ท่ามกลางสถานการณ์ที่เงียบงัน ผู้ใหญ่สามคนที่ยืนประจันหน้ากันอยู่ต่างก็จ้องมองกันเองโดยปราศจากคำพูด ส่งผลให้เด็กชายเพียงคนเดียวที่อยู่กลางวงล้อมต้องพลอยรู้สึกอึดอัดทำอะไรไม่ถูกไปด้วย ชิเอล
แฟนธอมไฮฟ์ชำเลืองมองมือใหญ่แสนอบอุ่นที่กระชับข้อมือตนไว้แน่นแล้วบีบเบาๆราวกับสัญญาว่าจะปกป้องคุ้มครอง
ก่อนจะช้อนสายตาขึ้นมองสีหน้าเรียบเฉยทว่าฉายแววเอาจริงเอาจังของบิดา ตามด้วยใบหน้ายิ้มกริ่มที่ดูกระตือรือร้นผิดปกติของสัปเหร่อ และ..
ท่าทางไม่รู้ร้อนรู้หนาวที่น่าหมั่นไส้ของพ่อบ้านปีศาจ
..แย่จริง ดูเหมือนจะไม่มีบทบาทของเขาเลย..
“งั้นหรือขอรับ..” มุมปากหยักยกขึ้นเป็นรอยยิ้มร้ายกาจ
“น่าแปลกจริงๆนะขอรับ ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าคุณกับนายใหญ่จะรู้จักกันดีถึงเพียงนี้” ภายใต้รอยยิ้มนั้น ..กระไอปีศาจรุนแรงได้ถูกเก็บงำไว้มิดชิด เซบาสเตียนยังคงรักษาความสงบเยือกเย็นและมารยาทอันงดงามของพ่อบ้านเอาไว้อย่างครบครัน
“จะว่าไปตัวคุณสัปเหร่อเองก็มีความดีความชอบไม่น้อยเหมือนกันนะขอรับที่พานายน้อยของผมออกมาอย่างนี้”
นัยน์ตาสีทับทิมเย็นเยียบชำเลืองมองมือน้อยที่ถูกกุมไว้แน่นแวบหนึ่ง ก่อนจะเปลี่ยนเป้าสายตากลับมาที่อดีตยมทูตผมสีเงิน
ขณะที่โซเซดูจะไม่ทะสกสะท้านแต่อย่างใด
สัปเหร่อขยับเข้ามาใกล้ร่างอันลางเลือนของวินเซนต์แล้ววางมือลงบนบ่าของเพื่อนเก่า
“รู้จักดีอะไรกัน.. โซเซก็เพียงแค่ได้เห็นพวกเขาสองพี่น้องมาตั้งแต่ครั้งยังเป็นเด็กชายเด็กหญิงตัวน้อยเท่านั้นแหละ
เรื่องนี้คนรับใช้เก่าแก่ชาวญี่ปุ่นที่บ้านท่านเอิร์ลน่ะรู้ดีที่สุด ที่จริงน่ะโซเซเข้าออกบ้านหลังนั้นมาตั้งแต่สมัยที่ทานากะยังเป็นเด็กรับใช้ผึกหัดอยู่เลยด้วยซ้ำไป” ถึงตอนนี้อดีตยมทูตตัวดีหัวเราะเบาๆพลางหันไปมองหนุ่มน้อย
“ทั้งวินเซนต์และฟรานเซสต่างก็มีเลือดพ่อทั้งคู่ พวกเขาเหมือนกันยังกับแกะ
..ไม่ได้หมายถึงหน้าตานะ แต่เหมือนตรงที่ความหัวแข็งไม่ยอมใคร
และมันทำให้โซเซอดคิดถึงพ่อของพวกเขาไม่ได้ ดังนั้นเมื่อเจ้าหนูนี่ขอความช่วยเหลือมาจะให้ทำเฉยก็ดูกระไรอยู่ ..จริงมั้ยคุณพ่อบ้าน”
“ช่างเถอะครับ.. เรื่องนั้นเอาไว้คุยกันทีหลังก็ได้ ผมเองก็มีเรื่องอยากจะถามคุณอยู่พอดี ว่าแต่ว่า..” ปีศาจในคราบพ่อบ้านหมุนร่างกลับมายังแฟนธอมไฮฟ์สองพ่อลูก
“การที่นายใหญ่ทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไรขอรับ”
“ก่อนอื่นผมคงต้องขอให้คุณทำความเข้าใจกับเรื่องทั้งหมดนี่สักเล็กน้อย” วินเซนต์กระแอมเบาๆ ในลำคอ
“ถึงแม้ตัวผมจะตาย..
แต่ก็ยังพยายามจะติดตามเรื่องราวของชิเอลอยู่ตลอด
เพราะรู้ดีว่าตนเองไม่ได้ตระเตรียมอะไรไว้ให้ลูกเลย นอกจากเคราะห์กรรมซึ่งแกไม่ได้เป็นผู้ก่อและภาระหนักอึ้งเท่านั้น”
“ก็อย่างที่คุณรู้.. ผมทราบเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นแล้ว และก็ยอมรับได้ในระดับหนึ่ง” อดีตนายใหญ่แห่งแฟนธอมไฮฟ์มุ่งเข้าสู่ประเด็น ขณะเดียวกันก็ดึงบุตรชายเข้ามาอยู่ข้างกาย
“ถึงแม้จะไม่เคยต้องการให้ลูกเดินซ้ำรอยเดียวกับที่ตัวผมเป็นมาก่อน ทว่าก็ต้องยอมรับจริงๆ ว่าที่ผ่านมาชิเอลทำได้ดีมาก ..และทั้งหมดนั้นก็เป็นเพราะคุณคอยช่วยเหลือ”
“โปรดอย่ากล่าวเช่นนั้นเลยขอรับ” ปีศาจในคราบพ่อบ้านเอ่ยเสียงเรียบ พลางค้อมศีรษะลงนิดหนึ่ง
“นายน้อยเองน่ะเป็นผู้ที่มีความสามารถอยู่แล้ว
ส่วนตัวผมนั้นก็เป็นเพียงดาบและโล่ ..เป็นเพียงหมากตัวหนึ่งที่ท่านใช้งานเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์เท่านั้น”
แน่นอนอยู่แล้ว
..ยามที่สวมบทบาทเป็นพ่อบ้านก็ย่อมต้องประพฤติตัวสุภาพอ่อนน้อมและถ่อมตน คงมีแต่คนสติเลอะเลือนเท่านั้นแหละที่จะลืมไปว่าถึงอย่างไรเจ้าหมอนี่ก็เป็นปีศาจ.. เป็นจอมลวงโลกที่กะล่อนปลิ้นปล้อนและไม่เคยมีความจริงใจ ไม่มีหัวจิตหัวใจ
จะมีก็เพียงศิลปะในการล่อหลอก ชักนำเหยื่อที่หลงผิดให้ก้าวสู่ความมืดมิดเท่านั้น
“โดยมีวิญญาณลูกชายผมเป็นเครื่องสังเวยสินะ” อดีตเอิร์ลหนุ่มหลุบสายตาลงเมื่อจบคำ อึดใจนั้นดูราวกับบนใบหน้ามีเงาดำพาดผ่าน วินเซนต์เผยสีหน้าแบบขุนนางร้ายในอดีตซึ่งเคยทำให้บรรดาศัตรูกลัวจนอกสั่นขวัญแขวนก่อนจะถูกปลิดชีพให้เห็นเป็นครั้งแรก ทว่านั่นยังไม่อาจข่มขวัญพ่อบ้านของบุตรชายได้
“ไม่ปฏิเสธขอรับ” เซบาสเตียนยอมรับพร้อมด้วยรอยยิ้มแสยะแบบปีศาจโดยไม่สะทกสะท้าน
“เรื่องนั้นผมเข้าใจดี ถึงแม้จะไม่ได้เห็นด้วยแต่ก็เข้าใจ.. แต่สิ่งที่ผมยอมให้เกิดขึ้นไม่ได้คือเรื่องที่ลูกผมต้องกลายเป็นเหยื่อเพราะน้ำตาฟินิกซ์” คนเป็นพ่อกล่าวอย่างตรงไปตรงมา
“เหยื่อหรือขอรับ”
“ในเมื่อยังไม่เคยมีใครรู้ว่าสิ่งนั้นเป็นอย่างไรแน่ ผมก็คงไม่ยอมให้ลูกต้องเป็นหนูทดลองในเรื่องนี้
ชิเอลพบกับเรื่องโหดร้ายมามากแล้ว และเวลานี้ที่ข้างนอกนั่นก็มีแต่คนไล่ล่าเด็กคนนี้อยู่ ในฐานะพ่อ..
ผมคงให้อภัยตนเองไม่ได้ถ้าปล่อยให้ลูกออกไปเผชิญหน้ากับเรื่องอย่างนั้นตามลำพัง”
“ที่จริงก็เคยมีนะ”
น้ำเสียงสูงๆ
ต่ำๆ ของอดีตยมทูตผมสีเงินสอดแทรกขึ้นมากลางครัน
และทำให้บรรยากาศที่เริ่มระอุคลายลงเล็กน้อย ทั้ง ‘คุณพ่อ’ และ
‘พ่อบ้าน’
ต่างก็หันกลับมายังสัปเหร่อซึ่งยืนฉีกยิ้มกว้างอย่างพร้อมเพรียง
“ปรากฏการณ์น้ำตาฟินิกซ์น่ะ ..ใช่ว่าจะเพิ่งเกิดขึ้นกับท่านเอิร์ลเป็นคนแรกเสียเมื่อไหร่ วินเซนต์ที่เพิ่งจะเข้ามาสู่โลกฝั่งนี้ได้ไม่นานอาจไม่เคยรู้ ซึ่งก็ไม่แปลกอะไร
แต่คุณพ่อบ้านน่ะลืมไปแล้วหรือ ว่าเจ้าของน้ำตาฟินิกซ์คนก่อนนั้นเป็นคนที่คุณพ่อบ้านรู้จักดี และจนบัดนี้เขาคนนั้นก็ยังอยู่รอดปลอดภัยไร้กังวล”
“เอ่อ..
ขอรับ” เซบาสเตียนจำต้องพยักหน้ารับอย่างช่วยไม่ได้ แต่แล้วปีศาจหนุ่มก็หันกลับไปยังอดีตนายใหญ่แห่งแฟนธอมไฮฟ์โดยไม่คิดจะขยายความต่อ
“แต่นายน้อยยังคงมีผมอยู่เสมอนะขอรับ ไม่ว่าอย่างไร..”
“คุณเองก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วยไม่ใช่หรือ ..ในเมื่อคุณเองก็เป็นผู้แสวงหาน้ำตาฟินิกซ์เช่นกัน ผมคงไม่อาจวางใจให้คุณดูแลแกได้ ยิ่งกว่านั้น..”
..น่าเบื่อ...
ชิเอลไม่อยากจะอยู่ฟังการโต้คารมของคนทั้งสองอีกจึงหมุนกายเดินออกมาทางประตูด้านหลัง และทันทีที่สัมผัสกับบรรยากาศภายนอกปีศาจหนุ่มน้อยก็รู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก จากทีแรกที่ตั้งใจจะทำแค่เพียงเดินออกมาสูดอากาศข้างนอก
ชิเอลกลับพบว่าตนเองรู้สึกไม่สบายเนื้อตัวเอาเสียเลย ทั้งๆ ที่ไม่เคยสังเกตมาก่อน ทว่าบรรยากาศบางเบาที่ปกคลุมด้วยละอองหมอกสีขาวตลอดเวลานี่ทำให้เขารู้สึกร่างกายหนักอึ้งขึ้นมาอย่างแปลกประหลาด
ทว่าเวลานี้เขาไม่อยากจะกลับเข้าไปข้างในบ้านและฟังการโต้เถียงระหว่างบิดากับพ่อบ้านปีศาจอีก ที่สำคัญ..
ตัวเขาไม่ใช่สิ่งของที่ใครอยากจะให้ไปอยู่ที่ไหนก็ได้
และถ้าหากคนพวกนั้นไม่คิดจะถามความเห็นเขาสักคำล่ะก็.. ขอโทษทีเถอะ
หนุ่มน้อยเดินออกมาตามทางเดินโรยกรวดซึ่งมุ่งหน้าไปยังถนนใหญ่โดยปราศจากการรู้เห็นของบุคคลทั้งสามภายในบ้าน แต่ช่างเถอะ.. เขาไม่ได้คิดจะไปไหนไกลนักหรอก หลังจากที่ได้รู้เรื่องราวความเป็นมาของน้ำตาฟินิกซ์แล้วชิเอลก็ไม่ได้คิดจะหนีอีก
เหตุผลข้อหนึ่งคือเซบาสเตียนเองก็แสดงให้เห็นแล้วว่าการหนีเป็นเรื่องไร้ประโยชน์เพียงใด ไม่ว่ายังไงหมอนั่นก็จะตามหาเขาจนเจอ ดังนั้นคงถึงเวลาที่เขาจะต้องลุกขึ้นแล้วเผชิญหน้ากับความเป็นจริงเสียที แต่ยังมีอยู่เรื่องหนึ่งที่เขาอยากรู้
..เรื่องของเจ้าของน้ำตาฟินิกซ์คนก่อนหน้าตน
ที่เจ้าหมอนั่นจงใจเบี่ยงประเด็นจนดูเหมือนไม่อยากจะเอ่ยถึง
ทว่าแม้แต่ความคิดที่ต้องการจะเดินเล่นก็ยังถูกขัดจังหวะ เมื่อจู่ๆ ชิเอลก็แว่วเสียงกระดิ่งดังมาจากที่ไกลๆ เขาแทบไม่อาจจับทิศทางของเสียงได้เลยท่ามกลางทัศนวิสัยที่บดบังการมองเห็นเช่นนี้
หากก็แน่ใจว่ามันกำลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ..อย่างรวดเร็ว.. และถ้าหากชิเอลไม่รู้ดีกว่านี้ล่ะก็ เขาคงอดคิดไม่ได้ว่ามีใครสักคนกำลังฉลองเทศกาลคริสต์มาสอยู่ ..ในดินแดนแห่งความตาย ช่างเป็นแนวคิดที่บรรเจิดเสียไม่มีละ
“อ้าว.. ปีศาจตัวน้อยน่ารักอย่างนี้มาทำอะไรที่นี่คนเดียวล่ะ หือม์~”
หนุ่มน้อยกำลังจะหันหลังเดินกลับเข้าไปในบ้านใครบางคนก็ร้องทักขึ้นเสียก่อน และเมื่อหันกลับไปมองชิเอลก็ตกใจแทบล้มทั้งยืน.. นั่นมันก็แค่คำเปรียบเทียบน่ะนะ.. อันที่จริงเขาล้มก้นกระแทกพื้นไปแล้วต่างหาก เมื่อจู่ๆเลื่อนลอยได้คันหนึ่งก็พุ่งเข้ามาตรงที่ๆ
ยืนอยู่ ตัวเลื่อนแบบหรูหราอลังการทำจากไม้ซึ่งทาสีแดงสดใสนั้นช่างดูขัดตานักเมื่ออยู่ในบรรยากาศทึมๆ
เช่นนี้
ทว่าก็ยังไม่มากเท่ากับกวางเรนเดียร์ขนาดพ่วงพีทั้งหกตัวซึ่งแต่งองค์ทรงเครื่องอย่างสวยงามหรอก ทุกตัวมีไฟกระพริบระยิบระยับพันอยู่บนเขาทั้งสองข้าง สวมเสื้อกันหนาวลายสก็อตใหม่เอี่ยมสีแดงและเขียวสดใสตัดกันกับขนสีน้ำตาลแดงเหมือนๆ
กันหมด พร้อมด้วยปลอกคอหนังสีดำขัดมันซึ่งมีกระดิ่งอันใหญ่ห้อยติดอยู่
“นะ..นี่.. มัน”
..นี่มันเรื่องบ้าบออะไรกัน..
นาทีนั้นปีศาจหนุ่มน้อยแทบไม่อยากเชื่อสายตาตนเองเมื่อได้เห็นผู้ที่บังคับเลื่อน คนๆ นี้มาปรากฏตัวในสถานที่เช่นนี้ได้อย่างไรกัน ทั้งที่เขาควรจะออกลาดตระเวนแจกขนมกับของขวัญให้พวกเด็กๆ
ในโลกของมนุษย์มากกว่ามิใช่หรือ
นอกจากนี้ความจริงที่ว่าช่วงนี้ไม่ใช่เทศกาลคริสต์มาสแล้ว.. ไม่ว่าจะมองยังไงนี่มันก็ผิดกาลเทศะชัดๆ
“ซานตาคลอส มาทำอะไรที่นี่”
ที่จริงคนผู้นี้ก็ดูไม่ค่อยเหมือนชายแก่ใจดีที่อ้วนลงพุงคนนั้นนักหรอก จริงอยู่ว่าเขาสวมเสื้อผ้าและหมวกสีแดงสดใสอันเป็นสัญลักษณ์ของซานตาคลอสจริงๆ
แถมยังมีถุงของขวัญบรรจุอยู่เต็มคันเลื่อนเสียด้วย
แต่บุรุษหนุ่มผู้นี้มีเรือนผมสีบลอนด์ทองยาวสลวยถึงสะโพกที่ส่องประกายระยิบระยับพร้อมด้วยรูปร่างสูงเพรียวสมส่วน ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็เป็นรูปลักษณ์ที่ดูขัดแย้งกันเองอย่างแรง
นั่นยังไม่นับรวมจมูกตัวตลกสีแดงที่บดบังใบหน้าไปเกือบครึ่งกับแว่นตาทรงกลมหนาเตอะอย่างกับก้นขวดอีกด้วยนะ
“เรียกเสียเต็มยศเชียวนะ” ผู้มาใหม่กระชับหมวกติดพู่ขนนกทรงแหลมบนศีรษะตนเองให้แน่นแล้วเหวี่ยงขาข้ามเบาะนั่งลงมายืนบนพื้นอย่างคล่องแคล่ว
“เจ้าเป็นคนโชคดีรู้มั้ย ไม่ใช่ว่าใครอยากจะเจอข้าก็เจอได้ง่ายๆ นะ
บอกมาสิ.. อยากได้ของขวัญอะไรล่ะ ข้าจะให้หนึ่งอย่าง”
น้ำเสียงอันไพเราะเพราะพริ้งราวกับเสียงดนตรีสะกดหนุ่มน้อยให้ตะลึงงันพร้อมด้วยความไม่เข้าใจ
..แปลกจริง เหตุใดลักษณะอันเข้ากันไม่ได้ทั้งหลายจึงมารวมอยู่ในตัวชายคนนี้หมดนะ..
“ไม่อยากได้หรอก”
“เอาไว้ถ้านึกออกก็บอกแล้วกัน จริงสิ..
เรียกข้าสั้นๆ ว่าซานต้าก็พอแล้วล่ะ และเมื่อครู่ต้องขอโทษด้วยที่ทำให้เจ้าล้มไม่เป็นท่าอย่างนั้น”
มือซึ่งสวมถุงมือสีแดงสดติดระบายขนนกสีขาวที่ข้อมือพลันยื่นเข้ามาตรงหน้า และมันทำให้ชิเอลได้สติและนึกขึ้นได้ว่าตนเองกำลังนั่งแปะอยู่บนพื้น
“อะไรกัน.. จะยังไม่ยอมยกโทษให้ข้าจริงๆ น่ะหรือ ข้าขอโทษไปแล้วนะ
หรือจะให้ขอโทษอีกกี่ครั้งก็ได้” ซานต้าหลงฤดูทำหน้าราวกับเสียใจเสียเต็มประดาเมื่อเห็นปีศาจตัวน้อยยังไม่ขยับเคลื่อนไหว แต่กระนั้นมือที่ยื่นให้จับก็ยังค้างอยู่ในท่าเดิม
“ป..
เปล่าสักหน่อย”
ชิเอลจำต้องรับไมตรีที่ยื่นมาให้อย่างเสียไม่ได้เมื่อสังเกตเห็นว่าอีกฝ่ายเริ่มมีหยาดน้ำตาเอ่อคลอเสียแล้ว
หนุ่มน้อยถึงกับเกาหัวแกรกๆอย่างทำอะไรไม่ถูกแล้วทำหน้าเบ้ ก็ร่างสูงสง่าผ่าเผยในชุดซานตาคลอสที่กำลังออกอาการสะอื้นน้อยๆมันน่ามองเสียเมื่อไหร่กันล่ะ แล้วยังท่าปาดน้ำตาอย่างโศกาอาดูรยังกับพวกผู้หญิงนั่นอีก
..ให้ตายสิ..
เจอพวกไม่รู้จักโตอีกแล้วหรือนี่..
และความคิดนั้นก็ทำให้หนุ่มน้อยหวนนึกถึงเพื่อนเก่าชาวอินเดียขึ้นมา ก่อนจะรีบสลัดมันทิ้งไปอย่างรวดเร็ว ชิเอลปัดมือใหญ่ซึ่งกำลังพยุงต้นแขนตนให้ยืนออก ก่อนจะต้องสะดุ้งเฮือก เมื่อพบว่าร่างในชุดสีแดงลงมานั่งพับเพียบเรียบร้อยอยู่ที่พื้นข้างตัวตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
“ฉันจำไม่ได้ว่าอนุญาตให้นายเข้ามาใกล้ขนาดนี้นะ”
ที่จริงน้ำเสียงเย็นชาของปีศาจตัวน้อยควรจะทำให้ซานต้าจอมคร่ำครวญผู้นี้ตกใจกลัวหรือไม่ก็เข็ดขยาดอยู่บ้าง ทว่าดูเหมือนจะเป็นคนที่ความรู้สึกช้าเอาการ
แต่อย่างน้อยหมอนี่ก็ไม่ได้บีบน้ำตาอีกแล้วล่ะนะ
“ข้าทำให้เสื้อของเจ้าขาดหมดเลย แล้วที่ข้อศอกเจ้าก็มีบาดแผลด้วย
มานี่สิ.. ข้ามียาใส่แผลอย่างดีมาด้วยนะ จะทำแผลให้เจ้าเป็นการขอโทษก็แล้วกัน นี่มันคงจะเจ็บมากแน่ๆเลย”
“ไม่ใช่สักหน่อย นี่น่ะ..”
ยังไม่ทันพูดจบหนุ่มน้อยก็ถูกรวบตัวลอยขึ้นจากพื้น ดูเหมือนว่าซานต้าผู้หวังดีเกินกว่าเหตุจะเกิดความคิดไม่เข้าท่าอีกแล้ว
“เฮ้ย!”
“ที่หัวเข่าเจ้าก็มีแผลถลอกด้วยนี่ แบบนี้ถ้าไม่ใส่ยาจะไม่หายเอานะรู้มั้ย ถึงจะเป็นปีศาจแต่ก็ยังเด็กมาก ถ้าไม่ดูแลตัวเองให้ดีล่ะก็...”
..........................................................
บุรุษทั้งสามยังคงถกเถียงกันอยู่ในหัวข้อเดิมที่ว่าด้วย ‘ชิเอล แฟนธอมไฮฟ์
อยู่กับใครจึงจะดีที่สุด’
“ถึงยังไงนายน้อยก็อยู่กับคุณไม่ได้หรอกขอรับ เพราะความที่ยังเป็นปีศาจอ่อนหัด จึงไม่สามารถอดทนกับสภาพอากาศในดินแดนของคนตายได้นานนัก
การรั้งตัวเด็กคนนั้นเอาไว้ที่นี่รังแต่จะทำให้เกิดผลร้ายมากกว่าผลดี”
“แต่ผมก็ไม่อาจวางใจให้ลูกไปกับคุณ”
แม้จะรู้สึกไม่สบอารมณ์อยู่บ้าง
ทว่าวินเซนต์ก็ยังคงรักษากิริยาได้อย่างน่าชื่นชม ขณะที่พ่อบ้านหนุ่มถอนหายใจพร้อมด้วยความอดทนที่กำลังจะหมดไป
..ก่อนจะเข้าถึงตัวลูก
คงต้องปรับความเข้าใจกับพ่อเสียก่อนสินะ..
“ขอเรียนนายใหญ่ตามตรง
ว่าที่จริงแล้วผมไม่ได้ตามติดนายน้อยเพราะหวังจะ..”
คำว่า ‘ครอบครอง’ ยังติดอยู่ที่ปลายลิ้น.. จู่ๆปีศาจในคราบพ่อบ้านก็หยุดชะงักไป เมื่อขุมพลังดำมืดในตัวส่งเสียงครางกระหึ่มอย่างยินดีปรีดาตอบรับบางสิ่งบางอย่าง
วินาทีนั้นนัยน์ตาสีเลือดเบิกค้าง
เซบาสเตียนดูเหมือนจะลืมตัวไปชั่วขณะหนึ่ง..
นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ได้รู้สึกเช่นนี้.. ร่างสูงเพรียวในทักสิโดชายยาวถึงกับสั่นเทิ้มอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้
พร้อมกับที่ได้ตระหนักถึงปีศาจร้ายในตัวซึ่งกำลังสยายปีกแล้วหัวเราะร่าหวังจะสำแดงพลังออกมา ในปากเต็มไปด้วยน้ำลายเหนียวข้น ด้วยกระหายเหลือเกินที่จะได้ฉีกกระชากทำลายทุกอย่างให้พินาศย่อยยับ เซบาสเตียนรับรู้ได้ถึงรูม่านตาดำของตนซึ่งขยายใหญ่ขึ้นพร้อมด้วยความกระหายเลือดที่ทวีคูณอย่างรวดเร็ว และความรู้สึกราวกับปีศาจกำเนิดใหม่ที่ควบคุมสัญชาติญาณตัวเองไม่ได้ยามคืนสู่ร่างที่แท้จริงนี้ก็มีสาเหตุมาจากสิ่งเดียวเท่านั้น ทันทีที่ตั้งสติได้สัญชาติญาณระวังภัยในตัวเขาก็กรีดร้องลั่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน..
..นายน้อย...
เซบาสเตียนผลุนผลันออกไปจากบ้านโดยไม่ทิ้งคำอธิบายอะไรเอาไว้ให้อีกสองคนที่เหลือ เมื่อเวลานี้ในใจห่วงพะวงแต่เจ้านายที่แสนสำคัญเท่านั้นพร้อมด้วยคำเพียงคำเดียวที่ดังก้องอยู่ในโสตประสาท ..อันตราย
อันตราย อันตราย..
..นายน้อย อยู่ข้างนอกนั่นงั้นหรือ..
“ไม่ต้องมายุ่ง! ปล่อยนะ!” ไม่ว่าชิเอลจะดิ้นรนสักเพียงใดก็ไม่อาจหลุดรอดไปจากวงแขนฝ่ายตรงข้ามได้
“ยังไงก็ไปที่บ้านข้าก่อนเถอะ เจ้าดูอ่อนแรงมากเลยนะรู้มั้ย” ดูเหมือนว่าซานต้าจอมเจ้ากี้เจ้าการผู้นี้จะหลุดเข้าไปอยู่ในโลกส่วนตัวเสียแล้วจึงไม่ได้สนใจจะฟังคนอื่นพูดบ้างเลย บุรุษในชุดแดงจัดแจงรวบร่างน้อยขึ้นพาดบ่าเหมือนเป็นของขวัญถุงใหญ่อีกถุงหนึ่งแล้วเตรียมจะกลับไปยังเลื่อนซึ่งจอดรออยู่โดยไม่สนใจกับอาการดิ้นรนขัดขืนเลยแม้แต่น้อย
“นายน้อย!”
พริบตานั้นเงาดำอีกสายหนึ่งก็พุ่งปราดเข้ามา ก่อนจะต้องผงะเมื่อได้เห็นผู้ที่แบกเจ้านายตัวน้อยไว้บนบ่าอย่างถนัดชัดเจน
..ใช่จริงๆ เป็นอย่างที่คิด..
คนๆ นี้..
“เซบาสเตียน!”
พ่อบ้านของเขาเป็นอะไรไป.. ไม่ใช่ว่าเขาเพิ่งเคยถูกลักพาตัวเป็นครั้งแรกเสียหน่อย ทว่าชิเอลก็ไม่เคยเห็นเซบาสเตียน มิคาเอลลิสมีสีหน้าอย่างนี้มาก่อนเลย เจ้าปีศาจนั่นกำลังทำหน้าเหมือนเห็นผี แถมยังตื่นตระหนกเสียจนใบหน้าขาวซีด
ไม่รู้ว่ากิริยาซึ่งเคยเยือกเย็นอยู่เป็นนิจหายไปไหนหมด และถ้าสายตาเขามองไม่พลาดล่ะก็.. มือซึ่งสวมถุงมือขาวสะอาดนั่นกำลังสั่นระริก หมอนี่กำลังกลัวจนตัวสั่น.. เป็นไปได้หรือ..
..เกิดจะกลัวอะไรขึ้นมาอีกล่ะ ..เจ้าบ้านี่
เมื่อเห็นว่าพ่อบ้านของตนมีท่าทางแปลกไปชิเอลก็พยายามจะเอาตัวรอดด้วยตนเอง ในท่าซึ่งถูกจับพาดบ่า.. ปีศาจหนุ่มน้อยสะบัดขาอย่างแรงพร้อมทั้งรัวกำปั้นไม่ยั้งเพื่อจะให้ตนเองเป็นอิสระ
จนกระทั่งเท้าข้างหนึ่งฟาดถูกแว่นตาหนาเตอะกับจมูกตัวตลกหลุดกระเด็นจากใบหน้าอีกฝ่าย
ราวกับเวลาหยุดเดิน.. ในวินาทีที่ความจริงอันเหลือเชื่อซึ่งซ่อนอยู่เบื้องหลังของเล่นหลอกเด็กพวกนั้นประจักษ์แก่สายตา ชิเอลตะลึงมองใบหน้ารูปไข่กับผิวพรรณขาวละเอียด รวมทั้งนัยน์ตาสีโลหิตทรงอำนาจซึ่งเปล่งประกายเรืองรอง
..ที่สะกดได้แม้กระทั่งลมหายใจ..
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น