ในชั่วขณะที่เวลาราวกับจะหยุดเดิน บุรุษในชุดซานต้าสีแดงเผยรอยยิ้มออกมายามที่สัมผัสได้ถึงปีศาจซึ่งโตเต็มวัยอีกตนหนึ่ง ริมฝีปากสีหวานดั่งกลีบกุหลาบอ่อนยิ่งขยับยกเป็นรอยยิ้มขันมากขึ้นพร้อมด้วยเสียงหัวเราะเสนาะหู เมื่อได้เห็นสีหน้าตื่นตระหนกของอีกฝ่าย
“คิดเอาไว้แล้วเชียว ว่าชะตากรรมที่ต้องตกเป็นทาสชั่วนิรันดร์จะทำให้เจ้าไม่ไปไหนไกลจากเด็กน้อยคนนี้
ทั้งๆ ที่ข้าก็เคยบอกแล้วไม่ใช่หรือ ว่าอย่าตอบรับเสียงเพรียกของมนุษย์สุ่มสี่สุ่มห้าเพราะมันอาจทำให้เจ้าซวยอย่างมหาศาล เฮ้อ..
เมื่อไหร่จะรู้จักฟังคำพูดข้าอย่างจริงจังเสียทีนะ”
แม้ว่าน้ำเสียงแผ่วหวานนั่นอาจเต็มไปด้วยความเอื้ออาทรราวกับผู้ใหญ่ที่กำลังอบรมสั่งสอนเด็กเล็กๆ
ที่ไม่เชื่อฟัง ทว่ากระไอเย็นเยียบที่แผ่กระจายออกมาจากร่างกลับฟ้องว่าคนผู้นี้ไม่ใช่ธรรมดา และทั้งๆ ที่รู้สึกถึงความผิดปกตินั้นอย่างชัดเจน แต่อึดใจนั้นชิเอลก็ยังอดชื่นชมรูปโฉมของซานต้าโรคจิตผู้นี้มิได้ ในเมื่อเส้นผมสีบลอนด์ยาวระสะโพกที่เปล่งประกายระยิบระยับดุจแสงตะวัน กับดวงหน้าพิสุทธิ์ผุดผ่องซึ่งแตะแต้มรอยยิ้มอันอ่อนโยนบนริมผีปากนั้นแลดูงดงามประหนึ่งทูตสวรรค์
ซึ่งหากจะผิดเพี้ยนไปบ้างก็เห็นจะมีเพียงประกายตาสีทับทิมที่ไหวระริกดุจเปลวเพลิงลุกโชนเสียจนต้องตะลึงมองเท่านั้น และนั่นมิใช่ภาพลักษณ์ที่จะเมินสายตาหนีได้โดยง่าย
“ชิเอล!”
บุรุษอีกสองคนซึ่งตามออกมาจากในบ้านต่างก็ต้องตกตะลึงเมื่อได้เห็นแขกไม่ได้รับเชิญ ด้วยรูปลักษณ์ในชุดซานตาคลอสสีแดงซึ่งดูไม่เข้ากับผู้สวมใส่ ประกอบกับการมาปรากฏตัวอย่างผิดที่ผิดเวลานั้นกลับจะดูราวกับเป็นการเตือนภัยถึงตัวตนที่แท้จริงของคนผู้นี้มากกว่า
ขณะที่โซเซยังคงสังเกตการณ์อยู่ห่างๆ วินเซนต์
แฟนธอมไฮฟ์กลับร้อนใจมากกว่าเมื่อเห็นลูกน้อยมีอันตราย
แม้จะตระหนักถึงแรงกดดันที่ผิดปกติจากชายแปลกหน้าคนนี้ ทว่าความรักของพ่อที่มีต่อลูกก็ยังมีอำนาจเหนือกว่าทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ดี และหากว่าครั้งก่อนเขาไม่อาจปกป้องครอบครัวไว้ได้ล่ะก็.. ครั้งนี้ก็จะขอทำอย่างสุดความสามารถ ถึงแม้ลางสังหรณ์จะว่าเตือนว่าการกระทำของตนคงแทบไม่สะกิดผิวฝ่ายตรงข้าม..
แต่ก็จะไม่ยอมยืนมองเฉยๆ แน่นอน
“ปล่อยเด็กคนนั้นนะ!”
ทันทีที่สิ้นเสียงอดีตเอิร์ลหนุ่มก็ล้วงอาวุธคู่ใจออกมาจากอกเสื้อ และโดยปราศจากความลังเล.. วินเซนต์ยืนแยกปลายเท้าออกจากกันอย่างมุ่งมั่น สองแขนเหยียดตรงขนานไปกับพื้น ขณะที่สองมือกระชับมั่นอยู่กับด้ามปืนพกสั้นสีดำมันปลาบ
เอ็ม จี ซี
กล็อกสิบแปดกระบอกนี้อยู่คู่กายเขามาตั้งแต่ครั้งยังมีชีวิตในฐานะมนุษย์ พร้อมด้วยกลไกพิเศษและแมกกาซีนบรรจุกระสุนซึ่งมีความยาวกว่าปืนพกทั่วไป ทำให้สามารถยิงรัวอย่างต่อเนื่องได้ถึงสามสิบสามนัด มันจึงเปรียบเสมือนมิตรแท้ในยามยากของเขา และคนอย่างวินเซนต์
..อดีตสุนัขเฝ้ายามของราชินีที่มือเปื้อนเลือดมาแล้วมากมายไม่เคยคิดจะข่มขู่ใครให้เสียเวลา
อึดใจนั้นปลายนิ้วเรียวยาวกระดิกเหนี่ยวไกเปิดฉากโจมตีผู้ที่บังอาจคุกคามสวัสดิภาพของลูกอย่างไม่ปรานี ..ชุดแล้วชุดเล่า
ทว่ามีหรือ..
ที่อาวุธสังหารของมนุษย์จะระคายผิวผู้ที่อยู่เหนือความตาย เขาจึงได้แต่ขบกรามแน่นมองดูกระสุนปืนทั้งหมดหยุดค้างอยู่กลางอากาศก่อนจะตกลงบนพื้นแทบเท้าฝ่ายตรงข้ามด้วยความเจ็บใจ
ซานต้าหนุ่มหัวเราะเบาๆ
อย่างไม่ถือสาแม้จะถูกจู่โจมก่อน อาจเป็นเพราะยังอารมณ์ดีอยู่
ประกอบกับรู้สึกขบขันกับสีหน้าตื่นตะลึงของมนุษย์ที่เพิ่งข้ามผ่านเข้ามายังดินแห่งแห่งความตายหมาดๆ
เสียจนยังไม่รู้ว่าอะไรควรไม่ควร.. แต่กระนั้นก็คงต้องโต้ตอบกลับไปเพื่อให้รู้สำนึกเสียบ้าง
“เล่นแบบนี้ไม่ดีนะ
เพราะมันจะทำให้ซานต้าใจดีอย่างข้าลำบากใจรู้มั้ย
จริงๆ แล้วข้าควรจะมีหน้าที่แจกของขวัญแล้วก็ร้องเพลงคริสต์มาสกับพวกเจ้าเท่านั้น และก็ไม่ควรจะทำอะไรอย่างนี้หรอก เพราะมันดูไม่สมกับที่เป็นซานตาคลอสเอาเสียเลย”
ขณะที่พูด..
แขนข้างที่ยังว่างอยู่ก็ขยับวนเป็นวงกลมและสัญลักษณ์อันเป็นการตั้งข่ายมนตร์ที่ตรึงร่างบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเอาไว้นอกวงด้วยพลังลึกลับที่มองไม่เห็น แล้วจึงขยับปีศาจตัวน้อยจากในท่าแบกพาดบ่ามาเป็นโอบกอดไว้ในวงแขนเพื่อให้เจ้าตัวได้มีโอกาสเห็นอะไรๆ
ได้ถนัดขึ้น และพริบตานั้นเอง.. ที่ชิเอลได้สติ
“เซบาสเตียน!
มัวรออะไรอยู่
รีบทำให้เจ้าซานต้านี่ปล่อยฉันสักที” เมื่อได้เห็นท่าทีรีรอของพ่อบ้านหนุ่ม เขาก็ออกคำสั่งเสียงห้วน และส่งผลให้เซบาสเตียนไม่มีทางเลือก
“ขอรับ”
ปีศาจหนุ่มรับคำสั้นๆ
ก่อนจะพุ่งปราดเข้าหาเป้าหมาย
ขณะที่ฝ่ายตรงข้ามเผยอรอยยิ้มเย็น
“การเชื่อฟังเจ้านายมันก็ดีอยู่หรอก
แต่หาญกล้าถึงกับคิดจะเผชิญหน้ากับพ่อของเจ้าเชียวหรือ ..ซาตานาเกีย”
มีเสียงลมแหวกอากาศเบาๆ และก่อนที่จะมีใครสักคนทันรับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ร่างในชุดสีแดงสดใสก็พลิ้วตัวขึ้นจากพื้นพร้อมด้วยปีศาจหนุ่มน้อยในอ้อมแขน
ท่วงท่าอันสง่างามพลิ้วไหวดุจการขยับปีกของผีเสื้อนั้นมิได้ทำให้ชิเอลประหลาดใจนัก เมื่อเทียบกับคำพูดเมื่อครู่นี้
พ่อ.. ..ซาตานาเกีย..
“ณ เวลานี้ผมเป็นเพียงพ่อบ้านธรรมดาๆ
ที่ชื่อว่าเซบาสเตียน มิคาเอลลิสขอรับ
มีชื่อนั้นเพียงชื่อเดียวที่ผมจะขานรับขอรับ ..ท่านพ่อ”
เซบาสเตียนกัดฟันตอบพลางหอบหายใจแรง ก่อนจะส่งเสียงไอแค่กแล้วกระอักโลหิตออกมากองหนึ่ง ขณะที่มือขวากุมแน่นอยู่ที่บาดแผลลึกบริเวณสีข้างเสียจนถุงมือขาวสะอาดของพ่อบ้าน แปรเปลี่ยนเป็นสีแดงคล้ำเข้มเพราะเลือดที่ไหลหลั่งพรั่งพรูออกมา เป็นอย่างที่คิด.. ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคนๆ
นี้ ..ไม่มีทางเฉียดเข้าใกล้ได้เลยแม้แต่น้อย แต่กระนั้นนัยน์ตาสีทับทิมก็ยังคงจับจ้องนิ่งอยู่ที่ผู้เป็นนาย พร้อมด้วยความตั้งใจที่จะปฏิบัติตามคำสั่งให้ลุล่วงยังคงมีอยู่เต็มเปี่ยม
“เซบาสเตียน!”
“นี่มันหมาย.. หมายความว่ายังไง ซานต้า!” เมื่อเห็นสภาพของพ่อบ้านคนสนิทซึ่งมีอันต้องหลั่งเลือดโดยยังไม่ทันต่อสู้ ปีศาจหนุ่มน้อยก็หันกลับมาถามผู้ที่ยึดร่างตนไว้แน่นทว่ากลับไม่ได้รับคำตอบ ซานต้ายังคงเฝ้ามองร่างในทักสิโดพ่อบ้านซึ่งพยายามประคับประคองตัวขณะที่โลหิตยังคงไหลรินด้วยสีหน้ารื่นรมย์
“ไม่เข้าใจงั้นหรือหนูน้อย”
เมื่อปราศจากถุงมือซานตาคลอสสีแดงเล็บยาวดำขลับก็ปรากฏให้เห็น ชิเอลเบิกตาค้างมองดูผู้ที่จับตนเป็นเชลยกำลังละเลียดชิมรสเลือดที่ติดปลายเล็บตนเองอย่างใจเย็น ขณะที่ประกายสีโลหิตในดวงตายังคงฉายแววสนุกรื่นเริงไม่เปลี่ยน
“เมื่อพบเด็กไม่ดีซานต้าก็ต้องทำโทษสิ ..เป็นเรื่องธรรมดาออกจะตายไป”
..คนๆ นี้ ทั้งอำมหิตและเลือดเย็น..
“ธรรมดาที่ไหนกัน
..นั่นน่ะ..” เขาแทบจะทนรับความโรคจิตของเจ้าซานต้าคนนี้ไม่ไหวแล้ว และขณะที่ถ้อยคำต่อว่าต่อขานอีกยกใหญ่กำลังจะพรั่งพรูออกมา เซบาสเตียนก็สอดแทรกขึ้นมาเสียก่อน
“นายน้อย อย่าได้เข้าใจผิดเป็นอันขาดนะขอรับ..”
...คนๆ นี้
บุคคลซึ่งเพียงแค่ปรากฏตัวออกมาก็ส่งผลให้ปีศาจทุกตนรู้สึกถึงความยินดีปรีดาที่เอ่อทะลักออกมาจากส่วนลึกที่สุดของแก่นวิญญาณ
จนแทบไม่อาจควบคุมสัญชาติญาณดั้งเดิมของตนเองได้นั้น..
“ท่านผู้นั้นน่ะไม่ใช่ซานต้า..
แต่เป็นนายผู้อยู่สูงสุด
เป็นเทพเจ้าของพวกเรา”
..แม้แต่ปีศาจซึ่งได้ชื่อว่ามีตัวตนคงอยู่มายาวนานอย่างเขา ก็ยังมิอาจต่อต้านความปรารถนาดั้งเดิมของเผ่าพันธุ์ได้
เพียงเพราะการปรากฏตัวของคนผู้นี้..
“มันก็คล้ายๆ กันนั่นแหละน่า! จะมากเรื่องไปทำไม” คนที่ยังยืนกรานอยากจะเป็นซานต้าโบกมืออย่างไม่ใส่ใจระคนหัวเสีย ก่อนจะหันข้างให้กับพ่อบ้านปีศาจ “จะเป็น ‘ซานต้า’ หรือ ‘ซาตาน’ มันก็สะกดคล้ายๆ กันนั่นแหละ แค่ตัว ‘น หนู’ สลับที่กันหน่อยเดียวจะอะไรนักหนา”
“ซาตานงั้นหรือ..
ถ้างั้นนาย..”
ความรู้สึกยามที่ได้พบบุคคลที่ไม่คาดคิดส่งผลให้ชิเอลรู้สึกว่าสมองขาวโพลนคิดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะหนึ่ง
“มาหลอกกันได้นะ!” เพราะเหตุนี้สินะ.. พ่อบ้านของเขาซึ่งแต่ไหนแต่ไรไม่เคยกลัวใครจึงได้มีท่าทีเหมือนหนูกลัวแมวเพียงแค่ได้เห็นคนผู้นี้ แถมยังพ่ายแพ้หมดรูปโดยสิ้นเชิง
“ก็แน่ล่ะ.. ข้าเป็นพ่อผู้สร้าง
‘เขา’ ขึ้นมาที่นา
เป็นผู้มอบพลังอำนาจให้กับเขาด้วยมือตนเอง ถ้าคิดจะมาต่อกรกับข้า.. ต่อให้องค์จอมเทพเสด็จนำทัพมาเองก็ยังต้องกริ่งเกรงอยู่เหมือนกัน อีกอย่าง..
ข้าไม่ได้หลอกเจ้าสักหน่อย เจ้าเข้าใจผิดไปเองต่างหาก”
ราวกับกำลังพูดถึงอาหารมื้อเที่ยงหรือไม่ก็เรื่องดินฟ้าอากาศธรรมดาๆ โดยปราศจากความสำนึกเสียใจอย่างสิ้นเชิง
ซาตาน ..ราชันย์ปีศาจ จักรพรรดิ์แห่งความมืดผู้ถูกเปิดเผยตัวตนพยักพเยิดไปยังลูกของตน หรืออีกนัยหนึ่งก็คือขุนพลคู่ใจซึ่งมีตัวตนขึ้นมาหลังจากที่ตนลงมาปกครองดินแดนเบื้องล่างนี้ด้วยท่าทีไม่ใส่ใจ
“ไม่สนุกเลยซาตานาเกีย.. ทั้งๆ ที่ข้ายังอยากจะเล่นเป็นซานต้าตระเวนไปแจกของขวัญอีกสักหลายแห่งแท้ๆ มาถูกเจ้าเปิดโปงตัวตนแบบนี้ก็หมดสนุกกันพอดีน่ะสิ”
เจ้าแห่งความมืดถอนหายใจอย่างสุดแสนเซ็งพร้อมกับดึงหมวกซานตาคลอสบนศีรษะตนเองออก เผยให้เห็นเขาสีดำขนาดใหญ่อันหนึ่ง
ซึ่งมีลักษณะบิดเป็นเกลียวเฉียงขึ้นด้านบน โผล่ออกมาจากกึ่งกลางหน้าผากบริเวณที่ติดกับตีนผม
และสภาพที่แท้จริงของเทวดาตกสวรรค์องค์นี้ก็ทำให้หนุ่มน้อยอดขนลุกด้วยความพรั่นพรึงมิได้ ทว่าภายใต้รูปลักษณ์อันน่ากลัวนั้นกลับซุกซ่อนไว้ซึ่งอุปนิสัยอันแปลกประหลาด.. อันที่จริงดูเหมือนเจ้าตัวจะจงใจเปิดเผยให้ใครต่อใครเห็นและคอยจับตาดูท่าทีประหลาดใจของคนเหล่านั้นอย่างสนุกสนานเสียด้วยซ้ำ อย่างเช่นตัวเขาตอนนี้ยังไงล่ะ.. ชิเอลไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าซาตานผู้เป็นนายใหญ่ของโลกเบื้องล่างจะมีอุปนิสัยขี้เล่นอย่างนี้ ดูไม่สมกับที่เป็นถึงราชาปีศาจเอาเสียเลย แถมยังแต่งตัวบ้าๆ บอๆ ตะลอนเที่ยวเล่นไปวันๆ
อย่างกับ..
“ข้าน่ะหรือดูไม่สมกับที่เป็นราชาปีศาจ” ซาตานเลิกคิ้วอย่างสนเท่ห์
อีกครั้งที่ชิเอลต้องสะดุ้งโหยงเมื่อรู้ตัวว่าถูกอ่านใจ เขาน่าจะรู้นะ.. ว่าถึงจะบ้าๆ บอๆ
หากคนผู้นี้ก็ยังคงเป็นถึงเทพมารผู้ปกครองนรก นัยน์ตาแดงก่ำเบนกลับมายังร่างเล็กกระจ้อยร่อยในวงแขนตนเอง เจ้าแห่งปีศาจจ้องปีศาจตัวน้อยเขม็งอยู่ครู่หนึ่ง
วินาทีนั้นไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นจนกระทั่งเจ้าตัวส่งเสียงหัวเราะนุ่มนวลออกมา
“ไม่เคยมีใครคิดถึงข้าในแง่นี้มาก่อนเลย เจ้าเป็นคนแรกที่คิดว่าข้าเป็นคนขี้เล่น” ซาตานหนุ่มขยิบตาให้กับชิเอลก่อนจะอุ้มลอยขึ้นไปยังเลื่อนเทียมกวางที่จอดอยู่นานแล้ว
“ชักจะชอบเจ้าเสียแล้วสิ เอาเป็นว่าต่อแต่นี้เจ้ามาเป็นแขกรับเชิญที่วังของข้าก็แล้วกัน
ซาตานาเกีย..” ถึงตอนนี้เขาหันไปมองขุนพลคู่ใจ “เจ้าจะตามมารึไม่ก็เรื่องของเจ้า แต่ข้าจะพาเด็กคนนี้ไปล่ะ”
“มะ
..ไม่ ฉันจะไม่ไปไหนทั้งนั้น พอกันที
อุ๊บ!” จู่ๆ ชิเอลก็รู้สึกว่าริมฝีปากถูกรูดซิปเข้าหากัน ทั้งๆ
ที่เขาแน่ใจว่าตนเองไม่เคยมีซิปติดอยู่ตรงนั้นมาก่อนแน่ๆ และไม่ว่าจะพยายามสักแค่ไหนก็เปิดปากไม่ได้ เวลานี้หนุ่มน้อยจึงได้แต่ดิ้นขลุกขลักอยู่ในวงแขนเจ้าแห่งความมืดอย่างช่วยตนเองไม่ได้
“เด็กไม่ดี
..เวลาผู้ใหญ่พูดก็ต้องเชื่อฟังสิ
เวลานี้ข้ายังชอบเจ้าอยู่
..ดังนั้นจึงยังไม่อยากจะแยกร่างเจ้าออกเป็นชิ้นๆ เพราะขัดใจข้าหรอกนะ
ข้าละอยากจะรู้นักว่าลูกๆ ของข้าสนใจอะไรในตัวเจ้า”
ซาตานสะบัดแส้ในมือแล้วบังคับเลื่อนให้เคลื่อนตัวออกไป “และเจ้าคงจะเป็นสัตว์เลี้ยง เอ้ย..
ลูกบุญธรรมที่น่ารักน่าสนใจทีเดียวล่ะ
จนกว่าข้าจะเบื่อน่ะนะ..”
“นายน้อย!”
ในฐานะพ่อบ้านแล้ว..
นี่คือความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงที่ไม่อาจคุ้มครองความปลอดภัยของผู้เป็นนายได้ ซ้ำยังปล่อยให้เด็กคนนั้นถูกพาตัวไปต่อหน้าต่อตาโดยที่ทำอะไรไม่ได้อีกต่างหาก ทว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมานั่งโทษตัวเอง เซบาสเตียนไม่สนใจจะดูบาดแผลที่ได้รับ ปีศาจในคราบพ่อบ้านประคองตนเองให้ลุกขึ้นแล้วรีบติดตามเจ้านายผู้แสนสำคัญยิ่งไปโดยทิ้งรอยเลือดหยดไว้เป็นทาง
ขณะที่อีกสองคนซึ่งถูกตรึงให้อยู่นอกวงก็เพิ่งจะขยับตัวได้หลังจากที่ราชาปีศาจจากไปนานแล้ว วินเซนต์
แฟนธอมไฮฟ์ขบกรามแน่นขณะที่มือยังคงกระชับด้ามปืนมั่น
แม้จะรู้ดีกว่ากับปีศาจแล้วอาวุธพรรค์นี้แทบจะไร้ความหมายโดยสิ้นเชิงก็ตาม
“เพราะเหตุนี้ผมถึงได้เกลียดปีศาจนัก พวกมันไม่เคยนำสิ่งดีๆ มาให้ใครหรอก”
เป็นครั้งหนึ่งที่โซเซไม่ออกความเห็น อดีตยมทูตผมสีเงินเพียงแต่หมุนร่างเดินกลับเข้าไปในบ้านพร้อมด้วยคำพูดทิ้งท้าย
“เพราะชีวิตมันน่าเบื่อยังไงล่ะ..
แล้วสักวันเจ้าจะเข้าใจ”
..............................................
อังกฤษ..
ห่างออกไปในอาณาจักรของมนุษย์..
คืนวันฝนพรำกับบรรยากาศเย็นฉ่ำเช่นนี้ คงจะดีหากว่าได้อยู่แนบชิดกับชายหนุ่มที่สุดยอดสักคนหนึ่ง..
ในราตรีที่เงียบเหงา
อ้อมอกอุ่นกับวงแขนกว้างคงจะช่วยให้ความเศร้าของเขาบรรเทาเบาบางลงได้จริงๆ
“แต่.. ทำไมจนแล้วจนรอดก็ไม่เห็นจะมีเลย!”
เสียงคร่ำครวญที่ไม่เพียงแต่ทำให้ผู้ฟังขนลุก
แต่ยังชวนให้กระเถิบกายหนีห่างดังขึ้นท่ามกลางความเงียบที่มีเพียงสายฝนโปรย
สุภาพบุรุษชาวอังกฤษ
หนุ่มหล่อเร้าใจ
ใครสักคนที่จะทำให้เขาเร่าร้อนสุดๆ จนติดไฟลุกพรึ่บได้หายหัวไปไหนหมดนะ
ตั้งแต่ปีศาจรูปหล่อที่สุดในสามโลกตนนั้นหายตัวไปพร้อมกับเด็กมนุษย์ที่ไม่รู้ว่ามีดีตรงไหน
เกรล
แซตคลิฟก็รู้สึกว่าโลกใบนี้มัวหมองขาดสีสันไปมาก ..เฮ้อ..
ยมทูตหนุ่มผมแดง ไม่สิ.. ในเมื่อตอนนี้ถึงบทของเขาแล้วก็จะไม่ยอมให้ใครมามองเขาผิดๆ
อีกเป็นอันขาด.. อะแฮ่ม.. ยมทูตสาวผมแดงเจ้าของเรือนร่างเพรียวบอบบางถอนหายใจด้วยความเซ็ง
อันที่จริงถึงแม้จะหาคู่ใจไม่ได้ในคืนนี้ก็ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายอะไรนักหรอก เพราะถึงยังไงก็ยังมีวิลเลี่ยม ที
สเปียร์สุดฮอตคนนั้นรออยู่เป็นของตาย
แต่เรื่องที่ต้องกระเตงเอาคนอินเดียสองคนกับชายหญิงชาวจีนอีกคู่หนึ่งลงมาทัศนาจรในโลกอีกฟากด้วยนี่มันไม่สนุกเอาเสียเลย
..ถึงแม้หนึ่งในนั้นจะดูเข้าตากรรมการอยู่บ้างก็เถอะ
ความซวยขนานหนักนี้มีจุดเริ่มต้นมาจากการปรากฏตัวของน้ำตาฟินิกซ์ครั้งล่าสุดนั่นแหละ..
หลังจากที่หลายคนต้องหัวใจสลายเพราะความหวั่นเกรงผู้เป็นเจ้าของคนก่อนหน้าเสียจนไม่มีผู้ใดหาญกล้าพอจะเข้าไปครอบครองแล้ว การปรากฏตัวของเจ้าของอีกคนหนึ่งในอีกหลายพันปีต่อมาจึงเปรียบเสมือนสัญญาณไซเรน ..หรือไม่ก็หวูดเรือกลไฟที่ส่งเสียงดังประกาศให้โลกรู้ถึงการถือกำเนิด ราวกับกำลังเชิญชวนว่า.. รีบๆ มาครอบครองฉันสิ~
อย่างนั้นเลยแหละ ..เพราะตั้งแต่ปรากฏการณ์น้ำตาฟินิกซ์ครั้งใหม่เริ่มต้นขึ้น มันก็ได้ส่งสัญญาณไปทั่วทั้งสามโลกอย่างเย้ายวนน่าหมั่นไส้ และผลกระทบจากจุดเริ่มต้นเล็กๆ
ก็ขยายวงกว้างออกไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุดเช่นเดียวกับการโยนหินลงไปในสระให้น้ำกระเพื่อมนั่นแหละ
..เชอะ!
ไม่เพียงแต่มนุษย์ เทวดา และปีศาจจะพากันตื่นเต้นดีใจจนนั่งไม่ติดเท่านั้น
แม้แต่เหล่ายมทูตที่เฝ้าฝันถึงวาระสุดท้ายอันสวยสดงดงามต่างก็พากันละทิ้งหน้าที่ของตน แล้วออกไล่ติดตามเจ้าของน้ำตาฟินิกซ์คนใหม่กันเป็นทิวแถว แม้แต่เจ้าหน้าที่ระดับสูงในหน่วยงานก็ยังไม่เว้น
ที่จริงเรื่องนี้เกรลไม่ค่อยแปลกใจนักหรอก.. ในเมื่อหลายต่อหลายคนในจำนวนนั้นต่างก็เคยผ่านคืนวันอันยาวนานหลายร้อยหลายพันปีที่มีตัวตนขึ้นมาบนโลกนี้กันแล้วทั้งนั้น
ภารกิจทุกวันเริ่มต้นด้วยการตอกบัตรเข้าทำงาน จากนั้นก็ก้มๆ เงยๆ อยู่กับกองเอกสารสูงท่วมศีรษะ หรือไม่ก็ออกไปตามเก็บเกี่ยววิญญาณตามใบสั่ง จนล่วงเลยหมดเวลาทำงานต่างคนต่างก็กลับที่พักของใครของมัน แล้วก็ตื่นขึ้นมาทำเรื่องเดิมภารกิจเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่ามาเป็นพันๆ
ปีเช่นนี้ โดยที่สติไม่แตกหรือวิปลาสไปเสียตั้งแต่ร้อยหรือสองร้อยปีแรกก็ถือว่าดีนักหนาแล้ว และด้วยเหตุที่กำลังคนหายเกลี้ยงแทบทุกแผนกนี่แหละ ที่ทำให้ระบบงานเกือบทุกด้านของสมาคมผู้เก็บเกี่ยววิญญาณแทบจะพังทลายลงมาพร้อมๆ
กันเลยทีเดียว ภาระหนักก็เลยตกมาอยู่กับคนที่ยังอยู่อย่างเขา วิล..
หรือใครต่อใครที่ยังชื่นชมกับการมีชีวิตเป็นนิรันดร์ต้องมาทำงานล่วงเวลากันอย่างหามรุ่งหามค่ำเช่นนี้
..มันเหนื่อยอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเลยแหละ แต่ถ้าเพื่อวิลแล้วล่ะก็...
แค่นี้สบายมาก
และภาระที่หนักเกินมือเช่นนี้ก็เป็นผลทำให้การร่วมทางระหว่างหนึ่งยมทูตที่สวยที่สุดในจักรวาลล้านล้านปีแสงกับมนุษย์อีกสี่คนเริ่มต้นขึ้น
เมื่อฟันเฟืองในการปฏิบัติงานของแผนกตรวจสอบดวงชะตาขาดหายไป ทำให้ต้องนำเด็กใหม่ที่ยังอยู่ในระหว่างการฝึกฝนมาใช้งานด้วยความจำเป็น และสุดท้ายก็เกิดความผิดพลาดร้ายแรงขึ้นจนทำให้เกรล
ซึ่งอยู่ในแผนกเก็บเกี่ยววิญญาณหน้าแตกยับเยิน
แน่ล่ะ.. ไม่มีอะไรน่าอายมากไปกว่านี้อีกแล้ว เมื่อยมทูตคนสวยดันไปเก็บวิญญาณคนเป็นซึ่งยังไม่ถึงฆาตเข้าให้ถึงสี่รายด้วยกัน และกว่าจะรู้ว่าทำผิดพลาดก็สายไปแล้ว
เพราะกว่าเอกสารที่ถูกต้องจะส่งมาถึงมือ มนุษย์ทั้งสี่คนนั้นก็กลายสภาพเป็น ‘ผลงานที่ผิดพลาด’ ไปเรียบร้อยแล้ว
ช่วยไม่ได้ล่ะนะ..
จะว่าไปก็ไม่ใช่ความผิดของเขา
..เอ้ย.. ‘เธอ’ เสียทีเดียว ก็ใครใช้ให้เจ้าทึ่มสี่คนนั้นไปกระจุกรวมตัวอยู่ที่คฤหาสน์แฟนธอมไฮฟ์กันล่ะ เมื่อเป้าหมายมาอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาอย่างนี้ การเก็บเกี่ยววิญญาณจึงใช้เวลาน้อยลงมาก จนในที่สุดวิลเลี่ยมก็มีคำสั่งให้เกรลรับผิดชอบด้วยการพาคนพวกนี้กลับไปที่สำนักงานใหญ่ เพื่อขอให้ผู้มีอำนาจวินิจฉัยออกหนังสือคืนสภาพจากวิญญาณสู่ร่างมนุษย์ให้ และปัญหาก็เกิดจากตรงนี้แหละ..
“อะไรนะ! แม้แต่คนๆ
นั้นก็ยังออกไปไล่ตามน้ำตาฟินิกซ์..งั้น..เรอะ!
ชั้นอยากจะบ้า ..นี่คิดจะทำให้ชั้นลำบากไปถึงไหนกันเนี่ย!”
หลังจากที่อาละวาดเสียจนสำนักงานแทบแตก
ตามด้วยการจับเจ้าเด็กฝึกหัดตัวต้นเรื่องมาเขย่าเสียจนหัวสั่นหัวคลอนแล้ว เกรลก็ได้แต่พาวิญญาณที่ไม่มีความผิดทั้งสี่ออกมาสืบข่าวคราวที่แผนกข่าวกรอง จนกระทั่งได้รู้ว่าเจ้าของน้ำตาฟินิกซ์ผู้เป็นต้นเหตุของความปั่นป่วนอันเย้ายวนใจในสามโลกนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นชิเอล
แฟนธอมไฮฟ์.. เด็กชาวมนุษย์ที่กลายสภาพเป็นปีศาจ คนเดียวกับที่เซบาสจังสุดที่รักผูกพันจนถึงขนาดดึงดันจะหล่อเลี้ยงดวงวิญญาณเอาไว้นั่นเอง และข่าวล่ามาแรงนี้ก็ทำให้เจ้าพวกนั้น..
วิญญาณทั้งสี่ดวงซึ่งกลายมาเป็นทั้งภาระและเพื่อนร่วมทางในการออกตามหาเจ้าพนักงานที่ละทิ้งหน้าที่คนนั้นพากันทำตาโตตื่นเต้นกันยกใหญ่
“คิดไว้แล้วเชียว..
ว่าคุณพ่อบ้านคงไม่ใช่มนุษย์
แต่เราไม่เคยรู้มาก่อนว่าท่านเอิร์ลจะพลอยเป็นปีศาจไปด้วยเลย ..นะ..
รันเหมา”
“เจ้าชาย..
ถ้าอย่างนั้นเราออกตามหาท่านชิเอลกับคุณเซบาสเตียนกันดีไหมขอรับ
ในเมื่อยังไงเราก็ต้องเข้าไปในโลกของฝั่งโน้นอยู่แล้ว”
“ที่แท้ชิเอลไม่ได้ตายแต่กลับเป็นปีศาจไปหรอกเหรอเนี่ย แย่ที่สุด..
ตอนนั้นทำให้ข้าร้องไห้เสียแทบแย่!
ไปกันเลยอัคนี
ข้าอยากจะไปหาชิเอล
อยากถามว่าทำไมถึงต้องหายตัวไปด้วย”
เอาละ..
นั่นคือความรู้สึกที่มีต่อสถานการณ์นี้แบบพอหอมปากหอมคอจากเจ้าพวกนั้น เกรล
แซตคลิฟถอนหายใจด้วยความเซ็งขณะที่พาวิญญาณคนเป็นทั้งสี่ข้ามผ่านห้วงมิติเพื่อไปสู่อาณาจักรของปีศาจ
สถานที่ซึ่งอันตรายเป็นอย่างยิ่งสำหรับวิญญาณที่ล่องลอยหลงเข้ามาตามลำพังโดยไม่มีผู้ถือสายจูง
“ทำไมล่ะ” วิญญาณชายชาวจีนที่มักชอบทำท่าทางเหมือนรู้เรื่องอยู่ตลอดถามโพล่งขึ้นมา
ทว่าเกรลไม่มีใจที่จะเล่นเกมยี่สิบคำถามในตอนนี้
เจ้าพวกนี้ ..คิดว่าพลเมืองของโลกฝั่งนี้เขาบริโภคอะไรเป็นอาหารกันล่ะ
..ขาหมูอบกับชาเอิร์ลเกรย์หรือไง...
ตราบใดที่แฟชั่นการกินมังสวิรัติยังไม่ได้แพร่ระบาดมาถึงที่แห่งนี้ นั่นก็หมายความวิญญาณพลัดหลงทั้งหลายต้องพึงระวังตัวให้จงหนัก เพราะปีศาจทุกตนยังคงเห็นวิญญาณเป็นอาหารขบเคี้ยวที่ขาดไม่ได้เหมือนกับขนมปังบนโต๊ะอาหารของพวกมนุษย์นั่นแหละ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น