9/09/2555

น้ำตาฟินิกซ์ 11




เขา ไม่รู้ว่าตนเองตกอยู่ในสภาพนี้มานานเท่าไหร่แล้ว   ความเจ็บปวดทำให้สมองของเขามึนชาเสียจนไม่รับรู้ถึงเวลาที่ล่วงเลย  


ยิ่งกว่านั้นหูที่เคยรับเสียงได้เฉียบคม..  เวลานี้ได้ยินเพียงเสียงหัวใจที่อ่อนแรงของตนเองเต้นตุบอยู่ในอก  ประสานไปกับเสียงเลือดที่หยดแหมะลงบนพื้น   

เขาไม่รู้ด้วยซ้ำ..  ว่าตนเองถูกทิ้งให้นอนเลือดอาบอยู่อย่างนี้มากี่วันแล้ว   ไม่รู้กระทั่งว่าตนเองมีบาดแผลทั้งสิ้นกี่แห่ง   และตรงไหนบ้างที่สาหัสจนน่าจะถึงแก่ชีวิต


จมูกของเขาที่เคยไวต่อกลิ่นบางเบาแม้เพียงกลิ่นอ่อนจางซึ่งถูกสายลมพัดพา  

เวลานี้กลับมีเพียงกลิ่นเหม็นจากบาดแผลที่เริ่มเน่า   คละเคล้าไปกับกลิ่นคาวเลือดและน้ำเหลืองที่ไหลเยิ้มไปทั่วร่างเท่านั้นที่อัดแน่นอยู่ในโพรงจมูก  


ขณะที่นัยน์ตาของเขาพร่ามัว..  และแทบจะมืดดับยามเมื่อเห็นผู้ซึ่งเปรียบดั่งดวงตะวันผินหลังให้แล้วเดินจากไป

แม้จะภาวนาว่าอย่าให้คนๆ นั้นต้องหันกลับมา   ด้วยอับอายเหลือเกินที่จะต้องให้อีกฝ่ายเห็นสภาพอันน่าสมเพชเช่นนี้   ..ทว่าอีกใจหนึ่งก็กลับร้อนรนกระวนกระวายอยากได้ยินเสียงนุ่มหูที่มักออกคำสั่งด้วยความเย็นชานั้นเรียกหา  เซบาสเตียน สักคำ



แต่...


เขากำลังจะหลุดพ้นจากสภาพอันน่าทุเรศนี้    อีกไม่นานแล้ว..  ที่พละกำลังของเขาจะฟื้นคืน  

ในฐานะที่เป็นแม่ทัพผู้ปกครองทัพปีศาจถึงห้าสิบสี่กองพัน    เขามีกำลังไพร่พลขนาดมหาศาลอยู่ในกำมือ   เขาเป็นถึงขุนพลหนึ่งในสองที่อยู่เคียงข้างบัลลังก์ของจักรพรรดิแห่งความมืดมายาวนานหลายพันปี   ดังนั้นจึงย่อมตระหนักดีถึงความแข็งแกร่งและพละกำลังของตนเอง   เช่นเดียวกับที่ท่านผู้นั้นเองก็ตระหนักเช่นกัน    จึงได้ หยอกเย้า  เขา   ตามประสาพ่อลูกที่ไม่ได้พบกันมาพักหนึ่งหนักมือถึงเพียงนี้  


แต่ก็ใช่ว่านี่จะเป็นครั้งแรกนี่นะ..   ที่ท่านผู้นั้นจะแสดงออกถึงอาการขัดใจเมื่อทุกสิ่งไม่เป็นไปตามความประสงค์


เขาเคยโดนหนักกว่านี้มาแล้ว    มีบางครั้งที่สาหัสจนถึงขนาดต้องภาวนาให้อีกฝ่ายรีบๆ จบชีวิตตนเลยเชียว...

นานเพียงใดแล้ว..  ที่เขาไม่ได้เจ็บปวดทรมานจนต้องอ้อนวอนขอความตาย

ดังนั้นต้องถือว่าครั้งนี้ท่านปรานีมากแล้วจริงๆ



อา...  


กระดูกหน้าอกที่หักจนทิ่มแทงออกมานอกร่างกำลังจะฟื้นสภาพแล้ว   ตอนนี้เขาควรจะรีบเอาหอกที่เสียบคาอยู่ออกเสียก่อนที่บาดแผลจะเริ่มสมานตัว   ไม่งั้นคงจะต้องเหนื่อยตอนที่ดึงมันออกแน่ๆ    ทว่าเสียงฝีเท้าที่ใกล้เข้ามาทำให้เขาผงกศีรษะขึ้นมองแล้วส่งเสียงคำรามขู่เมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของฝ่ายตรงข้าม  ..มันคือปีศาจอีกตนหนึ่ง   ขุนพลอีกเพียงคนเดียวที่มีอำนาจเท่าเทียมกับเขา    พวกเขาทั้งสองถือกำเนิดขึ้นมาพร้อมๆ กันและทำหน้าที่ประหนึ่งแขนขาให้กับผู้เป็นบิดานับตั้งแต่วันที่ท่านลงมาปกครองอาณาจักรแห่งนี้    กับเจ้าหมอนี่แล้ว.. พวกเขาเป็นทั้งพี่น้องและพวกพ้อง   แต่ในขณะเดียวกันก็คานอำนาจซึ่งกันและกันด้วย


“ดูไม่จืดเลยนะ..  ซาตานาเกีย   ยังกับเศษผ้าขี้ริ้วไม่มีผิด”

“ขอบใจสำหรับคำชม” 

เซบาสเตียน  มิคาเอลลิสถ่มเลือดลงบนพื้นข้างตัวก่อนจะกระชากมือเท้าที่ถูกตรึงด้วยหมุดขึ้นมาทีละข้าง   เสียงเนื้อฉีกขาดดังแคว่ก..  พร้อมด้วยโลหิตที่สาดกระเซ็นเป็นสายมิได้ทำให้สีหน้าของปีศาจหนุ่มแปรเปลี่ยนไปแต่อย่างใด   ขณะที่ผู้มาใหม่หยุดยืนห่างออกไปไม่มากนักแล้วก้มลงมอง  พร้อมด้วยท่าทางสะเทือนใจอย่างสุดแสนที่เจ้าตัวจงใจปั้นแต่งอย่างแนบเนียน


หึ ..ไอ้ตัวแสบ..


“จะให้ช่วยไหมล่ะ”


“อย่าดีกว่า.. อกาเลียเรป   ข้าว่าเจ้าคงยิ่งอยากตอกมือข้าให้จมดินมากกว่ากระมัง”


“ดูพูดเข้า..”  ขุนพลปีศาจอีกตนหนึ่งแค่นเสียงเฮอะอย่างอดใจไม่อยู่  

“พี่ชาย..  เจ้าก็น่าจะรู้ว่าความสุขเล็กๆ น้อยๆ ของข้ามีอยู่ไม่กี่เรื่อง    อย่าขี้เหนียวนักเลยน่า”  อกาเลียเรปไม่ฟังเสียงแต่กลับเดินส่ายอาดๆ เข้ามาใกล้   ปีศาจหนุ่มล้วงมือเข้าไปที่บั้นท้ายอีกฝ่ายแล้วคว้าด้ามหอกซึ่งเสียบคาอยู่ตรงนั้นก่อนจะออกแรงดึง   


“และหนึ่งในนั้น..  คือการที่  ..อึ่ก..  ที่ตัวตนของข้า  ..สูญสลายไปตลอดกาลสินะ” เซบาสเตียนขบกรามแน่นก่อนจะส่งเสียงสบถดังลั่นด้วยความเจ็บปวด   ขณะที่หอกปลายแหลมเขยื้อนออกมาจากร่างตนเองทางช่องทวารหนักทีละนิ้วๆ อย่างช้าๆ


“ใครว่า..   นั่นเป็นความบันเทิงอันดับหนึ่งของข้าต่างหากล่ะ   เห็นหรือยังว่าข้าให้ความสำคัญกับเจ้าไม่เคยเปลี่ยนเลยนะ”

“เออ..  รู้สึกเหมือนกันเป๊ะเลย   สมแล้วที่เราเป็นพี่น้องกัน” 


“เจ้าคงสนุกน่าดูล่ะสิท่า   ตอนที่เอาเจ้านี่ใส่เข้าไปน่ะ”   ราวกับเจตนากลั่นแกล้ง   เมื่อมือที่กระชับด้ามหอกที่เกรอะกรังไปด้วยเลือดกระทุ้งมันกลับเข้าไปเบาๆ  และทำให้เจ้าตัวเผลอสูดหายใจแรง


“เจ้าคิดไม่ถึงหรอก”  เซบาสเตียนกลั้นหายใจตอบ  “ยิ่งตอนที่มันแทงปอดเจ้าเป็นรูพรุนแล้วทะลุออกทางรอยหักตรงกระดูกไหปลาร้าน่ะ  เป็นความรู้สึกที่สุดยอดไปเลยล่ะ   แต่ถ้าเจ้าเกิดอยากทดลองดูบ้างก็บอกข้าได้ทุกเมื่อเลยนะ”


“น่าอิจฉาจังเลยนะ   ท่าทางพ่อของเราคงจะรักลูกไม่เท่ากัน” 

อกาเลียเรปแกล้งทำเสียงน้อยอกน้อยใจ   ก่อนจะออกแรงกระชากหอกหลุดติดมือออกมาทั้งท่อน   และส่งผลให้เซบาสเตียนถึงกับร้องลั่น   โลหิตสดๆ ไหลทะลักออกมาอีกเป็นระลอกที่สอง   ปีศาจหนุ่มถลึงตาจ้องอีกฝ่ายหนึ่งอย่างไม่สบอารมณ์   ทั้งที่รู้ทั้งรู้ว่าอกาเลียเรปก็มักเป็นเสียแบบนี้เอง   แต่ด้วยความที่มีชีวิตอยู่ด้วยกันมายาวนานเขาจึงอดไม่ได้ที่จะทั้งรักทั้งชังเจ้าหมอนี่    ถึงแม้ว่าส่วนใหญ่แล้วจะค่อนข้างเข้าข่าย ชังน้ำหน้าจนอยากฆ่าให้ตาย และที่ผ่านมาเขาก็ได้ลงมือจัดการ ฆ่าให้ตาย มามากกว่าหนึ่งครั้งแล้วก็ตาม  

ทันทีที่หลุดจากการตอกตรึงอันโหดเหี้ยมมาได้เซบาสเตียนก็คืนกลับสู่ร่างมนุษย์   ปีศาจในคราบพ่อบ้านล้วงถุงมือขาวคู่ใหม่จากกระเป๋าเสื้อด้านในออกมาสวม   ก่อนจะเสยผมที่ปรกหน้าอย่างไวๆ รอบหนึ่ง   ..น่าเสียดาย..  ทั้งๆ ที่อยากจะรีบไปหาผู้เป็นนายโดยไวที่สุดทว่าก็ไม่อาจทำได้   ด้วยสภาพบาดแผลที่ยังไม่สมานตัวเช่นนี้คงไม่เหมาะสมที่จะไปปรากฏตัวต่อหน้าเด็กคนนั้น   และเขาคงต้องรอจนกว่ามันจะหายสนิทจริงๆ


“ข้าเคยบอกเป็นพันๆ ครั้งแล้วว่าหากเจ้าต้องการพลพรรคปีศาจที่อยู่ใต้อาณัติข้าเจ้าก็สามารถดึงไปใช้งานได้เสมอ   ไม่จำเป็นต้องมาลอบกัดกันอย่างนี้    แต่เจ้าก็ยังขี้อิจฉาไม่เคยเปลี่ยนเลยนะ   อีกอย่าง..

ถ้าอยากให้ท่านพ่อหันมาเล่นกับเจ้าบ้างก็ลองไปทำพันธะสัญญากับมนุษย์ดูบ้างสิ 

แต่เลือกไอ้ที่มันเจ๋งๆ หน่อยนะ”


“อ้อ..  แล้วก็ต้องตกเป็นทาสไปตลอดกาลด้วยงั้นสิ   นั่นคือสูตรสำเร็จของเจ้างั้นหรือ” 


ขุนพลอีกคนหนึ่งยังไม่วายประชดแดกดันก่อนจะเดินจากไปพร้อมด้วยเสียงหัวเราะเย้ยหยัน   ถึงกระนั้นก็อดคิดไม่ได้..   นานเพียงใดแล้วที่ตนไม่ได้เปิดศึกกับมือขวาของจอมปีศาจอย่าง.. ซาตานาเกีย   มิใช่เพราะหวั่นเกรงพลังอำนาจของอีกฝ่าย   แต่เป็นเพราะเจ้าหมอนั่นมักจะลอยไปลอยมาอยู่ระหว่างอาณาจักรของปีศาจกับมนุษย์แล้วประพฤติตนประหนึ่งพวกชั้นต่ำ   ซึ่งเขาไม่เคยเข้าใจจริงๆ ว่ามันดียังไง  

ทว่าอกาเลียเรปเห็นชัดแล้วว่าถ้อยคำแดกดันดูแคลนของตนไม่อาจยั่วยุให้อีกฝ่ายขุ่นเคืองได้   ยิ่งกว่านั้นยามที่เอ่ยถึงคู่พันธะสัญญา   เจ้าหมอนั่นก็มักจะทำสีหน้าน่าขยะแขยงแบบที่พวกมนุษย์เป็นกัน   อย่างเช่นรอยยิ้มบางๆ บนริมฝีปากกับแววตาชวนฝันไร้สาระ เป็นต้น   และอีกเรื่องหนึ่ง..   จริงๆ แล้วยังมีอีกหลายเรื่องทีเดียว   แต่หนึ่งในนั้นก็คือเรื่องชื่อ เซบาสเตียน..   ซึ่งซาตานาเกียปลาบปลื้มเป็นนักหนาเพราะเป็นชื่อที่เจ้านายคนสำคัญตั้งให้นั้นเป็นสิ่งที่ทำให้เขาไม่สบอารมณ์มากที่สุด  เพราะเหตุที่เจ้านั่นบังอาจลบล้างชื่อที่นายท่านตั้งให้แล้วไปหลงใหลได้ปลื้มในชื่อใหม่พรรค์นั้น  


อกาเลียเรปไม่เข้าใจ.. 

มนุษย์สกปรกคนหนึ่งน่ะหรือ   จะมาเทียบเท่ากับบิดาผู้อยู่เหนือทุกสิ่งทุกอย่าง


จะเป็นไปได้อย่างไรกัน..





.............................................

ชิเอล  แฟนธอมไฮฟ์ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นด้วยสัมผัสจากมือในถุงมือพ่อบ้านสีขาวสะอาดที่ลูบไล้แผ่วๆ บนเรียวแก้ม   วินาทีแรกที่ลืมตาขึ้นมองปีศาจหนุ่มน้อยก็ทั้งรู้สึกยินดีและโล่งใจ.. ที่ในที่สุดก็ได้พบกันเสียที   ชิเอลปัดผ้าห่มออกไปให้พ้นตัวก่อนจะลุกขึ้นนั่งแล้วค่อยเขยิบกายลงจากเตียง   ขณะที่พ่อบ้านหนุ่มยืนนิ่งมองเจ้านายตัวน้อยโดยไม่พูดอะไร


“เป็นอะไรไป”


ปีศาจในคราบพ่อบ้านลอบกลืนน้ำลายเหนียวหนึบลงคอ   เมื่อน้ำเสียงนุ่มหูที่ดังกังวานขึ้นทั้งแผ่วพลิ้วและหนักแน่นทรงพลังในขณะเดียวกัน   เป็นน้ำเสียงซึ่งยังไม่ทันแตกหนุ่มเต็มตัวที่ช่างมีเสน่ห์นัก


“เปล่า..  เปล่าขอรับ”


“นายมาช้า..  เซบาสเตียน   มัวทำอะไรอยู่”  ชิเอลมิได้สนใจอากัปกิริยาซึ่งดูแปลกไปของพ่อบ้านคนสนิท   หนุ่มน้อยเดินไปที่หน้าต่างห้องพลางทอดสายตามองออกไปเบื้องนอก   

เวรยามรูปร่างสูงใหญ่หลายต่อหลายนายยังคงยืนประจำตำแหน่งอยู่ในสวนเบื้องนอกเช่นเดียวกับเมื่อก่อนที่เขาจะเข้านอน   แต่ละตนดุดันดิบเถื่อนและน่าเกลียดน่ากลัวเหลือประมาณ   ท่าทางคงเป็นปีศาจชั้นปลายแถวที่ไม่มีฤทธิ์เดชอะไรมากนักนอกจากถนัดแต่เรื่องใช้กำลัง   ทว่าเขาก็ไม่นึกอยากจะลองเสี่ยงดูหรอก  หลายวันมานี้ชิเอลเฝ้าสังเกตการสับเปลี่ยนเวรยามของปีศาจเหล่านี้อย่างเงียบๆ จนพอจะได้ข้อสรุปอยู่บ้าง   ว่าการยืนเวรรักษาการณ์แต่ละรอบมีระยะเวลาทั้งสิ้นสิบสามชั่วโมง  และชั่วขณะที่เปลี่ยนเวรยามจะมีโอกาสช่วงสั้นๆ ให้หลบหนีออกไปเพียงแค่ห้านาทีเท่านั้น   และเขาไม่คิดว่ามันเพียงพอ


“ที่นี่มีการคุ้มกันอย่างหนาแน่นทีเดียว   พอจะรู้รึยังว่าเราจะออกไปทางไหน”


ทว่าไม่มีคำตอบจากพ่อบ้าน   เซบาสเตียน  มิคาเอลลิสยังคงยืนนิ่งพลางจับจ้องตรงมาด้วยดวงตาที่ทอประกายวาว   ส่งผลให้ผู้เป็นนายหันกลับมาตะคอกเสียงดัง 

“มัวทำอะไรอยู่!   ฉันถาม..  ทำไมไม่ตอบ!


เมื่อถูกตวาดปีศาจหนุ่มก็เม้มริมฝีปากเล็กน้อย   ร่างสูงในทักสิโดชายยาวแบบพ่อบ้านคุกเข่าข้างหนึ่งลงกับพื้นพลางค้อมศีรษะ   แล้วซุกซ่อนรอยยิ้มแสยะอันน่าสะพรึงให้รอดพ้นจากสายตาอีกฝ่าย   “ต้องขออภัยเป็นอย่างสูงขอรับ..  ผมเพียงแต่กำลังคิดอะไรเพลินๆ”   จบคำเขาก็ยืดกายขึ้นก่อนจะก้าวเข้ามาหา


“คิดอะไร..”  เวลานั้นเจ้านายตัวน้อยเริ่มเอะใจสงสัยในความผิดปกติตรงหน้าแล้ว   ทว่าก็ยังไม่ได้นึกระแวงมากมายนัก


“ผมต้องใช้เวลานานหลายวันกว่าจะตามหาท่านพบ   แล้วก็ไม่ผิดหวังจริงๆ ด้วย” 


เซบาสเตียนทรุดร่างลงตรงหน้าผู้เป็นนาย   มือใหญ่ได้รูปยกชายอาภรณ์ซึ่งยาวกรอมเท้าขึ้นสัมผัสริมฝีปากแล้วสูดกลิ่นกายหอมกรุ่นจากร่างหนุ่มน้อยตรงหน้าจนสาแก่ใจก่อนจะช้อนสายตาขึ้นมองสบ   และเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังคงยืนนิ่งอยู่พ่อบ้านหนุ่มก็ยืดกายขึ้นในท่าชันเข่าแล้วเอื้อมมือไปสัมผัสต้นแขนเปลือยแผ่วเบา   ผิวหนังอันเรียบลื่นและนุ่มมือส่งผลให้เขาอดกลืนน้ำลายลงคอมิได้   ยิ่งกว่านั้นชุดนอนตัวยาวสีขาวเบาบางแบบไม่มีแขนซึ่งผู้เป็นนายสวมใส่อยู่ในเวลานี้ก็ช่างดูเย้ายวนตานัก   เมื่อเจ้าตัวยืนหันหลังให้กับแสงสลัวลางที่ส่องเข้ามาทางหน้าต่างห้องเช่นนี้   ก็ยิ่งราวกับจะบางใสจนเห็นผิวเนื้อข้างในได้เลยทีเดียว   เขาเบนสายตากลับมายังดวงหน้ามน   ปลายนิ้วเรียวยาวภายใต้ถุงมือขาวสะอาดถือวิสาสะปัดปอยผมที่ปกปิดตราแห่งพันธะในดวงตาข้างขวาของเจ้านายออก   ขณะที่นัยน์ตาสีโลหิตเปล่งประกายวาบเมื่อแลเห็นสัญลักษณ์แห่งคำสัญญาปรากฏเด่นชัดอยู่ในแก้วตาข้างเดียวกันนั้น   และมันทำให้ชิเอลขมวดคิ้วด้วยความสงสัย


“เซบาสเตียน..”


“อย่างนี้นี่เอง   ใครต่อใครถึงได้ต้องการตัวกันนัก.. 

เพราะอย่างนี้เองสินะ”


“ยะ..  หยุดนะ!


กว่าจะรู้สึกถึงอันตราย   ชิเอลก็มีอันถูกรวบเข้าสู่วงแขนอีกฝ่ายเสียแล้ว   ร่างเล็กบางถูกจับชูขึ้นสูงแล้วยันติดผนังห้องด้วยมือเพียงข้างเดียวราวกับร่างกายนี้ไม่มีน้ำหนักอันใดเลย   กรงนิ้วแกร่งของพ่อบ้านหนุ่มกุมหลวมๆ อยู่ที่รอบลำคอระหงประหนึ่งกำลังจับผีเสื้อแสนสวยไว้ในอุ้งมือ   มิได้เจตนาบีบให้ตาย..  แต่ให้ปีกเล็กบางขยับขลุกขลักได้เพียงเล็กน้อย   แม้ไม่สบายนัก ..ทว่าก็ยังมีลมหายใจ   แต่กระนั้นก็ยังส่งผลให้ปีศาจตัวน้อยรู้สึกเจ็บปวดยิ่งนัก   ต้นขาภายใต้กางเกงขายาวสีดำข้างหนึ่งเบียดแทรกเข้ามาระหว่างขาเล็กๆ ทั้งสองข้างที่กำลังปัดป่ายไปมาอยู่กลางอากาศอย่างสิ้นหวัง   ขณะที่สองมือน้อยกำแน่นอยู่รอบข้อมือคนสนิทพลางจิกปลายเล็บลงบนผิวเนื้ออีกฝ่ายอย่างแรงจนห้อเลือด


“บอกให้ปล่อยไง!  ..เซบาสเตียน!


“ขอรับ..  นายท่าน” 


พ่อบ้านปีศาจรับคำเสียงแผ่วและเย็นยะเยือกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน   เซบาสเตียนจับร่างผู้เป็นนายเหวี่ยงกระเด็นขึ้นไปบนเตียงนอนอย่างไม่เบามือ   ก่อนจะตามขึ้นไปอย่างรวดเร็วเกินกว่าที่หนุ่มน้อยจะขยับหนีไปไหนได้   ปีศาจหนุ่มขยับกายขึ้นทาบทับอีกฝ่ายแล้วฝังคมเขี้ยวลงบนลาดไหล่ขาวเนียนโดยไม่ปรานี   แล้วจึงตวัดปลายลิ้นลิ้มรสโลหิตที่ซึมออกมาอย่างอ้อยอิ่ง   ขณะที่เจ้านายตัวน้อยสั่นสะท้านด้วยความเจ็บปวด  สับสน  และไม่เข้าใจ


“เพราะงามอย่างนี้นี่เอง   ใครต่อใครถึงจ้องอยากจะแย่งชิงตัวนัก”  เลือดหวานละมุนลิ้นทำให้ผู้ลิ้มรสต้องมัวเมาจนเผลอส่งเสียงครางออกมา   ขณะที่น้ำเสียงที่เปล่งออกมาก็ชักจะแปร่งลงทุกที  “เบื่อมากใช่มั้ยขอรับ..  ที่ต้องถูกจับโยนไปมาราวกับเป็นสิ่งของอย่างนี้   คงเบื่อที่ต้องทนอยู่ในสภาพนี้และอยากจะหลุดพ้นเต็มทีแล้วสินะ”      


และคำถามนั้นก็ส่งผลให้ชิเอลซึ่งถูกทาบทับจนหายใจไม่ออกหยุดดิ้นรนในนาทีที่เริ่มรู้สึกตัว
  
คนๆ นี้  ไม่ใช่..



“นายเป็นใคร..”


..ถ้าเป็นพ่อบ้านของเขาจริง  

ถ้าหากเป็นเจ้านั่นล่ะก็  จะไม่มีวันถามคำถามพรรค์นี้ออกมาเป็นอันขาด..


เซบาสเตียน  มิคาเอลลิส’  หยุดชะงักก่อนจะเงยหน้าขึ้นจากลำคอหนุ่มน้อยแล้วส่งเสียงหัวเราะแหบพร่า  


“เก่งนี่..  รู้ตัวจนได้สินะ”  


คราวนี้เสียงที่ตอบกลับมามิใช่เสียงที่คุ้นชินอีกต่อไป..  หากเป็นเสียงแหบต่ำที่ดังกระหึ่มน่าพรั่นพรึง   แล้วพริบตานั้นผู้ที่คร่อมอยู่เหนือร่างเล็กบางก็ค่อยๆ เปลี่ยนรูปร่างไปทีละน้อย   จากสีผิวค่อนไปทางขาวแบบชาวยุโรปที่แลดูสุขภาพดีค่อยๆ คล้ำขึ้นทีละนิดๆ จนในที่สุดก็กลายเป็นผิวสีทองแดงมันเงาที่ไม่มีความยืดหยุ่นอ่อนนุ่มตามธรรมชาติเลยแม้แต่น้อย   นอกจากนี้ขนาดของร่างกาย   รูปร่าง   สีและรูปแบบเส้นผม   รวมทั้งรูปหน้าล้วนแปรเปลี่ยนกลายเป็นใครบางคนที่เขาไม่เคยรู้จัก   จนในที่สุดชิเอลก็พบว่ามีปีศาจตนหนึ่งปรากฏกายขึ้นแทนที่พ่อบ้านของตนเอง  

อสูรกายแปลกหน้าตนนี้มีเรือนผมสีเพลิงที่ยาวกระเซอะกระเซิงถึงกลางหลัง   ตัดกับเขาแพะสีดำสนิทขนาดใหญ่อีกคู่หนึ่งบนศีรษะ   รูปหน้ายาวเรียว   โหนกแก้มตอบ  พร้อมด้วยประกายตาคมวาวสีเลือด   กับลูกตาขนาดเล็กจัดซึ่งเปล่งประกายจ้านั้นทั้งเย็นชาและไร้ปรานี   นอกจากนี้จมูกโด่งเป็นสันขณะที่ปลายจมูกงองุ้มลงเล็กน้อย   และเขี้ยวคมคู่หน้าซึ่งโผล่ออกมาให้เห็นรำไรนั้นก็ช่างเป็นรูปลักษณ์ที่ดูอัปลักษณ์สิ้นดี   และมันทำให้เขาอดนึกถึงปีศาจน่าสงสารที่เห็นเมื่อวันก่อนไม่ได้   ชิเอลกล้ำกลืนความหวาดหวั่นของตนเองลงไปแล้วเชิดหน้าขึ้นอย่างกล้าหาญ  


..ไม่มีประโยชน์อันใดที่จะแสดงความขลาดกลัวออกมาให้เห็น    เพราะนั่นไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลย

และยิ่งไม่ได้ทำให้ตนรอดพ้นจากเงื้อมมือปีศาจตนนี้ไปได้...


“ในเมื่อยอมเผยตัวจริงออกมาแล้วก็หวังว่าคงมีคำตอบที่ทำให้ฉันพอใจนะ   ..นายมีจุดประสงค์อะไรถึงมาที่นี่”


“หึ..  ช่างเป็นปีศาจน้อยที่เก่งกล้าเกินตัวเหลือเกินนะ  

เมื่อครู่ยังกลัวจนตัวสั่นอยู่เลยแท้ๆ   เวลานี้ไม่กลัวข้าแล้วหรือไร”


“ต้องยอมรับว่านายแน่มากที่ปลอมเป็นเซบาสเตียนได้เกือบจะเหมือน” 

แทนที่จะตอบ   ชิเอลกลับขยับถอยห่างออกมายังริมเตียงฝั่งตรงข้ามจนหัวไหล่ข้างที่ไม่มีบาดแผลกระทบเข้ากับเสาเตียงที่เย็นจัดและผ้าม่านคลุมเตียงเนื้อหนา   ขณะที่ฝ่ายตรงข้ามเผยอรอยยิ้มของปีศาจให้เห็น   เมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของปีศาจอีกตนหนึ่ง  


“อ้อ..  อย่างนี้นี่เอง

ดูเหมือนเจ้าจะฟื้นตัวได้เร็วดีนี่  ..ซาตานาเกีย”       


เงาร่างดำทะมึนปรากฏขึ้นที่ข้างเสาเตียงฝั่งซึ่งอยู่ห่างออกไปในรูปลักษณ์ของบุรุษในชุดทักสิโดพ่อบ้านสีดำ   ผู้ถูกเรียกหาด้วยชื่อดั้งเดิมไม่ตอบคำ   เซบาสเตียน  มิคาเอลลิสคนที่มาใหม่ยังมิได้ทำอะไร..  นอกจากชำเลืองมองใบหน้าขาวซีดของผู้เป็นนาย   ก่อนจะไล่สายตาลงไปยังมือเล็กๆ ที่กุมแน่นอยู่บนไหล่ข้างที่บาดเจ็บของตนเองพร้อมด้วยคราบโลหิตสีบาดตาที่เลอะเทอะเปรอะเปื้อนเสื้อผ้า   แล้วขบกรามแน่นก่อนจะหันกลับมายังพี่น้องของตน


“ข้าเคยบอกแล้วไม่ใช่หรือว่าไม่จำเป็นต้องทำอย่างนี้   ..อกาเลียเรป

หากอยากมีเรื่องนักก็เข้ามาเลย   ข้าพร้อมจะเปิดศึกกับเจ้าทุกเมื่อ”


“โกรธหรือไง   ที่เจ้านายคนดีถูกข้าแตะต้อง”


เซบาสเตียนไม่ตอบ.. หากก้มลงมองบาดแผลที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงคล้ำบนบ่าเล็กๆ แล้วจึงโน้มร่างเข้าไปหาเจ้านายตัวน้อย   วงแขนแกร่งโอบกระชับรอบเอวอีกฝ่ายอย่างเบามือแล้วก้มลงแนบริมฝีปากเข้ากับปากแผลก่อนจะเริ่มดูดพิษที่ตกค้างจากน้ำมือของปีศาจอีกตนหนึ่งออกมา   เหงื่อเม็ดโตๆ ปรากฏขึ้นที่หว่างคิ้วซึ่งขมวดเข้าหากันอย่างใช้สมาธิก่อนจะไหลลงมาตามร่องแก้ม   พ่อบ้านหนุ่มตวัดปลายลิ้นแดงเข้มละเลียดลิ้มโลหิตของผู้เป็นนายอย่างแผ่วเบาและระมัดระวังด้วยไม่ต้องการให้อีกฝ่ายรู้สึกเจ็บปวด   ขณะที่เดียวกันก็พยายามสะกดอสูรร้ายในร่างตนที่กำลังคลุ้มคลั่งอยู่ให้สงบลงด้วย   จากนั้นก็บ้วนของเหลวเหนียวเหนอะสียางไหม้ที่ส่งกลิ่นเหม็นอย่างร้ายกาจลงบนพื้นห้อง   ส่งผลให้พื้นหินเกิดปฏิกิริยาเป็นฟองฟู่แล้วกร่อนเป็นรอยลึก   เซบาสเตียนทำเช่นนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนมั่นใจว่าโลหิตที่ไหลรินออกมาจากบาดแผลสะอาดบริสุทธิ์ดีแล้วจึงได้ปล่อยมือ


“ไม่เป็นไรใช่มั้ยขอรับ..  นายน้อย”


“มาช้านะ  เซบาสเตียน”  คำตัดพ้อคำเดิมถูกเอ่ยออกมาเป็นครั้งที่สอง   กระนั้นชิเอล  แฟนธอมไฮฟ์ก็มิได้แสดงอาการไม่พอใจต่อพ่อบ้านของตน   ขณะที่เซบาสเตียนคุกเข่าลงเบื้องหน้าเจ้านายพลางจัดเสื้อนอนที่หลุดลุ่ยให้เข้าที่เข้าทาง


“ต้องขออภัยเป็นอย่างสูงขอรับ  ..ผมไม่มีข้อแก้ตัวจริงๆ สำหรับความบกพร่องนี้” 


พ่อบ้านหนุ่มจงใจหลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงสาเหตุที่ตนล่าช้า   โดยตั้งใจจะปิดปากเงียบเรื่องที่ทั้งคู่ได้พบกันในอีกรูปลักษณ์หนึ่งเมื่อหลายวันก่อนเอาไว้   ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเขาจะไม่มีวันยอมให้เด็กคนนี้ได้รู้เห็นตัวตนที่แท้จริงของเขาเป็นอันขาด   เซบาสเตียนยืดกายขึ้นยืนตรงแล้วหันไปเผชิญหน้ากับพวกพ้องของตน


“ครั้งนี้เจ้าล้ำเส้นไปมาก   คงไม่อยากจะมีชีวิตอยู่แล้วสินะ”


“เรื่องของข้าน่ะช่างเถอะ  ..เพราะเวลานี้เจ้าดูเหมือนจะมีเรื่องกังวลที่ไม่อยากให้เด็กคนนี้รู้ไม่ใช่หรือ”  อกาเลียเรปส่งเสียงหัวเราะต่ำๆ อยู่ในลำคอเมื่อได้เห็นสีหน้าลำบากใจของอีกฝ่าย


“เจ้าจากบ้านไปนานคงลืมไปแล้วกระมังว่าพลังอำนาจของข้า..   นอกเหนือจากการควบคุมอดีตและอนาคตแล้วก็คือความสามารถในการค้นหาความลับทุกอย่างในจักรวาลนี้    ดังนั้นข้าย่อมรู้ดีถึงสิ่งที่เจ้าเป็นกังวล
  
ไม่เอาน่าพี่ชาย..  เหตุใดจึงทำหน้าเช่นนั้น   สุนทรียศาสตร์ระหว่างปีศาจกับเจ้านายมันสำคัญถึงเพียงนั้นเชียวหรือ” 


“เจ้าไม่มีวันเข้าใจหรอก   ตราบใดที่ปีศาจและเจ้านายยังมีพันธะสัญญาต่อกันอยู่   ข้าก็จะ..”



คำพูดพลันเงียบหาย   ในวินาทีที่ขุนพลปีศาจทั้งสองรับรู้ถึงการปรากฏตัวของเจ้าเหนือหัว   เสียงหัวเราะอันนุ่มนวลดังขึ้นขณะที่เปลวเทียนในห้องกลับวูบดับ   ทันใดนั้น..  ลูซิเฟอร์ก็ปรากฏกายขึ้นข้างๆ ปีศาจหนุ่มน้อยแล้ววางมือลงบนบ่าอันบอบบาง   และส่งผลให้เจ้าตัวถึงกับสะดุ้งเฮือก  


“แล้วถ้าหากพันธะสัญญาที่แสนสำคัญนั้นถูกข้าทำลายไป   ก็เท่ากับชิเอล  แฟนธอมไฮฟ์ก็จะเป็นอิสระจากปีศาจอย่างเจ้างั้นสินะ  ..ซาตานาเกีย”





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น