9/04/2555

น้ำตาฟินิกซ์ 10



วัง..  สถานที่สิงสถิตย์อันเป็นนิวาสสถานแห่งเผ่าพันธุ์ซึ่งถูกพระเจ้าปฏิเสธนั้นมีบรรยากาศซึ่งเต็มไปด้วยกระไอปีศาจเข้มข้น   เพราะตั้งอยู่ในสถานที่ซึ่งเป็นใจกลางของอาณาจักรแห่งความมืด   เพียงเท่านี้ก็มากพอที่จะทำให้หัวใจเขาเต้นเร็วแรงโดยไม่รู้สาเหตุอยู่แล้ว   ทว่าเขายังพบอีกว่าที่นี่มันโอ่อ่ากว้างขวางเกินไป   เฉพาะกลุ่มอาคารเก่าแก่ซึ่งถือว่าเป็นเขตหวงห้ามชั้นในสำหรับปีศาจชั้นปลายแถวแล้ว   ก็ยังมีอาณาบริเวณกว้างขวางเสียจนสามารถบรรจุพระราชวังบัคกิ้งแฮมได้ถึงหกหลังทีเดียว   

ชิเอล  แฟนธอมไฮฟ์ทอดสายตามองระเบียงทางเดินที่ทอดยาวออกไปราวกับไม่มีที่สิ้นสุดซึ่งต่อกับทางเชื่อมระหว่างตัวอาคาร   คั่นสลับกับสวนสวยที่เต็มไปด้วยน้ำพุกับรูปสลักโบราณอีกจำนวนนับไม่ถ้วน    พร้อมด้วยเวรยามที่เข้มงวดกวดขัน   หนุ่มน้อยลองคิดคำนวณในใจคร่าวๆ  ..ว่าหากคิดจะเดินสำรวจให้ได้สักครึ่งรอบแล้วล่ะก็   คงเป็นเรื่องหนักหนามากพอที่จะทำให้เขาเดินสะดุดหน้าคะมำจนเสียโฉมอย่างถาวรได้เลยเชียว  นั่นยังไม่นับรวมวังชั้นนอกอันเป็นสถานที่ซึ่งเขายังไม่เคยย่างกรายไปถึงจึงไม่รู้ว่ามีอะไรอยู่บ้าง  นอกจากรู้เพียงว่ามันอยู่ใกล้กับกำแพงหินสูงเสียดฟ้าที่ต่อให้แหงนมองจนคอตั้งก็ยังไม่อาจแลเห็นขอบบนกำแพง  

ชิเอลขยับแถบผ้าคาดเอวอย่างอึดอัดขัดใจ   หลังจากที่ถูกจับตัวมา   หลังจากที่ถูกบังคับให้ยอมรับสภาพ      รวมทั้งถูกบังคับให้เปลี่ยนไปสวมเสื้อผ้าแบบโบราณแล้วเขาก็เดินสะดุดแทบจะทุกๆ สิบก้าว   เมื่ออาภรณ์ตัวยาวสีน้ำเงินเข้มที่สวมใส่อยู่บนร่างนั้นทิ้งชายด้านหลังยาวออกไปเกือบสองฟุตเลยทีเดียว   ขณะที่ด้านหน้าก็ยาวจรดพื้นและพร้อมที่จะทำให้เขาเผลอเหยียบชายเสื้อตนเองหน้าคะมำได้ตลอดเวลา.. ด้วยรองเท้าสานซึ่งมีสายรัดขึ้นมาถึงครึ่งแข้งที่แสนจะไม่สบายนั่นแหละ   อ้อ..  นอกจากนี้ยังมีผ้าคลุมบ่าสีเงินพาดอยู่บนบ่าซ้ายอีกผืนหนึ่งด้วย    ซึ่งเขานึกอยากจะกระชากมันทิ้งไปหลายครั้งแล้วเพราะความรำคาญ    แต่ก็จนใจเพราะแขนเสื้อชายยาวเกือบถึงหัวเข่าทั้งสองข้างที่ทั้งหนาและหนักราวกับถ่วงลูกตุ้มเหล็กเอาไว้  ทำให้การยกแขนแต่ละครั้งเหมือนกับการออกกำลังยกน้ำหนักไม่มีผิด

ยิ่งกว่านั้นชิเอลก็รู้ดีว่าตนเองคงไม่มีโอกาสทำอะไรอย่างนั้น   โดยที่จะไม่ถูกเจ้าของวังซึ่งเดินอยู่ข้างกายในเวลานี้คัดค้านเอาหรอก   ในเมื่อเจ้าแห่งปีศาจ..  เทวดาตกสวรรค์องค์นี้ตามประกบเขาไม่ยอมห่างราวกับเห็นเขาเป็นของเล่นชิ้นใหม่   จนนี่ก็ล่วงเข้าวันที่สามแล้ว...



..หากไม่อาจเป็นใหญ่ในสวรรค์เบื้องบนแล้วไซร้   

ข้าก็จะขอเป็นนายแห่งโลกเบื้องล่างแทน...



หนุ่มน้อยคิดคำนึงถึงเนื้อความจากพระคัมภีร์อย่างใจลอย   เพราะมันช่างเข้ากันกับบรรยากาศและตัวตนของคนผู้นี้นัก   ด้วยมันคือถ้อยแถลงแห่งผู้ซึ่งถูกขับไสไล่ส่งลงมาจากสวรรค์   ..อดีตทูตสวรรค์ผู้งามสง่าและเก่งกล้าสามารถยิ่งกว่าผู้ใด  

เจ้าของนามลูซิเฟอร์อันหมายถึง..  ผู้นำพาอรุณรุ่ง



“ข้าไม่ชอบชื่อนั้นนักหรอกนะ   คงจะดีถ้าเจ้าจะไม่คิดถึงมันอีก” 

ชิเอลหัวเราะ   เขาถูกอ่านใจอีกแล้วสินะ..  หนุ่มน้อยถอนหายใจด้วยความเซ็งที่ตนไม่สามารถเก็บความคิดคำนึงใดๆ ให้พ้นจากการรับรู้ของซาตานผู้นี้ได้เลย   

แต่ก็ดี..  เขาจะได้จำไว้   ว่าเจ้าหมอนี่ไม่ชอบถูกเรียกด้วยชื่อจริง



“จะขอเป็นนายใหญ่แห่งโลกเบื้องล่างงั้นหรือ..” คราวนี้เสียงรำพึงกับตนเองหลุดลอดออกมาจากริมฝีปาก    ทว่าราชันย์ปีศาจกลับไม่ว่ากระไร 


“มันเป็นเรื่องเก่านานมาแล้ว”


“หึ..  ช่างเป็นคำพูดที่โอหังเหลือเกินนะ”  


“ก็เพราะข้ามีดีพอที่จะพูดนี่นา”


ชิเอลเหลือบสายตาขึ้นมองบุรุษที่เดินเคียงข้างอยู่ในเวลานี้   และได้พบกับรอยยิ้มอันบ่งบอกถึงความเชื่อมั่นอย่างล้นเหลือบนใบหน้าอีกฝ่าย    หลังจากที่ถอดชุดซานต้าที่น่าขบขันนั่นออกแล้วกลับมาแต่งตัวให้ดูสมศักดิ์ศรีในฐานะที่เป็นผู้นำของเหล่าปีศาจ   คนๆ นี้ก็พอจะดูเหมือนซาตานขึ้นมาบ้างเหมือนกัน   หรือถ้าจะเรียกให้ถูกก็คือ   ดูเหมือนทูตสวรรค์ชั่วร้าย   ผู้ซึ่งเคยเป็นกาดำในหมู่หงส์ขาว   ขณะที่ลูซิเฟอร์เพียงแต่ยิ้มขันไปกับคำวิจารณ์ในใจของปีศาจตัวน้อย    และยังรู้ลึกลงไปอีกถึงความสงสัยและข้อกังขาที่มีต่อชะตากรรมของตนเองรวมทั้ง..  เรื่องนั้น


 “เจ้ากำลังอยากรู้เรื่องน้ำตาฟินิกซ์  

แต่ที่ผ่านมาก็ยังไม่เคยมีใครสามารถบอกเจ้าได้เลยสินะ” 


หนุ่มน้อยหันขวับเมื่อถูกถามตรงจุด   ชิเอลนึกไม่ถึงว่าฝ่ายตรงข้ามจะรู้แม้กระทั่งเรื่องที่ตนเก็บความขุ่นข้องนี้ไว้ในใจ   และเมื่อได้เห็นสีหน้าตกตะลึง..  บุรุษผู้อยู่เหนือปีศาจทั้งมวลก็ลูบศีรษะปีศาจน้อยอย่างนึกเอ็นดูแล้วเอ่ยเสียงแผ่วเบา 



“เจ้าจะโทษพวกเขาที่ไม่ยอมบอกก็คงใช่ที่   เพราะสิ่งที่เจ้ามีไม่ใช่ว่าจะพบเห็นได้ง่ายๆ  

แต่ข้าสามารถบอกเจ้าได้   เกือบทุกเรื่องที่เกี่ยวกับน้ำตาฟินิกซ์..”


“โดยแลกกับอะไรล่ะ” 

แน่นอนอยู่แล้ว..   ไม่มีสิ่งใดได้มาฟรีๆ  หรอก   เรื่องนั้นเขารู้ดีที่สุด   และน้ำเสียงเย็นชาของอีกฝ่ายทำให้เจ้าแห่งความมืดอดขันไม่ได้


“แน่นอน..  ก็ย่อมต้องมีข้อแลกเปลี่ยนสิ..”  ซาตานก้าวเข้ามายืนซ้อนอยู่ด้านหลังและวางมือทั้งสองลงบนไหล่ที่บอบบางของหนุ่มน้อย   พลางชะโงกร่างลงมาแล้วลอบสังเกตดวงหน้าเล็กๆ ที่ยังคงเรียบเฉย   ปลายเล็บดำแหลมคมม้วนปลายผมสีมิดไนท์บลูเล่นอย่างใจลอย   ขณะที่ชิเอลยืนนิ่งแล้วสงบใจพลางอดทนอดกลั้นเพื่อสิ่งที่อยากรู้    ทว่าดูเหมือนอีกฝ่ายยังไม่คิดจะทำให้เขาสมหวังในตอนนี้


“จงรู้ไว้เถิด  ว่าที่ข้าสนใจในตัวเจ้ามิใช่เพราะน้ำตาฟินิกซ์..  แต่เพราะเจ้าเป็นปีศาจซึ่งไม่ได้ถือกำเนิดขึ้นด้วยมือข้า   มิได้สืบทอดพลังและความสามารถไปจากข้า

ดังนั้นข้าจะบอกเรื่องที่เจ้าอยากรู้ให้ก็ได้   แลกกับการที่เจ้าจะต้องไม่ขัดใจข้า  ไม่เช่นนั้นล่ะก็..”


เจ้าแห่งปีศาจยืดตัวขึ้นพลางมองออกไปยังสวนด้านนอกอย่างเฉยชา   และเมื่อมองตามไปชิเอลก็ต้องใบหน้าซีดเผือดเมื่อได้พบเข้ากับภาพซึ่งทำให้ขวัญกระเจิง


ดูราวกับที่ตรงนั้นเพิ่งจะเกิดสงครามนองเลือดขึ้นไม่มีผิด   จะขาดก็เพียงไร้ซากศพจำนวนมากเท่านั้น   นอกจากเสาหินและรูปสลักที่หักโค่นระเนระนาดรวมทั้งพื้นที่ใกล้เคียงซึ่งมีสภาพเละเทะไม่ต่างกันแล้ว   คราบสีแดงเข้มที่สาดกระจายไปทั่วบริเวณทั้งที่ขังนองเป็นแอ่งอยู่บนพื้น   และฉาบย้อมเศษซากปรักหักพังบางส่วนจนกลายเป็นสีสนิมเกรอะกรัง   บอกเล่าถึงเรื่องราวความรุนแรงที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ได้เป็นอย่างดี   ทว่าทั้งหมดก็ยังไม่ชัดเจนเท่ากับสภาพของเหยื่อผู้ถูกกระทำทารุณ  ..ซึ่งยังไม่ได้หนีไปไหน

มันคือปีศาจในสภาพที่แท้จริงตนหนึ่งซึ่งถูกทรมานอย่างเหี้ยมโหด    หนุ่มน้อยเบ้ปากเมื่อสังเกตเห็นเล็บมือเล็บเท้าที่ถูกอะไรบางอย่างทุบจนแหลกเละ   แล้วตอกตรึงเอาไว้กับพื้นด้วยหมุดโลหะขนาดเขื่องที่ชุ่มโชกไปด้วยของเหลวหนืดๆ สีคล้ำเข้ม   ผิวกายเหลือบดำซึ่งอาบโลหิตจนเป็นมันเงาขับเน้นกล้ามเนื้อบนเรือนร่างที่กำลังกระตุกสั่นเพราะความเจ็บปวดให้แลเห็นเด่นชัดขึ้น   ขณะที่เศษผ้าสีช้ำเลือดช้ำหนองซึ่งเคยเป็นเครื่องห่อหุ้มกายที่ทั้งสกปรกและขาดรุ่งริ่งจนหลุดลงมากองอยู่รอบๆ สะโพกนั้น   ยิ่งทำให้ มันมีสภาพน่าเวทนามากกว่าเดิม..  ทั้งยังต่ำต้อยด้อยค่าเสียยิ่งกว่าหนอนแมลงสักตัวหนึ่งที่ใครคิดจะย่ำยีอย่างไรก็ได้  

ชิเอลไม่อาจเห็นใบหน้าของปีศาจที่โชคร้ายตนนั้น..   เมื่อศีรษะซึ่งปกคลุมด้วยเส้นผมดำยาวที่เปื้อนเลือดเกรอะกรังพร้อมด้วยเขาขนาดใหญ่คู่หนึ่งที่ม้วนลงด้านข้างราวกับเขาแพะนั้นห้อยตกลงจนปลายคางเกือบชิดติดหน้าอก   เขาแทบจะต้องกลั้นหายใจ   เมื่อกลิ่นเหม็นคาวคลุ้งซึ่งโชยมาจากปีกสีดำที่ถูกฉีกกระจุยจนไม่มีชิ้นดีนั้นทำให้เขารู้สึกอยากจะอาเจียน   และยิ่งเมื่อสังเกตเห็นหอกยาวปลายแหลมเส้นผ่าศูนย์กลางขนาดท่อนแขนซึ่งเสียบคาอยู่ในรูทวารหนัก   เสยลึกเข้าไปในช่องท้องแล้วแทงทะลุออกมานอกร่างตรงกระดูกไหปลาร้าที่หักยับเยิน   แล้วตรึงร่างของมันเอาไว้กับพื้นในท่วงท่าอันน่าเวทนา   ขณะที่โลหิตซึ่งยังคงหลั่งไหลออกมาจากบาดแผลทั่วร่างอาบนองพื้นเป็นวงกว้างดุจทะเลเลือดแล้ว   ก็ยิ่งทำให้ท้องไส้เขาบิดตัวอย่างรุนแรงจนพาลจะสำรอกเอาทุกสิ่งทุกอย่างออกมาหมด



“เขาทำอะไรผิด”  น้ำเสียงที่หลุดลอดออกมาจากริมฝีปากที่แห้งผากฟังดูราวกับเสียงกระซิบแหบโหย  


ชิเอล   แฟนธอมไฮฟ์รีบยกมือขึ้นอุดปากตนเองแล้วพยายามอย่างเต็มที่  ที่จะกล้ำกลืนน้ำดีขมๆ กลับลงไป   ปีศาจตัวน้อยจำต้องยึดท่อนแขนซาตานหนุ่มไว้แน่น   เมื่อรู้สึกพะอืดพะอมเสียจนแทบทรงกายไม่อยู่


“ก็แค่ขัดใจข้านิดหน่อย    เลยสั่งสอนเบาๆ พอให้หลาบจำ   ข้าไม่ควักอวัยวะภายในออกมากองก็ต้องถือว่าปรานีมากแล้ว  

..แต่เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้สาเหตุหรอกนะ   มาทางนี้เถอะ”



“นั่น  เขา..  ตายหรือยัง”  ทั้งๆ ที่ไม่เคยมีความเกี่ยวข้องกันมาก่อน   ทว่าภาพปีศาจที่ถูกทรมานแสนสาหัสตนนั้นยังติดตาลบอย่างไรก็ไม่เลือนหายเสียจนทำให้ชิเอลอดถามไม่ได้


“ไม่รู้สิ..”


และเมื่อคำตอบที่ได้รับคือความเมินเฉยไม่สนใจโดยสิ้นเชิง   เขาก็จำเป็นต้องเงียบเสียง   ชิเอลขบกรามแน่นพลางบอกตนเองว่า   ถึงจะต้องพบกับเรื่องน่าหวาดหวั่นสักเพียงใดก็จะรักษาสติเอาไว้ให้จงได้   ขณะเดียวกันก็จะต้องรีบตามหาพ่อบ้านของตนให้พบโดยเร็วที่สุดแล้วพากันหาทางออกไปจากที่นี่ด้วย  

ปีศาจตัวน้อยสูดหายใจลึกแล้วหันหลังให้กับภาพอันน่าสยดสยองก่อนจะเดินจากไปพร้อมกับเจ้าแห่งความมืด  จึงไม่ทันได้รู้สึกถึงสายตาคู่หนึ่งที่จ้องมองตามหลังไปอย่างเงียบงันและเจ็บปวด   กระนั้นความรุนแรงจากบาดแผลที่ได้รับก็ส่งผลให้มิอาจทำแม้กระทั่งจะเปล่งเสียงเรียก    จึงมีเพียงสติสัมปชัญญะเบาบาง..   ที่ถูกกระตุ้นให้ตื่นขึ้นเมื่อได้ยินเสียงที่เคยคุ้นเท่านั้น




...นายน้อย...



ยังดี..  ที่ท่านผู้นั้นมิได้ทรมานนายน้อยไปด้วย    ไม่เช่นนั้นคุณคงทนรับความเจ็บปวดถึงเพียงนี้ไม่ได้แน่

ยังดี..  ที่คุณยังอยู่รอดปลอดภัยแม้จะถูกบังคับขู่เข็ญให้ทำในสิ่งซึ่งไม่ต้องการ  



และดีที่สุด..  ที่คุณไม่ได้นึกเอะใจ   ว่าปีศาจน่าสมเพชตนที่ถูกฉีกทึ้งร่าง   ถูกทิ้งให้หลั่งเลือดโทรมกายแต่เพียงลำพังเพื่อให้ได้รับความทุกข์ทรมานอยู่ต่อหน้าต่อตานี้คือใคร   

ด้วยรูปโฉมที่อัปลักษณ์พรรค์นี้มิใช่สิ่งซึ่งพ่อบ้านตระกูลแฟนธอมไฮฟ์ควรจะปล่อยให้ผู้เป็นนายได้เห็น  

ดังนั้นดีแล้ว..  



คงเป็นเพราะเด็กคนนั้นคือชิเอล  แฟนธอมไฮฟ์..  คือนายผู้ซึ่งปีศาจอย่างเขายินยอมทำทุกอย่างเพื่อแลกกับการได้อยู่ใกล้ชิดกระมัง   ถึงแม้จะไม่รู้ว่าทำไมทว่ามีหลายต่อหลายครั้ง..  ที่เขารู้สึกว่ายากที่จะตัดใจลาจาก   และในเวลานี้ความรู้สึกเช่นนั้นก็คงจะเกิดขึ้นกับท่านผู้นั้นเช่นเดียวกัน   เจ้านายตัวน้อยของเขาคงไม่เคยรู้   ว่าตนเองมีพลังประหลาดบางอย่างที่ทำให้ปีศาจอยากอยู่ใกล้ๆ   ซึ่งถึงแม้จะไม่ใช่เรื่องดี..  เพราะเขาไม่เคยอยากเห็นปีศาจตนใดเข้าใกล้นายน้อย   ทว่าเวลานี้มันก็เปรียบเสมือนโล่ห์คุ้มกันภัยจากอารมณ์ที่แปรปรวนเอาแน่เอานอนไม่ได้ของท่านผู้นั้น  


ใช่..  ถึงแม้จะไม่มีเขาอยู่เคียงข้าง   ทว่าก็ยังมีปราการอีกชั้นหนึ่งคอยคุ้มครองเด็กคนนั้นอยู่  

และถ้าเป็นเช่นนี้ก็ยังนับว่าไม่น่าห่วงนัก



รอผมก่อนนะขอรับ..  นายน้อย





......................................................  

 
ชิเอลทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้นวมพร้อมกับถอนหายใจอย่างรังเกียจ   หนุ่มน้อยชักมือหนีจากที่วางแขนเมื่อแลเห็นปีศาจตัวจิ๋วที่มีรูปร่างเหมือนมังกรขนาดย่อส่วนสามตัวพากันไต่ขึ้นมาตามขาเก้าอี้   ขณะที่ลูซิเฟอร์ยิ้มขันกับสีหน้าท่าทางของเด็กน้อย


“ถ้าเจ้าไม่ชอบก็เพียงแต่ไล่มันไป   ไม่จำเป็นต้องทำหน้าแบบนั้น”


“แล้วมันรู้เรื่องด้วยหรือ”


แทนที่จะตอบ    การทำให้ดูจะช่วยเข้าใจได้ง่ายกว่า  “ไปซะ”


หนุ่มน้อยเฝ้ามองพวกมังกรจิ๋วพากันหนีหายไปหมดเพียงแค่ได้ยินคำสั่ง  ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบสายตาเจ้าแห่งปีศาจ


“นายบอกว่าจะเล่าเรื่องน้ำตาฟินิกซ์ให้ฉันฟัง”


“อ้อใช่”  ซาตานทำท่านึกออกในทันใดก่อนจะขยับเข้ามาใกล้   “เช่นนั้นเจ้าคงอยากรู้เรื่องราวความเป็นมาตั้งแต่แรกเลยกระมัง   ไหน..  ขอข้าดูหน่อยซิ   อดีตที่ผ่านมาของเจ้าก็ได้พบเจอเหตุการณ์มามากมายเหมือนกันนี่นะ” 

อึดใจนั้นชิเอลรู้สึกราวกับมีแท่งเหล็กแหลมกรีดคมลงมาแล้วผ่าแยกศีรษะออกเป็นสองส่วนก่อนที่มือข้างหนึ่งจะควานลึกเข้าไปข้างใน  


“พะ..พอที!


“ข้าจำเป็นต้องล้วงดูความทรงจำในอดีตของเจ้าอีกนิด   ไม่เจ็บเท่าไหร่หรอกน่า   เอาล่ะ.. ”  นัยน์ตาสีทับทิมเปล่งประกายเรืองรองขึ้นเมื่อภาพปีศาจสาวผิวสีน้ำผึ้งตนหนึ่งปรากฏขึ้นจากความทรงจำในช่วงชีวิตมนุษย์ของปีศาจตัวน้อย


“เจ้าได้รู้จักฝักดาบแล้วเช่นนั้นก็ง่ายล่ะ..  น้ำตาฟินิกซ์มันก็คล้ายๆ กันนั่นแหละ

พวกเราทุกคน..   ข้ากำลังพูดถึงเหล่าอมตะชนโดยไม่แบ่งแยกว่าจะเป็นปีศาจ  เทวดา  ยมทูต  หรือคนตายนะ   เมื่อเอาจำนวนทั้งหมดมารวมกันแล้วอาจมีหนึ่งในร้อย  หนึ่งในพัน   หรือเศษเสี้ยวของหนึ่งในล้านที่ถูกกำหนดให้มีภาระหน้าที่พิเศษ   อย่างเช่นนางปีศาจตนนี้เป็นต้น”


ชิเอลจ้องมองภาพ ฮันนา  ที่กำลังขยับเคลื่อนไหว   ซึ่งเป็นความทรงจำที่ถูกลูซิเฟอร์ดึงออกมาฉายซ้ำอีกครั้งราวกับภาพยนตร์   ปีศาจสาวในชุดเมดตระกูลแทรนชี่กำลังถูกล้อมด้วยปีศาจหนุ่มอีกสองตน   หนึ่งในนั้นคือพ่อบ้านของเขาเอง..  เซบาสเตียน  มิคาเอลลิส   และอีกคนคือคลอท  ฟอลทัส  ..พ่อบ้านแห่งแทรนชี่    หนุ่มน้อยจ้องมองปีศาจหนุ่มตนหนึ่งประคองฮันนาให้นั่งลงบนตัก  โดยให้อีกตนหนึ่งทำหน้าที่ อัญเชิญ  ดาบปีศาจออกมาจากปากของนาง   และแล้วจู่ๆ ภาพก็ค้างนิ่งอยู่ที่ฉากนั้น


“นางผู้นี้คือผู้ทำหน้าที่เป็นภาชนะให้กับดาบปีศาจ   ส่วนเจ้า..”  ลูซิเฟอร์ประกบมือทั้งสองเข้าหากันและภาพทั้งหมดก็เลือนหายไป   ซาตานหนุ่มก้าวเข้ามาประชิดและก่อนที่ชิเอลจะทันรู้ตัว   นิ้วมือเรียวยาวก็ปลดชุดที่หนุ่มน้อยสวมใส่อยู่บนร่างออกเสียแล้ว 


“นี่!..”


อาภรณ์สีน้ำเงินเข้มตกลงไปกองอยู่ที่รอบบั้นเอวและเผยร่างกายท่อนบนที่เปล่าเปลือยออกมาให้เห็น   เจ้าแห่งปีศาจไม่สนใจเสียงทักท้วงของหนุ่มน้อย   แต่กลับรั้งเสื้อให้ร่นต่ำลงอีกจนแลเห็นอัญมณีรูปหยดน้ำสีเพลิงอันเป็นต้นเหตุของความวุ่นวายทั้งปวง


“เจ้าคือภาชนะสำหรับสิ่งนี้   เป็นเจ้าของน้ำตาฟินิกซ์   ซึ่งเจ้าควรจะรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นได้ง่ายนัก”


“ทำไม..  แล้วทำไมถึงต้องเป็นฉัน”


“นั่นก็เพราะ..”  เสียงนุ่มหยุดชะงักลงกลางครัน   ซาตานหยุดคิดอยู่ครู่หนึ่งก็เผยรอยยิ้มออกมา  


“เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน   เมื่อมองดูข้าแล้วคงจะเข้าใจได้ง่ายขึ้น”  จบคำลูซิเฟอร์ก็ยืดกายขึ้นแล้วเริ่มปลดเปลื้องอาภรณ์ออกจากร่างตนเอง  


ผ้าคลุมบ่าสีไวน์แดงถูกโยนทิ้งลงกับพื้นเป็นอันดับแรก   ตามด้วยผ้าคาดเอวสีทองที่ถูกคลายออก   ต่อด้วยชุดคลุมยาวตัวนอกและตัวในสีดำสนิทเป็นลำดับสุดท้าย   ราชาแห่งปีศาจก้าวขาออกจากกองผ้าบนพื้น   แล้วเปิดเปลือยเรือนร่างอันงดงามสมส่วนต่อหน้าอีกฝ่ายอย่างไม่สะทกสะท้าน   ขณะที่ชิเอลเขยิบหนีไปจนชิดพนักเก้าอี้พร้อมด้วยใบหน้าแดงก่ำ..  หากผู้เปลือยโล่งกลับสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง..  ประกายตายังคงสงบนิ่ง   แม้ขนคิ้วสักเส้นก็ยังไม่กระดิก   มือเรียวขาวผ่องวางทาบลงบนท้องน้อยซึ่งอุดมด้วยมัดกล้ามอันงดงามสมบูรณ์ของตนเอง   พลางสะกิดปลายเล็บยาวเข้ากับพื้นผิวเรียบลื่นที่ส่องประกายวาบราวกับเปลวเพลิงซึ่งติดตรึงอยู่ในตำแหน่งที่ต่ำลงไป   มันคืออัญมณีสีแดงเช่นเดียวกับที่ชิเอล  แฟนธอมไฮฟ์มีอย่างไม่ผิดเพี้ยน



“น้ำตาฟินิกซ์!   นี่นาย..  นายเองหรือที่เป็น..”


“ใช่..  ข้าเอง   ทีนี้คงเข้าใจแล้วสินะ” รอยยิ้มอันงดงามเผยอกว้างขึ้นเมื่อเห็นนัยน์ตากลมโตที่เบิกโพลงของหนุ่มน้อย  

“น้ำตาฟินิกซ์จะเลือกผู้ที่มีความแปรผันเป็นเจ้าของ   อย่างเช่นตัวข้ามีชาติกำเนิดเป็นทูตสวรรค์แต่กลับกลายมาเป็นปีศาจในภายหลัง   ขณะที่เจ้ากำเนิดมาจากมนุษย์แต่ต้องกลายเป็นปีศาจในขณะนี้”


ลูซิเฟอร์ยืนนิ่งแล้วปล่อยให้ปีศาจรับใช้แต่งองค์ทรงเครื่องให้ใหม่   ชิเอลเฝ้ามองดูร่างอันงามสง่าถูกห้อมล้อมด้วยปีศาจราวๆ หกถึงเจ็ดตนที่ช่วยกันจัดเครื่องทรงให้เข้าที่   ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วจัดแจงเสื้อผ้าของตนเองให้เรียบร้อย  


เจ้าแห่งความมืดเม้มริมฝีปากพลางชำเลืองมองข้ารองบาทนางหนึ่งที่เผลอพันแถบผ้ารัดเอวแน่นเกินไป   วินาทีนั้นนัยน์ตาแดงก่ำพลันเปล่งประกายวาบด้วยความไม่พอใจ   และก่อนที่จะมีใครทันรู้ตัว..  จู่ๆ เปลวไฟอันไร้ที่มาก็พวยพุ่งขึ้นเกือบถึงเพดานห้องก่อนจะลุกท่วมร่างปีศาจตนนั้น   ส่งผลให้นางกรีดร้องโหยหวนอย่างน่าเวทนาแล้วกลิ้งตัวอย่างทุรนทุรายไปกับพื้น   ขณะที่รอยยิ้มอันอบอุ่นอ่อนโยนยังคงไม่เลือนหายไปจากใบหน้าของซาตานหนุ่ม  

 
“ส่วนเรื่องที่เจ้ากำลังสงสัยอยู่ในตอนนี้   ว่าข้ารอดพ้นจากการถูกครอบครองมาได้อย่างไรตั้งหลายพันปีนั้นเป็นคำถามที่งี่เง่าสิ้นดี..” 


ขณะที่ชิเอลและข้ารองบาทตนอื่นๆ พากันตกใจจนหน้าซีดไปตามๆ กัน   ลูซิเฟอร์กลับดูราวกับจะไม่ได้ยินเสียงกรีดร้องอย่างทนทุกข์ทรมานนั้น  ..หรือแม้จะได้ยินหากก็ไม่แยแส   เจ้าแห่งความมืดยังคงพูดในสิ่งที่ค้างคาต่อไป   โดยไม่สนใจแม้ว่าปีศาจที่โชคร้ายตนนั้นจะเริ่มแน่นิ่งไปแล้ว
    

“คิดว่าข้าเป็นใครกันหรือ..  ข้าคือราชันย์แห่งนรกนะ  

นอกจากเจ้าแล้ว..  ปีศาจทุกตนในอาณาจักรแห่งนี้ล้วนแต่ถือกำเนิดขึ้นด้วยมือข้าทั้งสิ้น   แล้วจะมีใครหน้าไหนหาญกล้าปรากฏตัวออกมาคุกคามข้าได้..

แต่กับเจ้าแล้วมันไม่เหมือนกัน..” 



“พอแล้ว! ..หยุดทำแบบนี้สักที!!


พริบตานั้นมีลมพัดมาวูบหนึ่ง   ปัดเป่าเพลิงที่ครอกอยู่บนร่างปีศาจผู้อับโชคได้เพียงแค่ปลายเปลวสะบัดไหวแล้วก็สลายตัวไป   ทว่าแม้จะเป็นสายลมที่อ่อนแอไร้พิษสงสักเพียงใด   หากเท่านั้นก็ส่งผลให้ซาตานหนุ่มเลิกคิ้วอย่างสนเท่ห์


“โอ้..  ดูเหมือนว่าพลังของเจ้าจะเริ่มตื่นแล้วสินะ   ไม่เลวนี่”  ลูซิเฟอร์เพียงแต่ดีดนิ้วเบาๆ  เปลวไฟทั้งหมดก็อันตรธานหายไปราวกับไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน


“เพื่อเห็นแก่ชิเอลน้อยๆ ของข้า..   ครั้งนี้ข้าจะละเว้นให้เป็นกรณีพิเศษก็แล้วกัน

พวกเจ้าทุกคนถอยไปได้”



“พอ..  พอสักที”


เวลานี้เขาไม่อยู่ในสถานะที่จะรับรู้อะไรอีกแล้ว..  ชิเอล  แฟนธอมไฮฟ์หอบหายใจแรง   ขณะที่นัยน์ตาสีเลือดเบิกโพลงจ้องมองกลับไปยังภาพในอดีตของตนเองอย่างลืมตัว   ร่างเล็กบอบบางสั่นสะท้านอย่างควบคุมไม่ได้   เมื่อภาพความทรงจำหนึ่งเดือนที่ตนถูกจับไปทรมานพลันล้นทะลักขึ้นมาอีกครั้ง   และตั้งแต่นั้นมาเขาก็ไม่เคยอดทนได้เลย..  ทุกครั้งที่เห็นใครสักคนถูกทรมานอย่างโหดเหี้ยมทารุณเขามักจะควบคุมตนเองไม่อยู่  


“ตกลง” 


ชิเอลไม่อาจต่อต้านขัดขืนเมื่อถูกรั้งตัวเข้าสู่อ้อมกอด   ซาตานหนุ่มรวบร่างเล็กๆ ขึ้นอุ้มแล้วจุมพิตแผ่วเบาที่เรียวแก้ม   ก่อนจะเชยปลายคางขึ้นแล้วก้มลงกระซิบที่ริมหูด้วยน้ำเสียงซึ่งดังพอแค่ได้ยินเพียงสองคน


“ข้าบอกในสิ่งที่เจ้าต้องการจะรู้แล้ว   ทีนี้ก็ถึงเวลาเจ้าทำตามใจข้าบ้างล่ะนะ”


“ทำ..  ทำอะไร”





“ละทิ้งพันธะสัญญากับปีศาจของเจ้าซะ..  แล้วมาอยู่ข้างกายข้า

เป็นของเล่นของข้าไปชั่วนิรันดร์”





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น