ชัยปุระ, ธันวาคม 1894
มหานครแห่งตะวัน ดินแดนแห่งชัยชนะ
มิใช่เรื่องแปลกที่จะพบเห็นชาวตะวันตกมาเดินเพ่นพ่านอยู่ในอาณาจักรแห่งนี้ นับตั้งแต่อินเดียตกเป็นเมืองขึ้นอังกฤษเมื่อสิบกว่าปีก่อนโฉมหน้าของประเทศนี้ก็เปลี่ยนไปมาก บุรุษหนุ่มวางมือลงบนด้ามกระบี่ที่คาดเอวพลางจ้องมองเมืองที่ดูราวกับถูกย้อมด้วยสีชมพู มิใช่ด้วยแสงอัสดงในยามนี้
..แต่เป็นเพราะอาคารบ้านเรือนเกือบทั้งหมดถูกทาด้วยสีชมพูอมส้มเหมือนๆกันหมด สถาปัตยกรรมแบบฮินดูผสมมุสลิมเช่นนี้ช่างดูแปลกตานัก ทว่าก็แลดูกลมกลืนกันเสียจนทำให้เขารู้สึกเหมือนตนเองเป็นสิ่งแปลกปลอม.. เป็นเพียงคนนอกที่พลัดหลงเข้ามาในอารยธรรมที่ไม่รู้จัก
ทว่าเขาคงจะสนใจหรอก ในเมื่อคำสั่งที่ได้รับมอบหมายจากต้นสังกัดสำคัญกว่ามากนัก และนั่นทำให้เขา.. ‘บลัดดี้โรส’
ต้องข้ามน้ำข้ามทะเลจากบ้านเกิดมาไกลถึงเพียงนี้เพื่อล่าหัวคนทรยศ อดีตนักจารกรรมเช่นเดียวกับตนผู้ซึ่งมีนามว่า ‘แอมเบอร์’ ในความผิดฐานเป็นสายลับที่โจรกรรมข้อมูลสำคัญให้กับฝ่ายตรงข้าม
แอมเบอร์คนนี้แฝงตัวเข้ามาในองค์กรเมื่อสิบปีที่แล้ว ถึงแม้จะมิได้จัดว่าเป็นนักจารกรรมระดับแนวหน้า ทว่าก็มีค่าหัวสูงถึงสองหมื่นเหรียญแล้วในเวลานี้ บลัดดี้โรสล้วงภาพถ่ายออกมาดูอีกครั้งพลางจดจำลักษณะเด่นของเหยื่อให้ขึ้นใจ.. เรือนผมยาวตรงสีบลอนด์ปรกหน้า ใบหน้ารูปไข่ และนัยน์ตาสีน้ำตาลทอง
..ก็จัดว่าเป็นคนหน้าตาดีพอใช้
แต่น่าเสียดายที่จะต้องอายุสั้น...
จากข้อมูลที่ทางการสืบมา
แอมเบอร์ซุ่มซ่อนอยู่ในอารามแห่งหนึ่งใกล้ๆกับฮาวามาฮาล.. พระราชวังแห่งสายลม นัยน์ตาสีน้ำเงินกวาดมองไปตามความยาวของช่องหน้าต่างที่ฉลุเป็นลวดลายเล็กละเอียด ก่อนจะพบว่ามีอารามหลังเล็กๆสร้างจากหินทรายสีแดงสดเช่นเดียวกับพระราชวังแอบอยู่ในเงามืด และในนาทีที่ค้นพบเป้าหมายรอยยิ้มเยือกเย็นก็ปรากฏขึ้นบนเรียวปาก แต่ยังก่อน.. ชายหนุ่มเร้นกายเข้าสู่ร่มไม้ใกล้ตัวแล้วแหงนหน้าขึ้นมองแสงสีส้มเทาบนท้องฟ้า เขาจะรอให้มืดสนิทแล้วจึงค่อยลงมือ และหากว่าจบภารกิจได้เร็ว คืนพรุ่งนี้เขาอาจอยู่บนเรือที่จะพาเขาออกไปจากดินแดนแห่งนี้แล้วก็เป็นได้
และหลังจากที่รอคอยอยู่ร่วมชั่วโมงเศษนครสีชมพูก็มืดสนิท
ขณะเดียวกันพระราชวังก็เต็มไปด้วยแสงเรืองรองจากตะเกียงน้ำมัน ..ดุจสัญญาณให้ลงมือ หนุ่มนักล่าจัดการรวบผมเป็นทรงหางม้าก่อนจะโพกทับด้วยผ้าดำเพื่อปกปิดใบหน้าและเรือนผมสีบลอนด์สะดุดตาแล้วจึงลอบเข้าไปในอาราม ร่างประหนึ่งเงาดำทาบกายเข้ากับเสาที่ระเบียงทางเดินอย่างเงียบกริบ ก่อนจะเคลื่อนที่ไปข้างหน้าด้วยฝีเท้าที่ไร้ซุ่มเสียง เป็นโชคดีที่ในนี้มีเพียงจากแสงคบเพลิงที่ผนังเท่านั้น และความมืดสลัวจะช่วยให้เขาทำงานง่ายขึ้น
ทว่าอึดใจนั้นบลัดดี้โรสก็ต้องกลั้นหายใจพลางเร้นกายหายเข้าไปในเงามืดเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของใครบางคน
ท่ามกลางความมืด.. เสียงนั้นใกล้เข้ามาทีละน้อยๆ ซึ่งเมื่อสังเกตดูให้ดีแล้วมิน่าจะใช่ทหารยามเนื่องจากน้ำหนักเท้าที่กดลงบนพื้นไม้นั้นช่างเบาหวิวเกินกว่าจะเป็นนักรบที่ฝึกปรือมาอย่างดี คงเป็นนักบวชที่บังเอิญผ่านมากระมัง..
ชายหนุ่มขบริมฝีปากคิดพลางตัดสินใจที่จะปล่อยคนไม่รู้เรื่องรู้ราวให้ผ่านไปโดยไม่จัดการปิดปากเสีย ก่อนจะต้องเปลี่ยนใจในนาทีต่อมา... เมื่อสายตาสะดุดเข้ากับเรือนผมสีบลอนด์ยาวระสะโพกกับร่างสูงเพรียวในคราบนักบวช
เขาก็แน่ใจว่าเหยื่ออันโอชะเผลอตัวเข้ามาถึงที่ตาย
..ช่างง่ายดายอะไรอย่างนี้...
บลัดดี้โรสกระชับมีดสั้นในมือแน่น
ก่อนจะกระชากเหยื่อเข้ามาในเงามืดแล้วกดคมมีดเข้าที่ลำคอ
และคงจะไม่ยั้งมือไว้หากมิได้สัมผัสถึงความผิดปกติตรงหน้า
..แอมเบอร์มิได้ดิ้นรนขัดขืนเลย...
อันที่จริงดูเหมือนจะกำลังตกใจเสียจนเข่าทรุดแล้วด้วยซ้ำ อีกประการหนึ่งคือสายลับผู้นั้นตัวเล็กถึงเพียงนี้เชียวหรือ..
ลำพังอาศัยเพียงแสงจากคบเพลิง..
ชายหนุ่มจัดการหมุนร่างเหยื่อให้หันกลับมาเผชิญหน้าก่อนจะต้องตกตะลึง เมื่อพบว่าผู้ที่อยู่ในอ้อมแขนตนคือหนุ่มน้อยที่ดูเปราะบางราวกับแก้วเจียรไน ดวงตาที่ปิดสนิทอวดแพขนตายาวงอนทาบทับเรียวแก้ม กับใบหน้ารูปไข่ซึ่งงดงามรับกันกับจมูกและริมฝีปากสีกลีบบัวนั้นทำให้เขาถึงกับลืมตัว ลำคอระหงพันทบไว้ด้วยผ้าสีขาวซึ่งห่อหุ้มเรือนร่างส่วนที่เหลืออย่างมิดชิดก็จริงอยู่
ทว่าลักษณะเช่นนี้แทบมิได้ผิดเพี้ยนไปจากข้อสังเกตในภาพเลย
ถึงแม้ว่าจะดูงดงามกว่าแต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเป็นคนละคน และก็เป็นครั้งแรกที่บลัดดี้โรสต้องลังเลใจ
เขาไม่เคยสังหารเหยื่อดูที่ไร้ทางสู้เช่นนี้มาก่อนเลยและก็รู้สึกว่าเป็นการเอาเปรียบ.. หากตนจะลงมือโดยที่อีกฝ่ายไร้ทางโต้ตอบ
วงแขนกว้างคลายออกก่อนจะผลักเหยื่อเสียจนกระเด็น
“ชักอาวุธออกมา.. ข้าจะให้โอกาสท่านในการปกป้องตนเอง”
“..ระ.. เราหรือ...”
น้ำเสียงนุ่มที่ทวนคำเป็นภาษาอังกฤษอย่างกระท่อนกระแท่นส่งผลให้บลัดดี้โรสต้องขมวดคิ้วอีกครั้ง
...ช่างเล่นละครตบตาได้เก่งนัก..
“ถ้าเช่นนั้นข้าจะถือว่าท่านยินยอมพร้อมมอบศีรษะให้กับข้านะ และโทษที่มีต่อการทรยศองค์กรตัวท่านเองก็คงทราบดีอยู่แล้ว”
“องค์กรใดหรือท่าน.. ”
ยามนี้ดวงหน้างามซีดขาวด้วยความกลัว
นักบวชหนุ่มก้าวถอยหลังอย่างสะเปะสะปะเมื่ออีกฝ่ายรุกคืบเข้ามาพร้อมด้วยอาวุธคมกริบในมือ
แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อแผ่นหลังสัมผัสเข้ากับฝาผนัง ..หมดทางหนีเสียแล้ว
“เรา..
เราคิดว่าคงจะผิดคนกระมัง”
สำเนียงตะกุกตะกักทำให้นักล่าหนุ่มต้องชั่งใจ และเป็นอีกครั้งที่บลัดดี้โรสต้องยั้งคมมีดในมือไว้ก่อนเพราะไม่แน่ใจ หากมิใช่เพราะจับผิดตัว.. แอมเบอร์ก็คือสายลับที่มีความสามารถในการตบตาชั้นยอด
และท่าทางเช่นนี้ก็เกือบจะทำให้เขานึกสงสาร ทว่ายังก่อน.. จนกว่าจะได้พิสูจน์ให้แน่ชัด กรงนิ้วแกร่งยึดปลายคางอีกฝ่ายไว้แน่นพลางขยับเข้าไปใกล้อย่างระวังตัว
“ลืมตาให้ข้าดูหน่อยสิ
ท่านมิได้ตาบอดไม่ใช่หรือ” นักล่าหนุ่มเอ่ยเสียงเย็น ทว่าเมื่อยังไม่มีปฏิกิริยาจากฝ่ายตรงข้ามเขาก็พูดซ้ำอีกครั้ง
“ลืมตาสิ.. มิฉะนั้นข้าคงต้องควักลูกตาท่านออกมาดู”
ชายหนุ่มไม่พูดเปล่า หากยังเอื้อมมือคว้าคบเพลิงลงมาจากกำแพงแล้วยื่นเข้าไปใกล้ใบหน้าที่เต็มไปด้วยหยาดเหงื่อเพื่อที่จะดูให้ชัดๆ
และเมื่อไม่มีทางเลือกคนถูกข่มขู่ก็จำต้องยอมเปิดเปลือกตาขึ้นในที่สุด วินาทีนั้น.. นัยน์ตาสีฟ้าใสที่สบประสานอย่างกล้าๆกลัวๆก็ทำให้บลัดดี้โรสตกตะลึงอีกครั้งพร้อมทั้งรู้สึกประหนึ่งถูกตบหน้าเสียงดังสนั่น เมื่อบัดนี้รู้ชัดแล้วว่านี่มิใช่สายลับที่ตนหมายศีรษะ
ยิ่งสังเกตให้ดีก็ยิ่งแลเห็นความแตกต่าง ด้วยคนที่ยืนตัวสั่นอยู่ตรงหน้านี้ยังอ่อนเยาว์นัก ดูอย่างไรก็ไม่น่าจะเกินสิบสี่หรือสิบห้า ..ไม่มีทางที่จะเป็นสายลับไปได้เลย
“ข้า... ขออภัย”
กรงนิ้วที่บีบปลายคางไว้แน่นคลายออกในที่สุด บลัดดี้โรสถอยห่างออกมาพร้อมกับกล่าวคำขอโทษทั้งๆที่รู้อยู่เต็มอกว่าตนกระทำการหยาบคายต่อนักบวชผู้นี้เพียงใด
และไม่มีคำขอโทษใดจะสามารถลบล้างความผิดในครั้งนี้ได้ แต่กระนั้นเขาไม่มีทางเลือก
“ได้โปรดอภัยให้ด้วย
ข้าจำคนผิด
..มิได้ตั้งใจจะหยาบคายต่อท่านเลย”
สายลับหนุ่มสอดปลายมีดลงในซองหนังข้างเอวก่อนจะยื่นมือเข้าไปหานักบวชน้อย
ทว่าอีกฝ่ายกลับหวาดกลัวเสียจนไม่นำพาไมตรีใดๆทั้งสิ้น
“บอกนามของท่านให้ข้าทราบทีเถิด
เพื่อที่ข้าจะได้รู้ว่ากำลังล่วงเกินผู้ใด”
บลัดดี้โรสยังคงทำใจเย็นพลางเอ่ยถามอย่างสุภาพ
ขณะที่หนุ่มน้อยเม้มริมฝีปากแน่น ความหวาดกลัวยังคงฉายชัดอยู่ในแววตา
“ชากะ”
คำตอบที่มิได้ดังเกินกว่าเสียงกระซิบหลุดรอดออกมาจากริมฝีปากบาง
ชากะกำมือแน่นพลางพยายามหาทางถอยห่างจากผู้บุกรุกที่น่าสะพรึงกลัวคนนี้ ทว่ายังไม่ทันจะได้หันหลังวิ่งหนีก็พลันถูกรวบตัวไว้เสียก่อน
“ได้โปรดใจเย็นก่อน
ข้ามิได้จะ..”
“ไม่.. ปล่อยเรา.!.. คะ..
ใครก็ได้!!..”
สายลับหนุ่มไม่มีทางเลือก
อุ้งมือใหญ่ช้อนศีรษะนักบวชน้อยให้เงยขึ้นแล้วก้มลงประกบริมฝีปากปิดกั้นเสียงร้องขอความช่วยเหลือ และมันเกิดขึ้นรวดเร็วจนเกินจะทัดทาน... ชากะได้แต่เบิกตาค้างอย่างทำอะไรไม่ถูกเมื่อถูกจู่โจมเอาในลักษณะนี้
ริมฝีปากนุ่มที่เผยอค้างด้วยความตระหนกถูกกดประทับแน่นด้วยความอุ่นชื้น เสียงตะโกนก็พลันจมหายลงไปในลำคอหมดสิ้น อ้อมแขนของบุรุษแปลกหน้าโอบกระชับร่างที่บางกว่าอย่างถือวิสาสะโดยอาศัยเรี่ยวแรงที่มากกว่ากอดรัดไว้แน่นมิให้ดิ้นรนขัดขืน จนกระทั่งพอจะรู้สึกว่าอีกฝ่ายอ่อนระทวยไปทั้งร่างแล้วนั่นแหละจึงยอมถอนริมฝีปากออก
“ทั้งๆที่ตั้งใจไว้แล้วเชียวว่าจะไม่ปิดปากท่าน.. ไม่ว่าจะด้วยความหมายแง่ใดก็ตาม
ท่านบังคับให้ข้าต้องลงมือเองนะ”
ชากะยังคงตกตะลึง
แข้งขาไร้เรี่ยวแรงอยู่ในวงแขนผู้บุกรุก
ปล่อยให้อีกฝ่ายกอดรัดอยู่อีกเป็นครู่กว่าจะทรงกายได้อีกครั้ง
สติเริ่มกลับมาในนาทีที่บลัดดี้โรสคลายอ้อมแขนออก
“..ท่าน... ท่าน...”
“ข้าชื่ออโฟรดิเท”
เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขายอมให้คนแปลกหน้าล่วงรู้ชื่อที่แท้จริง
อโฟรดิเทจ้องมองสีหน้าที่เป็นส่วนผสมระหว่างความตกใจและสับสนของนักบวชน้อยด้วยความเสียดายก่อนจะถอยห่างออกมา
กระนั้นนัยน์ตาสีน้ำเงินพราวระยับก็ยังคงจ้องมองดวงหน้างามใสไม่วางตา
“คืนนี้ข้าคงต้องขอตัวก่อน
ขออภัยที่จำต้องล่วงเกิน”
…เขาไปแล้ว....
ชากะถึงกับเข่าทรุด
ร่างเพรียวภายใต้เครื่องทรงอันศักดิสิทธิ์ถึงกับสั่นสะท้านอย่างมิอาจควบคุมได้เมื่อตระหนักชัดว่าเกิดอะไรขึ้นกับตนเอง
...จะทำอย่างไรดี...
ด้วยเรื่องอัปยศเช่นนี้เกินที่จะเยียวยาเสียแล้ว....
********
เช้าแล้ว...
เหตุการณ์เมื่อคืนราวกับความฝันที่น่าสะพรึงกลัว ชากะขยับลุกขึ้นหลังจากจบการสวดมนตร์เช้าพร้อมด้วยหัวใจห่อเหี่ยว เมื่อพบว่าตนเองไม่อาจกำหนดจิตให้ตั้งมั่นจดจ่ออยู่กับกิจวัตรประจำวันได้อีกเลยนับจากนาทีที่ถูกจู่โจมเมื่อคืนนี้ หนุ่มน้อยพยายามรวบรวมสมาธิให้อยู่ที่ปลายไม้กวาดด้ามยาวในมือ กับเศษใบไม้ที่ร่วงกระจัดกระจายเต็มลานกว้างอย่างสิ้นหวัง รู้สึกรังเกียจความอ่อนแอของตนเองขี้นมาอย่างบอกไม่ถูก และต้องล้มเหลวอีกครั้งกับการนั่งสมาธิตลอดช่วงบ่าย
…ช่างน่าละอายนัก...
ในฐานะที่เป็นผู้เจริญรอยตามวิถีทางแห่งพระพุทธองค์ซึ่งยึดถือเพศพรหมจรรย์ตลอดมา
การถูกกระทำการจาบจ้วงเช่นนั้นแทบมิต่างอะไรกับผ้าขาวที่แปดเปื้อนมลทิน ..สุดจะหาทางให้กลับเป็นเหมือนก่อน
เมื่อคืนนี้.. หลังจากที่วิ่งกระหืดกระหอบเข้าไปในหอนอนและขังตนเองอยู่ในนั้นตั้งแต่กลางดึกจนย่ำรุ่งเพื่อสงบสติอารมณ์
ชากะยังไม่พบว่ามีหนทางใดจะลบล้างความผิดที่เกิดขึ้นได้ แม้จะมิได้เกิดจากการกระทำของตนเอง.. ทว่าก็ยังถือเป็นความผิด และเป็นบาปมหันต์นัก
จนใกล้สนธยาของอีกวันหนึ่งหนุ่มน้อยก็ยังคิดไม่ตกว่าควรทำเช่นไร...
จะทำอย่างไรดี...
จะทำอย่างไรดี..
เมื่อตัวเรานี้ไม่บริสุทธิ์เสียแล้ว
ไม่มีค่าคู่ควรกับการเป็นสาวกแห่งพระพุทธองค์อีกต่อไปแล้ว
ยามนี้เขารู้สึกสิ้นหวังท้อแท้... จิตใจก็ยิ่งจมดิ่งลงสู่ความมืด และความคิดก็ยิ่งตกต่ำเสียจนแทบไม่อยากจะมีชีวิตอยู่สู้หน้าผู้ใด ...ด้วยอับอายเหลือเกินแล้ว ที่ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่อาจสลัดภาพใบหน้าเมื่อคืนนี้ออกไปจากใจได้ ช่างน่าอดสูเหลือเกิน และเพราะคิดเช่นนั้นชากะจึงได้แต่ขังตนเองอยู่แต่ภายในวิหารโดยไม่ยอมออกไปสนทนาธรรมกับพวกพ้องตามปกติ
ทว่าคนที่ทำความผิดที่ว่ากลับมิได้รู้สึกทุกข์ร้อนอันใด.. บลัดดี้โรสยืนนิ่งอยู่บนยอดวิหาร นัยน์ตาสีน้ำเงินโชนแสงจ้าสบประสานกับเป้าหมายอย่างหมายมาด ..จะเอาศีรษะคนผู้นี้เป็นบรรณาการ
“คงไม่ต้องบอกกระมังว่าข้ามาที่นี่ด้วยกิจอันใด” อโฟรดิเทถามเสียงเย็นพร้อมด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า
ในที่สุดเขาก็พบตัวบุคคลที่ตามหา
ดูราวกับแอมเบอร์จะระแคะระคายถึงการปรากฏตัวของเขา.. บลัดดี้โรส
ผู้ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นมือหนึ่งขององค์กร
และคงไม่อาจทนกบดานเงียบได้อีกต่อไปจึงแสดงตัวออกมาในที่สุด เรือนผมสีบลอนด์ยาวประบ่าพลิ้วสะบัดยามที่คนทรยศกระชับกระบี่ในมือแน่น ภายใต้แสงสีชมพูอมส้ม..
อโฟรดิเทแลเห็นถนัดชัดเจนถึงความแตกต่างระหว่างเหยื่อที่ต้องสังหารกับนักบวชหนุ่มน้อยที่ตนพบเมื่อคืน
...มันคือความงามที่มิอาจเทียบกันได้ ประดุจแสงหิ่งห้อยกับดวงตะวัน...
เขารีบสลัดความหวานละมุนละไมที่ติดปลายลิ้นทิ้งไป เมื่อแววกระหายเลือดในดวงตาสีอำพันของศัตรูบ่งบอกว่าถึงเวลาตัดสิน อโฟรดิเทสะบัดข้อมือ... มีดสั้นคู่กายพุ่งปราดเข้าหาเป้าหมายเพียงเส้นยาแดงผ่าแปดก่อนที่อีกฝ่ายจะเบี่ยงกายหลบ กระนั้นคมมีดก็ยังได้ลิ้มรสโลหิตจากต้นแขนซ้ายศัตรูและปักตรึงแน่นอย่างแม่นยำ ส่งผลให้แอมเบอร์กระตุกเฮือกแล้วแผดร้องด้วยความเจ็บปวด
..พลาดหรือ...
เขายังคงยิ้มอย่างใจเย็นพลางสลัดปลอกกระบี่ทิ้ง ขณะที่ฝ่ายตรงข้ามกุมแน่นอยู่ที่บาดแผลซึ่งมีเลือดไหลปรี่ออกมา แอมเบอร์คำรามลั่นแล้วกระชากมีดสั้นออกจากต้นแขนก่อนจะพุ่งเข้าใส่อโฟรดิเทพร้อมกระบี่ในมือ เพียงเพื่อจะพบกับปลายแหลมคมของกระบี่อีกอันหนึ่งที่ยกขึ้นรับการฟาดฟัน ปลายอาวุธที่สะบัดเข้าใส่กระทบกันเสียงดัง เป็นเวลาเดียวกับที่นักบวชตีระฆังในโบสถ์พอดิบพอดี
เสียงจากการต่อสู้กันบนหลังคาวิหารของบุรุษทั้งสองจึงถูกกลบด้วยเสียงเหง่งหง่างของระฆังแทน ส่งผลให้ฝูงนกกาที่เกาะอยู่บนหลังคาพากันบินหนีด้วยความตกใจ
ใกล้ค่ำแล้ว.. ยิ่งบาดเจ็บมากขึ้นเท่าไหร่
สติและการควบคุมตนเองก็ยิ่งเหลือน้อยลงเท่านั้น แอมเบอร์ตวัดอาวุธทุ่มกายโรมรันหมายเอาชัยด้วยพละกำลังทั้งหมดที่มี
ขณะที่อีกฝ่ายเน้นการตั้งรับและพลิกพลิ้วหลอกล่อให้สับสนด้วยความเชี่ยวชาญและชั้นเชิงที่เหนือกว่า การที่โฟรดิเทมีเพียงรอยยิ้มยั่วสลับกับเสียงหัวเราะแผ่วๆอย่างอารมณ์ดีขณะที่สะบัดปลายกระบี่เข้าตอบโต้อย่างไม่เร่งร้อนยิ่งเป็นการโหมให้ศัตรูยิ่งโมโหเดือดขึ้นเป็นทวีคูณ ทั้งบาดแผลสดใหม่ที่ฝ่ายตรงข้ามจงใจสะกิดให้เป็นริ้วรอย ทั้งกำลังแขนที่ไม่มีตกยามที่นักล่ารูปงามฟาดฟันกลับมา
ส่งผลให้แอมเบอร์เริ่มรับรู้ถึงชะตากรรมของตนเอง ยิ่งทำให้โหมทิ่มโหมแทงด้วยอยากจะทำลายรอยยิ้มยั่วน่าโมโหนั่นเสียให้สิ้น ยิ่งคิดก็ยิ่งรีบร้อน ยิ่งบุกกระหน่ำก็ยิ่งพลาดพลั้ง และในที่สุดก็รู้ผลแพ้ชนะ..
............................................
อา...
หากลืมเขาคนนั้นมิได้เราก็ไม่ควรจะมีชีวิตอยู่ต่อไป...
ในยามนี้นักบวชคนอื่นคงจะเข้านอนกันหมดแล้ว ชากะคุกเข่านิ่งอยู่หน้าแท่นบูชาตามลำพัง นัยน์ตาสีฟ้าระทมทุกข์เพ่งมองเปลวเทียนเบื้องหน้า พลางสดับฟังเสียงวีณาคลอด้วยทำนองสวดที่ดังแว่วมาจากโบสถ์พราหมณ์ที่อยู่ห่างออกไป เขาไม่อาจสงบใจ ทำไม่ได้จริงๆ... ไม่ว่าจะพยายามขจัดมันออกไปเพียงไร
ใบหน้าบุรุษรูปงามที่คอยหลอกหลอนก็ยังคงวนเวียนไม่ยอมห่างราวกับเป็นมารร้าย
ชะรอยคงเป็นผลกรรมจากชาติปางก่อนกระมังที่ทำให้เขามิอาจเดินอยู่ในวิถีทางนี้ได้ตลอดรอดฝั่ง
ถ้าเช่นนั้น..
มือเรียวบางกำกระชับรอบด้ามกริชแล้วยกขึ้นเสมอทรวงอก
หนุ่มน้อยกัดริมฝีปากจนห้อเลือดขณะพยายามบังคับมือตนเองมิให้สั่น
กระนั้นก็ยังดูเหมือนร่างกายทรยศนี้จะไม่ฟังคำสั่งใดๆ ชากะปิดเปลือกตาลงพลางสูดหายใจลึก
ปรารถนาจะพ้นจากความทรมานด้วยการเสือกคมมีดเข้าสู่หัวใจ
…อีกนิดเดียวเท่านั้น....
ทว่าพริบตานั้นเปลวเทียนก็พลันถูกลมพัดดับวูบส่งผลให้ทั้งวิหารตกอยู่ในความมืด
นักบวชน้อยจำต้องวางกริชลงข้างกายแล้วควานหาตะเกียงน้ำมันเพื่อจะนำมาต่อกับเทียนเล่มที่ดับไป
...อย่างน้อยเขาก็ไม่ปรารถนาจะสิ้นลมหายใจอย่างเดียวดายท่ามกลางความมืดหรอก... และหลังจากที่ได้แสงสว่างคืนมาชากะก็ต้องสะดุ้งเฮือก เมื่อกริชที่ตั้งใจจะใช้ปลิดชีพตนกลับไปตกอยู่ในมือของผู้บุกรุก
ที่ไม่ทราบว่าลอบเข้ามาในวิหารตั้งแต่เมื่อไหร่
“ท่านนักบวชคิดว่าโลกนี้ไม่น่าอยู่อีกแล้วงั้นหรือ จึงด่วนคิดอยากจะจากไปไวนัก”
อโฟรดิเทเอ่ยถามเสียงเบาพลางกระเดาะอาวุธในมือเล่นอย่างใจลอย
ร่างในอาภรณ์แบบตะวันตกนั่งไขว่ห้างอย่างสบายอารมณ์อยู่บนแท่นบูชา หันหลังให้กับพระพุทธรูปองค์ใหญ่ ขณะที่หนุ่มน้อยถึงกับตกใจจนหน้าซีด
“เป็น...
เพราะเรามิอาจดำเนินรอยตามวิถีทางแห่งพระพุทธองค์สืบไป”
คำตอบนั้นเรียกรอยยิ้มบางๆให้ปรากฏขึ้นบนริมฝีปาก อโฟรดิเทยังคงหมุนมีดในมือเล่นโดยไม่แสดงสีหน้าทุกข์ร้อน ตามด้วยคำถามที่พาให้หัวใจอีกฝ่ายแทบหยุดเต้น
“เป็นเพราะจุมพิตเมื่อคืนนี้อย่างงั้นหรือ ที่ทำให้ท่านตัดสินใจทำเช่นนี้”
ชายหนุ่มโยนกริชขึ้นไปในอากาศแล้วเอื้อมมือคว้าเอาไว้อย่างง่ายดาย
ขณะที่ชากะได้แต่ก้มหน้านิ่งไร้การตอบสนอง
อโฟรดิเทถอนหายใจเมื่อได้เห็นสภาพหมดอาลัยตายอยากของหนุ่มน้อย สายลับหนุ่มนิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกระชากผ้าผูกคอตนเองออกตามด้วยเสื้อตัวนอกและตัวใน
เสียงผ้าฉีกขาดส่งผลให้ชากะเงยหน้าขึ้นมองและต้องตกตะลึง
เมื่อพบว่าอีกฝ่ายกำลังจ่อปลายมีดลงบนแผ่นอกเปลือยเปล่าของตนเอง ใบหน้างามดังเทพบุตรเรียบเฉยขณะที่คมกริชสะกิดผิวจนได้เลือด กระนั้นแววตาร้อนแรงกลับจ้องมองมาแทบลืมหายใจ
“หากเป็นเพราะการกระทำของข้าที่ทำให้ท่านต้องมัวหมอง เช่นนั้นเอาชีวิตข้าไปแทนคงจะดีกว่า”
“อย่านะ!!”
ก่อนที่สมองจะสั่งการ..
ก่อนจะทันรู้ตัวว่าทำอะไรลงไปชากะก็พบว่าตนเองปราดเข้าไปแย่งมีดมาจากมืออโฟรดิเทเสียแล้ว
หนุ่มน้อยสะท้านไปทั้งกายพร้อมกับหอบฮั่กยามที่ได้ตระหนักถึงน้ำหนักของคำว่า
‘ชีวิต’ และเป็นเรื่องโฉดเขลาเพียงใดที่คิดจะทำลายกระทั่งชีวิตของตนเอง
...นี่เขากำลังจะทำอะไร....
เขาเกือบจะทำบาปมหันต์ที่ไม่มีทางได้รับการให้อภัยเสียแล้ว
การฆ่าตนเองจะทำให้เขาต้องตกนรกหมกไหม้ ไม่ได้ผุดได้เกิด...
อโฟรดิเทดึงหนุ่มน้อยเข้ามากอดแนบชิดแล้วก้มลงจุมพิตกลางกระหม่อม
พลางปล่อยให้อีกฝ่ายมีเวลาคิดทบทวนถึงการกระทำของตนเอง
“ท่านนักบวชคงได้คิดแล้วสินะ”
เสียงทุ้มนุ่มถามอย่างอ่อนโยน
ชายหนุ่มแตะปลายคางชากะให้เงยขึ้นก่อนจะแนบริมฝีปากลงบนเรียวแก้ม
“ถ้างั้นทำอย่างนี้ดีกว่ากันเยอะเลย”
หนุ่มน้อยหมดเรี่ยวแรงจะขัดขืนยามที่อีกฝ่ายประทับริมฝีปากลงมา ทำได้เพียงแค่ยึดท่อนแขนที่โอบกอดตนไว้แน่นเพื่อพยุงกายมิให้ล้ม แล้วปล่อยให้สายลับหนุ่มกระทำตามใจชอบ
“ไปกับข้าเถอะ
ถ้าหากท่านคิดว่าไม่อาจทำหน้าที่ได้อีกต่อไปแล้วล่ะก็..
ต่อไปนี้ข้าจะดูแลท่านเอง”
ชากะมิได้ตอบคำด้วยสมองยังมึนงงเสียจนคิดอะไรไม่ออก
ทว่าอะไรบางอย่างที่อุ่นซ่านกำลังอาบเอ่อล้นหัวใจ ถึงแม้เขาจะยังไม่รู้ว่ามันคือสิ่งใด ทว่าก็กลับมิได้สนใจคิดหาคำตอบในเวลานี้
วงแขนเรียวบางโอบรอบลำคอชายหนุ่มยามที่อโฟรดิเทรวบร่างตนขึ้นสู่วงแขนแล้วปีนออกไปทางหน้าต่าง ก่อนจะหายลับไปในความมืด
~End~
โอ้วว... คราวนี้บลัดดี้โรสก็ยังเท่เหมือนเดิม >///////<
ตอบลบแต่จากที่บรรยายออกมา ก็ชักจะอยากเห็นเมืองนี้จริงๆซะแล้วแฮะ ชอบฉากที่ท้องฟ้าเป็นสีชมพูในยามเย็นมาก(/หรือโลกของสองเราเป็นสีชมพู!?)
แต่ก็แอบขำเหมือนกันนะคะ ดูบลัดดี้โรสไม่น่าจะใจอ่อนกับอะไรง่ายๆ แต่กลับโดนดาเมจจากความโมเอ้ >O</////////
(/จินตานาการภาพท่านช่าแล้ว... เลือดจะพุ่งค่า~~~~ คนอะร๊ายยย สวยได้ขนาดนี้ !!!!! )
Virgo Kaimook « ตอบ #28 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 19, 2011, 10:47:57 am »
http://www.saintseiyathaifanclub.com/smf_n/index.php?topic=15719.15
Read more: http://moon-drop.exteen.com/#axzz21PmdgQb0 http://moon-drop.exteen.com/20110219/sin-part1#ixzz22Y0slSRh
Under Creative Commons License: Attribution
ก็อย่าบอกใครสิหนู...แต่แม่ยก print screen ไปเกรียวเเล้ว
ตอบลบไม่มีอะไรจะพูดมากครับ เอาง่ายๆแค่
"แหล่ม" = =b
#1 By 'เด็จป้า on 2011-02-21 22:03
-------------------------------------------
ขบเผาะ กรี๊ดค่ะ
ให้อารมณ์จอมโจรเด็ดดอกไม้มากกว่านักฆ่านะเนี่ยcry
#2 By ffr -_- on 2011-02-21 22:07
-------------------------------------------
รับทราบค่า
ดีใจที่ชอบกันนะคะ ^ ^
#3 By ~Moondrop~ on 2011-02-22 09:08
-------------------------------------------
แอร๊ยยยยยยย กรี๊ดดดดดดดดดด ว้ากกกกกกกกกก =[]=!!! ไม่รู้จะสรรหาคำอะไรมาสกรีมให้ลั่นแล้วค่า!!!!!!!!!!
ท่านช่าโมเอ้โคตรๆ โชตะโคตรๆ ใสซื่อโคตรๆ ไร้เดียงสาโคตรๆ น่ารักโคตรโคตรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรร !!!!!!!!!!!!!!
นึกภาพตามแต่ละท่วงท่าแล้วแบบบบบบบบ...
ไม่แปลกใจเลยที่ตี้จะยั้งใจไม่อยู่=.,=//
แต่แหมมม... ตี้นะตี้... พูดซะเพราะ... ที่ไหนได้ ร้ายชะมัด !!!
โอ้ยยยยย หล๊อหล่อ เขิ๊นเขินนน>O</////
แล้วที่บอกว่าคืนนี้คงต้องขอตัวก่อนเนี่ย.. แปลว่ามีคืนหน้าใช่ไหมคะ*O*///
แทบทนรอไม่ไหวเลยค่า น้องช่าคะน้องช่าขา ไม่เป็นไรนะคะ เดี๋ยวก็ชิน ยังไงก็ไม่พ้นโดนล่วงเกินอีกหรอก เนอะ~(/โดนประคำตบซ้ายตบขวา)
ps.พี่แนนสุดยอดดด !! แบบอึ้งไปแล้วอ่ะพี่ เร็วขนาดนี้! สนุกขนาดนี้ ! กรี๊ดขนาดนี้ !!!!(/กระโดดกอดเอาหัวถูไถขวิดๆ)
Virgo Kaimook « ตอบ #30 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 20, 2011, 12:31:14 am »
http://www.saintseiyathaifanclub.com/smf_n/index.php?topic=15719.30
#4 By ~Moondrop~ on 2011-02-23 13:43
--------------------------------------------
โอ้ แม่เจ้า...นี่มัน Sin สมชื่อฟิคจริงๆ ตี้!! ท่านทำแบบนี้กับพระกับเจ้าได้อย่างไรคะ?! =[]=
บาปหนาท่วมหัวแน่ๆ....แต่คนอ่านยอม 5555
TinyLaNorthio « ตอบ #31 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 20, 2011, 02:53:40 am »
http://www.saintseiyathaifanclub.com/smf_n/index.php?topic=15719.30
#5 By ~Moondrop~ on 2011-02-23 13:44
ชากะ!!! เด็กใจง่าย!!
ตอบลบ#1 By 'เด็จป้า on 2011-02-22 14:19
--------------------------------------------
....เอาละ ถ้าเราจะหันกลับมาชาบูตี้ได้ก็คงเพราะคุณมูนนี่แหละ
#2 By Tiny&Proto.A on 2011-02-22 17:26
--------------------------------------------
*กรีดร้องโหยหวน*
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
จบแบบอารมณ์ค้างที่สุดเลยคุณมูนใจร้าย....
meเดินซึมออกไปนั่งอ่านหนังสือต่อ
TinyLaNorthio « ตอบ #33 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 21, 2011, 08:06:32 am »
http://www.saintseiyathaifanclub.com/smf_n/index.php?topic=15719.30
#3 By ~Moondrop~ on 2011-02-23 13:46
--------------------------------------------
อูว
ภาษาสวยมากเลยคะ
ตี้แมน
ประทับใจมาก!!
riki « ตอบ #34 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 21, 2011, 10:50:51 pm »
http://www.saintseiyathaifanclub.com/smf_n/index.php?topic=15719.30
#4 By ~Moondrop~ on 2011-02-23 13:47
--------------------------------------------
ตี้แบบนี้เนี่ยแหละ รักที่สุดเลยยยยยยยยยยยย>OwO</////// มีความสุขสุดๆๆๆๆเลยคะพี่แนนนนนน จ๊วบบบบ
Virgo Kaimook « ตอบ #35 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 22, 2011, 01:00:06 am »
http://www.saintseiyathaifanclub.com/smf_n/index.php?topic=15719.30
#5 By ~Moondrop~ on 2011-02-23 13:50
-------------------------------------------
อ้ากกก //กรี้ดร้องอย่างโหยหวน
บลัดดี้โรส!!! แกเท่ห์มากอ้าาาาาาาาาา!! ตี้แบบนี้สิแมน ^^
พี่คะ..จบค้างมากค่าา ตี้มันจะพาช่าไปไหนอ่ะ พาไปเร่ขายพวกมาลัยหรอ? หรือๆๆ ไปขายหนังสือพิมพ์ //กระโดดหลบร้องเท้า
ปล.ตี้ชั้นว่าแกน่าไปตัดแว่นสะนะ OTL
xclover4x « ตอบ #36 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 22, 2011, 06:29:04 pm »
http://www.saintseiyathaifanclub.com/smf_n/index.php?topic=15719.30
Read more: http://moon-drop.exteen.com/#axzz21PmdgQb0 http://moon-drop.exteen.com/20110221/sin-part3#ixzz22Y1PDHeJ
Under Creative Commons License: Attribution