
สีแดงสด...
ภาพนั้นยังเด่นชัดอยู่ในความทรงจำ...
คงเป็นกลีบดอกสึบากิที่กำลังโปรยปรายลงสู่พื้นดินสินะ
ไม่ใช่.. นั่นไม่ใช่สิ่งสวยงามอย่างนั้น
มันคือโลหิตต่างหาก..
หยดเลือดแดงฉานจำนวนมาก.. สาดกระเซ็นไปรอบทิศทั้งบนพื้นและบนกำแพงยามที่ดาบคมกริบถูกกระชากออกจากร่างไร้วิญญาณของราเซ็ตสึ..
อสูรร้ายกระหายเลือด ทิ้งซากซึ่งเต็มไปด้วยแผลเหวอะน่าสยดสยองให้กองอยู่ตรงหน้าแบบเห็นเต็มตา
..ใกล้เพียงมือเอื้อมถึง เลือดหยดหนึ่งกระเซ็นมาถูกริมฝีปากนางยามเมื่อเขาคนนั้นสะบัดปลายดาบก่อนจะเก็บมันเข้าฝักพร้อมด้วยกลิ่นคาวขมเจือสนิมที่คละคลุ้งไปทั่วบริเวณ มันเข้าไปอัดแน่นอยู่ในโพรงจมูก ทะลักเข้าไปในปากและลำคอจนพาลจะทำให้สำลัก ..น่าสะอิดสะเอียนสุดประมาณ
“กรี๊ด!!”
ยูคิมูระ จิสึรุกระเด้งพรวดขึ้นมาจากที่นอนในสภาพเหงื่อไหลโทรมร่าง ใบหน้างามขาวซีดด้วยความตกใจ สาวน้อยเบิกตาโพลงพร้อมทั้งหอบหายใจแรงอยู่อีกเป็นครู่ก่อนจะตั้งสติได้ และทันใดนั้นก็รีบปิดปากตนเองไว้แน่นเพื่อสกัดกั้นเสียงหวีดร้อง ทว่าไร้ประโยชน์.. เมื่อในนาทีถัดมาบานประตูห้องนอนก็ถูกกระชากเปิดออกอย่างรวดเร็วพร้อมด้วยบุรุษกลุ่มใหญ่ที่กรูกันเข้ามาพร้อมอาวุธครบมือ
..ตายแล้ว....
“จิสึรุจัง.. เกิดอะไรขึ้น”
ทันทีที่มาถึงและไม่พบผู้บุกรุกยามวิกาลพวกเขาต่างก็มีสีหน้างุนงงเมื่อทุกอย่างยังคงปกติดี นอกจากสาวน้อยเจ้าของห้องซึ่งดูเหมือนจะ...
“ไม่มีอะไรค่ะ..
แค่ฝันร้ายเท่านั้น” นางไม่มีทางเลือกนอกจากสารภาพความจริงออกไปทั้งๆที่แสนจะอับอาย
“ขอโทษนะคะ”
ระ เรานี่..
น่าอายอะไรอย่างนี้นะ...
เด็กสาวซึ่งกำลังก้มหน้านิ่งอยู่แทบอยากจะมุดรูหนีไปเสียให้รู้แล้วรู้รอด
ที่ความตกอกตกใจไม่เข้าท่าของตนเองดันปลุกบรรดาหัวหน้าหน่วยของกลุ่มชินเซ็นให้ตกใจตื่นกลางดึกแล้วยกโขยงกันมาถึงห้องนอน
และเพราะเหตุนั้นทำให้บางคนถึงกับเบือนหน้าหนีแล้วแอบหัวเราะขำเสียจนบ่ากว้างไหวกระเพื่อม จิสึรุนึกอยากจะให้ตนเองไม่ทันเห็นชิมปาจิและเฮย์สุเกะที่พากันเดินออกไปจากห้องพร้อมด้วยรอยยิ้มขันบนใบหน้า มากเท่าๆกับที่ไม่อยากเห็นความวิตกกังวลฉาบชัดอยู่บนใบหน้าของท่านรองหัวหน้ากลุ่มชินเซ็น
“เจ้าคงจะเครียดเกินไป
นอนพักเสียเถอะ” ฮิจิคาตะ โทชิโซเอ่ยเสียงเรียบก่อนจะหันไปพยักหน้ากับคนอื่นๆ
“ถ้าเช่นนั้นพวกเราก็ไปกัน..” เขาเก็บดาบพลางหันไปบอกพวกพ้อง ก่อนจะหมุนกายออกไปจากห้อง
จิสึรุนั่งกอดเข่าอยู่บนที่นอนหลังจากที่ทุกอย่างกลับสู่ความเงียบสงบ ถึงแม้จะอยากนอนต่อสักเพียงใดทว่าเรื่องแตกตื่นเมื่อครู่ก็ทำให้นางตาสว่างเสียแล้ว สาวน้อยยืดกายขึ้นแล้วเดินไปที่หน้าต่างพลางทอดสายตามองออกไปเบื้องนอก สภาพภายในฐานยังคงเป็นปกติทุกประการ ทว่านางกลับหวนคิดถึงฝันร้ายเมื่อครู่..
ความฝันอันมีต้นเหตุมาจากเหตุการณ์ระทึกขวัญ ทั้งการถูกไล่ล่าที่น่าหวาดหวั่นและการได้รับความช่วยเหลือ ทั้งหมดนั้นล้วนเกิดขึ้นในคืนแรกที่เดินทางมาถึงเกียวโต
นางยังจำได้ดีถึงครั้งแรกที่ได้พบกับคนๆนั้น มันเป็นอีกคืนที่เงียบสงบซึ่งไม่มีแม้กระทั่งเสียงลมพัดเช่นเดียวกับคืนนี้ เขาได้ช่วยชีวิตนางจากความบ้าคลั่งของราเซ็ตสึตนหนึ่งที่บังเอิญผ่านเข้ามาในทางเดินของนาง ทว่าความประทับใจแรกที่เกิดขึ้นในเวลานั้นคือความเย็นชาจนน่าขนลุก เมื่อเขาปลิดชีพอสูรร้ายตนนั้นภายในดาบเดียวทั้งๆที่สีหน้ายังไม่เปลี่ยน ท่ามกลางหยาดโลหิตสีเข้มที่สาดกระเซ็นดุจละอองฝนตัดกับหิมะขาวละเอียดที่เพิ่งเริ่มโปรยปราย.. ไซโต ฮาจิเมะมิได้กระพริบตาเลยด้วยซ้ำ และนั่นทำให้จิสึรุรู้สึกว่าสีหน้าที่เรียบเฉยนั้นแม้จะงดงามทว่าก็ดูราวกับหน้ากากที่ไร้ชีวิตจิตใจ
ความประทับใจที่สองคือการถูกเขาหิ้วปีกลากไปตามระเบียงทางเดินเหมือนเป็นตัวอะไรสักอย่างหลังจากถูกสอบปากคำเป็นครั้งแรก กรงนิ้วแกร่งจิกแน่นลงไปในผิวอันอ่อนนุ่มของนางอย่างไร้ความปรานี ลงท้ายด้วยการผลักนางกระเด็นกลับเข้าไปในห้องซึ่งใช้เป็นที่คุมขังชั่วคราว ทำให้นางต้องล้มลุกคลุกคลานอยู่กับพื้นจนพกช้ำไปทั้งตัว และอีกครั้ง.. กับการทำให้จิสึรุเกือบหัวใจหยุดเต้น เมื่อเขาหยุดคมดาบจ่อชิดลำคอนางเพียงเสี้ยวยาแดงผ่าแปดในตอนที่ทั้งคู่ประลองฝีมือกันเพื่อทดสอบว่านางจะสามารถดูแลตัวเองเวลาออกไปลาดตระเวนพร้อมคนอื่นๆได้หรือไม่ ในเวลานั้นจิสึรุยังอดนึกเป็นห่วงตามประสาเด็กๆไม่ได้ว่าดาบสั้นของตนอาจทำอันตรายเขา ขณะที่ไซโต
ฮาจิเมะกลับหันคมดาบเข้าใส่นางได้อย่างไร้ซึ่งความลังเล
ทว่ากลับเป็นเพราะฮาจิเมะ.. จิสึรุจึงสามารถออกไปไหนมาไหนกับคนอื่นๆได้แทนที่จะต้องเก็บตัวเงียบอยู่แต่ในฐาน เพราะเขา..
นางจึงมีอิสระมากขึ้นและค่อยๆกลายเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มไปในที่สุด วันเวลาที่ผ่านไปทำให้นางได้เห็นตัวตนและอุปนิสัยของเขามากขึ้น ว่าแท้จริงแล้วหัวหน้าหน่วยที่สามมิใช่คนเย็นชาแต่อย่างใด เขาเพียงแต่เป็นคนเงียบขรึมที่มักไม่ค่อยแสดงความรู้สึกที่แท้จริงให้ใครเห็นเท่านั้น ยิ่งกว่านั้นยังเป็นคนมีน้ำใจ หลายต่อหลายครั้งที่เขาเสี่ยงชีวิตเข้าช่วยเหลือและปกป้องนางให้พ้นจากอันตราย และเพราะได้ตระหนักในเรื่องนั้น จิสึรุจึงค่อยๆเปลี่ยนความรู้สึกที่มีต่อฮาจิเมะไปทีละน้อยโดยไม่ทันรู้สึกตัว นางเริ่มมีความเป็นมิตรให้มากขึ้นเท่าๆกับที่มองเห็นคุณงามความดีในตัวเขา
แต่เด็กสาวก็ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะเกิดเรื่องไม่คาดฝันแบบนี้ขึ้น... เป็นเพราะเสียงหวีดร้องในคืนนั้น
ทำให้ทุกคนลงความเห็นว่าภารกิจสำคัญของกลุ่มชินเซ็นคงจะหนักหนาเกินไป
สำหรับเด็กสาวอย่างจิสึรุที่จะต้องแบกรับเป็นเวลานานๆ และนางควรจะได้ผ่อนคลายเสียบ้าง ยิ่งกว่านั้นทุกอย่างมันช่างเหมาะเจาะอย่างไม่น่าเชื่อ..
เมื่อเช้าวันรุ่งขึ้นฮาจิเมะก็มีอันต้องเดินทางกลับไปทำธุระที่บ้านเกิดที่
เอโดะ จังหวัดมุซาชิ ซึ่งเป็นโอกาสอันดีที่จะทำให้นางได้เปลี่ยนบรรยากาศ ดังนั้นนางจึงถูกขอร้องแกมบังคับให้ออกเดินทางไปเป็นเพื่อนเขา
แน่นอนว่าไม่มีใครคิดจะถามความเห็นของนางสักคน
และเมื่อมองย้อนกลับไปถึงช่วงเวลานั้น สาวน้อยก็ได้แต่ทอดถอนใจกับความหวังดีจนเกินเหตุของพวกเขา เพราะการออกเดินทางครั้งนั้นทำให้ทางเดินชีวิตของนางเปลี่ยนไปอย่างไม่มีวันหวนคืน...
“เอ๋.. ไซโตซังจะไม่อยู่หรือคะ”
ในตอนนั้นเป็นเวลาอาหารเช้า..
ไซโต ฮาจิเมะ หัวหน้าหน่วยที่สามแห่งกลุ่มชินเซ็นยังคงนิ่งเงียบเป็นส่วนใหญ่เหมือนเคย เขาคีบอาหารใส่ปากขณะที่ฟังผู้คนรอบข้างสนทนากันโดยไม่มีทีท่าว่าจะโต้ตอบอะไร
“เพราะว่ามีจดหมายด่วนมาจากบ้านเกิดที่เอโดะน่ะสิ” สุดท้ายคอนโด อิซามิ
หัวหน้ากลุ่มชินเซ็นกลับเป็นผู้เฉลยข้อข้องใจให้
จิสึรุยกถ้วยชาขึ้นจิบโดยไม่ได้ซักถามอะไรอีกพลางคิดเรื่อยเปื่อยถึงเรื่องต่างๆที่จะต้องทำในวันนี้
ในเมื่อนางมีเวลาว่างเพราะไม่ต้องออกลาดตระเวนรอบเช้าพร้อมกับโอคิตะซัง ดังนั้นจึงตั้งใจว่าจะนำเสื้อผ้าไปซัก จากนั้นก็ทำงานจิปาถะอื่นๆ ทว่าคำพูดของฮิจิคาตะ โทชิโซทำให้นางถึงกับสำลักน้ำชา
ขั้นตอนต่างๆที่วางแผนไว้ในหัวพังครืนลงมาอย่างไม่เป็นท่า
“เจ้าเองหมู่นี้ก็ดูเครียดจัด
ทำไมไม่ลองติดตามไซโตไปเปลี่ยนบรรยากาศดูบ้างล่ะ
ถึงจะช่วยอะไรไม่ได้มากนัก
แต่ว่าเดินทางสองคนก็อุ่นใจกว่าคนเดียวอยู่แล้วล่ะนะ หรือเจ้าว่าไง ..ไซโต”
“ครับ..
สำหรับข้าแล้วยังไงก็ได้” หลังจากนิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่งคนถูกถามก็รับคำด้วยใบหน้าเรียบเฉย
“เอ๋...”
เวลานั้นสาวน้อยถึงกับตะลึงงันขณะที่ชายหนุ่มที่อยู่รอบๆพากันพยักหน้าอย่างเห็นพ้อง พวกเขาคิดว่านางคงจะสนุกกับการเดินทางและคงจะทำให้ได้ผ่อนคลายมากขึ้น ซึ่งล้วนแต่เป็นการ
‘คิดเอาเอง’ ทั้งสิ้น
“ดีแล้วล่ะนะ มีจิสึรุไปด้วยเจ้าคงจะไม่เบื่อ..” ต่างคนต่างก็ยกสารพัดเหตุผลขึ้นมาประกอบทำให้จิสึรุเถียงไม่ออก และนั่นก็ทำให้ทั้งคู่ออกเดินทางมาด้วยกันจนบัดนี้ล่วงเข้าสู่วันที่สองแล้ว
“ท่านพ่อของข้า..
พลัดตกจากหลังม้าจนได้รับบาดเจ็บขณะที่ออกไปล่าสัตว์”
จิสึรุเพิ่งได้รู้ความจริงจากปากฮาจิเมะถึงเหตุผลที่ทำให้เขาต้องเดินทางกลับบ้านเกิดอย่างกะทันหันเช่นนี้ และถึงแม้คนที่เป็นลูกชายแท้ๆจะเล่าถึงอาการบาดเจ็บของบิดาด้วยสีหน้าเรียบเฉยจนทำให้นางรู้สึกแปลกใจก็เถอะ แต่จิสึรุก็กลับอดเป็นห่วงไปด้วยไม่ได้
โชคดีที่ช่วงนี้อากาศค่อนข้างเย็นสบาย
ประกอบกับทั้งคู่ก็ไม่ได้รีบร้อนนักจึงพอจะมีเวลาชมวิวสองข้างทางไปด้วย ทำให้นางรู้สึกว่าการเดินทางโดยทั่วไปออกจะราบรื่นดี หากไม่นับเรื่องที่ฮาจิเมะยังคงเงียบขรึมและพูดน้อยเหมือนเดิมแล้ว.. ก็มีเพียงโจทย์เก่าฝ่ายตรงข้ามสองสามคนเท่านั้นที่จำหน้าพวกตนได้แล้วอดรนทนไม่ไหวตรงรี่เข้ามาทักทายด้วยคมดาบ ลงท้ายด้วยการปะทะกันแล้วถูกหัวหน้าหน่วยที่สามกำจัดทิ้งไม่มีเหลือ
และมันทำให้สาวน้อยถึงกับหน้าซีดเมื่อภาพความทรงจำจากฝันร้ายในอดีตหวนกลับมาอีกครั้ง ..สีหน้าเย็นชา หยาดโลหิตที่สาดกระเซ็น กลิ่นคาวเลือด และความตายของศัตรู...
ทั้งสองคนมาถึงชานเมืองเอโดะก่อนพลบค่ำเล็กน้อย ก่อนจะตัดสินใจหยุดพักค้างคืนที่โรงแรมเล็กๆข้างทาง คงไม่น่าแปลกใจนักหากผู้ชายสองคนจะเช่าห้องพักห้องเดียวกัน เหตุผลหนึ่งก็เพื่อความปลอดภัย สองคือประหยัดค่าใช้จ่าย และในฐานะที่ปลอมตัวเป็นผู้ชายมาได้พักใหญ่ ทำให้จิสึรุจำต้องบอกตนเองเช่นนี้มาตั้งแต่วันแรกที่ออกเดินทางแล้ว ขณะที่ฮาจิเมะเองก็ไม่ได้ทำให้นางรู้สึกลำบากใจ เขาไม่เคยแตะต้อง.. ไม่เคยล่วงเกินนางนอกจากทำให้นางอึ้งเล็กน้อยเท่านั้น
“พักห้องเดียวกันก็ดีแล้ว
ข้าจะได้ดูแลความปลอดภัยให้เจ้าได้
หลับให้สบาย..
ข้าจะนั่งอยู่ตรงนี้จนถึงเช้า
รับรองว่าต้องรักษาเกียรติของเจ้าเอาไว้ได้อย่างแน่นอน”
“ค.. ค่ะ”
..ในเมื่อเขาทำให้นางเกิดความเชื่อมั่นถึงเพียงนี้แล้ว นางเองก็จะต้องทำตัวให้เคยชินให้ได้...
สาวน้อยถอนหายใจแผ่วเบาขณะที่ขยับพลิกตัวนอนตะแคงอย่างระมัดระวัง ท่ามกลางความมืด.. จิสึรุลอบชำเลืองมองร่างที่นั่งขัดสมาธิพิงกำแพงอยู่ตรงมุมห้องอย่างไวๆรอบหนึ่งแล้วพยายามจะข่มตาหลับพลางถอนหายใจออกมาอีกครั้ง
เห็นได้ชัดว่าความหวังดีของทุกคนกำลังจะทำให้นางเครียดหนักกว่าเดิม
เพราะกลับกลายเป็นว่านางต้องมานอนค้างคืนร่วมกับไซโต ฮาจิเมะอย่างเลี่ยงไม่ได้ สาวน้อยไม่อาจหลับสนิทเพราะกลัวว่าตนจะฝันร้ายแล้วหวีดร้องออกมาด้วยความลืมตัวเสียจนเขาตกอกตกใจอีก และเรื่องนี้คงจะเป็นที่สุดของเรื่องเครียดเท่าที่นางจะมีได้แน่ๆ
ทว่าจิสึรุเพิ่งรู้ว่าตนคิดผิดถนัด...
ทันทีที่เดินทางมาถึงบ้านตระกูลยามางุจินางก็ได้เข้าใจอย่างถ่องแท้
ว่าเรื่องเครียดๆที่แท้จริงนั้นเป็นอย่างไร
และประสบการณ์ที่ผ่านมาของตนนั้นเทียบไม่ได้เลยกับสิ่งที่รอคอยอยู่เบื้องหน้า
…………………….................
“ใครใช้ให้กลับมา
ไอ้ลูกไม่รักดี”
จิสึรุสะดุ้งเฮือก
เมื่อการพบหน้ากันอีกครั้งระหว่างบิดากับบุตรมิได้เป็นอย่างที่นางคิดไว้เลย แทนที่บรรยากาศภายในห้องพักของเจ้าบ้านตระกูลยามางุจิจะเต็มไปด้วยความอบอุ่นที่สมาชิกในครอบครัวซึ่งจากกันไปนานได้กลับมาพบกัน กลับกลายเป็นความรู้สึกอึดอัดที่ทำให้หายใจไม่สะดวกเอาเสียเลย เมื่อรังสีแห่งความเป็นปรปักษ์ระหว่างพ่อลูกนั้นเข้มข้นรุนแรงเสียจนนางแทบสัมผัสได้ ไซโต
ฮาจิเมะยังคงสงบนิ่งอยู่ในท่านั่งเรียบร้อย ขณะที่ผู้เป็นบิดา.. ยามางุจิ ยูซุเกะ
บุรุษร่างผอมบางเจ้าของเรือนผมสีดอกเลาที่ถูกพยุงให้ลุกขึ้นนั่งเอื้อมมือคว้าตั่งวางแขนใกล้ตัวขึ้นเงื้อง่า
และคงจะขว้างใส่หน้าบุตรชายเสียนานแล้วหากบุตรสาวคนโตไม่รีบห้ามไว้
“อย่านะเจ้าคะท่านพ่อ!” นางกรีดเสียงลั่นขณะโถมตัวเข้ายื้อยุดฉุดกระชากที่วางแขนออกจากมือบิดา
“ข้าไม่ต้องการเห็นหน้าเจ้า
..ไสหัวไป!!”
“ท่านพ่อเจ้าคะ.. ข้าเป็นคนเขียนจดหมายไปบอกเองว่าท่านได้รับบาดเจ็บ ฮาจิเมะเพียงแค่..”
“พอแล้วคาทสึ
อย่าพูดอีกเลย”
ในที่สุดฮาจิเมะก็หมดความอดทน
เขาลืมตาขึ้นพลางสบประสานเข้ากับนัยน์ตาสีเดียวกันของบิดาอย่างไม่กลัวเกรง
ก่อนจะหันมาชำเลืองมองเด็กสาวที่นั่งตัวลีบอยู่เบื้องหลัง
“ยูคิมูระคุง.. ขอโทษที่ต้องให้เจ้ามาเห็นภาพไม่น่ามองนะ แต่ช่วยออกไปก่อนได้มั้ย”
“ต้องขอโทษด้วยนะจ๊ะหนุ่มน้อย
แต่สวนบ้านข้าคงพอจะทำให้ใจเจ้าสงบลงได้บ้างนะ”
ยังไม่ทันที่จิสึรุจะออกไปจากห้อง ยามางุจิ
คาทสึผู้เป็นพี่สาวของฮาจิเมะก็ส่งยิ้มบางๆมาให้อย่างขออภัย ทำให้สาวน้อยต้องรีบค้อมศีรษะรับก่อนจะปล่อยสามพ่อลูกเอาไว้ตามลำพัง
จิสึรุเฝ้ามองฝูงปลาหลากสีที่แหวกว่ายไปมาอยู่ในบ่อกลางสวนสวยขณะที่ใจกลับหวนคิดถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ นางไม่อยากนึกถึงฉากทะเลาะเบาะแว้งกันของคนในครอบครัวนี้เลย สาวน้อยพอจะสังเกตเห็นอยู่ก่อนแล้วว่าไซโตซังคงไม่ค่อยถูกกับพ่อเท่าไหร่นักแต่ก็คาดไม่ถึงว่าจะรุนแรงถึงเพียงนี้ และถึงแม้จะเข้าใจดีว่าทุกบ้านก็ล้วนต้องเคยมีปัญหากระทบกระทั่งกันทั้งนั้น ทว่า..
ที่ท่านเจ้าบ้านถึงกับทำเช่นนี้กับบุตรชายของตนเองก็ออกจะเกินไปหน่อย
“เป็นพ่อที่ใจร้ายจัง”
นางได้แต่เปรยกับตนเองเงียบๆ
ขณะที่ทอดสายตายาวพลางปลดปล่อยความคิดคำนึงให้ลอยออกไปจนไม่ทันรู้สึกถึงใครบางคนที่เข้ามาทางด้านหลัง
และกว่าจะรู้ตัวร่างแบบบางก็ถูกรวบเข้าไปกอดเสียแล้ว
“นั่นสินะ..”
“อุ๊ย!”
ในอึดใจนั้นจิสึรุมองเห็นเพียงชายแขนเสื้อสีน้ำตาลไหม้ แล้วจึงสังเกตเห็นเส้นผมยาวสีน้ำเงินเข้มคุ้นตาที่ปล่อยยาวสยาย และทันทีที่เงยหน้าขึ้นมองสาวน้อยก็ถึงกับอ้าปากค้างเมื่อได้เห็นผู้ที่กำลังโอบกอดตนอย่างเต็มตา
“ซะ.. ไซโตซัง!”
..นี่มันอะไรกัน...
เขาเผยรอยยิ้มยั่วเย้าให้นางอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อนพร้อมด้วยสภาพแปลกตาที่สยายผมยาวเคลียบ่าโดยไม่คิดจะรวบให้เรียบร้อยอย่างทุกครั้ง ชายหนุ่มก้มลงสูดกลิ่นแก้มบางพลางกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้น ขณะที่เสียงหัวเราะทุ้มต่ำในลำคอราวกับพบของเล่นถูกใจของเขาส่งผลให้จิสึรุรู้สึกกลัวขึ้นมา นางไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับไซโต ฮาจิเมะผู้ซึ่งเคยสงบเสงี่ยมอยู่เป็นนิจ ด้วยท่าทางเช่นนี้ดูราวกับเขากลายเป็นคนละคนกับที่ผ่านมาโดยสิ้นเชิง ดังนั้นจึงเริ่มดิ้นรนให้หลุดจากอ้อมอกกว้างทว่าก็ไม่เป็นผล.. แรงเขามากเหลือเกิน
“ไซโตซัง เป็นอะไรไปคะ..”
ถามได้เพียงเท่านั้นเขาก็ฉวยโอกาสจูบนางเสียแล้ว ท่อนแขนแข็งแรงโอบรั้งร่างงามเข้ามาแนบกาย ขณะที่ริมฝีปากและปลายลิ้นที่จู่โจมอย่างชำนิชำนาญนั้นทำให้เด็กสาวถึงกับหมดเรี่ยวหมดแรงและจำต้องปล่อยให้อีกฝ่ายกระทำตามอำเภอใจ มือน้อยที่สั่นระริกทำได้เพียงยึดแขนเสื้อเขาไว้แน่นขณะที่ภายในหัวมึนงงจนคิดอะไรไม่ออก ทว่าก่อนที่จะถูกล่วงเกินไปมากกว่านี้จิสึรุก็ถูกใครอีกคนกระชากจนหลุดจากการเกาะกอดในวินาทีเดียวกับที่ดาบสองเล่มปะทะกันเต็มแรงเสียงบาดแก้วหู
“ถอยไปชินยะ.. อย่าเอาเอามือสกปรกของเจ้ามาแตะต้องนาง”
ในชั่วขณะที่กำลังตกใจและสับสน..
ไซโต ฮาจิเมะอีกคนดึงร่างจิสึรุเข้าหาตัวแล้วโอบประคองไว้ในอ้อมแขนข้างหนึ่ง ขณะที่มืออีกข้างกระชับด้ามดาบแน่นแล้วหันปลายดาบเข้าใส่บุรุษผู้มีรูปร่างหน้าตาพิมพ์เดียวกับตนเองจนแยกไม่ออก
นัยน์ตาสีน้ำเงินคบกริบสองคู่ที่สบประสานกันนิ่งนั้นดูราวกับกระจกเงาที่สะท้อนให้เห็นถึงความเหมือนที่แตกต่างกันเพียงอาภรณ์ที่ห่อหุ้มร่างเท่านั้น
ทว่าชายหนุ่มคนที่บังคับจูบและทำรุ่มร่ามกับจิสึรุกลับยักไหล่น้อยๆอย่างไม่แยแสแล้วส่งเสียงหัวเราะออกมา
“เล่นแรงจริงนะ..
นางเป็นผู้หญิงของเจ้างั้นหรือ”
จิสึรุเบิกตาโต
เมื่อแม้แต่น้ำเสียงทุ้มนุ่มก็ยังเหมือนกัน จะต่างก็เพียงวิธีการพูดที่ฟังดูราวกับชอบเย้ยหยันเท่านั้นที่ฮาจิเมะไม่เคยมี แต่ถึงแม้จะแปลกแยกสักเพียงใดพวกเขาก็เป็นพี่น้องฝาแฝดกันอย่างไม่ต้องสงสัย
“ไม่ใช่..
แต่ถึงอย่างนั้นเจ้าก็ไม่มีสิทธิ์แตะต้องนาง”
“หวงของแม้กระทั่งกับน้องอย่างข้าเชียวหรือ ท่านพี่”
ยามางุจิ
ชินยะเก็บดาบของตนเองพร้อมกับกระแทกเสียงตรงท้ายประโยค ชายหนุ่มสะบัดเรือนผมที่ปรกหน้าไปด้านหลังก่อนจะกวาดสายตามองจิสึรุขึ้นๆลงๆตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วยิ้มให้
“ดูๆไปสาวน้อยในชุดผู้ชายอย่างเจ้านี่ก็น่ารักดีนะ เจ้ามีชื่อว่าอะไรหรือ.. คนงามของข้า”
“พี่ชายข้าน่ะมีตาแต่หามีแววมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว อย่าว่าแต่จะเห็นถึงความงามของเจ้าเลย ดีไม่ดีจะมองไม่ออกด้วยซ้ำว่าที่แท้เจ้าเป็นสตรี เลิกอยู่ข้างเจ้าทึ่มนั่นแล้วมาเป็นของข้าดีกว่านะ..
ว่าไงล่ะ”
“เจ้าอย่าได้ไปหลงคารมมันเชียวนะ
เข้าไปในบ้านเถอะข้าจะพาไปดูห้องพัก” สาวน้อยยังไม่ทันได้ตอบคำฮาจิเมะก็เป็นฝ่ายด่วนตัดบทเสียก่อน ชายหนุ่มปัดมืออีกฝ่ายที่ยื่นเข้ามาใกล้แล้วดันแผ่นหลังจิสึรุให้กลับเข้าไปในบ้านโดยไม่สนใจกับอาการอ้าปากค้างอย่างคาดไม่ถึงของน้องชายฝาแฝด
“โอ๊ะโอ..”
ชินยะมองตามร่างทั้งสองที่เดินห่างออกไปพลางผิวปากหวือ
แววขบขันปรากฏขึ้นในดวงตา
“เปลี่ยนไปมากนะ ฮาจิเมะ
ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน..
ที่เจ้าสนใจจะมองผู้หญิง”
ทว่าความเปลี่ยนแปลงที่ว่านี้มิได้มีเพียงแฝดผู้น้องเท่านั้นที่มองออก สูงขึ้นไปยังระเบียงห้องพักชั้นสอง.. การปะทะกันเมื่อครู่มิได้รอดพ้นไปจากนัยน์ตาคมของประมุขเฒ่าแห่งตระกูลยามางุจิได้เลย ยามางุจิ ยูซุเกะผู้เป็นบิดาเผยอรอยยิ้มออกมาก่อนจะยอมให้คนรับใช้พยุงกลับเข้าไปในห้องพร้อมด้วยแผนการบางอย่างในใจ
...................................................
วันต่อมา.. จิสึรุกำลังจะเข้าไปช่วยงานในครัวขณะที่ถูกพี่สาวของฮาจิเมะพบเข้าและลากตัวออกมาเสียก่อน เป็นอีกครั้งที่คาทสึทำตัวเจ้ากี้เจ้าการเหมือนเป็นมารดาหรือไม่ก็พี่สาวของนาง อันที่จริงเด็กสาวก็ไม่ได้นึกรังเกียจ หากไม่นับเรื่องที่ถูกลากตัวไปอาบน้ำขัดสีฉวีวรรณจนแสบไปหมดทั้งตัว ตามด้วยการถูกบรรดาสาวใช้ช่วยกันจับเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่เสียจนไม่เหลือคราบเด็กผู้ชายแล้วล่ะก็ คงนับได้ว่าพี่สาวของไซโต ฮาจิเมะได้ดูแลรับรองนางเป็นอย่างดีกระมัง
“ไม่ได้..
เจ้าเป็นแขกนะ”
นางบอกพร้อมกับลูบศีรษะสาวน้อยอย่างเอ็นดู ถึงแม้ว่าการกระทำเมื่อวานนี้จะเกินหน้าที่เจ้าของบ้านที่ดีไปหน่อยก็เถอะ แต่เมื่อได้รู้ว่าจิสึรุเป็นเด็กสาวแต่กลับต้องแต่งตัวเป็นผู้ชายแถมยังอยู่ในสภาพสกปรกมอมแมมเช่นนี้นางก็อดยื่นมือเข้าไปยุ่งไม่ได้จริงๆ
“เมื่อวานข้าขอโทษด้วยที่ไม่ทันมองเจ้าให้ดี หลงคิดว่าเจ้าเป็นเด็กผู้ชายไปเสียได้
เป็นผู้หญิงต้องรู้จักรักสวยรักงามรู้มั้ย ฮาจิเมะก็แย่จริงๆที่ปล่อยให้เจ้ามีสภาพมอมแมมอย่างนี้
แถมยังไม่รู้จักดูแลทะนุถนอมให้ดี
”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ” จิสึรุได้แต่ยิ้มแหยๆ
พลางคิดว่าท่านพี่ของไซโตซังคงจะเข้าใจความสัมพันธ์ของพวกนางผิดไป
“อีกอย่างข้ากับไซโตซังก็ไม่ได้..”
“รู้มั้ยจิสึรุจัง.. ข้าอยากจะมีน้องสาวสักคนมานานแล้ว
การที่มีน้องชายถึงสองคนทำให้ข้าต้องปวดหัววันละหลายรอบเลยล่ะ พวกนั้นน่ะดีแต่หาเรื่องทะเลาะกัน”
“ว่าแต่..
ตระเตรียมของตั้งมากมายขนาดนี้
กำลังจะมีงานเลี้ยงหรือคะท่านคาทสึ”
สาวน้อยอดสงสัยไม่ได้ ที่บรรดาคนรับใช้ในบ้านต่างก็เร่งเตรียมสิ่งของเครื่องใช้พร้อมทั้งอาหารเครื่องดื่มจำนวนมากราวกับจะมีงานฉลองมาตั้งแต่เช้าตรู่แล้ว
ขณะที่บุตรสาวคนโตของบ้านก็มีสีหน้างุนงงไม่แพ้กัน ยามางุจิ
คาทสึขมวดคิ้วย่นก่อนจะเรียกตัวสาวใช้คนหนึ่งเข้ามาสอบถาม
“พวกข้าเองก็ไม่ทราบเช่นกันค่ะคุณหนู เป็นคำสั่งของนายท่าน”
คำตอบที่ได้รับมิได้ทำให้หายข้องใจเลย เห็นได้ชัดว่าประมุขของตระกูลกำลังคิดทำอะไรบางอย่างตามลำพังโดยไม่ได้บอกแม้กระทั่งบุตรสาว คาทสึจึงมุ่งหน้าไปที่ห้องนอนของบิดาเพื่อจะถามให้กระจ่างโดยมีจิสึรุตามไปด้วย ทว่าสองสาวคิดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องที่ไม่คาดฝันขึ้น คาทสึยังไม่ทันได้เลื่อนบานประตูห้องนอนของพ่อให้เปิดออกเสียงของไซโต ฮาจิเมะก็ดังลอดออกมาเสียก่อน
และใจความที่ได้รับรู้นั้นก็ทำให้นางถึงกับตะลึงงัน
ขณะที่สาวน้อยอีกคนหนึ่งได้แต่นั่งนิ่งอย่างทำอะไรไม่ถูก
“ขอปฏิเสธขอรับ!”
ถึงแม้ว่าสีหน้าจะยังเรียบเฉย
ทว่าน้ำเสียงที่ตอบปฎิเสธนั้นกลับฟังดูแข็งกระด้างสิ้นดี ฮาจิเมะนั่งหันหลังให้กับประตูห้อง เผชิญหน้ากับบิดาและน้องชายฝาแฝด
“ข้ากับยูคิมุระคุงมิได้เป็นคู่รักกันดังที่ท่านเข้าใจ ดังนั้นเรา..”
“คิดว่าข้าเป็นใครกันหา..
เจ้าลูกโง่!” เสียงของประมุขแห่งบ้านยามางุจิดังลั่นเสียจนจิสึรุที่อยู่นอกห้องถึงกับสะดุ้งเฮือก ทว่าคนถูกตะคอกกลับมิได้สะดุ้งสะเทือนด้วยเคยชินมาตั้งแต่เด็กแล้ว
“พ่ออย่างข้าจะมองลูกชายตัวเองไม่ออกหรือไง อีกอย่าง..
ข้าเคยขับเจ้าออกจากตระกูลไปแล้วครั้งหนึ่งแต่เจ้าก็ยังดื้อด้านกลับมา ดังนั้นครั้งนี้เจ้าต้องทำตามที่ข้าสั่ง
ยอมแต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝาแล้วกลับมาอยู่บ้านเสียโดยดี หรือมิฉะนั้นก็ไสหัวไปแล้วอย่ากลับมาให้ข้าเห็นหน้าอีกเป็นครั้งที่สอง”
ชายหนุ่มได้แต่ถอนหายใจ
ด้วยตระหนักดีว่าบิดาของตนเป็นสุดยอดบุคคลที่เอาแต่ใจตนเองมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว
หากต้องการสิ่งใดแล้วก็ต้องเอาให้ได้และไม่เคยจะฟังความคิดเห็นของผู้ใดทั้งสิ้น
“เช่นนั้นข้าเองก็จนใจขอรับ
ข้า..”
“ไม่เห็นยาก..
ในเมื่อข้ายังอยู่ทั้งคนนี่นะ” ชินยะแทรกขึ้นมากลางครันขณะที่พี่ชายฝาแฝดกำลังจะเอ่ยปากบอกปฏิเสธเรื่องแต่งงานเป็นครั้งที่สองและทำให้สายสัมพันธ์พ่อลูกต้องขาดสะบั้น
“เจ้าก็เพียงแต่ทำตามใจท่านพ่อให้มันจบๆเรื่องไป ส่วนเรื่องหลังจากส่งตัวเข้าหอนั่นข้าทำแทนให้ก็ได้”
“ชินยะ ..นี่เจ้า!”
“พอที! ข้าตัดสินใจไปแล้ว พวกเจ้าไม่ต้องเถียงกันให้เสียเวลา ออกไปได้แล้ว”
ประมุขของบ้านตวาดลั่นก่อนจะส่งเสียงไอติดๆกันเป็นชุด และนั่นทำให้คาทสึซึ่งนิ่งฟังอยู่ข้างนอกทนไม่ไหวรีบเข้าไปดูอาการบิดา และเสียงประตูที่เลื่อนเปิดก็ส่งผลให้สองหนุ่มหันไปเห็นจิสึรุนั่งก้มหน้านิ่งอยู่เบื้องนอก
“ยูคิมุระคุง..”
.....................................................
“ขอโทษแทนพ่อของข้าด้วยที่ทำให้เจ้าลำบากใจ”
ไซโต
ฮาจิเมะทอดถอนใจอีกครั้ง
หลังจากที่พาสาวน้อยออกมาจากห้องแล้วทั้งคู่ก็เดินเคียงข้างกันไปตามทางเดินในสวนของบ้าน
ทว่าความงดงามของสวนกลับมิได้อยู่ในความสนใจของทั้งคู่เลยสักนิด ชายหนุ่มกำลังคิดว่าตนเองตัดสินใจผิดที่ยอมกลับบ้าน
แต่ถึงแม้จะไม่เป็นเช่นนั้นก็ไม่น่าจะพาเด็กคนนี้มาด้วยเลย บิดาของเขาเป็นคนหัวรั้นซึ่งถ้าปักใจในสิ่งใดแล้วจะไม่ยอมล้มเลิกความตั้งใจง่ายๆเสียด้วย ดังนั้นเขาคงต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อให้เรื่องบ้าๆนี่จบลงโดยเร็ว
มิฉะนั้นเด็กคนนี้คงไม่วายติดร่างแหไปด้วยเป็นแน่
“ไม่เป็นไรค่ะ
ข้าเข้าใจดีว่าเราต่างก็ลำบากใจกันทั้งสองฝ่าย”
“แต่ดูเหมือนบ้านข้าจะมีแต่เรื่องที่ทำให้เจ้าตกใจตั้งแต่วันแรกที่มาถึงเลยสินะ ตระกูลของข้าสืบเชื้อสายมาจากนักรบ
ท่านพ่อก็เลยออกจะเป็นคนเด็ดขาดที่ไม่ยอมลงให้ใครง่ายๆเช่นนี้แหละ
ข้ายังต้องขอโทษเจ้าแทนพี่สาวและน้องชายจอมยุ่งของข้าด้วย ที่เข้ามาก่อเรื่องวุ่นวายจนทำให้เจ้าหัวปั่นไปหมด แต่ยังไงก็ตาม..”
เขาหยุดเดินแล้วหันมามองเด็กสาวที่อยู่ข้างๆ
“หากเรายังขืนอยู่ที่นี่ต่อคงไม่วายเดือดร้อนแน่ ดังนั้นข้าจะพาเจ้ากลับฐานชินเซ็นภายในวันนี้ ขอให้เตรียมตัวไว้ให้พร้อม”
จิสึรุรับคำอย่างว่าง่าย สาวน้อยมองตามแผ่นหลังกว้างของชายหนุ่มที่เดินห่างออกไปก่อนจะหันไปสนใจกับความงามรอบๆตัว พลางคิดว่านี่คงเป็นหนทางที่ดีที่สุดสำหรับตนแล้ว ในที่สุดเรื่องยุ่งยากทั้งหมดก็กำลังจะคลี่คลายและกลายเป็นอดีต..
และนางกำลังจะได้กลับไปใช้ชีวิตอย่างเดิมที่ถึงแม้จะไม่สงบสุขนัก แต่ก็ไม่ถึงกับทำให้หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะเหมือนเรื่องที่เกือบจะถูกจับแต่งงานกับไซโตซังเช่นนี้ ดังนั้นทันทีที่กลับไปถึงนางจะเริ่มวางแผนที่จะสะสางงานบ้านส่วนที่ค้างอยู่ให้เสร็จสิ้น เริ่มด้วยการนำเสื้อผ้าออกไปซัก ปัดกวาดเช็ดถูระเบียงทางเดิน หรือไม่ก็ตามใครสักคนออกไปลาดตระเวนในเมืองอย่างที่เคยเป็น
ทว่า.. แทนที่จะได้เอ่ยคำลาต่อครอบครัวยามางุจิแล้วออกเดินทางกลับเกียวโตหลังจากอาหารเย็น จิสึรุก็กลับรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาท่ามกลางความมืดพร้อมด้วยอาการอึดอัดหายใจไม่ออก เสียงแมลงกลางคืนที่ร้องระงมอยู่เบื้องนอกบอกให้รู้ว่าเป็นเวลาดึกสงัดแล้ว สาวน้อยพยายามขยับตัว
แต่แล้วก็ต้องตกใจแทบสิ้นสติเมื่อพบว่ามีใครบางคนนอนก่ายอยู่บนร่าง เขายังคงสลบไสลอยู่ในลักษณะคว่ำหน้า แม้ว่าทั้งกลิ่นกายที่ไม่เคยคุ้น.. กับเส้นผมสีเข้มยาวปรกหน้าที่ส่งกลิ่นหอมอ่อนๆนั้นไม่ยังเพียงพอที่จะทำให้ระบุตัวได้ชัดว่าเป็นใคร หากน้ำหนักตัวที่ทาบทับลงมาบนร่างก็ทำให้จิสึรุมั่นใจว่าเขาย่อมไม่ใช่ผู้หญิงอย่างแน่นอน
“อื้อ”
สาวน้อยพยายามขยับตัวอีกครั้ง
พร้อมทั้งออกแรงผลักศีรษะที่ซุกซบอยู่กับทรวงอกตนเองออกไปให้พ้น
ก่อนจะได้ตระหนักว่ามีอะไรบางอย่างรัดแน่นอยู่ที่ข้อมือขวา มันมีลักษณะเหมือนกำไลที่ทำจากโลหะซึ่งมีน้ำหนักมาก พร้อมทั้งสายโซ่ระโยงระยางที่เชื่อมจากตัวกำไลไปยังหมุดโลหะที่ตรึงแน่นอยู่กับพื้นตรงมุมที่นอนทำให้เกิดเสียงกริกๆเวลาที่ขยับข้อมือ แล้วจิสึรุก็ถึงกับอ้าปากค้างเมื่อพบว่าตนเองถูกล่ามโซ่ติดอยู่กับที่นอนพร้อมกับผู้ชายคนหนึ่งซึ่งก็ตกอยู่ในสภาพไม่ต่างกันนัก และที่เลวร้ายกว่านั้นคือเขากำลังจะได้สติอยู่ในอึดใจนี้แล้ว
ชายหนุ่มขยับแขนพลางเปิดเปลือกตาขึ้นช้าๆอย่างงุนงง พร้อมด้วยอาการวิงเวียนและรู้สึกว่าร่างกายหนักอึ้งจนแทบขยับตัวไม่ไหว สิ่งที่ได้รับรู้ต่อมาคือเสียงหัวใจของใครคนหนึ่งซึ่งเต้นระรัวอย่างบ้าคลั่งอยู่ตรงข้างหู กับความอ่อนนุ่มหอมหวานที่แนบชิดอยู่ใต้ร่างตน ชวนให้รู้สึกสบายเนื้อตัวจนไม่นึกอยากจะขยับไปไหน
..มาจากไหนกันนะ...
เขาสูดหายใจเข้าโดยแรง
ก่อนจะต้องงุนงงหนักกว่าเดิมเมื่อได้กลิ่นหอมๆอยู่ตรงปลายจมูกกับความหยุ่นนุ่มราวกับซาละเปาเนื้อแน่นซึ่งแนบชิดอยู่ที่ใบหน้า
“ว๊ายยย!!”
สิ้นเสียงหวีดร้อง.. วินาทีนั้นไซโต ฮาจิเมะก็แทบจะกระโดดโหยงออกจากที่นอนทันทีที่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ในสภาพที่เหลือเพียงชุดชั้นในสีขาวบางเบากันทั้งคู่..
สองหนุ่มสาวได้แต่จ้องตากันเองไปมาอย่างงุนงงจับต้นชนปลายไม่ถูก
ชายหนุ่มก้มลงมองเครื่องพันธนาการที่ข้อมือข้อเท้าของตน ก่อนจะเลยไปถึงกองเสื้อผ้าสองกองที่ปลายเท้าแล้วขบกรามแน่น ขณะที่จิสึรุถึงกับหน้าถอดสี เมื่อเวลานี้ไม่ต้องอาศัยคำอธิบายจากใครอื่นอีกแล้ว ชุดเจ้าสาวสีแดงและทองปักลวดลายวิจิตรพิสดารซึ่งกองอยู่ตรงนั้นรวมทั้งเสื้อคลุมสีเข้มของเจ้าบ่าวคือคำอธิบายซึ่งแจ่มแจ้งไม่มีที่ติอยู่แล้ว ..พวกตนถูกจับแต่งงานแบบสายฟ้าแลบโดยไม่ทันรู้เนื้อรู้ตัว
“เราถูกวางยา”
ชายหนุ่มเอ่ยเสียงพร่าพร้อมกับกุมศีรษะ.. เจอไม้นี้เข้าหัวหน้าหน่วยที่สามแห่งกลุ่มชินเซ็นอันเลื่องชื่อก็ถึงกับทำอะไรไม่ถูก เมื่อพบว่าตนต้องมาเสียท่าให้กับพ่อแท้ๆอย่างหมดสิ้นลาย ไซโต
ฮาจิเมะได้แต่ก่นด่าความประมาทเลินเล่อของตนเองที่ยอมเชื่อคำหว่านล้อมของบิดาแล้วอยู่ทานอาหารเย็นก่อนออกเดินทาง มันน่าเจ็บใจเสียยิ่งกว่าถูกศัตรูลอบตลบหลังหลายเท่านัก
ทว่าเมื่อหันไปเห็นใบหน้าซีดเผือดของเด็กสาวเข้าเขาก็มีสีหน้าอ่อนลง ฮาจิเมะถอนหายใจด้วยความสงสารระคนรู้สึกผิดที่ตนเป็นสาเหตุทำให้จิสึรุต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วย
“ขอโทษด้วย”
เขาเอ่ยได้เพียงเท่านั้น.. ชายหนุ่มรู้ดีว่ามันฟังดูโง่เง่าเพียงใด
เมื่อตลอดทั้งวันที่ผ่านมาเขาเอ่ยคำขอโทษกับนางไปแล้วไม่ต่ำกว่าสามครั้งโดยที่ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลย และสำหรับครั้งนี้คงไม่มีคำขอโทษใดจะลบล้างความผิดไปได้
ในเมื่อเวลานี้ทั้งคู่ได้กลายเป็นสามีภรรยากันอย่างถูกต้องไปแล้ว
กลิ่นสุราและอาหารที่อบอวลอยู่ในบรรยากาศยามค่ำคืนบอกเขาเช่นนั้น..
ว่าเมื่อช่วงหัวค่ำที่ผ่านมาจะต้องมีงานเลี้ยงฉลองสมรสอย่างยิ่งใหญ่ที่ข้างนอกนั่น
ขณะที่พวกตนนอนหมดสติไม่รู้เรื่องรู้ราวและถูกจับเข้าพิธีแต่งงานต่อหน้าสักขีพยานมากมาย
และความคิดนั้นก็ทำให้ฮาจิเมะกำมือแน่นเสียจนกำไลบาดข้อมือจนได้เลือด
“ไซโตซัง..”
มือนุ่มที่ขยับเข้ามาซับเลือดให้ส่งผลให้ชายหนุ่มได้สติอีกครั้ง ฮาจิเมะออกแรงกระตุกโซ่ตรวนที่ล่ามตนเอาไว้พร้อมทั้งมองหาเครื่องทุ่นแรง ทว่าเปล่าประโยชน์.. มันแข็งแรงเกินกว่าที่จะใช้มือเปล่ากระชากให้ขาดได้ และไม่มีอะไรอยู่ในรัศมีที่พอจะเอื้อมถึงเลยแม้แต่อย่างเดียว นอกจากสาวน้อยเกือบเปลือยที่เพิ่งจะกลายเป็นภรรยาหมาดๆของเขาเท่านั้น ชายหนุ่มถอนหายใจอีกครั้งเมื่อพบว่าจิสึรุกำลังหวาดกลัวจนตัวสั่น แขนเล็กๆสองข้างยกขึ้นปกปิดเรือนร่างที่มีเพียงชุดตัวในบางๆเป็นปราการขวางกั้น และเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ไซโต ฮาจิเมะรู้สึกสิ้นหวังถึงเพียงนี้ เพราะไม่เพียงแค่ตนเองจะติดกับ.. แต่กลับไม่สามารถทำอะไรเพื่อนางได้เลย ทั้งๆที่นางเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เขาไม่ต้องการให้พบเจอกับอันตราย
เพียงคนเดียว..
ที่เขายอมสละให้ได้แม้กระทั่งลมหายใจสุดท้ายเพื่อปกป้องคุ้มครอง
“ข้าไม่รู้จะชดใช้เรื่องคราวนี้ให้เจ้ายังไงดี
ถ้าหากข้าไม่พาเจ้ามาที่นี่ด้วยตั้งแต่แรกก็คงจะดีกว่า”
ชายหนุ่มนั่งหันหลังให้.. เพื่อที่จิสึรุจะได้ไม่ต้องรู้สึกอายมากไปกว่านี้
“แต่ยังไงก็ตาม
ข้าจะไม่ทอดทิ้งเจ้าอย่างแน่นอน”
เขาสำทับอย่างหนักแน่นก่อนจะถอนหายใจอีกครั้ง
“ถึงแม้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนี้จะมีสาเหตุมาจากความเอาแต่ใจอย่างร้ายกาจของท่านพ่อข้า แต่เวลานี้เราสองคนก็ได้ผ่านพ้นพิธีแต่งงานมาอย่างสมบูรณ์แล้ว จึงถือเป็นคู่ชีวิตของกันและกัน
และไม่ว่าเจ้าจะชอบใจรึไม่ก็ตาม
เจ้าก็จะเป็นภรรยาข้า.. สตรีเพียงหนึ่งเดียวที่ไซโต ฮาจิเมะผู้นี้จะปกป้องคุ้มครองด้วยชีวิต”
“ตะ.. แต่ว่าข้ายัง..”
..จะทำยังไงดี ก็นางยังไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลยสักนิด...
“ข้าไม่รู้ว่าจะต้องทำตัวยังไง”
“วางใจเถอะ.. ข้ายังไม่รีบร้อนจะร่วมหอกับเจ้าหรอก แต่ไม่ว่ายังไงเราก็จะต้องหนีไปจากที่นี่ให้ได้แล้วค่อย..”
ฮาจิเมะยังไม่ทันพูดจบประตูห้องก็เลื่อนเปิดออกเสียก่อน ยามางุจิ
ชินยะยืนยิ้มอยู่ที่นั่น
“ไงล่ะ..
เป็นห้องหอที่โรแมนติกดีใช่มั้ย”
ทว่าทันทีที่ได้เห็นสภาพของสองหนุ่มสาวที่ยังสวมเสื้อผ้าครบชุดรอยยิ้มบนใบหน้าก็เลือนหายไป
“อะไรกัน..
ยังไม่เรียบร้อยอีกหรือ
ชักช้าจริงนะท่านพี่”
“ชินยะ..
เจ้ารู้เห็นเป็นใจใช่มั้ย!” ทันทีที่ได้เห็นแววสนุกสนานในดวงตาน้องชายฝาแฝดฮาจิเมะก็โมโหเดือดทันที
ชายหนุ่มขยับเข้ามาบังร่างจิสึรุไว้ให้พ้นจากสายตาแทะโลมของเจ้าน้องชายตัวดี
พร้อมกับเกร็งร่างขึ้นเตรียมรับกับอะไรก็ตามที่จะเกิดขึ้น ทว่าชินยะกลับหัวเราะลั่น
“ใช่ที่ไหนกันเล่า”
เขายักไหล่อย่างไม่แยแสท่าทีที่ราวกับจะตรงเข้ามากินเลือดกินเนื้อของพี่ชาย ก่อนจะล้วงเอาสิ่งที่ซ่อนไว้ในแขนเสื้อออกมา ..มันคือกุญแจสีเงินจำนวนสามดอก
“ถึงแม้พิธีแต่งงานเมื่อตอนหัวค่ำจะทำให้ข้ารู้สึกสนุกและอิ่มมาก แต่ก็คิดว่าครั้งนี้ท่านพ่อทำเกินไปจริงๆ” ชินยะก้าวเข้ามาในห้องแล้วก้มลงไขกุญแจปลดล็อคให้สองหนุ่มสาว ก่อนจะหันไปขยิบตาให้กับจิสึรุ
“เพราะมันทำให้ข้าอดได้เจ้ามาครองน่ะสิ”
“นั่นพี่สะใภ้ของเจ้า..
จำใส่หัวไว้ด้วย”
“ขอรับท่านพี่
เอาล่ะ.. ที่นี้ก็ไปได้แล้ว เสื้อผ้ากับดาบของพวกเจ้าอยู่ในกล่องตรงมุมห้องนั่น
แต่งตัวไวๆเข้าล่ะ
ข้าจะไปรออยู่ข้างล่าง”
..............................................
“คงอีกพักใหญ่กว่าท่านพ่อจะตื่น
ระหว่างนี้พวกเจ้าก็รีบไปเสีย”
ฮาจิเมะเอื้อมมือออกไปรับเสื้อคลุมมาจากแฝดผู้น้อง ก่อนจะคลี่ออกคลุมลงบนร่างของจิสึรุแล้วหันไปจุดตะเกียง ถึงแม้ว่าจะใกล้รุ่งสางในอีกเพียงไม่กี่ชั่วโมงทว่าท้องฟ้าก็ยังคงมืดอยู่ และนั่นก็หมายถึงต้องคอยระวังภัยอันตรายและการซุ่มโจมตีที่มากับความมืด ชายหนุ่มโอบแขนกระชับรอบร่างงามพลางดึงเข้ามาใกล้ก่อนจะออกเดิน
“จิสึรุจัง”
สาวน้อยหันกลับไปมองชินยะอีกครั้ง
ขณะที่อีกฝ่ายส่งยิ้มทะเล้นมาให้พร้อมกับจงใจเปลี่ยนคำเรียกหาเสียใหม่เมื่อสังเกตเห็นแววตาเขียวปั้ดของพี่ชาย
“ท่านพี่สะใภ้..
ช่วยรีบๆมีลูกกับพี่ชายข้าด้วยล่ะ
หรือถ้าเจ้าไม่มั่นใจในความเป็นชายชาตรีของฮาจิเมะล่ะก็ ข้ายังอยู่ตรงนี้อีกทั้งคนนะ”
“เราไปกันเถอะ จิสึรุ”
สาวน้อยถึงกับใบหน้าแดงก่ำ
เมื่อแม้แต่ไซโตซังก็ยังเปลี่ยนมาเรียกชื่อนางเฉยๆ จิสึรุแทบจะอายม้วนเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะดังกระหึ่มมาจากด้านหลัง จึงรีบเร่งฝีเท้าตามชายหนุ่มไปโดยเร็ว
“รอด้วยค่ะ ไซโตซัง”
ถึงแม้จะยังตกใจไม่หายและหัวใจยังคงเต้นโครมครามเหมือนมีค้อนไม้กระหน่ำตีอยู่ภายใน
ทว่านางก็ยังรู้สึกถึงความอบอุ่นที่สว่างวาบขึ้นจากส่วนลึกในจิตใจก่อนจะค่อยๆแผ่กระจายไปทั่วทั้งร่าง
นับตั้งแต่ที่เขาเอ่ยปากว่าจะดูแลนางทั้งที่จริงๆแล้วเขาไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้เลยด้วยซ้ำ เพราะว่าเขามิได้รักนาง.. ความสัมพันธ์ที่ได้ก้าวกระโดดจากสหายมาเป็นคู่ชีวิตกันภายในเวลาเพียงชั่วคืนนั้นคงจะทำให้ไซโตซังต้องคิดมากแน่ๆ แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังคงรับปากกับนางอย่างหนักแน่นมั่นคงถึงเพียงนั้น...
“จะไม่เสียใจทีหลังหรือคะ
ที่ต้องแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก”
ไซโต ฮาจิเมะหยุดเดินก่อนจะหันกลับมา และท่ามกลางความมืดที่อาศัยเพียงแสงสลัวของตะเกียงที่ถืออยู่ในมือ..
จิสึรุสาบานได้ว่าเห็นสีเลือดฝาดไล้บางๆอยู่บนเรียวแก้มทั้งสองของชายหนุ่ม
เขากระแอมเล็กน้อยก่อนจะขยับเข้ามาคว้ามือเล็กๆของนางไปกุมไว้
“ไม่เลย”
ฮาจิเมะตอบเสียงแผ่วก่อนจะเสมองไปทางอื่น แต่กระนั้นก็ยังไม่ยอมปล่อยมือ
“แต่หากจะมีเรื่องที่ต้องเสียใจ
ก็เห็นจะเป็นเพราะมีภรรยาที่ความรู้สึกช้าอย่างเจ้านี่ล่ะ”
“เอ๋..”
“ข้ามองออกมาตั้งแต่พบกันครั้งแรกแล้ว ว่าเจ้าเป็นผู้หญิง”
“เอ๋!”
ฮาจิเมะอดขำไม่ได้เมื่อได้เห็นเด็กสาวตรงหน้าทำตาโตเพราะความประหลาดใจ
พลางนึกย้อนกลับไปถึงวันเวลาที่ทั้งสองได้พบกันเป็นครั้งแรก
…ที่หน้าของเจ้าไม่ได้มีรอยเสื่อติดอยู่หรอกนะ ไม่ต้องกังวลไป..
“ข้ารู้ว่าเจ้าคิดอะไรอยู่”
เขาขยับเข้ามาอีกก้าวก่อนจะยกมือขึ้นไล้แก้มเนียนแผ่วเบา
“แต่ที่ข้าจำต้องทำรุนแรงกับเจ้าในตอนนั้นเพราะต้องยึดมั่นในกฎของกองทัพ เจ้าคือผู้ต้องสงสัย.. ข้าจึงไม่อาจปรานีด้วยได้ แต่ก็จำได้ว่าพยายามเบามือที่สุดแล้วนะ”
“คะ.. ใครว่าล่ะคะ
ตัวข้ามีแต่รอยเขียวเป็นจ้ำๆไปเป็นสัปดาห์ๆเลย”
เป็นครั้งแรกที่จิสึรุได้เห็นไซโต
ฮาจิเมะหัวเราะ และมันช่างเป็นรอยยิ้มที่งดงามราวกับน้ำค้างบนใบไม้ยามเช้าเลยทีเดียว
ทว่าก่อนที่สาวน้อยจะตกตะลึงไปมากกว่านี้เขาก็ก้มลงจุมพิตนางที่หน้าผาก ก่อนจะรีบถอยห่างออกมาแล้วหันหน้าหนีไปอีกทาง
“ระ.. เราไปกันเถอะ ถ้ารีบเดินทางเสียตอนนี้น่าจะไปถึงเขตชานเมืองทันรุ่งสาง ข้าอยากให้เจ้าได้เห็นยามที่ดวงอาทิตย์โผล่พ้นเหลี่ยมเขา คิดว่าเจ้าจะต้องชอบ” โดยไม่รอฟังคำตอบ.. ฮาจิเมะจูงมือจิสึรุแล้วออกเดินอีกครั้ง
“คราวนี้ข้าสัญญาว่าจะไม่รุนแรงกับเจ้าอีกแล้ว ข้าจะทะนุถนอม จะรักเจ้า..
ให้สมกับที่เฝ้าฝันถึงมานาน”
ประโยคสุดท้ายกลายเป็นเสียงรำพึงแผ่วเบาเสียจนเด็กสาวต้องถามซ้ำอีกครั้ง
“เปล่า.. ไม่ได้พูดอะไร เจ้าคงหูฝาดไปกระมัง”
จิสึรุเองก็ไม่แน่ใจเช่นกันดังนั้นจึงไม่ได้ถามอะไรอีก เด็กสาวบีบมือใหญ่ที่เกาะเกี่ยวตนไว้แน่นพลางแอบชำเลืองมองซีกหน้าแดงก่ำของชายหนุ่มที่เดินอยู่เคียงข้างแล้วยิ้มบางๆ
...อย่างน้อยนางก็แน่ใจได้ว่าคราวหน้าที่ฝันถึงไซโตซัง
คงจะไม่ใช่ฝันร้ายที่ทำให้นางต้องตื่นขึ้นมาหวีดร้องกลางดึกเหมือนที่แล้วมา
และนางจะรอคอย..
ที่จะมีเขาอยู่เคียงข้างไม่ว่าจะในความเป็นจริงหรือความฝัน
และถ้าเป็นเช่นนั้นก็เท่ากับว่าภารกิจกำจัดฝันร้ายของนางบรรลุผลสำเร็จแล้วสินะ...
~End~
--------------------------------------------
next: 3rd memory with Hijikata Toshizo
ฮะ ฮะ ฮะ ฮาจิเมะซ๊างงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง!!!!!(ขอสกรีมอีกสิบรอบบบบบบ)
ตอบลบเห็นฮาจิเมะซังในมาดนี้แล้วเคลิ้มแบบละลายเลยคะะ>_<///
ทั้งที่ปกติไม่ค่อยแสดงความรู้สึกแท้ๆ พอหวานแบบนี้เล่นเอาใจเต้นไปเลยคะะะ
ก่อนอื่นเลยยยย... ขอโทษค่ะพี่แนน ..มุกเผลอจิ้นพี่น้องไปแล้ววววววววววววว !!(/โดนตบเปรี้ยง)
แต่ชอบในความเป็นสุภาพบุรุษของฮาจิเมะซังมากๆๆเลยค่ะ ให้เกียรติผู้หญิงงี้ ไม่ล่วงเกินเลยย สุดยอดดด(ต่างจากซาโนะซังลิบลับ ฮะๆๆ)
แต่ก็น้า.. แอบสารภาพว่าตอนที่อ่านฉากที่จิซึรุจังตื่นขึ้นมาเหลือแต่ชั้นในกับฮาจิเมะ ซังเนี่ย ในหัวมีแต่คำว่า'ท่านพ่อทำลายความฝันของสาวน้อยไปแล้วว!!' ความจริงไม่ถึงขนาดนั้นหรอกคะ 5555(เวอร์ดี) แต่ก็แหมมมม ท่านพ่อเล่นแร๊งงงงงงงงงงงงงง งื้ดๆๆๆๆ เล่นเอามุกใจสลายเลยง้ะะะะะ (อันที่จริงแอบคิดว่าคู่นี่้น่าจะใสๆมากกว่าน่ะค่ะ)
ฉากสุดท้ายน่ารักมากกก เอาใจไปเลยค่ะฮาจิเมะซัง(/เขวี้ยงหัวใจแปะหน้าฮาจิเมะซังก่อนจะโดนฟันฉับ ...) ประทับใจตอนที่บอกว่า คงจะเสียใจที่มีภรรยาความรู็สึกช้าาา ว้าย ว้าย ว้ายยยยยยยยยยยย
แต่มุกแอบรู้สึกว่าทั้งสองคนรักกันเร็วยังไงก็ไม่รู้สิคะ แบบ ความจริงก็เข้าใจว่าเค้าชอบๆกันตั้งแต่แรกๆ แล้วก็อยู่กันมาพอสมควร แต่อาจจะเพราะเป็นฟิคสั้นก็ได้ค่ะ เลยรู้สึกว่ามันเร็วไปหน่อย
สุดท้ายยย ฮาจิเมะซังบันซ้ายยยยยยยยย(ฮาจิเมะโอคิ บันซายยย /โดนหิ้วออกนอกบล็อค)
#1 By KAIMOOK on 2011-09-30 20:20
---------------------------------------------
อืม น่ารักดีนะคับ เป็นแนวเรื่องที่ไม่คิดว่าจะจเอมาก่อนกันเรยทีเดียว มาแบบนี้ นั่งช็อกไปสิบตลบ
ต้องบอกว่าคิดวามันจะเป็นอะไรที่ใสๆ แต่มาคิดอีกที ไซโตเนี่ยนะ งั้นคงต้องเขียนเป็นฟิกยาว555555
มาแรกๆ ฮะ ไรเนี่ย อ่านไปอ่านมาอ้อ เอาแบบนี้เลย พออ่านถึงท่านพ่อ เฮ้ย ลุงเล่นงี้เรอะ แรงจังเพ่ แต่เอาตามตรงถูกใจคุณน้องชาย55555 แอบหวังดีสินะ
ถ้ายังอยากได้คำติชมอยู่นะค่ะ
อ่านแล้วก็ไม่ขัดเหมือนเดิมค่ะ ภาษาสวย เดินเรื่องกระชับ ขัดแค่ว่ามันฟิกสั้นแต่ตัวละครใหม่มันเยอะไปนิด น่าจะเหมาะเอาไปเขียนฟิกยาวกว่านี้นิดนึง เราว่าเราชอบแบบของซาโนะสุเกะที่มีแต่ตัวละครเก่าๆ อย่างนั้นมันกระชับดีอ่ะค่ะ
ประทับใจ ไซโต ไม่หลุดคาแรกเตอร์สักกะนิด นี่หล่ะน้า พ่อสุภาพบุรุษ ช่างแสนดีเหลือเกิ้นนน โลกนี้ยังหาได้อยู่มั้ย55555
สรุปคือ ยังยอดเยี่มเช่นเดิมคับพ้ม
#2 By Yushi_Res on 2011-09-30 21:02
---------------------------------------------
ตอบน้องมุกค่ะ^ ^
ใจพี่คิดว่าเรื่องนี้มันมีต้นกำเนิดจากเกมส์จีบหนุ่ม ดังนั้นเรื่องมีใจให้กันมันเเน่อยู่เเระ ส่วนอีกใจหนึ่งคิดว่าคงเป็นเพราะพี่ไม่สามารถนำเสนอความรู้สึกที่เเอบๆอยู่ ในใจของหนุ่มฮาจิเมะได้ชัดเจนพอในเวลาที่มีจำกัด (คราวหน้าโดดปล้ำจิสึรุเลยนะฮาจิเมะจัง เเฟนๆข้องใจ )
ส่วนพ่อน้องชายชินยะ อย่างที่บอกไปเเล้วว่าถือกำเนิดขึ้นมาเพื่อช่วยให้ฮาจิเมะได้เล่้นบทหึง (หมาห้วงก้างนั่นเเหละ) เเต่ไปๆมาๆเหมือนคนเขียนก็จะหลงรักชินยะซะเองด้วย เลยมีบทเยอะไปหน่อย
จากที่ตั้งใจว่าให้พี่สาวเป็นคนมาช่วยไขกุญเเจเลยกลายเป็นคุณชายชินยะมา ช่วยซะเอง เพราะอยากเห็นหมอนี่เรียกจิสึรุว่า "ท่านพี่สะใภ้"สักครั้ง
#3 By ~Moondrop~ on 2011-09-30 21:21
--------------------------------------------------
ตอบคุณYushi_Res ค่ะ^ ^
ยอมรับว่าฟิคยาวเป็นของถนัดสำหรับมูนดรอปเเละคงเหมาะสมกับพลอตเรื่องของ ไซโตมากกว่าจริงๆค่ะ เเต่ก็พยายมจะไม่เขียนเพราะกลัวจะรับผิดชอบไปถึงตอนสุดท้ายไม่ไหว(ทั้งๆที่ มองเเล้วว่ามันสามารถเอามาขยายได้อีกเยอะมากกกกก สรุปคือดันวางพลอตใหญ่เกินไป )
ในส่วนของตัวละครที่เพิ่มเข้ามา คือพ่อ พี่สาว เเละน้องชาย จะพยายามคอนโทรลให้อยู่้เป็นที่เป็นทางให้มากที่สุดค่ะ(ถ้ามองหาที่ปรับเเก้ ได้ในอนาคต เเต่ตอนนี้หัวทึบไปหมดเเร้วว T T)
ชิืนยะ เป็นตัวละครที่เกิดขึ้นจากความอยากเห็นภาพไซโต ฮาจิเมะในเเบบที่ต่างออกไป ดังนั้นเจ้าตัวเลยปรากฏออกมาในลักษณะ Bad Boy ที่ปล่อยผมยาวสยาย นิสัยกวนโอ๊ย เเถมมือไวใจเร็วกับผู้หญิง (เเอบสารภาพว่ามูนเองก็หลงเสน่ห์ชินยะเหมือนกันค่ะ^ ^)
ส่วนเนื้อเรื่องที่3 จะเป็นของท่านรอง ฮิจิคาตะ โทชิโซ ถ้าสนใจก็ติดตามกันได้นะคะ
#4 By ~Moondrop~ on 2011-09-30 21:27
>w< ปลื้มมากเลยค่ะ!!! ปลื้มสุดๆเลย อร๊ายยยยย
ตอบลบตอนเเรกก็คิดว่าเป็นรักออกใสๆ เเต่พอเห็นการตลับหลัง
ของท่านพ่อเเล้ว เป็นอะไรที่รวดเร็ว รุนเเรง ปานสายฟ้า!!!
ยังไงก็จะรอติดตามตอนต่อไปนะคะ > <
ปล. เเอบหลงรักชินยะ
ปลล. ขออภัยที่ไม่ได้ Log in ค่ะ
ปลลล. ขออนุญาติเเอดบล็อกเพื่อนติดตาม Fic Hakuouki นะคะ
#5 By Hisai~na chan (58.11.170.171) on 2011-10-01 19:31
-----------------------------------------
มีคนหลงรักชินยะเพิ่มขึ้นอีกคนเเล้ว
ดีใจนะเนี่ยย >///< ชินยะไม่เชิงจะเป็น original characterหรอกค่ะ เพราะมีรูปร่างหน้าตาเมหือนกับไซโต ฮาจิเมะ(เป็นคู่แฝดกัน) เเต่นิสัยน่ะตรวข้ามกันลิบลับเลย
ส่วนท่านพ่อนั้น มูนวางอิมเมจในใจเอาไว้ว่าเป็นตาเเก่หัวดื้อจอมเผด็จการค่ะ ดังนั้นเมื่อพูดเเล้วลูกชายไม่เชื่อฟังก็เลยใช้วิธีนี้
ยินดีที่ได้รู้จักเเละขอบคุณที่ติดตามอ่าน+เเอดบลอคของเรานะคะ
#6 By ~Moondrop~ on 2011-10-01 21:04
-----------------------------------------------
ไซโต้สุดยอดดดด สุภาพบุรุษจริงๆ (ต่างกับซาโนะ)
ฉากสุดท้ายไซโต้สุดยอดดด พี่แกเดเระมากกกก เผยความขี้อายอีก(ทีกะลูกเฮียบนัก)
ใสสุดยอดดดดด
สุดยอดไร้คำบรรยายจริงๆ =[]=!! (แต่ไอ้ตอนมีลูกนี่ ฮิจจี้แสดงความรักที่มีต่อลูกดีกว่าไซโต้้เรอะ?)
#7 By ♪ ๐PoupeE๐ ♪ on 2012-03-11 20:03
-----------------------------------------------
ขอบคุณค่ะ ที่จริงตอนนี้มีคนอ่านหลายคนบอกว่าชอบคู่เเฝดตัวกวนนะ
บุคลิกของไซโต เป็นอะไรที่มูนคิดว่าถอดมาจากอนิเมทุกกระเบียด หวังว่าคงไม่เพี้ยนไปนะคะ
#8 By ~Moondrop~ on 2012-03-12 22:12
-----------------------------------------------
ไม่เลยจ้า...
ทำให้ชั้นได้อึ้งมากกว่านะ
#9 By ♪ ๐PoupeE๐ ♪ on 2012-03-13 18:20
Read more: http://moon-drop.exteen.com/#axzz21PmdgQb0 http://moon-drop.exteen.com/20110930/hakuouki-fic-one-side-of-memories-2nd-memory-with-saito-haji#ixzz224zvv2lE
Under Creative Commons License: Attribution