‘เขา’
ไม่รู้ว่าตนเองตกอยู่ในสภาพนี้มานานเท่าไหร่แล้ว
ความเจ็บปวดทำให้สมองของเขามึนชาเสียจนไม่รับรู้ถึงเวลาที่ล่วงเลย
ยิ่งกว่านั้นหูที่เคยรับเสียงได้เฉียบคม.. เวลานี้ได้ยินเพียงเสียงหัวใจที่อ่อนแรงของตนเองเต้นตุบอยู่ในอก ประสานไปกับเสียงเลือดที่หยดแหมะลงบนพื้น
เขาไม่รู้ด้วยซ้ำ..
ว่าตนเองถูกทิ้งให้นอนเลือดอาบอยู่อย่างนี้มากี่วันแล้ว ไม่รู้กระทั่งว่าตนเองมีบาดแผลทั้งสิ้นกี่แห่ง และตรงไหนบ้างที่สาหัสจนน่าจะถึงแก่ชีวิต
จมูกของเขาที่เคยไวต่อกลิ่นบางเบาแม้เพียงกลิ่นอ่อนจางซึ่งถูกสายลมพัดพา
เวลานี้กลับมีเพียงกลิ่นเหม็นจากบาดแผลที่เริ่มเน่า คละเคล้าไปกับกลิ่นคาวเลือดและน้ำเหลืองที่ไหลเยิ้มไปทั่วร่างเท่านั้นที่อัดแน่นอยู่ในโพรงจมูก
ขณะที่นัยน์ตาของเขาพร่ามัว..
และแทบจะมืดดับยามเมื่อเห็นผู้ซึ่งเปรียบดั่งดวงตะวันผินหลังให้แล้วเดินจากไป
แม้จะภาวนาว่าอย่าให้คนๆ นั้นต้องหันกลับมา ด้วยอับอายเหลือเกินที่จะต้องให้อีกฝ่ายเห็นสภาพอันน่าสมเพชเช่นนี้ ..ทว่าอีกใจหนึ่งก็กลับร้อนรนกระวนกระวายอยากได้ยินเสียงนุ่มหูที่มักออกคำสั่งด้วยความเย็นชานั้นเรียกหา ‘เซบาสเตียน’
สักคำ
แต่...
เขากำลังจะหลุดพ้นจากสภาพอันน่าทุเรศนี้ อีกไม่นานแล้ว.. ที่พละกำลังของเขาจะฟื้นคืน
ในฐานะที่เป็นแม่ทัพผู้ปกครองทัพปีศาจถึงห้าสิบสี่กองพัน เขามีกำลังไพร่พลขนาดมหาศาลอยู่ในกำมือ เขาเป็นถึงขุนพลหนึ่งในสองที่อยู่เคียงข้างบัลลังก์ของจักรพรรดิแห่งความมืดมายาวนานหลายพันปี ดังนั้นจึงย่อมตระหนักดีถึงความแข็งแกร่งและพละกำลังของตนเอง เช่นเดียวกับที่ท่านผู้นั้นเองก็ตระหนักเช่นกัน จึงได้ ‘หยอกเย้า’ เขา ตามประสาพ่อลูกที่ไม่ได้พบกันมาพักหนึ่งหนักมือถึงเพียงนี้
แต่ก็ใช่ว่านี่จะเป็นครั้งแรกนี่นะ..
ที่ท่านผู้นั้นจะแสดงออกถึงอาการขัดใจเมื่อทุกสิ่งไม่เป็นไปตามความประสงค์
เขาเคยโดนหนักกว่านี้มาแล้ว
มีบางครั้งที่สาหัสจนถึงขนาดต้องภาวนาให้อีกฝ่ายรีบๆ จบชีวิตตนเลยเชียว...
นานเพียงใดแล้ว..
ที่เขาไม่ได้เจ็บปวดทรมานจนต้องอ้อนวอนขอความตาย
ดังนั้นต้องถือว่าครั้งนี้ท่านปรานีมากแล้วจริงๆ
อา...
กระดูกหน้าอกที่หักจนทิ่มแทงออกมานอกร่างกำลังจะฟื้นสภาพแล้ว ตอนนี้เขาควรจะรีบเอาหอกที่เสียบคาอยู่ออกเสียก่อนที่บาดแผลจะเริ่มสมานตัว ไม่งั้นคงจะต้องเหนื่อยตอนที่ดึงมันออกแน่ๆ ทว่าเสียงฝีเท้าที่ใกล้เข้ามาทำให้เขาผงกศีรษะขึ้นมองแล้วส่งเสียงคำรามขู่เมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของฝ่ายตรงข้าม
..มันคือปีศาจอีกตนหนึ่ง
ขุนพลอีกเพียงคนเดียวที่มีอำนาจเท่าเทียมกับเขา พวกเขาทั้งสองถือกำเนิดขึ้นมาพร้อมๆ
กันและทำหน้าที่ประหนึ่งแขนขาให้กับผู้เป็นบิดานับตั้งแต่วันที่ท่านลงมาปกครองอาณาจักรแห่งนี้ กับเจ้าหมอนี่แล้ว.. พวกเขาเป็นทั้งพี่น้องและพวกพ้อง แต่ในขณะเดียวกันก็คานอำนาจซึ่งกันและกันด้วย
“ดูไม่จืดเลยนะ..
ซาตานาเกีย
ยังกับเศษผ้าขี้ริ้วไม่มีผิด”
“ขอบใจสำหรับคำชม”
เซบาสเตียน มิคาเอลลิสถ่มเลือดลงบนพื้นข้างตัวก่อนจะกระชากมือเท้าที่ถูกตรึงด้วยหมุดขึ้นมาทีละข้าง เสียงเนื้อฉีกขาดดังแคว่ก.. พร้อมด้วยโลหิตที่สาดกระเซ็นเป็นสายมิได้ทำให้สีหน้าของปีศาจหนุ่มแปรเปลี่ยนไปแต่อย่างใด ขณะที่ผู้มาใหม่หยุดยืนห่างออกไปไม่มากนักแล้วก้มลงมอง
พร้อมด้วยท่าทางสะเทือนใจอย่างสุดแสนที่เจ้าตัวจงใจปั้นแต่งอย่างแนบเนียน
หึ ..ไอ้ตัวแสบ..
“จะให้ช่วยไหมล่ะ”
“อย่าดีกว่า.. อกาเลียเรป ข้าว่าเจ้าคงยิ่งอยากตอกมือข้าให้จมดินมากกว่ากระมัง”
“ดูพูดเข้า..”
ขุนพลปีศาจอีกตนหนึ่งแค่นเสียงเฮอะอย่างอดใจไม่อยู่
“พี่ชาย.. เจ้าก็น่าจะรู้ว่าความสุขเล็กๆ น้อยๆ ของข้ามีอยู่ไม่กี่เรื่อง อย่าขี้เหนียวนักเลยน่า” อกาเลียเรปไม่ฟังเสียงแต่กลับเดินส่ายอาดๆ
เข้ามาใกล้ ปีศาจหนุ่มล้วงมือเข้าไปที่บั้นท้ายอีกฝ่ายแล้วคว้าด้ามหอกซึ่งเสียบคาอยู่ตรงนั้นก่อนจะออกแรงดึง
“และหนึ่งในนั้น.. คือการที่ ..อึ่ก..
ที่ตัวตนของข้า ..สูญสลายไปตลอดกาลสินะ”
เซบาสเตียนขบกรามแน่นก่อนจะส่งเสียงสบถดังลั่นด้วยความเจ็บปวด
ขณะที่หอกปลายแหลมเขยื้อนออกมาจากร่างตนเองทางช่องทวารหนักทีละนิ้วๆ
อย่างช้าๆ
“ใครว่า..
นั่นเป็นความบันเทิงอันดับหนึ่งของข้าต่างหากล่ะ เห็นหรือยังว่าข้าให้ความสำคัญกับเจ้าไม่เคยเปลี่ยนเลยนะ”
“เออ..
รู้สึกเหมือนกันเป๊ะเลย
สมแล้วที่เราเป็นพี่น้องกัน”
“เจ้าคงสนุกน่าดูล่ะสิท่า ตอนที่เอาเจ้านี่ใส่เข้าไปน่ะ” ราวกับเจตนากลั่นแกล้ง
เมื่อมือที่กระชับด้ามหอกที่เกรอะกรังไปด้วยเลือดกระทุ้งมันกลับเข้าไปเบาๆ และทำให้เจ้าตัวเผลอสูดหายใจแรง
“เจ้าคิดไม่ถึงหรอก” เซบาสเตียนกลั้นหายใจตอบ “ยิ่งตอนที่มันแทงปอดเจ้าเป็นรูพรุนแล้วทะลุออกทางรอยหักตรงกระดูกไหปลาร้าน่ะ เป็นความรู้สึกที่สุดยอดไปเลยล่ะ แต่ถ้าเจ้าเกิดอยากทดลองดูบ้างก็บอกข้าได้ทุกเมื่อเลยนะ”
“น่าอิจฉาจังเลยนะ ท่าทางพ่อของเราคงจะรักลูกไม่เท่ากัน”
อกาเลียเรปแกล้งทำเสียงน้อยอกน้อยใจ
ก่อนจะออกแรงกระชากหอกหลุดติดมือออกมาทั้งท่อน และส่งผลให้เซบาสเตียนถึงกับร้องลั่น โลหิตสดๆ ไหลทะลักออกมาอีกเป็นระลอกที่สอง ปีศาจหนุ่มถลึงตาจ้องอีกฝ่ายหนึ่งอย่างไม่สบอารมณ์ ทั้งที่รู้ทั้งรู้ว่าอกาเลียเรปก็มักเป็นเสียแบบนี้เอง แต่ด้วยความที่มีชีวิตอยู่ด้วยกันมายาวนานเขาจึงอดไม่ได้ที่จะทั้งรักทั้งชังเจ้าหมอนี่ ถึงแม้ว่าส่วนใหญ่แล้วจะค่อนข้างเข้าข่าย ‘ชังน้ำหน้าจนอยากฆ่าให้ตาย’ และที่ผ่านมาเขาก็ได้ลงมือจัดการ ‘ฆ่าให้ตาย’ มามากกว่าหนึ่งครั้งแล้วก็ตาม
ทันทีที่หลุดจากการตอกตรึงอันโหดเหี้ยมมาได้เซบาสเตียนก็คืนกลับสู่ร่างมนุษย์
ปีศาจในคราบพ่อบ้านล้วงถุงมือขาวคู่ใหม่จากกระเป๋าเสื้อด้านในออกมาสวม ก่อนจะเสยผมที่ปรกหน้าอย่างไวๆ รอบหนึ่ง ..น่าเสียดาย.. ทั้งๆ ที่อยากจะรีบไปหาผู้เป็นนายโดยไวที่สุดทว่าก็ไม่อาจทำได้ ด้วยสภาพบาดแผลที่ยังไม่สมานตัวเช่นนี้คงไม่เหมาะสมที่จะไปปรากฏตัวต่อหน้าเด็กคนนั้น และเขาคงต้องรอจนกว่ามันจะหายสนิทจริงๆ
“ข้าเคยบอกเป็นพันๆ ครั้งแล้วว่าหากเจ้าต้องการพลพรรคปีศาจที่อยู่ใต้อาณัติข้าเจ้าก็สามารถดึงไปใช้งานได้เสมอ ไม่จำเป็นต้องมาลอบกัดกันอย่างนี้ แต่เจ้าก็ยังขี้อิจฉาไม่เคยเปลี่ยนเลยนะ อีกอย่าง..
ถ้าอยากให้ท่านพ่อหันมาเล่นกับเจ้าบ้างก็ลองไปทำพันธะสัญญากับมนุษย์ดูบ้างสิ
แต่เลือกไอ้ที่มันเจ๋งๆ หน่อยนะ”
“อ้อ.. แล้วก็ต้องตกเป็นทาสไปตลอดกาลด้วยงั้นสิ นั่นคือสูตรสำเร็จของเจ้างั้นหรือ”
ขุนพลอีกคนหนึ่งยังไม่วายประชดแดกดันก่อนจะเดินจากไปพร้อมด้วยเสียงหัวเราะเย้ยหยัน ถึงกระนั้นก็อดคิดไม่ได้.. นานเพียงใดแล้วที่ตนไม่ได้เปิดศึกกับมือขวาของจอมปีศาจอย่าง..
ซาตานาเกีย มิใช่เพราะหวั่นเกรงพลังอำนาจของอีกฝ่าย แต่เป็นเพราะเจ้าหมอนั่นมักจะลอยไปลอยมาอยู่ระหว่างอาณาจักรของปีศาจกับมนุษย์แล้วประพฤติตนประหนึ่งพวกชั้นต่ำ ซึ่งเขาไม่เคยเข้าใจจริงๆ ว่ามันดียังไง
ทว่าอกาเลียเรปเห็นชัดแล้วว่าถ้อยคำแดกดันดูแคลนของตนไม่อาจยั่วยุให้อีกฝ่ายขุ่นเคืองได้ ยิ่งกว่านั้นยามที่เอ่ยถึงคู่พันธะสัญญา เจ้าหมอนั่นก็มักจะทำสีหน้าน่าขยะแขยงแบบที่พวกมนุษย์เป็นกัน อย่างเช่นรอยยิ้มบางๆ บนริมฝีปากกับแววตาชวนฝันไร้สาระ
เป็นต้น และอีกเรื่องหนึ่ง.. จริงๆ แล้วยังมีอีกหลายเรื่องทีเดียว แต่หนึ่งในนั้นก็คือเรื่องชื่อ ‘เซบาสเตียน’.. ซึ่งซาตานาเกียปลาบปลื้มเป็นนักหนาเพราะเป็นชื่อที่เจ้านายคนสำคัญตั้งให้นั้นเป็นสิ่งที่ทำให้เขาไม่สบอารมณ์มากที่สุด
เพราะเหตุที่เจ้านั่นบังอาจลบล้างชื่อที่นายท่านตั้งให้แล้วไปหลงใหลได้ปลื้มในชื่อใหม่พรรค์นั้น
อกาเลียเรปไม่เข้าใจ..
มนุษย์สกปรกคนหนึ่งน่ะหรือ จะมาเทียบเท่ากับบิดาผู้อยู่เหนือทุกสิ่งทุกอย่าง
จะเป็นไปได้อย่างไรกัน..
.............................................
ชิเอล แฟนธอมไฮฟ์ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นด้วยสัมผัสจากมือในถุงมือพ่อบ้านสีขาวสะอาดที่ลูบไล้แผ่วๆ
บนเรียวแก้ม
วินาทีแรกที่ลืมตาขึ้นมองปีศาจหนุ่มน้อยก็ทั้งรู้สึกยินดีและโล่งใจ..
ที่ในที่สุดก็ได้พบกันเสียที
ชิเอลปัดผ้าห่มออกไปให้พ้นตัวก่อนจะลุกขึ้นนั่งแล้วค่อยเขยิบกายลงจากเตียง ขณะที่พ่อบ้านหนุ่มยืนนิ่งมองเจ้านายตัวน้อยโดยไม่พูดอะไร
“เป็นอะไรไป”
ปีศาจในคราบพ่อบ้านลอบกลืนน้ำลายเหนียวหนึบลงคอ เมื่อน้ำเสียงนุ่มหูที่ดังกังวานขึ้นทั้งแผ่วพลิ้วและหนักแน่นทรงพลังในขณะเดียวกัน
เป็นน้ำเสียงซึ่งยังไม่ทันแตกหนุ่มเต็มตัวที่ช่างมีเสน่ห์นัก
“เปล่า.. เปล่าขอรับ”
“นายมาช้า.. เซบาสเตียน
มัวทำอะไรอยู่”
ชิเอลมิได้สนใจอากัปกิริยาซึ่งดูแปลกไปของพ่อบ้านคนสนิท หนุ่มน้อยเดินไปที่หน้าต่างห้องพลางทอดสายตามองออกไปเบื้องนอก
เวรยามรูปร่างสูงใหญ่หลายต่อหลายนายยังคงยืนประจำตำแหน่งอยู่ในสวนเบื้องนอกเช่นเดียวกับเมื่อก่อนที่เขาจะเข้านอน แต่ละตนดุดันดิบเถื่อนและน่าเกลียดน่ากลัวเหลือประมาณ ท่าทางคงเป็นปีศาจชั้นปลายแถวที่ไม่มีฤทธิ์เดชอะไรมากนักนอกจากถนัดแต่เรื่องใช้กำลัง ทว่าเขาก็ไม่นึกอยากจะลองเสี่ยงดูหรอก หลายวันมานี้ชิเอลเฝ้าสังเกตการสับเปลี่ยนเวรยามของปีศาจเหล่านี้อย่างเงียบๆ
จนพอจะได้ข้อสรุปอยู่บ้าง ว่าการยืนเวรรักษาการณ์แต่ละรอบมีระยะเวลาทั้งสิ้นสิบสามชั่วโมง และชั่วขณะที่เปลี่ยนเวรยามจะมีโอกาสช่วงสั้นๆ ให้หลบหนีออกไปเพียงแค่ห้านาทีเท่านั้น และเขาไม่คิดว่ามันเพียงพอ
“ที่นี่มีการคุ้มกันอย่างหนาแน่นทีเดียว พอจะรู้รึยังว่าเราจะออกไปทางไหน”
ทว่าไม่มีคำตอบจากพ่อบ้าน เซบาสเตียน
มิคาเอลลิสยังคงยืนนิ่งพลางจับจ้องตรงมาด้วยดวงตาที่ทอประกายวาว ส่งผลให้ผู้เป็นนายหันกลับมาตะคอกเสียงดัง
“มัวทำอะไรอยู่! ฉันถาม.. ทำไมไม่ตอบ!”
เมื่อถูกตวาดปีศาจหนุ่มก็เม้มริมฝีปากเล็กน้อย ร่างสูงในทักสิโดชายยาวแบบพ่อบ้านคุกเข่าข้างหนึ่งลงกับพื้นพลางค้อมศีรษะ แล้วซุกซ่อนรอยยิ้มแสยะอันน่าสะพรึงให้รอดพ้นจากสายตาอีกฝ่าย “ต้องขออภัยเป็นอย่างสูงขอรับ.. ผมเพียงแต่กำลังคิดอะไรเพลินๆ” จบคำเขาก็ยืดกายขึ้นก่อนจะก้าวเข้ามาหา
“คิดอะไร..”
เวลานั้นเจ้านายตัวน้อยเริ่มเอะใจสงสัยในความผิดปกติตรงหน้าแล้ว ทว่าก็ยังไม่ได้นึกระแวงมากมายนัก
“ผมต้องใช้เวลานานหลายวันกว่าจะตามหาท่านพบ แล้วก็ไม่ผิดหวังจริงๆ ด้วย”
เซบาสเตียนทรุดร่างลงตรงหน้าผู้เป็นนาย
มือใหญ่ได้รูปยกชายอาภรณ์ซึ่งยาวกรอมเท้าขึ้นสัมผัสริมฝีปากแล้วสูดกลิ่นกายหอมกรุ่นจากร่างหนุ่มน้อยตรงหน้าจนสาแก่ใจก่อนจะช้อนสายตาขึ้นมองสบ
และเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังคงยืนนิ่งอยู่พ่อบ้านหนุ่มก็ยืดกายขึ้นในท่าชันเข่าแล้วเอื้อมมือไปสัมผัสต้นแขนเปลือยแผ่วเบา ผิวหนังอันเรียบลื่นและนุ่มมือส่งผลให้เขาอดกลืนน้ำลายลงคอมิได้ ยิ่งกว่านั้นชุดนอนตัวยาวสีขาวเบาบางแบบไม่มีแขนซึ่งผู้เป็นนายสวมใส่อยู่ในเวลานี้ก็ช่างดูเย้ายวนตานัก เมื่อเจ้าตัวยืนหันหลังให้กับแสงสลัวลางที่ส่องเข้ามาทางหน้าต่างห้องเช่นนี้ ก็ยิ่งราวกับจะบางใสจนเห็นผิวเนื้อข้างในได้เลยทีเดียว เขาเบนสายตากลับมายังดวงหน้ามน ปลายนิ้วเรียวยาวภายใต้ถุงมือขาวสะอาดถือวิสาสะปัดปอยผมที่ปกปิดตราแห่งพันธะในดวงตาข้างขวาของเจ้านายออก ขณะที่นัยน์ตาสีโลหิตเปล่งประกายวาบเมื่อแลเห็นสัญลักษณ์แห่งคำสัญญาปรากฏเด่นชัดอยู่ในแก้วตาข้างเดียวกันนั้น และมันทำให้ชิเอลขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
“เซบาสเตียน..”
“อย่างนี้นี่เอง ใครต่อใครถึงได้ต้องการตัวกันนัก..
เพราะอย่างนี้เองสินะ”
“ยะ.. หยุดนะ!”
กว่าจะรู้สึกถึงอันตราย ชิเอลก็มีอันถูกรวบเข้าสู่วงแขนอีกฝ่ายเสียแล้ว ร่างเล็กบางถูกจับชูขึ้นสูงแล้วยันติดผนังห้องด้วยมือเพียงข้างเดียวราวกับร่างกายนี้ไม่มีน้ำหนักอันใดเลย กรงนิ้วแกร่งของพ่อบ้านหนุ่มกุมหลวมๆ อยู่ที่รอบลำคอระหงประหนึ่งกำลังจับผีเสื้อแสนสวยไว้ในอุ้งมือ มิได้เจตนาบีบให้ตาย.. แต่ให้ปีกเล็กบางขยับขลุกขลักได้เพียงเล็กน้อย แม้ไม่สบายนัก ..ทว่าก็ยังมีลมหายใจ แต่กระนั้นก็ยังส่งผลให้ปีศาจตัวน้อยรู้สึกเจ็บปวดยิ่งนัก ต้นขาภายใต้กางเกงขายาวสีดำข้างหนึ่งเบียดแทรกเข้ามาระหว่างขาเล็กๆ
ทั้งสองข้างที่กำลังปัดป่ายไปมาอยู่กลางอากาศอย่างสิ้นหวัง ขณะที่สองมือน้อยกำแน่นอยู่รอบข้อมือคนสนิทพลางจิกปลายเล็บลงบนผิวเนื้ออีกฝ่ายอย่างแรงจนห้อเลือด
“บอกให้ปล่อยไง! ..เซบาสเตียน!”
“ขอรับ.. นายท่าน”
พ่อบ้านปีศาจรับคำเสียงแผ่วและเย็นยะเยือกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เซบาสเตียนจับร่างผู้เป็นนายเหวี่ยงกระเด็นขึ้นไปบนเตียงนอนอย่างไม่เบามือ
ก่อนจะตามขึ้นไปอย่างรวดเร็วเกินกว่าที่หนุ่มน้อยจะขยับหนีไปไหนได้
ปีศาจหนุ่มขยับกายขึ้นทาบทับอีกฝ่ายแล้วฝังคมเขี้ยวลงบนลาดไหล่ขาวเนียนโดยไม่ปรานี แล้วจึงตวัดปลายลิ้นลิ้มรสโลหิตที่ซึมออกมาอย่างอ้อยอิ่ง
ขณะที่เจ้านายตัวน้อยสั่นสะท้านด้วยความเจ็บปวด สับสน
และไม่เข้าใจ
“เพราะงามอย่างนี้นี่เอง
ใครต่อใครถึงจ้องอยากจะแย่งชิงตัวนัก”
เลือดหวานละมุนลิ้นทำให้ผู้ลิ้มรสต้องมัวเมาจนเผลอส่งเสียงครางออกมา ขณะที่น้ำเสียงที่เปล่งออกมาก็ชักจะแปร่งลงทุกที “เบื่อมากใช่มั้ยขอรับ.. ที่ต้องถูกจับโยนไปมาราวกับเป็นสิ่งของอย่างนี้ คงเบื่อที่ต้องทนอยู่ในสภาพนี้และอยากจะหลุดพ้นเต็มทีแล้วสินะ”
และคำถามนั้นก็ส่งผลให้ชิเอลซึ่งถูกทาบทับจนหายใจไม่ออกหยุดดิ้นรนในนาทีที่เริ่มรู้สึกตัว
คนๆ นี้ ไม่ใช่..
“นายเป็นใคร..”
..ถ้าเป็นพ่อบ้านของเขาจริง
ถ้าหากเป็นเจ้านั่นล่ะก็ จะไม่มีวันถามคำถามพรรค์นี้ออกมาเป็นอันขาด..
‘เซบาสเตียน มิคาเอลลิส’ หยุดชะงักก่อนจะเงยหน้าขึ้นจากลำคอหนุ่มน้อยแล้วส่งเสียงหัวเราะแหบพร่า
“เก่งนี่..
รู้ตัวจนได้สินะ”
คราวนี้เสียงที่ตอบกลับมามิใช่เสียงที่คุ้นชินอีกต่อไป.. หากเป็นเสียงแหบต่ำที่ดังกระหึ่มน่าพรั่นพรึง แล้วพริบตานั้นผู้ที่คร่อมอยู่เหนือร่างเล็กบางก็ค่อยๆ
เปลี่ยนรูปร่างไปทีละน้อย จากสีผิวค่อนไปทางขาวแบบชาวยุโรปที่แลดูสุขภาพดีค่อยๆ
คล้ำขึ้นทีละนิดๆ จนในที่สุดก็กลายเป็นผิวสีทองแดงมันเงาที่ไม่มีความยืดหยุ่นอ่อนนุ่มตามธรรมชาติเลยแม้แต่น้อย นอกจากนี้ขนาดของร่างกาย รูปร่าง
สีและรูปแบบเส้นผม รวมทั้งรูปหน้าล้วนแปรเปลี่ยนกลายเป็นใครบางคนที่เขาไม่เคยรู้จัก
จนในที่สุดชิเอลก็พบว่ามีปีศาจตนหนึ่งปรากฏกายขึ้นแทนที่พ่อบ้านของตนเอง
อสูรกายแปลกหน้าตนนี้มีเรือนผมสีเพลิงที่ยาวกระเซอะกระเซิงถึงกลางหลัง ตัดกับเขาแพะสีดำสนิทขนาดใหญ่อีกคู่หนึ่งบนศีรษะ รูปหน้ายาวเรียว โหนกแก้มตอบ
พร้อมด้วยประกายตาคมวาวสีเลือด กับลูกตาขนาดเล็กจัดซึ่งเปล่งประกายจ้านั้นทั้งเย็นชาและไร้ปรานี นอกจากนี้จมูกโด่งเป็นสันขณะที่ปลายจมูกงองุ้มลงเล็กน้อย และเขี้ยวคมคู่หน้าซึ่งโผล่ออกมาให้เห็นรำไรนั้นก็ช่างเป็นรูปลักษณ์ที่ดูอัปลักษณ์สิ้นดี
และมันทำให้เขาอดนึกถึงปีศาจน่าสงสารที่เห็นเมื่อวันก่อนไม่ได้
ชิเอลกล้ำกลืนความหวาดหวั่นของตนเองลงไปแล้วเชิดหน้าขึ้นอย่างกล้าหาญ
..ไม่มีประโยชน์อันใดที่จะแสดงความขลาดกลัวออกมาให้เห็น เพราะนั่นไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลย
และยิ่งไม่ได้ทำให้ตนรอดพ้นจากเงื้อมมือปีศาจตนนี้ไปได้...
“ในเมื่อยอมเผยตัวจริงออกมาแล้วก็หวังว่าคงมีคำตอบที่ทำให้ฉันพอใจนะ
..นายมีจุดประสงค์อะไรถึงมาที่นี่”
“หึ..
ช่างเป็นปีศาจน้อยที่เก่งกล้าเกินตัวเหลือเกินนะ
เมื่อครู่ยังกลัวจนตัวสั่นอยู่เลยแท้ๆ เวลานี้ไม่กลัวข้าแล้วหรือไร”
“ต้องยอมรับว่านายแน่มากที่ปลอมเป็นเซบาสเตียนได้เกือบจะเหมือน”
แทนที่จะตอบ ชิเอลกลับขยับถอยห่างออกมายังริมเตียงฝั่งตรงข้ามจนหัวไหล่ข้างที่ไม่มีบาดแผลกระทบเข้ากับเสาเตียงที่เย็นจัดและผ้าม่านคลุมเตียงเนื้อหนา
ขณะที่ฝ่ายตรงข้ามเผยอรอยยิ้มของปีศาจให้เห็น เมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของปีศาจอีกตนหนึ่ง
“อ้อ..
อย่างนี้นี่เอง
ดูเหมือนเจ้าจะฟื้นตัวได้เร็วดีนี่ ..ซาตานาเกีย”
เงาร่างดำทะมึนปรากฏขึ้นที่ข้างเสาเตียงฝั่งซึ่งอยู่ห่างออกไปในรูปลักษณ์ของบุรุษในชุดทักสิโดพ่อบ้านสีดำ ผู้ถูกเรียกหาด้วยชื่อดั้งเดิมไม่ตอบคำ เซบาสเตียน
มิคาเอลลิสคนที่มาใหม่ยังมิได้ทำอะไร..
นอกจากชำเลืองมองใบหน้าขาวซีดของผู้เป็นนาย ก่อนจะไล่สายตาลงไปยังมือเล็กๆ ที่กุมแน่นอยู่บนไหล่ข้างที่บาดเจ็บของตนเองพร้อมด้วยคราบโลหิตสีบาดตาที่เลอะเทอะเปรอะเปื้อนเสื้อผ้า แล้วขบกรามแน่นก่อนจะหันกลับมายังพี่น้องของตน
“ข้าเคยบอกแล้วไม่ใช่หรือว่าไม่จำเป็นต้องทำอย่างนี้ ..อกาเลียเรป
หากอยากมีเรื่องนักก็เข้ามาเลย
ข้าพร้อมจะเปิดศึกกับเจ้าทุกเมื่อ”
“โกรธหรือไง
ที่เจ้านายคนดีถูกข้าแตะต้อง”
เซบาสเตียนไม่ตอบ.. หากก้มลงมองบาดแผลที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงคล้ำบนบ่าเล็กๆ
แล้วจึงโน้มร่างเข้าไปหาเจ้านายตัวน้อย
วงแขนแกร่งโอบกระชับรอบเอวอีกฝ่ายอย่างเบามือแล้วก้มลงแนบริมฝีปากเข้ากับปากแผลก่อนจะเริ่มดูดพิษที่ตกค้างจากน้ำมือของปีศาจอีกตนหนึ่งออกมา เหงื่อเม็ดโตๆ ปรากฏขึ้นที่หว่างคิ้วซึ่งขมวดเข้าหากันอย่างใช้สมาธิก่อนจะไหลลงมาตามร่องแก้ม พ่อบ้านหนุ่มตวัดปลายลิ้นแดงเข้มละเลียดลิ้มโลหิตของผู้เป็นนายอย่างแผ่วเบาและระมัดระวังด้วยไม่ต้องการให้อีกฝ่ายรู้สึกเจ็บปวด ขณะที่เดียวกันก็พยายามสะกดอสูรร้ายในร่างตนที่กำลังคลุ้มคลั่งอยู่ให้สงบลงด้วย จากนั้นก็บ้วนของเหลวเหนียวเหนอะสียางไหม้ที่ส่งกลิ่นเหม็นอย่างร้ายกาจลงบนพื้นห้อง ส่งผลให้พื้นหินเกิดปฏิกิริยาเป็นฟองฟู่แล้วกร่อนเป็นรอยลึก เซบาสเตียนทำเช่นนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนมั่นใจว่าโลหิตที่ไหลรินออกมาจากบาดแผลสะอาดบริสุทธิ์ดีแล้วจึงได้ปล่อยมือ
“ไม่เป็นไรใช่มั้ยขอรับ.. นายน้อย”
“มาช้านะ
เซบาสเตียน”
คำตัดพ้อคำเดิมถูกเอ่ยออกมาเป็นครั้งที่สอง กระนั้นชิเอล
แฟนธอมไฮฟ์ก็มิได้แสดงอาการไม่พอใจต่อพ่อบ้านของตน
ขณะที่เซบาสเตียนคุกเข่าลงเบื้องหน้าเจ้านายพลางจัดเสื้อนอนที่หลุดลุ่ยให้เข้าที่เข้าทาง
“ต้องขออภัยเป็นอย่างสูงขอรับ ..ผมไม่มีข้อแก้ตัวจริงๆ สำหรับความบกพร่องนี้”
พ่อบ้านหนุ่มจงใจหลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงสาเหตุที่ตนล่าช้า โดยตั้งใจจะปิดปากเงียบเรื่องที่ทั้งคู่ได้พบกันในอีกรูปลักษณ์หนึ่งเมื่อหลายวันก่อนเอาไว้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเขาจะไม่มีวันยอมให้เด็กคนนี้ได้รู้เห็นตัวตนที่แท้จริงของเขาเป็นอันขาด เซบาสเตียนยืดกายขึ้นยืนตรงแล้วหันไปเผชิญหน้ากับพวกพ้องของตน
“ครั้งนี้เจ้าล้ำเส้นไปมาก คงไม่อยากจะมีชีวิตอยู่แล้วสินะ”
“เรื่องของข้าน่ะช่างเถอะ ..เพราะเวลานี้เจ้าดูเหมือนจะมีเรื่องกังวลที่ไม่อยากให้เด็กคนนี้รู้ไม่ใช่หรือ” อกาเลียเรปส่งเสียงหัวเราะต่ำๆ อยู่ในลำคอเมื่อได้เห็นสีหน้าลำบากใจของอีกฝ่าย
“เจ้าจากบ้านไปนานคงลืมไปแล้วกระมังว่าพลังอำนาจของข้า.. นอกเหนือจากการควบคุมอดีตและอนาคตแล้วก็คือความสามารถในการค้นหาความลับทุกอย่างในจักรวาลนี้
ดังนั้นข้าย่อมรู้ดีถึงสิ่งที่เจ้าเป็นกังวล
ไม่เอาน่าพี่ชาย.. เหตุใดจึงทำหน้าเช่นนั้น
สุนทรียศาสตร์ระหว่างปีศาจกับเจ้านายมันสำคัญถึงเพียงนั้นเชียวหรือ”
“เจ้าไม่มีวันเข้าใจหรอก
ตราบใดที่ปีศาจและเจ้านายยังมีพันธะสัญญาต่อกันอยู่ ข้าก็จะ..”
คำพูดพลันเงียบหาย
ในวินาทีที่ขุนพลปีศาจทั้งสองรับรู้ถึงการปรากฏตัวของเจ้าเหนือหัว เสียงหัวเราะอันนุ่มนวลดังขึ้นขณะที่เปลวเทียนในห้องกลับวูบดับ ทันใดนั้น..
ลูซิเฟอร์ก็ปรากฏกายขึ้นข้างๆ ปีศาจหนุ่มน้อยแล้ววางมือลงบนบ่าอันบอบบาง และส่งผลให้เจ้าตัวถึงกับสะดุ้งเฮือก
“แล้วถ้าหากพันธะสัญญาที่แสนสำคัญนั้นถูกข้าทำลายไป ก็เท่ากับชิเอล
แฟนธอมไฮฟ์ก็จะเป็นอิสระจากปีศาจอย่างเจ้างั้นสินะ ..ซาตานาเกีย”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น