8/31/2555

น้ำตาฟินิกซ์ 9


ในชั่วขณะที่เวลาราวกับจะหยุดเดิน   บุรุษในชุดซานต้าสีแดงเผยรอยยิ้มออกมายามที่สัมผัสได้ถึงปีศาจซึ่งโตเต็มวัยอีกตนหนึ่ง   ริมฝีปากสีหวานดั่งกลีบกุหลาบอ่อนยิ่งขยับยกเป็นรอยยิ้มขันมากขึ้นพร้อมด้วยเสียงหัวเราะเสนาะหู   เมื่อได้เห็นสีหน้าตื่นตระหนกของอีกฝ่าย


“คิดเอาไว้แล้วเชียว   ว่าชะตากรรมที่ต้องตกเป็นทาสชั่วนิรันดร์จะทำให้เจ้าไม่ไปไหนไกลจากเด็กน้อยคนนี้

ทั้งๆ ที่ข้าก็เคยบอกแล้วไม่ใช่หรือ   ว่าอย่าตอบรับเสียงเพรียกของมนุษย์สุ่มสี่สุ่มห้าเพราะมันอาจทำให้เจ้าซวยอย่างมหาศาล   เฮ้อ..  เมื่อไหร่จะรู้จักฟังคำพูดข้าอย่างจริงจังเสียทีนะ”


แม้ว่าน้ำเสียงแผ่วหวานนั่นอาจเต็มไปด้วยความเอื้ออาทรราวกับผู้ใหญ่ที่กำลังอบรมสั่งสอนเด็กเล็กๆ ที่ไม่เชื่อฟัง   ทว่ากระไอเย็นเยียบที่แผ่กระจายออกมาจากร่างกลับฟ้องว่าคนผู้นี้ไม่ใช่ธรรมดา   และทั้งๆ ที่รู้สึกถึงความผิดปกตินั้นอย่างชัดเจน   แต่อึดใจนั้นชิเอลก็ยังอดชื่นชมรูปโฉมของซานต้าโรคจิตผู้นี้มิได้   ในเมื่อเส้นผมสีบลอนด์ยาวระสะโพกที่เปล่งประกายระยิบระยับดุจแสงตะวัน   กับดวงหน้าพิสุทธิ์ผุดผ่องซึ่งแตะแต้มรอยยิ้มอันอ่อนโยนบนริมผีปากนั้นแลดูงดงามประหนึ่งทูตสวรรค์   ซึ่งหากจะผิดเพี้ยนไปบ้างก็เห็นจะมีเพียงประกายตาสีทับทิมที่ไหวระริกดุจเปลวเพลิงลุกโชนเสียจนต้องตะลึงมองเท่านั้น   และนั่นมิใช่ภาพลักษณ์ที่จะเมินสายตาหนีได้โดยง่าย


“ชิเอล!

บุรุษอีกสองคนซึ่งตามออกมาจากในบ้านต่างก็ต้องตกตะลึงเมื่อได้เห็นแขกไม่ได้รับเชิญ   ด้วยรูปลักษณ์ในชุดซานตาคลอสสีแดงซึ่งดูไม่เข้ากับผู้สวมใส่   ประกอบกับการมาปรากฏตัวอย่างผิดที่ผิดเวลานั้นกลับจะดูราวกับเป็นการเตือนภัยถึงตัวตนที่แท้จริงของคนผู้นี้มากกว่า  

ขณะที่โซเซยังคงสังเกตการณ์อยู่ห่างๆ   วินเซนต์  แฟนธอมไฮฟ์กลับร้อนใจมากกว่าเมื่อเห็นลูกน้อยมีอันตราย   แม้จะตระหนักถึงแรงกดดันที่ผิดปกติจากชายแปลกหน้าคนนี้  ทว่าความรักของพ่อที่มีต่อลูกก็ยังมีอำนาจเหนือกว่าทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ดี   และหากว่าครั้งก่อนเขาไม่อาจปกป้องครอบครัวไว้ได้ล่ะก็..  ครั้งนี้ก็จะขอทำอย่างสุดความสามารถ   ถึงแม้ลางสังหรณ์จะว่าเตือนว่าการกระทำของตนคงแทบไม่สะกิดผิวฝ่ายตรงข้าม.. แต่ก็จะไม่ยอมยืนมองเฉยๆ แน่นอน


“ปล่อยเด็กคนนั้นนะ!” 

ทันทีที่สิ้นเสียงอดีตเอิร์ลหนุ่มก็ล้วงอาวุธคู่ใจออกมาจากอกเสื้อ   และโดยปราศจากความลังเล..  วินเซนต์ยืนแยกปลายเท้าออกจากกันอย่างมุ่งมั่น   สองแขนเหยียดตรงขนานไปกับพื้น   ขณะที่สองมือกระชับมั่นอยู่กับด้ามปืนพกสั้นสีดำมันปลาบ  

เอ็ม จี ซี กล็อกสิบแปดกระบอกนี้อยู่คู่กายเขามาตั้งแต่ครั้งยังมีชีวิตในฐานะมนุษย์   พร้อมด้วยกลไกพิเศษและแมกกาซีนบรรจุกระสุนซึ่งมีความยาวกว่าปืนพกทั่วไป   ทำให้สามารถยิงรัวอย่างต่อเนื่องได้ถึงสามสิบสามนัด   มันจึงเปรียบเสมือนมิตรแท้ในยามยากของเขา   และคนอย่างวินเซนต์  ..อดีตสุนัขเฝ้ายามของราชินีที่มือเปื้อนเลือดมาแล้วมากมายไม่เคยคิดจะข่มขู่ใครให้เสียเวลา   อึดใจนั้นปลายนิ้วเรียวยาวกระดิกเหนี่ยวไกเปิดฉากโจมตีผู้ที่บังอาจคุกคามสวัสดิภาพของลูกอย่างไม่ปรานี   ..ชุดแล้วชุดเล่า

ทว่ามีหรือ.. ที่อาวุธสังหารของมนุษย์จะระคายผิวผู้ที่อยู่เหนือความตาย   เขาจึงได้แต่ขบกรามแน่นมองดูกระสุนปืนทั้งหมดหยุดค้างอยู่กลางอากาศก่อนจะตกลงบนพื้นแทบเท้าฝ่ายตรงข้ามด้วยความเจ็บใจ     


ซานต้าหนุ่มหัวเราะเบาๆ อย่างไม่ถือสาแม้จะถูกจู่โจมก่อน   อาจเป็นเพราะยังอารมณ์ดีอยู่   ประกอบกับรู้สึกขบขันกับสีหน้าตื่นตะลึงของมนุษย์ที่เพิ่งข้ามผ่านเข้ามายังดินแห่งแห่งความตายหมาดๆ เสียจนยังไม่รู้ว่าอะไรควรไม่ควร..  แต่กระนั้นก็คงต้องโต้ตอบกลับไปเพื่อให้รู้สำนึกเสียบ้าง  


“เล่นแบบนี้ไม่ดีนะ   เพราะมันจะทำให้ซานต้าใจดีอย่างข้าลำบากใจรู้มั้ย  

จริงๆ แล้วข้าควรจะมีหน้าที่แจกของขวัญแล้วก็ร้องเพลงคริสต์มาสกับพวกเจ้าเท่านั้น   และก็ไม่ควรจะทำอะไรอย่างนี้หรอก  เพราะมันดูไม่สมกับที่เป็นซานตาคลอสเอาเสียเลย” 


ขณะที่พูด.. แขนข้างที่ยังว่างอยู่ก็ขยับวนเป็นวงกลมและสัญลักษณ์อันเป็นการตั้งข่ายมนตร์ที่ตรึงร่างบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเอาไว้นอกวงด้วยพลังลึกลับที่มองไม่เห็น   แล้วจึงขยับปีศาจตัวน้อยจากในท่าแบกพาดบ่ามาเป็นโอบกอดไว้ในวงแขนเพื่อให้เจ้าตัวได้มีโอกาสเห็นอะไรๆ ได้ถนัดขึ้น   และพริบตานั้นเอง..  ที่ชิเอลได้สติ


“เซบาสเตียน!   มัวรออะไรอยู่   รีบทำให้เจ้าซานต้านี่ปล่อยฉันสักที” เมื่อได้เห็นท่าทีรีรอของพ่อบ้านหนุ่ม   เขาก็ออกคำสั่งเสียงห้วน   และส่งผลให้เซบาสเตียนไม่มีทางเลือก


“ขอรับ”  ปีศาจหนุ่มรับคำสั้นๆ  ก่อนจะพุ่งปราดเข้าหาเป้าหมาย   ขณะที่ฝ่ายตรงข้ามเผยอรอยยิ้มเย็น


“การเชื่อฟังเจ้านายมันก็ดีอยู่หรอก  

แต่หาญกล้าถึงกับคิดจะเผชิญหน้ากับพ่อของเจ้าเชียวหรือ  ..ซาตานาเกีย 


มีเสียงลมแหวกอากาศเบาๆ   และก่อนที่จะมีใครสักคนทันรับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น   ร่างในชุดสีแดงสดใสก็พลิ้วตัวขึ้นจากพื้นพร้อมด้วยปีศาจหนุ่มน้อยในอ้อมแขน   ท่วงท่าอันสง่างามพลิ้วไหวดุจการขยับปีกของผีเสื้อนั้นมิได้ทำให้ชิเอลประหลาดใจนัก   เมื่อเทียบกับคำพูดเมื่อครู่นี้  


พ่อ..    ..ซาตานาเกีย..


“ณ  เวลานี้ผมเป็นเพียงพ่อบ้านธรรมดาๆ ที่ชื่อว่าเซบาสเตียน  มิคาเอลลิสขอรับ

มีชื่อนั้นเพียงชื่อเดียวที่ผมจะขานรับขอรับ  ..ท่านพ่อ”  


เซบาสเตียนกัดฟันตอบพลางหอบหายใจแรง   ก่อนจะส่งเสียงไอแค่กแล้วกระอักโลหิตออกมากองหนึ่ง   ขณะที่มือขวากุมแน่นอยู่ที่บาดแผลลึกบริเวณสีข้างเสียจนถุงมือขาวสะอาดของพ่อบ้าน   แปรเปลี่ยนเป็นสีแดงคล้ำเข้มเพราะเลือดที่ไหลหลั่งพรั่งพรูออกมา   เป็นอย่างที่คิด..  ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคนๆ นี้   ..ไม่มีทางเฉียดเข้าใกล้ได้เลยแม้แต่น้อย   แต่กระนั้นนัยน์ตาสีทับทิมก็ยังคงจับจ้องนิ่งอยู่ที่ผู้เป็นนาย   พร้อมด้วยความตั้งใจที่จะปฏิบัติตามคำสั่งให้ลุล่วงยังคงมีอยู่เต็มเปี่ยม



“เซบาสเตียน!” 


“นี่มันหมาย..  หมายความว่ายังไง  ซานต้า!”  เมื่อเห็นสภาพของพ่อบ้านคนสนิทซึ่งมีอันต้องหลั่งเลือดโดยยังไม่ทันต่อสู้   ปีศาจหนุ่มน้อยก็หันกลับมาถามผู้ที่ยึดร่างตนไว้แน่นทว่ากลับไม่ได้รับคำตอบ   ซานต้ายังคงเฝ้ามองร่างในทักสิโดพ่อบ้านซึ่งพยายามประคับประคองตัวขณะที่โลหิตยังคงไหลรินด้วยสีหน้ารื่นรมย์


“ไม่เข้าใจงั้นหรือหนูน้อย”  เมื่อปราศจากถุงมือซานตาคลอสสีแดงเล็บยาวดำขลับก็ปรากฏให้เห็น   ชิเอลเบิกตาค้างมองดูผู้ที่จับตนเป็นเชลยกำลังละเลียดชิมรสเลือดที่ติดปลายเล็บตนเองอย่างใจเย็น   ขณะที่ประกายสีโลหิตในดวงตายังคงฉายแววสนุกรื่นเริงไม่เปลี่ยน


“เมื่อพบเด็กไม่ดีซานต้าก็ต้องทำโทษสิ  ..เป็นเรื่องธรรมดาออกจะตายไป”

..คนๆ นี้   ทั้งอำมหิตและเลือดเย็น..


“ธรรมดาที่ไหนกัน  ..นั่นน่ะ..”  เขาแทบจะทนรับความโรคจิตของเจ้าซานต้าคนนี้ไม่ไหวแล้ว    และขณะที่ถ้อยคำต่อว่าต่อขานอีกยกใหญ่กำลังจะพรั่งพรูออกมา   เซบาสเตียนก็สอดแทรกขึ้นมาเสียก่อน


“นายน้อย  อย่าได้เข้าใจผิดเป็นอันขาดนะขอรับ..” 


...คนๆ นี้ 

บุคคลซึ่งเพียงแค่ปรากฏตัวออกมาก็ส่งผลให้ปีศาจทุกตนรู้สึกถึงความยินดีปรีดาที่เอ่อทะลักออกมาจากส่วนลึกที่สุดของแก่นวิญญาณ  

จนแทบไม่อาจควบคุมสัญชาติญาณดั้งเดิมของตนเองได้นั้น..  



“ท่านผู้นั้นน่ะไม่ใช่ซานต้า..   แต่เป็นนายผู้อยู่สูงสุด   เป็นเทพเจ้าของพวกเรา”


..แม้แต่ปีศาจซึ่งได้ชื่อว่ามีตัวตนคงอยู่มายาวนานอย่างเขา  ก็ยังมิอาจต่อต้านความปรารถนาดั้งเดิมของเผ่าพันธุ์ได้   
เพียงเพราะการปรากฏตัวของคนผู้นี้..


“มันก็คล้ายๆ กันนั่นแหละน่า!   จะมากเรื่องไปทำไม”  คนที่ยังยืนกรานอยากจะเป็นซานต้าโบกมืออย่างไม่ใส่ใจระคนหัวเสีย  ก่อนจะหันข้างให้กับพ่อบ้านปีศาจ   “จะเป็น  ซานต้า  หรือ  ซาตาน มันก็สะกดคล้ายๆ กันนั่นแหละ    แค่ตัว น  หนู สลับที่กันหน่อยเดียวจะอะไรนักหนา”



“ซาตานงั้นหรือ.. 

ถ้างั้นนาย..”


ความรู้สึกยามที่ได้พบบุคคลที่ไม่คาดคิดส่งผลให้ชิเอลรู้สึกว่าสมองขาวโพลนคิดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะหนึ่ง  


“มาหลอกกันได้นะ!”    เพราะเหตุนี้สินะ..  พ่อบ้านของเขาซึ่งแต่ไหนแต่ไรไม่เคยกลัวใครจึงได้มีท่าทีเหมือนหนูกลัวแมวเพียงแค่ได้เห็นคนผู้นี้   แถมยังพ่ายแพ้หมดรูปโดยสิ้นเชิง


“ก็แน่ล่ะ..  ข้าเป็นพ่อผู้สร้าง เขาขึ้นมาที่นา   เป็นผู้มอบพลังอำนาจให้กับเขาด้วยมือตนเอง   ถ้าคิดจะมาต่อกรกับข้า..  ต่อให้องค์จอมเทพเสด็จนำทัพมาเองก็ยังต้องกริ่งเกรงอยู่เหมือนกัน   อีกอย่าง..

ข้าไม่ได้หลอกเจ้าสักหน่อย    เจ้าเข้าใจผิดไปเองต่างหาก” 


ราวกับกำลังพูดถึงอาหารมื้อเที่ยงหรือไม่ก็เรื่องดินฟ้าอากาศธรรมดาๆ  โดยปราศจากความสำนึกเสียใจอย่างสิ้นเชิง    
ซาตาน  ..ราชันย์ปีศาจ   จักรพรรดิ์แห่งความมืดผู้ถูกเปิดเผยตัวตนพยักพเยิดไปยังลูกของตน    หรืออีกนัยหนึ่งก็คือขุนพลคู่ใจซึ่งมีตัวตนขึ้นมาหลังจากที่ตนลงมาปกครองดินแดนเบื้องล่างนี้ด้วยท่าทีไม่ใส่ใจ       
  

“ไม่สนุกเลยซาตานาเกีย..  ทั้งๆ ที่ข้ายังอยากจะเล่นเป็นซานต้าตระเวนไปแจกของขวัญอีกสักหลายแห่งแท้ๆ   มาถูกเจ้าเปิดโปงตัวตนแบบนี้ก็หมดสนุกกันพอดีน่ะสิ”  เจ้าแห่งความมืดถอนหายใจอย่างสุดแสนเซ็งพร้อมกับดึงหมวกซานตาคลอสบนศีรษะตนเองออก   เผยให้เห็นเขาสีดำขนาดใหญ่อันหนึ่ง   ซึ่งมีลักษณะบิดเป็นเกลียวเฉียงขึ้นด้านบน   โผล่ออกมาจากกึ่งกลางหน้าผากบริเวณที่ติดกับตีนผม

และสภาพที่แท้จริงของเทวดาตกสวรรค์องค์นี้ก็ทำให้หนุ่มน้อยอดขนลุกด้วยความพรั่นพรึงมิได้   ทว่าภายใต้รูปลักษณ์อันน่ากลัวนั้นกลับซุกซ่อนไว้ซึ่งอุปนิสัยอันแปลกประหลาด..  อันที่จริงดูเหมือนเจ้าตัวจะจงใจเปิดเผยให้ใครต่อใครเห็นและคอยจับตาดูท่าทีประหลาดใจของคนเหล่านั้นอย่างสนุกสนานเสียด้วยซ้ำ   อย่างเช่นตัวเขาตอนนี้ยังไงล่ะ..  ชิเอลไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าซาตานผู้เป็นนายใหญ่ของโลกเบื้องล่างจะมีอุปนิสัยขี้เล่นอย่างนี้   ดูไม่สมกับที่เป็นถึงราชาปีศาจเอาเสียเลย   แถมยังแต่งตัวบ้าๆ บอๆ ตะลอนเที่ยวเล่นไปวันๆ อย่างกับ..


“ข้าน่ะหรือดูไม่สมกับที่เป็นราชาปีศาจ”  ซาตานเลิกคิ้วอย่างสนเท่ห์


อีกครั้งที่ชิเอลต้องสะดุ้งโหยงเมื่อรู้ตัวว่าถูกอ่านใจ   เขาน่าจะรู้นะ..  ว่าถึงจะบ้าๆ บอๆ  หากคนผู้นี้ก็ยังคงเป็นถึงเทพมารผู้ปกครองนรก   นัยน์ตาแดงก่ำเบนกลับมายังร่างเล็กกระจ้อยร่อยในวงแขนตนเอง   เจ้าแห่งปีศาจจ้องปีศาจตัวน้อยเขม็งอยู่ครู่หนึ่ง   วินาทีนั้นไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นจนกระทั่งเจ้าตัวส่งเสียงหัวเราะนุ่มนวลออกมา 


“ไม่เคยมีใครคิดถึงข้าในแง่นี้มาก่อนเลย   เจ้าเป็นคนแรกที่คิดว่าข้าเป็นคนขี้เล่น”  ซาตานหนุ่มขยิบตาให้กับชิเอลก่อนจะอุ้มลอยขึ้นไปยังเลื่อนเทียมกวางที่จอดอยู่นานแล้ว  


“ชักจะชอบเจ้าเสียแล้วสิ   เอาเป็นว่าต่อแต่นี้เจ้ามาเป็นแขกรับเชิญที่วังของข้าก็แล้วกัน 

ซาตานาเกีย..”  ถึงตอนนี้เขาหันไปมองขุนพลคู่ใจ    “เจ้าจะตามมารึไม่ก็เรื่องของเจ้า   แต่ข้าจะพาเด็กคนนี้ไปล่ะ”   



“มะ ..ไม่  ฉันจะไม่ไปไหนทั้งนั้น  พอกันที   อุ๊บ!” จู่ๆ ชิเอลก็รู้สึกว่าริมฝีปากถูกรูดซิปเข้าหากัน   ทั้งๆ ที่เขาแน่ใจว่าตนเองไม่เคยมีซิปติดอยู่ตรงนั้นมาก่อนแน่ๆ   และไม่ว่าจะพยายามสักแค่ไหนก็เปิดปากไม่ได้   เวลานี้หนุ่มน้อยจึงได้แต่ดิ้นขลุกขลักอยู่ในวงแขนเจ้าแห่งความมืดอย่างช่วยตนเองไม่ได้


“เด็กไม่ดี  ..เวลาผู้ใหญ่พูดก็ต้องเชื่อฟังสิ   เวลานี้ข้ายังชอบเจ้าอยู่   ..ดังนั้นจึงยังไม่อยากจะแยกร่างเจ้าออกเป็นชิ้นๆ เพราะขัดใจข้าหรอกนะ  

ข้าละอยากจะรู้นักว่าลูกๆ ของข้าสนใจอะไรในตัวเจ้า” 


ซาตานสะบัดแส้ในมือแล้วบังคับเลื่อนให้เคลื่อนตัวออกไป   “และเจ้าคงจะเป็นสัตว์เลี้ยง  เอ้ย..  ลูกบุญธรรมที่น่ารักน่าสนใจทีเดียวล่ะ   จนกว่าข้าจะเบื่อน่ะนะ..” 



“นายน้อย!


ในฐานะพ่อบ้านแล้ว..  นี่คือความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงที่ไม่อาจคุ้มครองความปลอดภัยของผู้เป็นนายได้   ซ้ำยังปล่อยให้เด็กคนนั้นถูกพาตัวไปต่อหน้าต่อตาโดยที่ทำอะไรไม่ได้อีกต่างหาก   ทว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมานั่งโทษตัวเอง   เซบาสเตียนไม่สนใจจะดูบาดแผลที่ได้รับ   ปีศาจในคราบพ่อบ้านประคองตนเองให้ลุกขึ้นแล้วรีบติดตามเจ้านายผู้แสนสำคัญยิ่งไปโดยทิ้งรอยเลือดหยดไว้เป็นทาง

ขณะที่อีกสองคนซึ่งถูกตรึงให้อยู่นอกวงก็เพิ่งจะขยับตัวได้หลังจากที่ราชาปีศาจจากไปนานแล้ว   วินเซนต์  แฟนธอมไฮฟ์ขบกรามแน่นขณะที่มือยังคงกระชับด้ามปืนมั่น   แม้จะรู้ดีกว่ากับปีศาจแล้วอาวุธพรรค์นี้แทบจะไร้ความหมายโดยสิ้นเชิงก็ตาม  


“เพราะเหตุนี้ผมถึงได้เกลียดปีศาจนัก   พวกมันไม่เคยนำสิ่งดีๆ มาให้ใครหรอก” 


เป็นครั้งหนึ่งที่โซเซไม่ออกความเห็น   อดีตยมทูตผมสีเงินเพียงแต่หมุนร่างเดินกลับเข้าไปในบ้านพร้อมด้วยคำพูดทิ้งท้าย

“เพราะชีวิตมันน่าเบื่อยังไงล่ะ..  แล้วสักวันเจ้าจะเข้าใจ”






..............................................



อังกฤษ..


ห่างออกไปในอาณาจักรของมนุษย์..



คืนวันฝนพรำกับบรรยากาศเย็นฉ่ำเช่นนี้   คงจะดีหากว่าได้อยู่แนบชิดกับชายหนุ่มที่สุดยอดสักคนหนึ่ง..

ในราตรีที่เงียบเหงา   อ้อมอกอุ่นกับวงแขนกว้างคงจะช่วยให้ความเศร้าของเขาบรรเทาเบาบางลงได้จริงๆ



“แต่..  ทำไมจนแล้วจนรอดก็ไม่เห็นจะมีเลย!”  เสียงคร่ำครวญที่ไม่เพียงแต่ทำให้ผู้ฟังขนลุก   แต่ยังชวนให้กระเถิบกายหนีห่างดังขึ้นท่ามกลางความเงียบที่มีเพียงสายฝนโปรย


สุภาพบุรุษชาวอังกฤษ   หนุ่มหล่อเร้าใจ  ใครสักคนที่จะทำให้เขาเร่าร้อนสุดๆ จนติดไฟลุกพรึ่บได้หายหัวไปไหนหมดนะ    ตั้งแต่ปีศาจรูปหล่อที่สุดในสามโลกตนนั้นหายตัวไปพร้อมกับเด็กมนุษย์ที่ไม่รู้ว่ามีดีตรงไหน    เกรล  แซตคลิฟก็รู้สึกว่าโลกใบนี้มัวหมองขาดสีสันไปมาก   ..เฮ้อ..  ยมทูตหนุ่มผมแดง   ไม่สิ..  ในเมื่อตอนนี้ถึงบทของเขาแล้วก็จะไม่ยอมให้ใครมามองเขาผิดๆ อีกเป็นอันขาด..  อะแฮ่ม..   ยมทูตสาวผมแดงเจ้าของเรือนร่างเพรียวบอบบางถอนหายใจด้วยความเซ็ง   อันที่จริงถึงแม้จะหาคู่ใจไม่ได้ในคืนนี้ก็ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายอะไรนักหรอก   เพราะถึงยังไงก็ยังมีวิลเลี่ยม  ที  สเปียร์สุดฮอตคนนั้นรออยู่เป็นของตาย   แต่เรื่องที่ต้องกระเตงเอาคนอินเดียสองคนกับชายหญิงชาวจีนอีกคู่หนึ่งลงมาทัศนาจรในโลกอีกฟากด้วยนี่มันไม่สนุกเอาเสียเลย  ..ถึงแม้หนึ่งในนั้นจะดูเข้าตากรรมการอยู่บ้างก็เถอะ


ความซวยขนานหนักนี้มีจุดเริ่มต้นมาจากการปรากฏตัวของน้ำตาฟินิกซ์ครั้งล่าสุดนั่นแหละ..  


หลังจากที่หลายคนต้องหัวใจสลายเพราะความหวั่นเกรงผู้เป็นเจ้าของคนก่อนหน้าเสียจนไม่มีผู้ใดหาญกล้าพอจะเข้าไปครอบครองแล้ว   การปรากฏตัวของเจ้าของอีกคนหนึ่งในอีกหลายพันปีต่อมาจึงเปรียบเสมือนสัญญาณไซเรน  ..หรือไม่ก็หวูดเรือกลไฟที่ส่งเสียงดังประกาศให้โลกรู้ถึงการถือกำเนิด   ราวกับกำลังเชิญชวนว่า..  รีบๆ มาครอบครองฉันสิ~  อย่างนั้นเลยแหละ   ..เพราะตั้งแต่ปรากฏการณ์น้ำตาฟินิกซ์ครั้งใหม่เริ่มต้นขึ้น   มันก็ได้ส่งสัญญาณไปทั่วทั้งสามโลกอย่างเย้ายวนน่าหมั่นไส้   และผลกระทบจากจุดเริ่มต้นเล็กๆ ก็ขยายวงกว้างออกไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุดเช่นเดียวกับการโยนหินลงไปในสระให้น้ำกระเพื่อมนั่นแหละ  ..เชอะ!


ไม่เพียงแต่มนุษย์  เทวดา   และปีศาจจะพากันตื่นเต้นดีใจจนนั่งไม่ติดเท่านั้น   แม้แต่เหล่ายมทูตที่เฝ้าฝันถึงวาระสุดท้ายอันสวยสดงดงามต่างก็พากันละทิ้งหน้าที่ของตน   แล้วออกไล่ติดตามเจ้าของน้ำตาฟินิกซ์คนใหม่กันเป็นทิวแถว   แม้แต่เจ้าหน้าที่ระดับสูงในหน่วยงานก็ยังไม่เว้น   ที่จริงเรื่องนี้เกรลไม่ค่อยแปลกใจนักหรอก..  ในเมื่อหลายต่อหลายคนในจำนวนนั้นต่างก็เคยผ่านคืนวันอันยาวนานหลายร้อยหลายพันปีที่มีตัวตนขึ้นมาบนโลกนี้กันแล้วทั้งนั้น

ภารกิจทุกวันเริ่มต้นด้วยการตอกบัตรเข้าทำงาน   จากนั้นก็ก้มๆ เงยๆ อยู่กับกองเอกสารสูงท่วมศีรษะ   หรือไม่ก็ออกไปตามเก็บเกี่ยววิญญาณตามใบสั่ง   จนล่วงเลยหมดเวลาทำงานต่างคนต่างก็กลับที่พักของใครของมัน   แล้วก็ตื่นขึ้นมาทำเรื่องเดิมภารกิจเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่ามาเป็นพันๆ ปีเช่นนี้   โดยที่สติไม่แตกหรือวิปลาสไปเสียตั้งแต่ร้อยหรือสองร้อยปีแรกก็ถือว่าดีนักหนาแล้ว   และด้วยเหตุที่กำลังคนหายเกลี้ยงแทบทุกแผนกนี่แหละ   ที่ทำให้ระบบงานเกือบทุกด้านของสมาคมผู้เก็บเกี่ยววิญญาณแทบจะพังทลายลงมาพร้อมๆ กันเลยทีเดียว   ภาระหนักก็เลยตกมาอยู่กับคนที่ยังอยู่อย่างเขา   วิล..  หรือใครต่อใครที่ยังชื่นชมกับการมีชีวิตเป็นนิรันดร์ต้องมาทำงานล่วงเวลากันอย่างหามรุ่งหามค่ำเช่นนี้  



..มันเหนื่อยอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเลยแหละ   แต่ถ้าเพื่อวิลแล้วล่ะก็... 

แค่นี้สบายมาก


และภาระที่หนักเกินมือเช่นนี้ก็เป็นผลทำให้การร่วมทางระหว่างหนึ่งยมทูตที่สวยที่สุดในจักรวาลล้านล้านปีแสงกับมนุษย์อีกสี่คนเริ่มต้นขึ้น   เมื่อฟันเฟืองในการปฏิบัติงานของแผนกตรวจสอบดวงชะตาขาดหายไป   ทำให้ต้องนำเด็กใหม่ที่ยังอยู่ในระหว่างการฝึกฝนมาใช้งานด้วยความจำเป็น   และสุดท้ายก็เกิดความผิดพลาดร้ายแรงขึ้นจนทำให้เกรล   ซึ่งอยู่ในแผนกเก็บเกี่ยววิญญาณหน้าแตกยับเยิน  

แน่ล่ะ..  ไม่มีอะไรน่าอายมากไปกว่านี้อีกแล้ว    เมื่อยมทูตคนสวยดันไปเก็บวิญญาณคนเป็นซึ่งยังไม่ถึงฆาตเข้าให้ถึงสี่รายด้วยกัน   และกว่าจะรู้ว่าทำผิดพลาดก็สายไปแล้ว   เพราะกว่าเอกสารที่ถูกต้องจะส่งมาถึงมือ   มนุษย์ทั้งสี่คนนั้นก็กลายสภาพเป็น ผลงานที่ผิดพลาด ไปเรียบร้อยแล้ว

ช่วยไม่ได้ล่ะนะ..  จะว่าไปก็ไม่ใช่ความผิดของเขา  ..เอ้ย..  เธอ เสียทีเดียว    ก็ใครใช้ให้เจ้าทึ่มสี่คนนั้นไปกระจุกรวมตัวอยู่ที่คฤหาสน์แฟนธอมไฮฟ์กันล่ะ   เมื่อเป้าหมายมาอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาอย่างนี้   การเก็บเกี่ยววิญญาณจึงใช้เวลาน้อยลงมาก   จนในที่สุดวิลเลี่ยมก็มีคำสั่งให้เกรลรับผิดชอบด้วยการพาคนพวกนี้กลับไปที่สำนักงานใหญ่   เพื่อขอให้ผู้มีอำนาจวินิจฉัยออกหนังสือคืนสภาพจากวิญญาณสู่ร่างมนุษย์ให้   และปัญหาก็เกิดจากตรงนี้แหละ..



“อะไรนะแม้แต่คนๆ นั้นก็ยังออกไปไล่ตามน้ำตาฟินิกซ์..งั้น..เรอะ!

ชั้นอยากจะบ้า  ..นี่คิดจะทำให้ชั้นลำบากไปถึงไหนกันเนี่ย!


หลังจากที่อาละวาดเสียจนสำนักงานแทบแตก   ตามด้วยการจับเจ้าเด็กฝึกหัดตัวต้นเรื่องมาเขย่าเสียจนหัวสั่นหัวคลอนแล้ว   เกรลก็ได้แต่พาวิญญาณที่ไม่มีความผิดทั้งสี่ออกมาสืบข่าวคราวที่แผนกข่าวกรอง   จนกระทั่งได้รู้ว่าเจ้าของน้ำตาฟินิกซ์ผู้เป็นต้นเหตุของความปั่นป่วนอันเย้ายวนใจในสามโลกนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน   แต่เป็นชิเอล  แฟนธอมไฮฟ์..  เด็กชาวมนุษย์ที่กลายสภาพเป็นปีศาจ   คนเดียวกับที่เซบาสจังสุดที่รักผูกพันจนถึงขนาดดึงดันจะหล่อเลี้ยงดวงวิญญาณเอาไว้นั่นเอง   และข่าวล่ามาแรงนี้ก็ทำให้เจ้าพวกนั้น..  วิญญาณทั้งสี่ดวงซึ่งกลายมาเป็นทั้งภาระและเพื่อนร่วมทางในการออกตามหาเจ้าพนักงานที่ละทิ้งหน้าที่คนนั้นพากันทำตาโตตื่นเต้นกันยกใหญ่



“คิดไว้แล้วเชียว..  ว่าคุณพ่อบ้านคงไม่ใช่มนุษย์

แต่เราไม่เคยรู้มาก่อนว่าท่านเอิร์ลจะพลอยเป็นปีศาจไปด้วยเลย   ..นะ..  รันเหมา” 



“เจ้าชาย..  ถ้าอย่างนั้นเราออกตามหาท่านชิเอลกับคุณเซบาสเตียนกันดีไหมขอรับ

ในเมื่อยังไงเราก็ต้องเข้าไปในโลกของฝั่งโน้นอยู่แล้ว”



“ที่แท้ชิเอลไม่ได้ตายแต่กลับเป็นปีศาจไปหรอกเหรอเนี่ย   แย่ที่สุด..  ตอนนั้นทำให้ข้าร้องไห้เสียแทบแย่!  

ไปกันเลยอัคนี   ข้าอยากจะไปหาชิเอล   อยากถามว่าทำไมถึงต้องหายตัวไปด้วย”



เอาละ..   นั่นคือความรู้สึกที่มีต่อสถานการณ์นี้แบบพอหอมปากหอมคอจากเจ้าพวกนั้น   เกรล  แซตคลิฟถอนหายใจด้วยความเซ็งขณะที่พาวิญญาณคนเป็นทั้งสี่ข้ามผ่านห้วงมิติเพื่อไปสู่อาณาจักรของปีศาจ   สถานที่ซึ่งอันตรายเป็นอย่างยิ่งสำหรับวิญญาณที่ล่องลอยหลงเข้ามาตามลำพังโดยไม่มีผู้ถือสายจูง  



“ทำไมล่ะ”  วิญญาณชายชาวจีนที่มักชอบทำท่าทางเหมือนรู้เรื่องอยู่ตลอดถามโพล่งขึ้นมา   ทว่าเกรลไม่มีใจที่จะเล่นเกมยี่สิบคำถามในตอนนี้



เจ้าพวกนี้  ..คิดว่าพลเมืองของโลกฝั่งนี้เขาบริโภคอะไรเป็นอาหารกันล่ะ  


..ขาหมูอบกับชาเอิร์ลเกรย์หรือไง...



ตราบใดที่แฟชั่นการกินมังสวิรัติยังไม่ได้แพร่ระบาดมาถึงที่แห่งนี้    นั่นก็หมายความวิญญาณพลัดหลงทั้งหลายต้องพึงระวังตัวให้จงหนัก   เพราะปีศาจทุกตนยังคงเห็นวิญญาณเป็นอาหารขบเคี้ยวที่ขาดไม่ได้เหมือนกับขนมปังบนโต๊ะอาหารของพวกมนุษย์นั่นแหละ





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น