...ฟังสิ.....
เสียงน้ำตาฟ้าที่หลั่งไหลพรั่งพรูลงมามิรู้สร่าง...... ตกกระทบลงบนยอดไม้..ใบหญ้า... หรือแม้แต่บนร่างกายของฉัน.....
มันช่างเย็นชุ่มฉ่ำและนำพาความสดชื่นมาให้ดีเหลือเกิน นับว่าเป็นความสุขอันแสนจะเรียบง่ายที่ไม่ต้องไปเสาะหาจากที่ไหน เพียงแต่นั่งเฉยๆอยู่ตรงนี้แล้วแหงนหน้าขึ้นรับสัมผัสอันอ่อนโยนจากธรรมชาติ... เพียงเท่านี้ก็สุขเหลือเกินแล้ว
..ทว่า....
กับคนๆนั้นแล้วฉันก็ไม่แน่ใจนักหรอกว่าเขาจะนึกชอบใจ เมื่อหยดน้ำน้อยๆจำนวนนับไม่ถ้วนที่โปรยปรายลงมาจนทำให้เขาเปียกปอนไปหมดทั้งร่างดูราวกับจะยิ่งทำให้เขารุ่มร้อนกระวนกระวาย
.....เขากำลังหาอะไรนะ.....
ถึงแม้ว่าจะฉันจะเฝ้ามองเขาอยู่ห่างๆมาครู่หนึ่งแล้วแต่ก็ยังไม่รู้คำตอบเสียที...
ดูสิ... น่าเสียดายเหลือเกิน.... ที่เรียวแขนกลมกลึงราวกับสตรีของเขาต้องเลอะเทอะเปรอะเปื้อนเต็มไปด้วยคราบดิน แย่พอๆกับที่เสื้อเชิร์ตสีขาวแขนยาวของเขากำลังเป็นรอยเลอะกระดำกระด่าง ไหนจะเรือนผมหยักศกสีฟ้าสดใสซึ่งรวบหลวมๆไว้ข้างหลังที่ทั้งเลอะเทอะและเปียกปอนไปด้วยดินโคลนจากการที่คนๆนั้นเฝ้าขุดคุ้ยหาบางสิ่งบางอย่างอยู่นานสองนานแล้ว
.....ฉันทนดูไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว......
และก่อนที่ตัวฉัน.... จะทันได้คิดซ้ำสองถึงความเหมาะสมในการตัดสินใจ ฉันก็พบว่าตัวเองกำลังยื่นมือออกไปหาเขาเสียแล้ว
“ให้ฉันช่วยคุณนะคะ”
ราวกับเวลาหยุดหมุนในวินาทีที่เขาเงยหน้าขึ้นสบตา.....
คนๆนี้มีดวงตาคู่งามที่เปล่งประกายสีน้ำเงินสดใสดังแชฟไฟเลอค่า.... ควรคู่ที่จะประดับอยู่บนยอดมงกุฎของจักรพรรดิ์องค์ไหนๆก็ได้ทั้งนั้น ทั้งยังมีรูปหน้าอันงดงามและริมฝีปากอิ่มเต็มสีชมพูเรื่อราวกลีบกุหลาบ ..ฉันไม่เคยเห็นใครที่มีใบหน้าสวยงามชวนมองขนาดนี้มาก่อนเลยในชีวิต.... เน้นว่าสวยงามชวนมองนะ ไม่ใช่หล่อเหลา
ถึงแม้ว่าคนๆนี้จะเป็นผู้ชายก็เถอะ.....
“มัน... หายไป
...ข้าหามันไม่เจอ..”
เขาบอกกับฉันด้วยเสียงกระท่อนกระแท่นก่อนจะหันกลับไปสนใจกับการขุดดินต่อไป ...ด้วยมือเปล่าๆซึ่งกำลังถลอกปอกเปิกและเต็มไปด้วยรอยขีดข่วนจากหนามกุหลาบพุ่มเบ้อเร่อตรงนั้น
“ให้ฉันช่วยคุณนะคะ!!”
ฉันทนดูไม่ไหวแล้วจริงๆนะ
ตอนนั้นในหัวสมองของฉันมันคิดอยู่อย่างเดียวจริงๆล่ะว่า
ต่อให้ต้องมือถลอกปอกเปิกเหมือนๆกับเขาแต่ฉันก็จะต้องช่วยเขาตามหาบางสิ่งบางอย่างนั้นให้ได้ ทว่ายังไม่ทันที่ปลายนิ้วจะสัมผัสดินเขาก็คว้าข้อมือของฉันเอาไว้เสียก่อน
“อย่าเลย.. เจ็บมือเปล่าๆ”
น้ำเสียงอันทุ้มนุ่มที่ห้ามปรามด้วยความหวังดีโดยไม่แม้แต่จะหันมามองหน้ากันเลยมิได้ทำให้ฉันล้มเลิกความตั้งใจแต่อย่างใด
ฉันยังคงเซ้าซี้ถามเขาไม่เลิกรา
“ก็แล้วคุณหาอะไรอยู่ล่ะคะ บอกมาสิ
..เผื่อว่าฉันจะช่วยคุณได้นะ”
คราวนี้เขายอมหยุดมือแต่โดยดี พร้อมกับหันมาสบตากับฉันอีกครั้ง
“กล่องเหล็ก... กล่องเหล็กกล่องสำคัญของข้าหายไป....
ข้าฝังมันเอาไว้ตรงนี้... แต่.. แต่มันไม่อยู่...”
ฉันได้แต่ถอนหายใจด้วยความสงสาร.... ยิ่งขุดลึกลงไปมากเท่าไหร่ นิ้วมือของเขาก็ยิ่งเป็นแผลเหวอะมากเท่านั้น มิใยว่าจะห้ามปรามเท่าไรก็ไม่ฟัง หนักเข้าจนฉันต้องเป็นฝ่ายเดินหนีเสียเองด้วยความตั้งใจที่จะเดินกลับไปยังม้านั่งตัวเดิมที่ฉันใช้เป็นจุดเฝ้ามองเขา ทว่าฉับพลันสายตาก็เหลือบไปเห็น....
ภายใต้สายฝนที่ยังคงโปรยปรายลงมาอย่างมิรู้เบื่อ
ท่ามกลางพุ่มกุหลาบสีขาวสะอาดนับสิบนับร้อยพุ่ม
มีอยู่เพียงพุ่มเดียวเท่านั้นที่ไม่ได้เป็นสีขาว
หากแต่เป็นสีแดง
....เป็นสีแดงเข้มเหมือนกับไวท์แดงชั้นเลิศทีเดียว
และด้วยความสงสัยที่ฉีดพล่านอย่างรุนแรงฉันก็ลงมือขุดดินบริเวณนั้นทันที ...ด้วยมือเปล่าๆนี่แหละ
ดินอันร่วนซุยและอ่อนนุ่มเพราะความเปียกชื้นทำให้งานของฉันง่ายดายกว่าที่คิด แต่ถึงกระนั้นหนามกุหลาบก็ยังคงทิ่มตำตามนิ้วมือและแขนทั้งสองข้างอยู่ดี ช่วยไม่ได้...
เมื่อบริเวณที่ฉันลงมือขุดอยู่ใต้พุ่มกอของมันพอดีนี่นา แต่แล้วเมื่อขุดลึกลงไปประมาณห้าสิบเซนต์ฉันก็แทบกระโดดโลดเต้นด้วยความยินดีเมื่อฉันเจอ “มัน” เข้าแล้ว....
มันคือสิ่งที่คนๆนั้นกำลังตามหาอยู่อย่างแน่นอน ไม่ต้องสงสัยเลย....
ฉันยืดแขนออกไปจนสุดเพื่อที่จะล้วงมันขึ้นมาแล้วประคองเอาไว้ในมืออย่างระมัดระวัง มันเป็นกล่องเหล็กใบเล็กกระจ้อยร่อยที่มิได้ใหญ่เกินกว่าฝ่ามือของฉันมากนัก... สายฝนที่ตกลงมาชะล้างคราบดินให้หลุดไป
เผยให้เห็นลวดลายสลักเสลาอันงดงามละเอียดอ่อนของกุหลาบเถาเล็กๆสีชมพูพร้อมด้วยใบหนาสีเขียวเข้มที่เลื้อยพันอยู่รอบๆตัวกล่องย้อนขึ้นไปจนถึงฝากล่องด้านบน
ด้วยความตื่นเต้นดีใจ
ฉันรีบวิ่งกลับไปหาเขาอย่างเร็วที่สุดเท่าที่ขาทั้งสองจะมีแรง
“...เจ้าเจอมันแล้ว!!.....”
พริบตานั้นเขาก็คว้ามันไปจากมือฉันอย่างรวดเร็วเสียจนมองแทบไม่ทัน
และหลังจากที่พลิกไปมาอย่างสำรวจตรวจตราจนเป็นที่แน่ใจแล้วว่าใข่ของสำคัญไม่ผิดเพี้ยน เขาก็ดึงฉันเข้าไปกอดแนบแน่นทันที
“..ขอบคุณ.... ขอบคุณมาก...”
....ฉันกลับมานอนคิดอยู่อีกหลายต่อหลายครั้งในภายหลังแล้วก็ต้องคงนึกเสียดายเหลือเกิน ที่ตัวเองลาจากเขามาในวันนั้นโดยที่ยังไม่ทันได้ถามถึงสิ่งที่อยู่ข้างใน ว่าทำไมมันจึงได้มีความสำคัญกับเขามากมายถึงขนาดนั้น และก็คิดที่จะกลับไปยังสวนกุหลาบแห่งนั้นอีกครั้งหนึ่งในวันที่อากาศแจ่มใสด้วยหวังจะได้พบเขาอีก ทว่า....
สิ่งที่ฉันได้พบมันไม่น่าเชื่อจริงๆนะ.....
ไม่มีสวนกุหลาบแห่งนั้น....
ไม่มีม้านั่งที่ฉันเคยไปนั่งดูคนๆนั้นค้นหาของรักที่หายไป.....
และก็ไม่มีดอกกุหลาบแม้แต่ดอกเดียวในจุดที่ฉันมั่นใจว่าตัวเองได้ไปช่วยเค้าขุดหากล่องเหล็กใบนั้น
คนๆนั้นหายไปไหน ....และเขาเป็นใครกันแน่....
คงมีแต่ตัวเขาเองนั่นล่ะที่จะรู้คำตอบ
ทว่าฉันมั่นใจว่าเขาคงยอมให้ฉันแบ่งปันประสบการณ์ในครั้งนั้นกับเพื่อนๆทุกคน
และคงจะยินดีที่จะให้ฉันได้อวดของที่ระลึกที่เขาคล้องให้ที่คอของฉันด้วยมือตนเอง....
~End~
=w= โอ้ อาการเพ้อรักนี่เองเจ้าค่ะ อิอิ เจ้าหล่อนออกอาการสาวน้อยกำลังตกหลุดมรัก
ตอบลบตอนแรกที่อ่านกำลังนึกว่าดอกกุหลาบ ดอกกุหลาบจริงๆ เลยค่ะ แต่แบบว่ามีความนึกคิดขึ้นมา กำลังมองท่านตี้อยู่ ขนาดอ่านไปครึ่งเรื่องก็ยังปักใจว่าเป็นดอกกุหลาบอยู่เลยนะเนี่ย มาพอตัดใจได้ก็ช่วงที่พี่สาวเจอกล่องของตี้แล้ว ถึงเริ่มตัดใจว่าคงไม่ใช่แล้ว อิอิ
#1 By
Aries
on 2007-11-19 21:35
-------------------------------------------
...... <<"
แต่งน่ารักดีจัง
#3 By raining-sahara (61.90.230.114) on 2010-02-04 12:09
...... <<เกิดอาการพูดไม่ถูกอยู่พักใหญ่
ตอบลบ..ค..ความรู้สึกเหมือนไอ้นั่นเลยค่ะท่านมูน อะไรนะ? ที่ดอกอาจิไซ (และซากุระ) ดูดซับ 'อะไรบางอย่าง' จากใต้ดินขึ้นมาจนดอกเป็นสีแดงก่ำน่ะ... (CLAMP ชอบมุขนี้มากเป็นพิเศษค่ะ)
..เอ... หรือที่วันนั้นมันฝนตก แล้วพอแดดออก.. กลับไร้เงาสวนและเจ๊ตี้?!! มันเพราะ!!!?
/สั่นริกๆ
ข..ขอตัวไประงับความฟุ้งซ่านของตัวเองก่อนดีกว่าค่ะท่านมูน T^T ขอบคุณสำหรับฟิคที่สามารถทำให้คิดมากได้ขนาดนี้เน้ =[]=
#2 By zuna (203.113.51.100) on 2007-11-20 23:33