8/31/2555

น้ำตาฟินิกซ์ 8


ท่ามกลางสถานการณ์ที่เงียบงัน   ผู้ใหญ่สามคนที่ยืนประจันหน้ากันอยู่ต่างก็จ้องมองกันเองโดยปราศจากคำพูด   ส่งผลให้เด็กชายเพียงคนเดียวที่อยู่กลางวงล้อมต้องพลอยรู้สึกอึดอัดทำอะไรไม่ถูกไปด้วย   ชิเอล  แฟนธอมไฮฟ์ชำเลืองมองมือใหญ่แสนอบอุ่นที่กระชับข้อมือตนไว้แน่นแล้วบีบเบาๆราวกับสัญญาว่าจะปกป้องคุ้มครอง   ก่อนจะช้อนสายตาขึ้นมองสีหน้าเรียบเฉยทว่าฉายแววเอาจริงเอาจังของบิดา    ตามด้วยใบหน้ายิ้มกริ่มที่ดูกระตือรือร้นผิดปกติของสัปเหร่อ   และ..  ท่าทางไม่รู้ร้อนรู้หนาวที่น่าหมั่นไส้ของพ่อบ้านปีศาจ  


..แย่จริง   ดูเหมือนจะไม่มีบทบาทของเขาเลย..  


“งั้นหรือขอรับ..”  มุมปากหยักยกขึ้นเป็นรอยยิ้มร้ายกาจ 

“น่าแปลกจริงๆนะขอรับ   ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าคุณกับนายใหญ่จะรู้จักกันดีถึงเพียงนี้”  ภายใต้รอยยิ้มนั้น  ..กระไอปีศาจรุนแรงได้ถูกเก็บงำไว้มิดชิด   เซบาสเตียนยังคงรักษาความสงบเยือกเย็นและมารยาทอันงดงามของพ่อบ้านเอาไว้อย่างครบครัน


“จะว่าไปตัวคุณสัปเหร่อเองก็มีความดีความชอบไม่น้อยเหมือนกันนะขอรับที่พานายน้อยของผมออกมาอย่างนี้”  

นัยน์ตาสีทับทิมเย็นเยียบชำเลืองมองมือน้อยที่ถูกกุมไว้แน่นแวบหนึ่ง   ก่อนจะเปลี่ยนเป้าสายตากลับมาที่อดีตยมทูตผมสีเงิน   ขณะที่โซเซดูจะไม่ทะสกสะท้านแต่อย่างใด   สัปเหร่อขยับเข้ามาใกล้ร่างอันลางเลือนของวินเซนต์แล้ววางมือลงบนบ่าของเพื่อนเก่า


“รู้จักดีอะไรกัน..  โซเซก็เพียงแค่ได้เห็นพวกเขาสองพี่น้องมาตั้งแต่ครั้งยังเป็นเด็กชายเด็กหญิงตัวน้อยเท่านั้นแหละ  
เรื่องนี้คนรับใช้เก่าแก่ชาวญี่ปุ่นที่บ้านท่านเอิร์ลน่ะรู้ดีที่สุด   ที่จริงน่ะโซเซเข้าออกบ้านหลังนั้นมาตั้งแต่สมัยที่ทานากะยังเป็นเด็กรับใช้ผึกหัดอยู่เลยด้วยซ้ำไป”  ถึงตอนนี้อดีตยมทูตตัวดีหัวเราะเบาๆพลางหันไปมองหนุ่มน้อย


 “ทั้งวินเซนต์และฟรานเซสต่างก็มีเลือดพ่อทั้งคู่   พวกเขาเหมือนกันยังกับแกะ 

..ไม่ได้หมายถึงหน้าตานะ  แต่เหมือนตรงที่ความหัวแข็งไม่ยอมใคร   และมันทำให้โซเซอดคิดถึงพ่อของพวกเขาไม่ได้   ดังนั้นเมื่อเจ้าหนูนี่ขอความช่วยเหลือมาจะให้ทำเฉยก็ดูกระไรอยู่  ..จริงมั้ยคุณพ่อบ้าน”


“ช่างเถอะครับ..  เรื่องนั้นเอาไว้คุยกันทีหลังก็ได้   ผมเองก็มีเรื่องอยากจะถามคุณอยู่พอดี   ว่าแต่ว่า..”   ปีศาจในคราบพ่อบ้านหมุนร่างกลับมายังแฟนธอมไฮฟ์สองพ่อลูก  “การที่นายใหญ่ทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไรขอรับ” 


“ก่อนอื่นผมคงต้องขอให้คุณทำความเข้าใจกับเรื่องทั้งหมดนี่สักเล็กน้อย”  วินเซนต์กระแอมเบาๆ ในลำคอ
“ถึงแม้ตัวผมจะตาย..   แต่ก็ยังพยายามจะติดตามเรื่องราวของชิเอลอยู่ตลอด   เพราะรู้ดีว่าตนเองไม่ได้ตระเตรียมอะไรไว้ให้ลูกเลย   นอกจากเคราะห์กรรมซึ่งแกไม่ได้เป็นผู้ก่อและภาระหนักอึ้งเท่านั้น”   


“ก็อย่างที่คุณรู้..  ผมทราบเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นแล้ว   และก็ยอมรับได้ในระดับหนึ่ง”  อดีตนายใหญ่แห่งแฟนธอมไฮฟ์มุ่งเข้าสู่ประเด็น   ขณะเดียวกันก็ดึงบุตรชายเข้ามาอยู่ข้างกาย 

“ถึงแม้จะไม่เคยต้องการให้ลูกเดินซ้ำรอยเดียวกับที่ตัวผมเป็นมาก่อน  ทว่าก็ต้องยอมรับจริงๆ ว่าที่ผ่านมาชิเอลทำได้ดีมาก  ..และทั้งหมดนั้นก็เป็นเพราะคุณคอยช่วยเหลือ”


“โปรดอย่ากล่าวเช่นนั้นเลยขอรับ”  ปีศาจในคราบพ่อบ้านเอ่ยเสียงเรียบ  พลางค้อมศีรษะลงนิดหนึ่ง 

“นายน้อยเองน่ะเป็นผู้ที่มีความสามารถอยู่แล้ว   ส่วนตัวผมนั้นก็เป็นเพียงดาบและโล่  ..เป็นเพียงหมากตัวหนึ่งที่ท่านใช้งานเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์เท่านั้น”


แน่นอนอยู่แล้ว   ..ยามที่สวมบทบาทเป็นพ่อบ้านก็ย่อมต้องประพฤติตัวสุภาพอ่อนน้อมและถ่อมตน   คงมีแต่คนสติเลอะเลือนเท่านั้นแหละที่จะลืมไปว่าถึงอย่างไรเจ้าหมอนี่ก็เป็นปีศาจ..  เป็นจอมลวงโลกที่กะล่อนปลิ้นปล้อนและไม่เคยมีความจริงใจ   ไม่มีหัวจิตหัวใจ   จะมีก็เพียงศิลปะในการล่อหลอก   ชักนำเหยื่อที่หลงผิดให้ก้าวสู่ความมืดมิดเท่านั้น


“โดยมีวิญญาณลูกชายผมเป็นเครื่องสังเวยสินะ”  อดีตเอิร์ลหนุ่มหลุบสายตาลงเมื่อจบคำ   อึดใจนั้นดูราวกับบนใบหน้ามีเงาดำพาดผ่าน   วินเซนต์เผยสีหน้าแบบขุนนางร้ายในอดีตซึ่งเคยทำให้บรรดาศัตรูกลัวจนอกสั่นขวัญแขวนก่อนจะถูกปลิดชีพให้เห็นเป็นครั้งแรก   ทว่านั่นยังไม่อาจข่มขวัญพ่อบ้านของบุตรชายได้

“ไม่ปฏิเสธขอรับ”  เซบาสเตียนยอมรับพร้อมด้วยรอยยิ้มแสยะแบบปีศาจโดยไม่สะทกสะท้าน


“เรื่องนั้นผมเข้าใจดี   ถึงแม้จะไม่ได้เห็นด้วยแต่ก็เข้าใจ..  แต่สิ่งที่ผมยอมให้เกิดขึ้นไม่ได้คือเรื่องที่ลูกผมต้องกลายเป็นเหยื่อเพราะน้ำตาฟินิกซ์”  คนเป็นพ่อกล่าวอย่างตรงไปตรงมา 

“เหยื่อหรือขอรับ”


“ในเมื่อยังไม่เคยมีใครรู้ว่าสิ่งนั้นเป็นอย่างไรแน่   ผมก็คงไม่ยอมให้ลูกต้องเป็นหนูทดลองในเรื่องนี้
ชิเอลพบกับเรื่องโหดร้ายมามากแล้ว   และเวลานี้ที่ข้างนอกนั่นก็มีแต่คนไล่ล่าเด็กคนนี้อยู่    ในฐานะพ่อ..  ผมคงให้อภัยตนเองไม่ได้ถ้าปล่อยให้ลูกออกไปเผชิญหน้ากับเรื่องอย่างนั้นตามลำพัง”


“ที่จริงก็เคยมีนะ”  น้ำเสียงสูงๆ ต่ำๆ ของอดีตยมทูตผมสีเงินสอดแทรกขึ้นมากลางครัน   และทำให้บรรยากาศที่เริ่มระอุคลายลงเล็กน้อย   ทั้งคุณพ่อและพ่อบ้าน  ต่างก็หันกลับมายังสัปเหร่อซึ่งยืนฉีกยิ้มกว้างอย่างพร้อมเพรียง


“ปรากฏการณ์น้ำตาฟินิกซ์น่ะ  ..ใช่ว่าจะเพิ่งเกิดขึ้นกับท่านเอิร์ลเป็นคนแรกเสียเมื่อไหร่   วินเซนต์ที่เพิ่งจะเข้ามาสู่โลกฝั่งนี้ได้ไม่นานอาจไม่เคยรู้   ซึ่งก็ไม่แปลกอะไร  
แต่คุณพ่อบ้านน่ะลืมไปแล้วหรือ   ว่าเจ้าของน้ำตาฟินิกซ์คนก่อนนั้นเป็นคนที่คุณพ่อบ้านรู้จักดี   และจนบัดนี้เขาคนนั้นก็ยังอยู่รอดปลอดภัยไร้กังวล”


 “เอ่อ..  ขอรับ” เซบาสเตียนจำต้องพยักหน้ารับอย่างช่วยไม่ได้   แต่แล้วปีศาจหนุ่มก็หันกลับไปยังอดีตนายใหญ่แห่งแฟนธอมไฮฟ์โดยไม่คิดจะขยายความต่อ


“แต่นายน้อยยังคงมีผมอยู่เสมอนะขอรับ   ไม่ว่าอย่างไร..”


“คุณเองก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วยไม่ใช่หรือ  ..ในเมื่อคุณเองก็เป็นผู้แสวงหาน้ำตาฟินิกซ์เช่นกัน   ผมคงไม่อาจวางใจให้คุณดูแลแกได้   ยิ่งกว่านั้น..”





..น่าเบื่อ...


ชิเอลไม่อยากจะอยู่ฟังการโต้คารมของคนทั้งสองอีกจึงหมุนกายเดินออกมาทางประตูด้านหลัง   และทันทีที่สัมผัสกับบรรยากาศภายนอกปีศาจหนุ่มน้อยก็รู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก   จากทีแรกที่ตั้งใจจะทำแค่เพียงเดินออกมาสูดอากาศข้างนอก   ชิเอลกลับพบว่าตนเองรู้สึกไม่สบายเนื้อตัวเอาเสียเลย   ทั้งๆ ที่ไม่เคยสังเกตมาก่อน   ทว่าบรรยากาศบางเบาที่ปกคลุมด้วยละอองหมอกสีขาวตลอดเวลานี่ทำให้เขารู้สึกร่างกายหนักอึ้งขึ้นมาอย่างแปลกประหลาด   ทว่าเวลานี้เขาไม่อยากจะกลับเข้าไปข้างในบ้านและฟังการโต้เถียงระหว่างบิดากับพ่อบ้านปีศาจอีก   ที่สำคัญ..  ตัวเขาไม่ใช่สิ่งของที่ใครอยากจะให้ไปอยู่ที่ไหนก็ได้   และถ้าหากคนพวกนั้นไม่คิดจะถามความเห็นเขาสักคำล่ะก็..  ขอโทษทีเถอะ

หนุ่มน้อยเดินออกมาตามทางเดินโรยกรวดซึ่งมุ่งหน้าไปยังถนนใหญ่โดยปราศจากการรู้เห็นของบุคคลทั้งสามภายในบ้าน   แต่ช่างเถอะ..  เขาไม่ได้คิดจะไปไหนไกลนักหรอก   หลังจากที่ได้รู้เรื่องราวความเป็นมาของน้ำตาฟินิกซ์แล้วชิเอลก็ไม่ได้คิดจะหนีอีก   เหตุผลข้อหนึ่งคือเซบาสเตียนเองก็แสดงให้เห็นแล้วว่าการหนีเป็นเรื่องไร้ประโยชน์เพียงใด   ไม่ว่ายังไงหมอนั่นก็จะตามหาเขาจนเจอ   ดังนั้นคงถึงเวลาที่เขาจะต้องลุกขึ้นแล้วเผชิญหน้ากับความเป็นจริงเสียที   แต่ยังมีอยู่เรื่องหนึ่งที่เขาอยากรู้   ..เรื่องของเจ้าของน้ำตาฟินิกซ์คนก่อนหน้าตน   ที่เจ้าหมอนั่นจงใจเบี่ยงประเด็นจนดูเหมือนไม่อยากจะเอ่ยถึง

ทว่าแม้แต่ความคิดที่ต้องการจะเดินเล่นก็ยังถูกขัดจังหวะ   เมื่อจู่ๆ ชิเอลก็แว่วเสียงกระดิ่งดังมาจากที่ไกลๆ   เขาแทบไม่อาจจับทิศทางของเสียงได้เลยท่ามกลางทัศนวิสัยที่บดบังการมองเห็นเช่นนี้   หากก็แน่ใจว่ามันกำลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ  ..อย่างรวดเร็ว..   และถ้าหากชิเอลไม่รู้ดีกว่านี้ล่ะก็   เขาคงอดคิดไม่ได้ว่ามีใครสักคนกำลังฉลองเทศกาลคริสต์มาสอยู่   ..ในดินแดนแห่งความตาย   ช่างเป็นแนวคิดที่บรรเจิดเสียไม่มีละ


“อ้าว..  ปีศาจตัวน้อยน่ารักอย่างนี้มาทำอะไรที่นี่คนเดียวล่ะ  หือม์~


หนุ่มน้อยกำลังจะหันหลังเดินกลับเข้าไปในบ้านใครบางคนก็ร้องทักขึ้นเสียก่อน   และเมื่อหันกลับไปมองชิเอลก็ตกใจแทบล้มทั้งยืน..  นั่นมันก็แค่คำเปรียบเทียบน่ะนะ..   อันที่จริงเขาล้มก้นกระแทกพื้นไปแล้วต่างหาก   เมื่อจู่ๆเลื่อนลอยได้คันหนึ่งก็พุ่งเข้ามาตรงที่ๆ ยืนอยู่   ตัวเลื่อนแบบหรูหราอลังการทำจากไม้ซึ่งทาสีแดงสดใสนั้นช่างดูขัดตานักเมื่ออยู่ในบรรยากาศทึมๆ เช่นนี้   ทว่าก็ยังไม่มากเท่ากับกวางเรนเดียร์ขนาดพ่วงพีทั้งหกตัวซึ่งแต่งองค์ทรงเครื่องอย่างสวยงามหรอก   ทุกตัวมีไฟกระพริบระยิบระยับพันอยู่บนเขาทั้งสองข้าง   สวมเสื้อกันหนาวลายสก็อตใหม่เอี่ยมสีแดงและเขียวสดใสตัดกันกับขนสีน้ำตาลแดงเหมือนๆ กันหมด   พร้อมด้วยปลอกคอหนังสีดำขัดมันซึ่งมีกระดิ่งอันใหญ่ห้อยติดอยู่ 


“นะ..นี่..  มัน”


..นี่มันเรื่องบ้าบออะไรกัน..


นาทีนั้นปีศาจหนุ่มน้อยแทบไม่อยากเชื่อสายตาตนเองเมื่อได้เห็นผู้ที่บังคับเลื่อน    คนๆ นี้มาปรากฏตัวในสถานที่เช่นนี้ได้อย่างไรกัน   ทั้งที่เขาควรจะออกลาดตระเวนแจกขนมกับของขวัญให้พวกเด็กๆ ในโลกของมนุษย์มากกว่ามิใช่หรือ   นอกจากนี้ความจริงที่ว่าช่วงนี้ไม่ใช่เทศกาลคริสต์มาสแล้ว..  ไม่ว่าจะมองยังไงนี่มันก็ผิดกาลเทศะชัดๆ


“ซานตาคลอส   มาทำอะไรที่นี่”


ที่จริงคนผู้นี้ก็ดูไม่ค่อยเหมือนชายแก่ใจดีที่อ้วนลงพุงคนนั้นนักหรอก   จริงอยู่ว่าเขาสวมเสื้อผ้าและหมวกสีแดงสดใสอันเป็นสัญลักษณ์ของซานตาคลอสจริงๆ แถมยังมีถุงของขวัญบรรจุอยู่เต็มคันเลื่อนเสียด้วย   แต่บุรุษหนุ่มผู้นี้มีเรือนผมสีบลอนด์ทองยาวสลวยถึงสะโพกที่ส่องประกายระยิบระยับพร้อมด้วยรูปร่างสูงเพรียวสมส่วน   ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็เป็นรูปลักษณ์ที่ดูขัดแย้งกันเองอย่างแรง   นั่นยังไม่นับรวมจมูกตัวตลกสีแดงที่บดบังใบหน้าไปเกือบครึ่งกับแว่นตาทรงกลมหนาเตอะอย่างกับก้นขวดอีกด้วยนะ 


“เรียกเสียเต็มยศเชียวนะ”  ผู้มาใหม่กระชับหมวกติดพู่ขนนกทรงแหลมบนศีรษะตนเองให้แน่นแล้วเหวี่ยงขาข้ามเบาะนั่งลงมายืนบนพื้นอย่างคล่องแคล่ว 


“เจ้าเป็นคนโชคดีรู้มั้ย    ไม่ใช่ว่าใครอยากจะเจอข้าก็เจอได้ง่ายๆ นะ 
บอกมาสิ..  อยากได้ของขวัญอะไรล่ะ   ข้าจะให้หนึ่งอย่าง”  น้ำเสียงอันไพเราะเพราะพริ้งราวกับเสียงดนตรีสะกดหนุ่มน้อยให้ตะลึงงันพร้อมด้วยความไม่เข้าใจ  


..แปลกจริง   เหตุใดลักษณะอันเข้ากันไม่ได้ทั้งหลายจึงมารวมอยู่ในตัวชายคนนี้หมดนะ..


“ไม่อยากได้หรอก”


“เอาไว้ถ้านึกออกก็บอกแล้วกัน   จริงสิ..  เรียกข้าสั้นๆ ว่าซานต้าก็พอแล้วล่ะ   และเมื่อครู่ต้องขอโทษด้วยที่ทำให้เจ้าล้มไม่เป็นท่าอย่างนั้น”   มือซึ่งสวมถุงมือสีแดงสดติดระบายขนนกสีขาวที่ข้อมือพลันยื่นเข้ามาตรงหน้า   และมันทำให้ชิเอลได้สติและนึกขึ้นได้ว่าตนเองกำลังนั่งแปะอยู่บนพื้น  


“อะไรกัน..  จะยังไม่ยอมยกโทษให้ข้าจริงๆ น่ะหรือ   ข้าขอโทษไปแล้วนะ

หรือจะให้ขอโทษอีกกี่ครั้งก็ได้”  ซานต้าหลงฤดูทำหน้าราวกับเสียใจเสียเต็มประดาเมื่อเห็นปีศาจตัวน้อยยังไม่ขยับเคลื่อนไหว   แต่กระนั้นมือที่ยื่นให้จับก็ยังค้างอยู่ในท่าเดิม


“ป.. เปล่าสักหน่อย” 

ชิเอลจำต้องรับไมตรีที่ยื่นมาให้อย่างเสียไม่ได้เมื่อสังเกตเห็นว่าอีกฝ่ายเริ่มมีหยาดน้ำตาเอ่อคลอเสียแล้ว   หนุ่มน้อยถึงกับเกาหัวแกรกๆอย่างทำอะไรไม่ถูกแล้วทำหน้าเบ้   ก็ร่างสูงสง่าผ่าเผยในชุดซานตาคลอสที่กำลังออกอาการสะอื้นน้อยๆมันน่ามองเสียเมื่อไหร่กันล่ะ   แล้วยังท่าปาดน้ำตาอย่างโศกาอาดูรยังกับพวกผู้หญิงนั่นอีก


..ให้ตายสิ..  

เจอพวกไม่รู้จักโตอีกแล้วหรือนี่..


และความคิดนั้นก็ทำให้หนุ่มน้อยหวนนึกถึงเพื่อนเก่าชาวอินเดียขึ้นมา  ก่อนจะรีบสลัดมันทิ้งไปอย่างรวดเร็ว   ชิเอลปัดมือใหญ่ซึ่งกำลังพยุงต้นแขนตนให้ยืนออก   ก่อนจะต้องสะดุ้งเฮือก   เมื่อพบว่าร่างในชุดสีแดงลงมานั่งพับเพียบเรียบร้อยอยู่ที่พื้นข้างตัวตั้งแต่เมื่อไหร่กัน


“ฉันจำไม่ได้ว่าอนุญาตให้นายเข้ามาใกล้ขนาดนี้นะ”  

ที่จริงน้ำเสียงเย็นชาของปีศาจตัวน้อยควรจะทำให้ซานต้าจอมคร่ำครวญผู้นี้ตกใจกลัวหรือไม่ก็เข็ดขยาดอยู่บ้าง   ทว่าดูเหมือนจะเป็นคนที่ความรู้สึกช้าเอาการ   แต่อย่างน้อยหมอนี่ก็ไม่ได้บีบน้ำตาอีกแล้วล่ะนะ


“ข้าทำให้เสื้อของเจ้าขาดหมดเลย   แล้วที่ข้อศอกเจ้าก็มีบาดแผลด้วย 
 
มานี่สิ..  ข้ามียาใส่แผลอย่างดีมาด้วยนะ   จะทำแผลให้เจ้าเป็นการขอโทษก็แล้วกัน   นี่มันคงจะเจ็บมากแน่ๆเลย”  


“ไม่ใช่สักหน่อย   นี่น่ะ..”  ยังไม่ทันพูดจบหนุ่มน้อยก็ถูกรวบตัวลอยขึ้นจากพื้น   ดูเหมือนว่าซานต้าผู้หวังดีเกินกว่าเหตุจะเกิดความคิดไม่เข้าท่าอีกแล้ว


เฮ้ย!


“ที่หัวเข่าเจ้าก็มีแผลถลอกด้วยนี่   แบบนี้ถ้าไม่ใส่ยาจะไม่หายเอานะรู้มั้ย   ถึงจะเป็นปีศาจแต่ก็ยังเด็กมาก   ถ้าไม่ดูแลตัวเองให้ดีล่ะก็...”





..........................................................


บุรุษทั้งสามยังคงถกเถียงกันอยู่ในหัวข้อเดิมที่ว่าด้วย  ชิเอล  แฟนธอมไฮฟ์  อยู่กับใครจึงจะดีที่สุด


“ถึงยังไงนายน้อยก็อยู่กับคุณไม่ได้หรอกขอรับ   เพราะความที่ยังเป็นปีศาจอ่อนหัด  จึงไม่สามารถอดทนกับสภาพอากาศในดินแดนของคนตายได้นานนัก

การรั้งตัวเด็กคนนั้นเอาไว้ที่นี่รังแต่จะทำให้เกิดผลร้ายมากกว่าผลดี”


“แต่ผมก็ไม่อาจวางใจให้ลูกไปกับคุณ”  แม้จะรู้สึกไม่สบอารมณ์อยู่บ้าง  ทว่าวินเซนต์ก็ยังคงรักษากิริยาได้อย่างน่าชื่นชม   ขณะที่พ่อบ้านหนุ่มถอนหายใจพร้อมด้วยความอดทนที่กำลังจะหมดไป  


..ก่อนจะเข้าถึงตัวลูก   คงต้องปรับความเข้าใจกับพ่อเสียก่อนสินะ..


“ขอเรียนนายใหญ่ตามตรง   ว่าที่จริงแล้วผมไม่ได้ตามติดนายน้อยเพราะหวังจะ..” 


คำว่า  ครอบครอง’  ยังติดอยู่ที่ปลายลิ้น..   จู่ๆปีศาจในคราบพ่อบ้านก็หยุดชะงักไป   เมื่อขุมพลังดำมืดในตัวส่งเสียงครางกระหึ่มอย่างยินดีปรีดาตอบรับบางสิ่งบางอย่าง  


วินาทีนั้นนัยน์ตาสีเลือดเบิกค้าง   เซบาสเตียนดูเหมือนจะลืมตัวไปชั่วขณะหนึ่ง..
 
นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ได้รู้สึกเช่นนี้..  ร่างสูงเพรียวในทักสิโดชายยาวถึงกับสั่นเทิ้มอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้   พร้อมกับที่ได้ตระหนักถึงปีศาจร้ายในตัวซึ่งกำลังสยายปีกแล้วหัวเราะร่าหวังจะสำแดงพลังออกมา   ในปากเต็มไปด้วยน้ำลายเหนียวข้น   ด้วยกระหายเหลือเกินที่จะได้ฉีกกระชากทำลายทุกอย่างให้พินาศย่อยยับ   เซบาสเตียนรับรู้ได้ถึงรูม่านตาดำของตนซึ่งขยายใหญ่ขึ้นพร้อมด้วยความกระหายเลือดที่ทวีคูณอย่างรวดเร็ว   และความรู้สึกราวกับปีศาจกำเนิดใหม่ที่ควบคุมสัญชาติญาณตัวเองไม่ได้ยามคืนสู่ร่างที่แท้จริงนี้ก็มีสาเหตุมาจากสิ่งเดียวเท่านั้น   ทันทีที่ตั้งสติได้สัญชาติญาณระวังภัยในตัวเขาก็กรีดร้องลั่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน..


..นายน้อย...  


เซบาสเตียนผลุนผลันออกไปจากบ้านโดยไม่ทิ้งคำอธิบายอะไรเอาไว้ให้อีกสองคนที่เหลือ   เมื่อเวลานี้ในใจห่วงพะวงแต่เจ้านายที่แสนสำคัญเท่านั้นพร้อมด้วยคำเพียงคำเดียวที่ดังก้องอยู่ในโสตประสาท  ..อันตราย  อันตราย  อันตราย..


..นายน้อย   อยู่ข้างนอกนั่นงั้นหรือ..  





“ไม่ต้องมายุ่ง!   ปล่อยนะ!ไม่ว่าชิเอลจะดิ้นรนสักเพียงใดก็ไม่อาจหลุดรอดไปจากวงแขนฝ่ายตรงข้ามได้


“ยังไงก็ไปที่บ้านข้าก่อนเถอะ   เจ้าดูอ่อนแรงมากเลยนะรู้มั้ย”  ดูเหมือนว่าซานต้าจอมเจ้ากี้เจ้าการผู้นี้จะหลุดเข้าไปอยู่ในโลกส่วนตัวเสียแล้วจึงไม่ได้สนใจจะฟังคนอื่นพูดบ้างเลย   บุรุษในชุดแดงจัดแจงรวบร่างน้อยขึ้นพาดบ่าเหมือนเป็นของขวัญถุงใหญ่อีกถุงหนึ่งแล้วเตรียมจะกลับไปยังเลื่อนซึ่งจอดรออยู่โดยไม่สนใจกับอาการดิ้นรนขัดขืนเลยแม้แต่น้อย  



“นายน้อย!


พริบตานั้นเงาดำอีกสายหนึ่งก็พุ่งปราดเข้ามา   ก่อนจะต้องผงะเมื่อได้เห็นผู้ที่แบกเจ้านายตัวน้อยไว้บนบ่าอย่างถนัดชัดเจน 


..ใช่จริงๆ   เป็นอย่างที่คิด..

คนๆ นี้..



“เซบาสเตียน!


พ่อบ้านของเขาเป็นอะไรไป..  ไม่ใช่ว่าเขาเพิ่งเคยถูกลักพาตัวเป็นครั้งแรกเสียหน่อย   ทว่าชิเอลก็ไม่เคยเห็นเซบาสเตียน  มิคาเอลลิสมีสีหน้าอย่างนี้มาก่อนเลย   เจ้าปีศาจนั่นกำลังทำหน้าเหมือนเห็นผี   แถมยังตื่นตระหนกเสียจนใบหน้าขาวซีด  ไม่รู้ว่ากิริยาซึ่งเคยเยือกเย็นอยู่เป็นนิจหายไปไหนหมด   และถ้าสายตาเขามองไม่พลาดล่ะก็..  มือซึ่งสวมถุงมือขาวสะอาดนั่นกำลังสั่นระริก   หมอนี่กำลังกลัวจนตัวสั่น..  เป็นไปได้หรือ..


..เกิดจะกลัวอะไรขึ้นมาอีกล่ะ  ..เจ้าบ้านี่


เมื่อเห็นว่าพ่อบ้านของตนมีท่าทางแปลกไปชิเอลก็พยายามจะเอาตัวรอดด้วยตนเอง    ในท่าซึ่งถูกจับพาดบ่า..  ปีศาจหนุ่มน้อยสะบัดขาอย่างแรงพร้อมทั้งรัวกำปั้นไม่ยั้งเพื่อจะให้ตนเองเป็นอิสระ   จนกระทั่งเท้าข้างหนึ่งฟาดถูกแว่นตาหนาเตอะกับจมูกตัวตลกหลุดกระเด็นจากใบหน้าอีกฝ่าย  

ราวกับเวลาหยุดเดิน..   ในวินาทีที่ความจริงอันเหลือเชื่อซึ่งซ่อนอยู่เบื้องหลังของเล่นหลอกเด็กพวกนั้นประจักษ์แก่สายตา   ชิเอลตะลึงมองใบหน้ารูปไข่กับผิวพรรณขาวละเอียด   รวมทั้งนัยน์ตาสีโลหิตทรงอำนาจซึ่งเปล่งประกายเรืองรอง 


..ที่สะกดได้แม้กระทั่งลมหายใจ..               






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น