วัง.. สถานที่สิงสถิตย์อันเป็นนิวาสสถานแห่งเผ่าพันธุ์ซึ่งถูกพระเจ้าปฏิเสธนั้นมีบรรยากาศซึ่งเต็มไปด้วยกระไอปีศาจเข้มข้น
เพราะตั้งอยู่ในสถานที่ซึ่งเป็นใจกลางของอาณาจักรแห่งความมืด
เพียงเท่านี้ก็มากพอที่จะทำให้หัวใจเขาเต้นเร็วแรงโดยไม่รู้สาเหตุอยู่แล้ว ทว่าเขายังพบอีกว่าที่นี่มันโอ่อ่ากว้างขวางเกินไป เฉพาะกลุ่มอาคารเก่าแก่ซึ่งถือว่าเป็นเขตหวงห้ามชั้นในสำหรับปีศาจชั้นปลายแถวแล้ว
ก็ยังมีอาณาบริเวณกว้างขวางเสียจนสามารถบรรจุพระราชวังบัคกิ้งแฮมได้ถึงหกหลังทีเดียว
ชิเอล แฟนธอมไฮฟ์ทอดสายตามองระเบียงทางเดินที่ทอดยาวออกไปราวกับไม่มีที่สิ้นสุดซึ่งต่อกับทางเชื่อมระหว่างตัวอาคาร คั่นสลับกับสวนสวยที่เต็มไปด้วยน้ำพุกับรูปสลักโบราณอีกจำนวนนับไม่ถ้วน พร้อมด้วยเวรยามที่เข้มงวดกวดขัน หนุ่มน้อยลองคิดคำนวณในใจคร่าวๆ ..ว่าหากคิดจะเดินสำรวจให้ได้สักครึ่งรอบแล้วล่ะก็ คงเป็นเรื่องหนักหนามากพอที่จะทำให้เขาเดินสะดุดหน้าคะมำจนเสียโฉมอย่างถาวรได้เลยเชียว นั่นยังไม่นับรวมวังชั้นนอกอันเป็นสถานที่ซึ่งเขายังไม่เคยย่างกรายไปถึงจึงไม่รู้ว่ามีอะไรอยู่บ้าง นอกจากรู้เพียงว่ามันอยู่ใกล้กับกำแพงหินสูงเสียดฟ้าที่ต่อให้แหงนมองจนคอตั้งก็ยังไม่อาจแลเห็นขอบบนกำแพง
ชิเอลขยับแถบผ้าคาดเอวอย่างอึดอัดขัดใจ หลังจากที่ถูกจับตัวมา หลังจากที่ถูกบังคับให้ยอมรับสภาพ รวมทั้งถูกบังคับให้เปลี่ยนไปสวมเสื้อผ้าแบบโบราณแล้วเขาก็เดินสะดุดแทบจะทุกๆ
สิบก้าว เมื่ออาภรณ์ตัวยาวสีน้ำเงินเข้มที่สวมใส่อยู่บนร่างนั้นทิ้งชายด้านหลังยาวออกไปเกือบสองฟุตเลยทีเดียว ขณะที่ด้านหน้าก็ยาวจรดพื้นและพร้อมที่จะทำให้เขาเผลอเหยียบชายเสื้อตนเองหน้าคะมำได้ตลอดเวลา..
ด้วยรองเท้าสานซึ่งมีสายรัดขึ้นมาถึงครึ่งแข้งที่แสนจะไม่สบายนั่นแหละ อ้อ..
นอกจากนี้ยังมีผ้าคลุมบ่าสีเงินพาดอยู่บนบ่าซ้ายอีกผืนหนึ่งด้วย ซึ่งเขานึกอยากจะกระชากมันทิ้งไปหลายครั้งแล้วเพราะความรำคาญ แต่ก็จนใจเพราะแขนเสื้อชายยาวเกือบถึงหัวเข่าทั้งสองข้างที่ทั้งหนาและหนักราวกับถ่วงลูกตุ้มเหล็กเอาไว้ ทำให้การยกแขนแต่ละครั้งเหมือนกับการออกกำลังยกน้ำหนักไม่มีผิด
ยิ่งกว่านั้นชิเอลก็รู้ดีว่าตนเองคงไม่มีโอกาสทำอะไรอย่างนั้น โดยที่จะไม่ถูกเจ้าของวังซึ่งเดินอยู่ข้างกายในเวลานี้คัดค้านเอาหรอก ในเมื่อเจ้าแห่งปีศาจ.. เทวดาตกสวรรค์องค์นี้ตามประกบเขาไม่ยอมห่างราวกับเห็นเขาเป็นของเล่นชิ้นใหม่ จนนี่ก็ล่วงเข้าวันที่สามแล้ว...
..หากไม่อาจเป็นใหญ่ในสวรรค์เบื้องบนแล้วไซร้
ข้าก็จะขอเป็นนายแห่งโลกเบื้องล่างแทน...
หนุ่มน้อยคิดคำนึงถึงเนื้อความจากพระคัมภีร์อย่างใจลอย เพราะมันช่างเข้ากันกับบรรยากาศและตัวตนของคนผู้นี้นัก ด้วยมันคือถ้อยแถลงแห่งผู้ซึ่งถูกขับไสไล่ส่งลงมาจากสวรรค์ ..อดีตทูตสวรรค์ผู้งามสง่าและเก่งกล้าสามารถยิ่งกว่าผู้ใด
เจ้าของนามลูซิเฟอร์อันหมายถึง..
ผู้นำพาอรุณรุ่ง
“ข้าไม่ชอบชื่อนั้นนักหรอกนะ
คงจะดีถ้าเจ้าจะไม่คิดถึงมันอีก”
ชิเอลหัวเราะ เขาถูกอ่านใจอีกแล้วสินะ..
หนุ่มน้อยถอนหายใจด้วยความเซ็งที่ตนไม่สามารถเก็บความคิดคำนึงใดๆ ให้พ้นจากการรับรู้ของซาตานผู้นี้ได้เลย
แต่ก็ดี.. เขาจะได้จำไว้ ว่าเจ้าหมอนี่ไม่ชอบถูกเรียกด้วยชื่อจริง
“จะขอเป็นนายใหญ่แห่งโลกเบื้องล่างงั้นหรือ..” คราวนี้เสียงรำพึงกับตนเองหลุดลอดออกมาจากริมฝีปาก ทว่าราชันย์ปีศาจกลับไม่ว่ากระไร
“มันเป็นเรื่องเก่านานมาแล้ว”
“หึ..
ช่างเป็นคำพูดที่โอหังเหลือเกินนะ”
“ก็เพราะข้ามีดีพอที่จะพูดนี่นา”
ชิเอลเหลือบสายตาขึ้นมองบุรุษที่เดินเคียงข้างอยู่ในเวลานี้ และได้พบกับรอยยิ้มอันบ่งบอกถึงความเชื่อมั่นอย่างล้นเหลือบนใบหน้าอีกฝ่าย หลังจากที่ถอดชุดซานต้าที่น่าขบขันนั่นออกแล้วกลับมาแต่งตัวให้ดูสมศักดิ์ศรีในฐานะที่เป็นผู้นำของเหล่าปีศาจ คนๆ นี้ก็พอจะดูเหมือนซาตานขึ้นมาบ้างเหมือนกัน หรือถ้าจะเรียกให้ถูกก็คือ
ดูเหมือนทูตสวรรค์ชั่วร้าย
ผู้ซึ่งเคยเป็นกาดำในหมู่หงส์ขาว
ขณะที่ลูซิเฟอร์เพียงแต่ยิ้มขันไปกับคำวิจารณ์ในใจของปีศาจตัวน้อย และยังรู้ลึกลงไปอีกถึงความสงสัยและข้อกังขาที่มีต่อชะตากรรมของตนเองรวมทั้ง.. เรื่องนั้น
“เจ้ากำลังอยากรู้เรื่องน้ำตาฟินิกซ์
แต่ที่ผ่านมาก็ยังไม่เคยมีใครสามารถบอกเจ้าได้เลยสินะ”
หนุ่มน้อยหันขวับเมื่อถูกถามตรงจุด
ชิเอลนึกไม่ถึงว่าฝ่ายตรงข้ามจะรู้แม้กระทั่งเรื่องที่ตนเก็บความขุ่นข้องนี้ไว้ในใจ
และเมื่อได้เห็นสีหน้าตกตะลึง.. บุรุษผู้อยู่เหนือปีศาจทั้งมวลก็ลูบศีรษะปีศาจน้อยอย่างนึกเอ็นดูแล้วเอ่ยเสียงแผ่วเบา
“เจ้าจะโทษพวกเขาที่ไม่ยอมบอกก็คงใช่ที่
เพราะสิ่งที่เจ้ามีไม่ใช่ว่าจะพบเห็นได้ง่ายๆ
แต่ข้าสามารถบอกเจ้าได้ เกือบทุกเรื่องที่เกี่ยวกับน้ำตาฟินิกซ์..”
“โดยแลกกับอะไรล่ะ”
แน่นอนอยู่แล้ว..
ไม่มีสิ่งใดได้มาฟรีๆ หรอก เรื่องนั้นเขารู้ดีที่สุด และน้ำเสียงเย็นชาของอีกฝ่ายทำให้เจ้าแห่งความมืดอดขันไม่ได้
“แน่นอน..
ก็ย่อมต้องมีข้อแลกเปลี่ยนสิ..” ซาตานก้าวเข้ามายืนซ้อนอยู่ด้านหลังและวางมือทั้งสองลงบนไหล่ที่บอบบางของหนุ่มน้อย พลางชะโงกร่างลงมาแล้วลอบสังเกตดวงหน้าเล็กๆ
ที่ยังคงเรียบเฉย ปลายเล็บดำแหลมคมม้วนปลายผมสีมิดไนท์บลูเล่นอย่างใจลอย ขณะที่ชิเอลยืนนิ่งแล้วสงบใจพลางอดทนอดกลั้นเพื่อสิ่งที่อยากรู้
ทว่าดูเหมือนอีกฝ่ายยังไม่คิดจะทำให้เขาสมหวังในตอนนี้
“จงรู้ไว้เถิด ว่าที่ข้าสนใจในตัวเจ้ามิใช่เพราะน้ำตาฟินิกซ์..
แต่เพราะเจ้าเป็นปีศาจซึ่งไม่ได้ถือกำเนิดขึ้นด้วยมือข้า มิได้สืบทอดพลังและความสามารถไปจากข้า
ดังนั้นข้าจะบอกเรื่องที่เจ้าอยากรู้ให้ก็ได้ แลกกับการที่เจ้าจะต้องไม่ขัดใจข้า ไม่เช่นนั้นล่ะก็..”
เจ้าแห่งปีศาจยืดตัวขึ้นพลางมองออกไปยังสวนด้านนอกอย่างเฉยชา และเมื่อมองตามไปชิเอลก็ต้องใบหน้าซีดเผือดเมื่อได้พบเข้ากับภาพซึ่งทำให้ขวัญกระเจิง
ดูราวกับที่ตรงนั้นเพิ่งจะเกิดสงครามนองเลือดขึ้นไม่มีผิด จะขาดก็เพียงไร้ซากศพจำนวนมากเท่านั้น นอกจากเสาหินและรูปสลักที่หักโค่นระเนระนาดรวมทั้งพื้นที่ใกล้เคียงซึ่งมีสภาพเละเทะไม่ต่างกันแล้ว
คราบสีแดงเข้มที่สาดกระจายไปทั่วบริเวณทั้งที่ขังนองเป็นแอ่งอยู่บนพื้น และฉาบย้อมเศษซากปรักหักพังบางส่วนจนกลายเป็นสีสนิมเกรอะกรัง
บอกเล่าถึงเรื่องราวความรุนแรงที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ได้เป็นอย่างดี
ทว่าทั้งหมดก็ยังไม่ชัดเจนเท่ากับสภาพของเหยื่อผู้ถูกกระทำทารุณ ..ซึ่งยังไม่ได้หนีไปไหน
มันคือปีศาจในสภาพที่แท้จริงตนหนึ่งซึ่งถูกทรมานอย่างเหี้ยมโหด หนุ่มน้อยเบ้ปากเมื่อสังเกตเห็นเล็บมือเล็บเท้าที่ถูกอะไรบางอย่างทุบจนแหลกเละ แล้วตอกตรึงเอาไว้กับพื้นด้วยหมุดโลหะขนาดเขื่องที่ชุ่มโชกไปด้วยของเหลวหนืดๆ
สีคล้ำเข้ม ผิวกายเหลือบดำซึ่งอาบโลหิตจนเป็นมันเงาขับเน้นกล้ามเนื้อบนเรือนร่างที่กำลังกระตุกสั่นเพราะความเจ็บปวดให้แลเห็นเด่นชัดขึ้น ขณะที่เศษผ้าสีช้ำเลือดช้ำหนองซึ่งเคยเป็นเครื่องห่อหุ้มกายที่ทั้งสกปรกและขาดรุ่งริ่งจนหลุดลงมากองอยู่รอบๆ
สะโพกนั้น ยิ่งทำให้ ‘มัน’ มีสภาพน่าเวทนามากกว่าเดิม.. ทั้งยังต่ำต้อยด้อยค่าเสียยิ่งกว่าหนอนแมลงสักตัวหนึ่งที่ใครคิดจะย่ำยีอย่างไรก็ได้
ชิเอลไม่อาจเห็นใบหน้าของปีศาจที่โชคร้ายตนนั้น.. เมื่อศีรษะซึ่งปกคลุมด้วยเส้นผมดำยาวที่เปื้อนเลือดเกรอะกรังพร้อมด้วยเขาขนาดใหญ่คู่หนึ่งที่ม้วนลงด้านข้างราวกับเขาแพะนั้นห้อยตกลงจนปลายคางเกือบชิดติดหน้าอก เขาแทบจะต้องกลั้นหายใจ เมื่อกลิ่นเหม็นคาวคลุ้งซึ่งโชยมาจากปีกสีดำที่ถูกฉีกกระจุยจนไม่มีชิ้นดีนั้นทำให้เขารู้สึกอยากจะอาเจียน และยิ่งเมื่อสังเกตเห็นหอกยาวปลายแหลมเส้นผ่าศูนย์กลางขนาดท่อนแขนซึ่งเสียบคาอยู่ในรูทวารหนัก เสยลึกเข้าไปในช่องท้องแล้วแทงทะลุออกมานอกร่างตรงกระดูกไหปลาร้าที่หักยับเยิน แล้วตรึงร่างของมันเอาไว้กับพื้นในท่วงท่าอันน่าเวทนา ขณะที่โลหิตซึ่งยังคงหลั่งไหลออกมาจากบาดแผลทั่วร่างอาบนองพื้นเป็นวงกว้างดุจทะเลเลือดแล้ว ก็ยิ่งทำให้ท้องไส้เขาบิดตัวอย่างรุนแรงจนพาลจะสำรอกเอาทุกสิ่งทุกอย่างออกมาหมด
“เขาทำอะไรผิด” น้ำเสียงที่หลุดลอดออกมาจากริมฝีปากที่แห้งผากฟังดูราวกับเสียงกระซิบแหบโหย
ชิเอล แฟนธอมไฮฟ์รีบยกมือขึ้นอุดปากตนเองแล้วพยายามอย่างเต็มที่ ที่จะกล้ำกลืนน้ำดีขมๆ กลับลงไป ปีศาจตัวน้อยจำต้องยึดท่อนแขนซาตานหนุ่มไว้แน่น เมื่อรู้สึกพะอืดพะอมเสียจนแทบทรงกายไม่อยู่
“ก็แค่ขัดใจข้านิดหน่อย เลยสั่งสอนเบาๆ พอให้หลาบจำ ข้าไม่ควักอวัยวะภายในออกมากองก็ต้องถือว่าปรานีมากแล้ว
..แต่เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้สาเหตุหรอกนะ มาทางนี้เถอะ”
“นั่น เขา.. ตายหรือยัง” ทั้งๆ ที่ไม่เคยมีความเกี่ยวข้องกันมาก่อน ทว่าภาพปีศาจที่ถูกทรมานแสนสาหัสตนนั้นยังติดตาลบอย่างไรก็ไม่เลือนหายเสียจนทำให้ชิเอลอดถามไม่ได้
“ไม่รู้สิ..”
และเมื่อคำตอบที่ได้รับคือความเมินเฉยไม่สนใจโดยสิ้นเชิง เขาก็จำเป็นต้องเงียบเสียง ชิเอลขบกรามแน่นพลางบอกตนเองว่า ถึงจะต้องพบกับเรื่องน่าหวาดหวั่นสักเพียงใดก็จะรักษาสติเอาไว้ให้จงได้
ขณะเดียวกันก็จะต้องรีบตามหาพ่อบ้านของตนให้พบโดยเร็วที่สุดแล้วพากันหาทางออกไปจากที่นี่ด้วย
ปีศาจตัวน้อยสูดหายใจลึกแล้วหันหลังให้กับภาพอันน่าสยดสยองก่อนจะเดินจากไปพร้อมกับเจ้าแห่งความมืด จึงไม่ทันได้รู้สึกถึงสายตาคู่หนึ่งที่จ้องมองตามหลังไปอย่างเงียบงันและเจ็บปวด
กระนั้นความรุนแรงจากบาดแผลที่ได้รับก็ส่งผลให้มิอาจทำแม้กระทั่งจะเปล่งเสียงเรียก จึงมีเพียงสติสัมปชัญญะเบาบาง.. ที่ถูกกระตุ้นให้ตื่นขึ้นเมื่อได้ยินเสียงที่เคยคุ้นเท่านั้น
...นายน้อย...
ยังดี..
ที่ท่านผู้นั้นมิได้ทรมานนายน้อยไปด้วย
ไม่เช่นนั้นคุณคงทนรับความเจ็บปวดถึงเพียงนี้ไม่ได้แน่
ยังดี.. ที่คุณยังอยู่รอดปลอดภัยแม้จะถูกบังคับขู่เข็ญให้ทำในสิ่งซึ่งไม่ต้องการ
และดีที่สุด..
ที่คุณไม่ได้นึกเอะใจ
ว่าปีศาจน่าสมเพชตนที่ถูกฉีกทึ้งร่าง ถูกทิ้งให้หลั่งเลือดโทรมกายแต่เพียงลำพังเพื่อให้ได้รับความทุกข์ทรมานอยู่ต่อหน้าต่อตานี้คือใคร
ด้วยรูปโฉมที่อัปลักษณ์พรรค์นี้มิใช่สิ่งซึ่งพ่อบ้านตระกูลแฟนธอมไฮฟ์ควรจะปล่อยให้ผู้เป็นนายได้เห็น
ดังนั้นดีแล้ว..
คงเป็นเพราะเด็กคนนั้นคือชิเอล
แฟนธอมไฮฟ์..
คือนายผู้ซึ่งปีศาจอย่างเขายินยอมทำทุกอย่างเพื่อแลกกับการได้อยู่ใกล้ชิดกระมัง ถึงแม้จะไม่รู้ว่าทำไมทว่ามีหลายต่อหลายครั้ง.. ที่เขารู้สึกว่ายากที่จะตัดใจลาจาก และในเวลานี้ความรู้สึกเช่นนั้นก็คงจะเกิดขึ้นกับท่านผู้นั้นเช่นเดียวกัน เจ้านายตัวน้อยของเขาคงไม่เคยรู้
ว่าตนเองมีพลังประหลาดบางอย่างที่ทำให้ปีศาจอยากอยู่ใกล้ๆ ซึ่งถึงแม้จะไม่ใช่เรื่องดี.. เพราะเขาไม่เคยอยากเห็นปีศาจตนใดเข้าใกล้นายน้อย
ทว่าเวลานี้มันก็เปรียบเสมือนโล่ห์คุ้มกันภัยจากอารมณ์ที่แปรปรวนเอาแน่เอานอนไม่ได้ของท่านผู้นั้น
ใช่..
ถึงแม้จะไม่มีเขาอยู่เคียงข้าง
ทว่าก็ยังมีปราการอีกชั้นหนึ่งคอยคุ้มครองเด็กคนนั้นอยู่
และถ้าเป็นเช่นนี้ก็ยังนับว่าไม่น่าห่วงนัก
รอผมก่อนนะขอรับ.. นายน้อย
......................................................
ชิเอลทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้นวมพร้อมกับถอนหายใจอย่างรังเกียจ
หนุ่มน้อยชักมือหนีจากที่วางแขนเมื่อแลเห็นปีศาจตัวจิ๋วที่มีรูปร่างเหมือนมังกรขนาดย่อส่วนสามตัวพากันไต่ขึ้นมาตามขาเก้าอี้
ขณะที่ลูซิเฟอร์ยิ้มขันกับสีหน้าท่าทางของเด็กน้อย
“ถ้าเจ้าไม่ชอบก็เพียงแต่ไล่มันไป
ไม่จำเป็นต้องทำหน้าแบบนั้น”
“แล้วมันรู้เรื่องด้วยหรือ”
แทนที่จะตอบ การทำให้ดูจะช่วยเข้าใจได้ง่ายกว่า “ไปซะ”
หนุ่มน้อยเฝ้ามองพวกมังกรจิ๋วพากันหนีหายไปหมดเพียงแค่ได้ยินคำสั่ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบสายตาเจ้าแห่งปีศาจ
“นายบอกว่าจะเล่าเรื่องน้ำตาฟินิกซ์ให้ฉันฟัง”
“อ้อใช่”
ซาตานทำท่านึกออกในทันใดก่อนจะขยับเข้ามาใกล้
“เช่นนั้นเจ้าคงอยากรู้เรื่องราวความเป็นมาตั้งแต่แรกเลยกระมัง ไหน..
ขอข้าดูหน่อยซิ อดีตที่ผ่านมาของเจ้าก็ได้พบเจอเหตุการณ์มามากมายเหมือนกันนี่นะ”
อึดใจนั้นชิเอลรู้สึกราวกับมีแท่งเหล็กแหลมกรีดคมลงมาแล้วผ่าแยกศีรษะออกเป็นสองส่วนก่อนที่มือข้างหนึ่งจะควานลึกเข้าไปข้างใน
“พะ..พอที!”
“ข้าจำเป็นต้องล้วงดูความทรงจำในอดีตของเจ้าอีกนิด ไม่เจ็บเท่าไหร่หรอกน่า เอาล่ะ.. ”
นัยน์ตาสีทับทิมเปล่งประกายเรืองรองขึ้นเมื่อภาพปีศาจสาวผิวสีน้ำผึ้งตนหนึ่งปรากฏขึ้นจากความทรงจำในช่วงชีวิตมนุษย์ของปีศาจตัวน้อย
“เจ้าได้รู้จักฝักดาบแล้วเช่นนั้นก็ง่ายล่ะ.. น้ำตาฟินิกซ์มันก็คล้ายๆ กันนั่นแหละ
พวกเราทุกคน..
ข้ากำลังพูดถึงเหล่าอมตะชนโดยไม่แบ่งแยกว่าจะเป็นปีศาจ เทวดา
ยมทูต หรือคนตายนะ
เมื่อเอาจำนวนทั้งหมดมารวมกันแล้วอาจมีหนึ่งในร้อย หนึ่งในพัน
หรือเศษเสี้ยวของหนึ่งในล้านที่ถูกกำหนดให้มีภาระหน้าที่พิเศษ อย่างเช่นนางปีศาจตนนี้เป็นต้น”
ชิเอลจ้องมองภาพ ‘ฮันนา’ ที่กำลังขยับเคลื่อนไหว ซึ่งเป็นความทรงจำที่ถูกลูซิเฟอร์ดึงออกมาฉายซ้ำอีกครั้งราวกับภาพยนตร์ ปีศาจสาวในชุดเมดตระกูลแทรนชี่กำลังถูกล้อมด้วยปีศาจหนุ่มอีกสองตน หนึ่งในนั้นคือพ่อบ้านของเขาเอง.. เซบาสเตียน
มิคาเอลลิส และอีกคนคือคลอท ฟอลทัส ..พ่อบ้านแห่งแทรนชี่ หนุ่มน้อยจ้องมองปีศาจหนุ่มตนหนึ่งประคองฮันนาให้นั่งลงบนตัก โดยให้อีกตนหนึ่งทำหน้าที่ ‘อัญเชิญ’
ดาบปีศาจออกมาจากปากของนาง
และแล้วจู่ๆ ภาพก็ค้างนิ่งอยู่ที่ฉากนั้น
“นางผู้นี้คือผู้ทำหน้าที่เป็นภาชนะให้กับดาบปีศาจ ส่วนเจ้า..”
ลูซิเฟอร์ประกบมือทั้งสองเข้าหากันและภาพทั้งหมดก็เลือนหายไป ซาตานหนุ่มก้าวเข้ามาประชิดและก่อนที่ชิเอลจะทันรู้ตัว นิ้วมือเรียวยาวก็ปลดชุดที่หนุ่มน้อยสวมใส่อยู่บนร่างออกเสียแล้ว
“นี่!..”
อาภรณ์สีน้ำเงินเข้มตกลงไปกองอยู่ที่รอบบั้นเอวและเผยร่างกายท่อนบนที่เปล่าเปลือยออกมาให้เห็น เจ้าแห่งปีศาจไม่สนใจเสียงทักท้วงของหนุ่มน้อย แต่กลับรั้งเสื้อให้ร่นต่ำลงอีกจนแลเห็นอัญมณีรูปหยดน้ำสีเพลิงอันเป็นต้นเหตุของความวุ่นวายทั้งปวง
“เจ้าคือภาชนะสำหรับสิ่งนี้ เป็นเจ้าของน้ำตาฟินิกซ์
ซึ่งเจ้าควรจะรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นได้ง่ายนัก”
“ทำไม.. แล้วทำไมถึงต้องเป็นฉัน”
“นั่นก็เพราะ..”
เสียงนุ่มหยุดชะงักลงกลางครัน ซาตานหยุดคิดอยู่ครู่หนึ่งก็เผยรอยยิ้มออกมา
“เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน
เมื่อมองดูข้าแล้วคงจะเข้าใจได้ง่ายขึ้น”
จบคำลูซิเฟอร์ก็ยืดกายขึ้นแล้วเริ่มปลดเปลื้องอาภรณ์ออกจากร่างตนเอง
ผ้าคลุมบ่าสีไวน์แดงถูกโยนทิ้งลงกับพื้นเป็นอันดับแรก ตามด้วยผ้าคาดเอวสีทองที่ถูกคลายออก ต่อด้วยชุดคลุมยาวตัวนอกและตัวในสีดำสนิทเป็นลำดับสุดท้าย ราชาแห่งปีศาจก้าวขาออกจากกองผ้าบนพื้น แล้วเปิดเปลือยเรือนร่างอันงดงามสมส่วนต่อหน้าอีกฝ่ายอย่างไม่สะทกสะท้าน ขณะที่ชิเอลเขยิบหนีไปจนชิดพนักเก้าอี้พร้อมด้วยใบหน้าแดงก่ำ.. หากผู้เปลือยโล่งกลับสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง.. ประกายตายังคงสงบนิ่ง แม้ขนคิ้วสักเส้นก็ยังไม่กระดิก มือเรียวขาวผ่องวางทาบลงบนท้องน้อยซึ่งอุดมด้วยมัดกล้ามอันงดงามสมบูรณ์ของตนเอง พลางสะกิดปลายเล็บยาวเข้ากับพื้นผิวเรียบลื่นที่ส่องประกายวาบราวกับเปลวเพลิงซึ่งติดตรึงอยู่ในตำแหน่งที่ต่ำลงไป มันคืออัญมณีสีแดงเช่นเดียวกับที่ชิเอล แฟนธอมไฮฟ์มีอย่างไม่ผิดเพี้ยน
“น้ำตาฟินิกซ์! นี่นาย.. นายเองหรือที่เป็น..”
“ใช่.. ข้าเอง ทีนี้คงเข้าใจแล้วสินะ” รอยยิ้มอันงดงามเผยอกว้างขึ้นเมื่อเห็นนัยน์ตากลมโตที่เบิกโพลงของหนุ่มน้อย
“น้ำตาฟินิกซ์จะเลือกผู้ที่มีความแปรผันเป็นเจ้าของ อย่างเช่นตัวข้ามีชาติกำเนิดเป็นทูตสวรรค์แต่กลับกลายมาเป็นปีศาจในภายหลัง ขณะที่เจ้ากำเนิดมาจากมนุษย์แต่ต้องกลายเป็นปีศาจในขณะนี้”
ลูซิเฟอร์ยืนนิ่งแล้วปล่อยให้ปีศาจรับใช้แต่งองค์ทรงเครื่องให้ใหม่ ชิเอลเฝ้ามองดูร่างอันงามสง่าถูกห้อมล้อมด้วยปีศาจราวๆ
หกถึงเจ็ดตนที่ช่วยกันจัดเครื่องทรงให้เข้าที่
ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วจัดแจงเสื้อผ้าของตนเองให้เรียบร้อย
เจ้าแห่งความมืดเม้มริมฝีปากพลางชำเลืองมองข้ารองบาทนางหนึ่งที่เผลอพันแถบผ้ารัดเอวแน่นเกินไป วินาทีนั้นนัยน์ตาแดงก่ำพลันเปล่งประกายวาบด้วยความไม่พอใจ และก่อนที่จะมีใครทันรู้ตัว.. จู่ๆ เปลวไฟอันไร้ที่มาก็พวยพุ่งขึ้นเกือบถึงเพดานห้องก่อนจะลุกท่วมร่างปีศาจตนนั้น
ส่งผลให้นางกรีดร้องโหยหวนอย่างน่าเวทนาแล้วกลิ้งตัวอย่างทุรนทุรายไปกับพื้น ขณะที่รอยยิ้มอันอบอุ่นอ่อนโยนยังคงไม่เลือนหายไปจากใบหน้าของซาตานหนุ่ม
“ส่วนเรื่องที่เจ้ากำลังสงสัยอยู่ในตอนนี้
ว่าข้ารอดพ้นจากการถูกครอบครองมาได้อย่างไรตั้งหลายพันปีนั้นเป็นคำถามที่งี่เง่าสิ้นดี..”
ขณะที่ชิเอลและข้ารองบาทตนอื่นๆ พากันตกใจจนหน้าซีดไปตามๆ กัน ลูซิเฟอร์กลับดูราวกับจะไม่ได้ยินเสียงกรีดร้องอย่างทนทุกข์ทรมานนั้น ..หรือแม้จะได้ยินหากก็ไม่แยแส เจ้าแห่งความมืดยังคงพูดในสิ่งที่ค้างคาต่อไป โดยไม่สนใจแม้ว่าปีศาจที่โชคร้ายตนนั้นจะเริ่มแน่นิ่งไปแล้ว
“คิดว่าข้าเป็นใครกันหรือ..
ข้าคือราชันย์แห่งนรกนะ
นอกจากเจ้าแล้ว.. ปีศาจทุกตนในอาณาจักรแห่งนี้ล้วนแต่ถือกำเนิดขึ้นด้วยมือข้าทั้งสิ้น แล้วจะมีใครหน้าไหนหาญกล้าปรากฏตัวออกมาคุกคามข้าได้..
แต่กับเจ้าแล้วมันไม่เหมือนกัน..”
“พอแล้ว! ..หยุดทำแบบนี้สักที!!”
พริบตานั้นมีลมพัดมาวูบหนึ่ง
ปัดเป่าเพลิงที่ครอกอยู่บนร่างปีศาจผู้อับโชคได้เพียงแค่ปลายเปลวสะบัดไหวแล้วก็สลายตัวไป ทว่าแม้จะเป็นสายลมที่อ่อนแอไร้พิษสงสักเพียงใด หากเท่านั้นก็ส่งผลให้ซาตานหนุ่มเลิกคิ้วอย่างสนเท่ห์
“โอ้..
ดูเหมือนว่าพลังของเจ้าจะเริ่มตื่นแล้วสินะ ไม่เลวนี่” ลูซิเฟอร์เพียงแต่ดีดนิ้วเบาๆ
เปลวไฟทั้งหมดก็อันตรธานหายไปราวกับไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
“เพื่อเห็นแก่ชิเอลน้อยๆ ของข้า..
ครั้งนี้ข้าจะละเว้นให้เป็นกรณีพิเศษก็แล้วกัน
พวกเจ้าทุกคนถอยไปได้”
“พอ.. พอสักที”
เวลานี้เขาไม่อยู่ในสถานะที่จะรับรู้อะไรอีกแล้ว.. ชิเอล
แฟนธอมไฮฟ์หอบหายใจแรง
ขณะที่นัยน์ตาสีเลือดเบิกโพลงจ้องมองกลับไปยังภาพในอดีตของตนเองอย่างลืมตัว
ร่างเล็กบอบบางสั่นสะท้านอย่างควบคุมไม่ได้
เมื่อภาพความทรงจำหนึ่งเดือนที่ตนถูกจับไปทรมานพลันล้นทะลักขึ้นมาอีกครั้ง และตั้งแต่นั้นมาเขาก็ไม่เคยอดทนได้เลย.. ทุกครั้งที่เห็นใครสักคนถูกทรมานอย่างโหดเหี้ยมทารุณเขามักจะควบคุมตนเองไม่อยู่
“ตกลง”
ชิเอลไม่อาจต่อต้านขัดขืนเมื่อถูกรั้งตัวเข้าสู่อ้อมกอด ซาตานหนุ่มรวบร่างเล็กๆ ขึ้นอุ้มแล้วจุมพิตแผ่วเบาที่เรียวแก้ม
ก่อนจะเชยปลายคางขึ้นแล้วก้มลงกระซิบที่ริมหูด้วยน้ำเสียงซึ่งดังพอแค่ได้ยินเพียงสองคน
“ข้าบอกในสิ่งที่เจ้าต้องการจะรู้แล้ว ทีนี้ก็ถึงเวลาเจ้าทำตามใจข้าบ้างล่ะนะ”
“ทำ.. ทำอะไร”
“ละทิ้งพันธะสัญญากับปีศาจของเจ้าซะ.. แล้วมาอยู่ข้างกายข้า
เป็นของเล่นของข้าไปชั่วนิรันดร์”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น