้วครั้งหนึ่ง   แต่หมอนี่เองก็คงไม่ได้เป็นอย่างที่เคยเป็นอีกต่อไปแล้วเช่นกัน   ..เหมือนกับเขาที่ไม่ได้เป็นมนุษย์อย่างที่กำเนิดมาเพื่อจะเป็น    หากแต่กลายเป็นสิ่งอื่นที่ไม่เคยคิดฝัน   ไม่เคยอยากเป็น   และยามนี้หนุ่มน้อยแน่ใจว่าคลอทกำลังนึกเสียดายที่ไม่อาจผูกสัมพันธ์ด้วยการทำพันธะสัญญาใดๆ ได้อีก    มันทำให้เขาอดสงสัยไม่ได้


 “แล้วเวลานี้นายเป็นอะไรกันแน่”


ปีศาจหนุ่มเหยียดยิ้มมุมปากพลางขยับกรอบแว่นตาบนใบหน้า   เป็นครั้งแรกที่นัยน์ตาสีอำพันฉายแววรวดร้าวออกมา   และชิเอลพอจะเดาได้..  เรื่องนี้คงไม่สวยงามนักหรอก


“ผมคือสิ่งมีชีวิตเพียงหนึ่งเดียวในจักรวาลนี้ที่ไม่เหมือนใคร”  เรื่องราวหลังความตายของเขาเริ่มต้นขึ้นหลังจากวันที่เขาถูกดาบปีศาจเสียบทะลุร่าง  


“ว่ากันว่าถ้าผู้ใดถูกสังหารด้วยดาบปีศาจจะต้องถึงกาลดับสูญเป็นที่แน่นอน   แต่ในเมื่อผมยังยืนอยู่ตรงนี้ได้ก็หมายความว่านั่นเป็นเรื่องโกหกทั้งเพ”  ปีศาจหนุ่มบอกด้วยน้ำเสียงขมขื่น   และทำสีหน้าที่ราวกับจะบ่งบอกว่าถ้าทุกอย่างจบสิ้นเสียแต่ครั้งนั้นได้จริงก็คงจะดีกว่านี้


“หลังจากสิ้นชีวิตในฐานะปีศาจแล้วผมก็ได้แต่ล่องลอยไปตามยถากรรมอยู่ระหว่างชั้นของมิติที่เหลื่อมซ้อนกันมากมาย   ได้รู้ในสิ่งไม่ควรรู้และเห็นในสิ่งที่ไม่เคยต้องการ   ผมต้องกลายสภาพเป็นเงาที่ปราศจากร่างกาย ..ไร้ตัวตน   และใช่..   ยังมีชีวิตอยู่   ขณะเดียวกันก็ยังถึงพร้อมด้วยความต้องการพื้นฐานที่ไม่สามารถถูกเติมเต็มได้ตลอดไป   จนกระทั่งถูกเซบาสเตียน   มิคาเอลลิสเรียกตัวออกมาในตอนนั้น    

  
และกว่าจะได้กลับมามีร่างกายของตนเองอีกครั้งผมก็ลืมไปแล้วว่าความรู้สึกยามที่สายลมเย็นพัดพาละอองน้ำเล็กๆ มาให้มันเป็นอย่างไร   ลืมแล้วว่าเวลาที่ท้องอิ่มมันทำให้รู้สึกสงบสุขแค่ไหน   แต่สิ่งเดียวที่ผมไม่เคยลืมเลือนไปจากใจเลยก็คือ..  คุณ” 


ปลายนิ้วเรียวยาวไล้ไปตามโครงหน้าหนุ่มน้อย   ขณะที่ชิเอลยังคงนิ่งฟังอย่างสงบ   นอกจากจะไม่หวั่นไหวแล้วปีศาจตัวน้อยยังทำหน้าเครียดพลางถามต่อราวกับไม่รู้สึกรู้สา


“แล้วยังไง..”


เมื่อเห็นว่าวาจาเว้าวอนกับสัมผัสโลมไล้ของตนไม่อาจโน้มน้าวจิตใจอีกฝ่ายได้ดังคาด   พ่อบ้านแห่งแทรนชี่ก็ยิ้ม   เด็กคนนี้ช่างคุ้มค่าเหลือเกินกับสิ่งที่ต้องเสียไปเพื่อให้ได้ตัวมา    และเขาคงพร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อให้ชิเอล  แฟนธอมไฮฟ์เป็นของตนเองโดยจะไม่ปล่อยให้หลุดมือไปอีก    แต่ยังก่อน..  ยังไม่ใช่ตอนนี้ 


“ผมต้องทนทุกข์ทรมาน..”  น้ำเสียงแผ่วเบาส่อแววปวดร้าวแม้ว่าสีหน้าจะยังคงเรียบสนิท  “ผมอดอยากหิวโหยเพราะไม่สามารถดื่มกิน   ไม่อาจสร้างพันธะใหม่กับมนุษย์ได้อีก   แต่ผมไม่เสียใจเลย   นั่นก็เพราะ..” 


มือที่ใหญ่กว่ากุมทับลงบนหลังมือของหนุ่มน้อย    คลอทขยับเข้าไปใกล้อีกนิดพลางจ้องลึกเข้าไปในดวงตาแดงก่ำของอีกฝ่าย   ปีศาจหนุ่มผ่อนลมหายใจออกช้าๆ ขณะที่ปล่อยให้ความรู้สึกนึกคิดทั้งปวงแสดงออกทางสีหน้าและแววตา   ก่อนจะเลื่อนสายตาลงจับจ้องริมฝีปากนุ่มแล้วเคลื่อนเข้าไปใกล้  


“สุดท้ายก็ได้พบกับคุณอีก   และผมจะไม่ปล่อยคุณไป”


“ฉันขอเตือน..  ถ้าหากว่านายลืมไปล่ะก็..”  ปีศาจหนุ่มน้อยกระแอมแล้วเบือนหน้าหนี   ร่างเล็กๆ ในชุดสีเขียวเข้มของพ่อบ้านชาวอินเดียขยับถอยห่างออกมา 


“ฉันไม่ใช่มนุษย์ที่มีวิญญาณอย่างที่นายต้องการอีกต่อไปแล้ว   เวลานี้ฉันก็เป็นเหมือนนาย   ..แค่ปีศาจตนหนึ่งเท่านั้น”


“แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ยังเป็นเจ้าของน้ำตาฟินิกซ์”




นั่นปะไร.. 


ชิเอลแค่นเสียงเฮอะในลำคอ   สุดท้ายไม่ว่าใครก็หวังเพียงแต่จะครอบครองน้ำตาฟินิกซ์กันทั้งนั้น   ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้อยากเป็นที่ต้องการและถูกเล็งเห็นว่ามีคุณค่ามากขนาดนั้น    ทว่าแบบนี้มันก็ออกจะเกินไปหน่อยแล้ว
  

..ให้ตายสิ   น่าหงุดหงิดชะมัด


“ฉันไม่..”



“แน่นอนว่าไม่ใช่เพียงเพราะน้ำตาฟินิกซ์   ..ที่ทำให้ผมต้องการคุณ”  พ่อบ้านแห่งแทรนชี่คว้าต้นแขนอีกฝ่ายไว้   และราวกับจะอ่านใจได้..  คลอทกุมมือน้อยทั้งสองไว้ในอุ้งมือตนเองแล้วคุกเข่าลงกับพื้นพลางเงยหน้าขึ้นสบตา   ขณะเดียวกันก็ยื้อข้อมืออีกฝ่ายไว้ไม่ให้เดินหนี


“ผมไม่สนใจว่าคุณจะเป็นใคร   จะเป็นเจ้าของน้ำตาฟินิกซ์อันล้ำค่า   หรือว่าจะยังมีวิญญาณอยู่หรือไม่ 

ฟังผมนะครับนายน้อย..” 


ถึงตอนนี้น้ำเสียงที่แผ่วเบาเนิบนาบดูจะเข้มขึ้น   คลอทฉวยโอกาสดึงร่างน้อยเข้าสู่อ้อมแขนขณะที่ชิเอลได้แต่เบิกตากลมโตอย่างทำอะไรไม่ถูก


“มีเพียงคุณคนเดียวเท่านั้นที่ผมไม่ต้องการให้เป็นของใคร”  



“อื้อ!


ชิเอลเบือนหน้าหนีสัมผัสร้อนผ่าวที่แนบลงมา    ส่งผลให้ริมฝีปากของคลอทประทับลงบนโหนกแก้มแทน   หนุ่มน้อยพยายามผลักไสวงแขนปีศาจอีกตนออกไปให้พ้น   ทว่ามันไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย..  ตรงข้ามกลับมีแต่จะรัดแน่นขึ้นทุกที  


“ปล่อยฉัน!


..แคว่ก..
 

ชิเอลสะดุ้งเฮือกเมื่อเสื้อผ้าบนร่างถูกฉีกกระชากออก   เสียงผ้าที่ฉีกขาดแม้จะแผ่วเบาสักเพียงใดทว่ามันกลับสะท้อนก้องกลับไปกลับมาอยู่ในใจของหนุ่มน้อย   และเมื่อปราศจากเครื่องห่อหุ้มร่างกาย   อากาศเย็นจัดก็ส่งผลให้เขาสะท้านจนขนลุกเกรียว   หรือถ้าไม่ใช่เพราะอากาศ..   ก็คงเป็นเพราะความหวาดหวั่นถึงขีดสุดเมื่อรู้ว่าตนจะไม่มีโอกาสหนีรอดไปได้อีก   น่าเจ็บใจนัก..   ที่ไม่ว่าเมื่อไหร่เขาก็ต้องคอยพึ่งความช่วยเหลือจากผู้อื่นอยู่ร่ำไป   แต่ครั้งนี้เห็นทีคงไม่มีอีกแล้ว.. 


คลอทจัดแจงตรึงร่างน้อยให้แนบชิดอยู่กับอกตนแล้วพรมจูบระเรื่อยลงไปตามลำคอ   ลาดไหล่  ก่อนจะวนเวียนอ้อยอิ่งอยู่ที่เนินอกพลางดื่มด่ำไปกับผิวเนียนนุ่ม   ขณะที่ปลดเปลื้องอาภรณ์ส่วนที่เหลืออยู่บนร่างทั้งของตนเองและอีกฝ่ายออกโดยไม่ฟังเสียงร้องทัดทาน  


“ไม่นะ!  ..ปล่อย!!


มือเล็กๆ จิกแน่นแล้วดึงทึ้งเส้นผมบนศีรษะฝ่ายตรงข้ามเต็มแรงเพื่อให้ปล่อยพร้อมด้วยความรู้สึกเช่นเดียวกับครั้งก่อน   หนุ่มน้อยรู้สึกร้อนวาบไปทั้งตัวขณะที่ปลายนิ้วมือทั้งสิบร้อนฉ่าจนแทบทนไม่ไหว   เขารู้สึกราวกับปลายนิ้วมือกำลังลุกไหม้   และชิเอลถึงกับน้ำตาซึม..  เมื่อมือทั้งสองข้างเรืองแสงสีฟ้าสว่างจ้า   ทว่าครั้งนี้ไม่เหมือนกับตอนที่เขาเผลอทำร้ายเทวดาองค์นั้นจนเสียโฉมทั้งๆ ที่ไม่รู้ตัวว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร   เพราะครั้งนี้เขาสามารถควบคุมมันได้และมองเห็นทุกการกระทำที่ปราศจากการยั้งคิดของตนเองพร้อมด้วยความตกใจสุดขีด  


..เปรี้ยง!..


ชิเอลเพียงแต่จะสะบัดข้อมือเพื่อจะให้หลุดจากการยึดกุมของคลอท   แต่กลับกลายเป็นการส่งสายฟ้าฟาดเปรี้ยงเข้าแสกหน้าอีกฝ่ายจนหงายหลังโครม  


ในสภาพที่เสื้อผ้าหลุดลุ่ย..  พ่อบ้านแห่งแทรนชี่นอนแผ่หราอยู่บนพื้นห้องโดยที่กลางหน้าผากเป็นรอยไหม้เกรียมและมีควันลอยกรุ่นขึ้นมา   และนี่คือโอกาสหนีเอาตัวรอดเพียงหนึ่งเดียว   ทว่าอะไรบางอย่างในตัวเขากลับแผดเสียงก้องอย่างแสนจะสะใจและอยากระเบิดเสียงหัวเราะกับภาพที่ได้เห็น   ยังไม่พอ..  มันยังร่ำร้องอยากจะลงมือให้หนักกว่านี้   มากกว่านี้   รุนแรงกว่านี้


เอาอีก.. อีกสิ..


หมอนี่สมควรแล้วที่จะต้องเจ็บตัวเสียบ้าง..


..ใช่..



จู่ๆ เขาก็เกิดอยากจะลิ้มรสเลือดอีกฝ่ายขึ้นมาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน   ชิเอลยกมือขึ้นอีกครั้ง..   ทว่าคราวนี้มันไม่เรืองแสงอีกต่อไปแล้ว   และทุกอย่างก็สูญสลายไปในวินาทีนั้น..  รวมทั้งโอกาสรอดอันน้อยนิดของเขาด้วย


“พลังของคุณคงเริ่มตื่นแล้วสินะ”


ด้วยความเร็วที่เหนือกว่า   คลอท  ฟอลทัสพุ่งเข้าตะครุบตัวหนุ่มน้อยเอาไว้ได้ก่อนที่จะทันหันหลังวิ่งหนี    ส่งผลให้ทั้งคู่ล้มกลิ้งไปด้วยกันบนพื้นและจบลงด้วยจูบเร่าร้อนที่สยบอาการดิ้นรนอย่างไร้ประโยชน์ของปีศาจตัวน้อย   พ่อบ้านแห่งแทรนชี่ถอนริมฝีปากขึ้นช้าๆ แล้วจ้องมองใบหน้าซีดเผือดที่เต็มไปด้วยหยดเหงื่อผุดพรายพลางยิ้ม


“เก่งนี่ครับ..  ที่เล่นงานผมได้ถึงขนาดนี้   แต่จะบอกอะไรให้นะครับนายน้อย”  คลอทถอดแว่นตาออกก่อนจะวางลงข้างตัว  พลางขยับกายขึ้นทาบทับร่างที่กำลังสั่นสะท้าน  “กับพลังของปีศาจที่ยังอ่อนหัดเช่นคุณ   การกระทำเมื่อครู่นี้ก็มีแต่จะยิ่งกระตุ้นให้เพลิงปรารถนาซึ่งผมมีต่อคุณโหมแรงขึ้นเท่านั้นเอง”


มือน้อยทั้งคู่ถูกรวบให้เหยียดตึงอยู่เหนือศีรษะด้วยมือที่ใหญ่กว่าเพียงข้างเดียวเมื่อจบคำ   ขณะที่ชิเอลได้แต่เบิกตาโพลงแล้วยอมรับสภาพของตนเองอย่างสิ้นหวัง   จำต้องปล่อยให้ปีศาจหนุ่มตระโบมโลมลูบเรือนร่างที่ปราศจากเสื้อผ้าอาภรณ์อย่างไม่รู้จะทำอย่างไร   ไม่อาจปัดป้อง   ไม่อาจขัดขืน   ทว่า.. 


“ปล่อย..” 


คราวนี้น้ำเสียงที่หลุดลอดออกจากริมฝีปากมิได้ดังเกินไปกว่าเสียงกระซิบแหบโหย   ขณะที่ภาพของใครคนหนึ่งปรากฏขึ้นในห้วงคำนึงเป็นครั้งสุดท้าย


..เซบาสเตียน..






“ไม่ครับ  ..คราวนี้ผมจะทำให้คุณเป็นของผมไปตลอดกาล” 


คลอท  ฟอลทัสกระหยิ่มใจที่ตนเองเป็นต่อ..  ในที่สุดเจ้านายตัวน้อยผู้ซึ่งเป็นสุดยอดปรารถนาเสียจนทำให้เขาต้องเดิมพันด้วยชีวิตก็มาอยู่ตรงหน้าแล้ว   พร้อมที่จะเป็นของเขา..  พร้อมที่จะให้ครอบครอง   รวมทั้งน้ำตาฟินิกซ์ด้วย..  และหลังจากนี้เขาจะได้เป็นอิสระ   จบสิ้นกันเสียทีชีวิตอันน่าเบื่อ     


ทว่าขณะเขากำลังจะแยกเรียวขาของชิเอล  แฟนธอมไฮฟ์ออกจากกันแล้วขยับเข้าประกบชิด   ขนปีกดำสนิทก็ปลิวว่อนไปทั่วทั้งห้องพร้อมด้วยอุณหภูมิโดยรอบที่ลดต่ำลงอย่างรวดเร็วจนน่าใจหาย




“เห็นทีคงไม่ได้กระมัง  ..คุณคลอท”


พ่อบ้านแห่งแทรนชี่ชะงักก่อนจะหันขวับไปยังต้นเสียง  


และที่เบื้องหลัง..  บุรุษร่างสูงโปร่ง   เจ้าของเรือนผมดำขลับในชุดทักสิโดพ่อบ้านอีกคนหนึ่งยืนนิ่งอยู่บนขอบระเบียง   พร้อมด้วยนัยน์ตาแดงฉานที่จ้องมองมาอย่างมุ่งร้าย





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น